Abe the Wizard 61 สุดยอดยานพาหนะ

ตอนที่ 61 สุดยอดยานพาหนะ

สิ่งแรกที่อาเบลจะต้องทำนั่นคือแก้ไขเสถียรของรถม้าคันนี้ให้ได้ซะก่อน เดิมทีแล้วอาเบลมีสปริงขนาดใหญ่ทั้งหมด 4 กลุ่มด้วยกันโดยสปริงทั้งหมดจะถูกติดตั้งไว้ระหว่างล้อรถกับตัวรถม้าเพื่อที่จะดูดซับแรงกระแทกนั่นเอง

 

อาเบลมั่นใจว่าคุณภาพของสปริงที่ตัวเขาเป็นคนสร้างขึ้นนั้นคงจะมีคุณภาพไม่เหมาะกับรถม้าคันนี้เท่าไรนัก สปริงที่อาเบลได้ทำมาเป็นสปริงที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษที่หาได้ยากแม้แต่ยุคสมัยเดิมที่อาเบลเคยอยู่ แต่ถึงจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษแต่ก็ยังไม่เหมาะสมกับรถม้าที่อาเบลจะทำอยู่ดี

 

เมื่อมาถึงการสร้างสปริงทั้งหลายอาเบลจะต้องรีดเหล็กในขณะที่เหล็กยังร้อนอยู่ในเตาเผาอย่างช้าๆ จากนั้นอาเบลจะต้องใช้ค้อนขนาดเล็กเคาะไปที่เหล็กอย่างช้าๆ จนแท่งเหล็กได้กลายเป็นแท่งเหล็กขนาดเล็กแล้วอาเบลจะต้องใช้เหล็กแท่งเล็กๆ นั้นพันรอบเหล็กแท่งเพื่อให้ได้สปริงตามที่อาเบลต้องการ แท่งเหล็กที่อาเบลได้สร้างขึ้นนั้นแข็งแกร่งพอๆ กับดาบแห่งร้อยทักษะดังนั้นแล้วจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์ธรรมดาจะดัดแท่งเหล็กแบบอาเบลได้ ถ้าหากร่างกายของอาเบลไม่ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในสองสามวันก่อนแล้วอาเบลก็คงจะดัดสปริงแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน

 

สุดท้ายแล้วอาเบลก็ทำสปริงออกมาทืั้งหมด 4 กลุ่มด้วยกัน สปริงทุกกลุ่มที่อาเบลทำได้มีแผ่นโลหะถูกติดเอาไว้ระหว่างสปริงและล้อรถไว้ด้วยเสมอ อาเบลใช้ความพยายามและเวลาไปอย่างมากกว่าจะสร้างสปริงทั้ง 16 อันได้

 

หลังจากที่ติดตั้งสปริงทั้ง 16 อันพร้อมกับแผ่นโลหะไปที่รถม้าเสร็จแล้ว ในที่สุดการติดตั้งโช้คอัพก็เสร็จสมบูรณ์ ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ก่อนหน้านี้อาเบลได้สร้างแผ่นเหล็กสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความหนาเป็นอย่างมากถึง 20 แผ่น แผ่นโลหะทั้งหมดที่อาเบลได้สร้างนั้นมีความแข็งแกร่งพอๆ กับดาบแห่งร้อยทักษะที่อาเบลเคยสร้างเอาไว้

 

มีเพียงแค่อาเบลเท่านั้นที่สามารถแผ่นเหล็กธรรมดาให้แข็งแกร่งเท่ากับดาบแห่งร้อยทักษะได้ โดยปกติแล้วการจะทำเหล็กแบบนี้ได้จะทำเฉพาะสำหรับอาวุธที่มีมูลค่าสูงอย่างเช่นดาบใหญ่เท่านั้น

 

อาเบลได้โยนแผ่นเหล็กไปที่เตาแผา หลังจากที่ผ่านความร้อนเป็นเวลานานอาเบลก็ได้ใช้ค้อนเจาะรูเจาะลงบนแผ่นเหล็กเพื่อจะใส่อัญมณีนั่นเอง

 

หลังจากที่อาเบลได้เจาะรูแผ่นเหล็กครบทั้ง 20 แผ่นอาเบลก็ได้โยนแผ่นเหล็กทั้งหมดลงไปในน้ำเพื่อเพิ่มความเย็นทันที หลังจากที่แผ่นเหล็กแห้งแล้วก็ถึงเวลาที่อาเบลจะเขียนอักษรรูนแล้ว

 

อาเบลได้เตรียมที่จะเขียนรูนน้ำแข็งที่เขาคุ้นเคยอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้อาเบลได้ใช้หมึกระดับกลางในการเขียนรูนน้ำแข็ง การเขียนรูนน้ำแข็งโดยใช้หมึกระดับกลางนั้นจะต้องทำโดยอาศัยความรอบครอบและความระมัดระวังมากกว่าการวาดรูนในแบบทั่วๆ ไป

 

ยิ่งไปกว่านั้นในการใช้รูนน้ำแข็งในครั้งนี้อาเบลจะใช้ในการเดินทางนั่นเอง ดังนั้นแล้วความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเขียนรูน และในตอนนี้อาเบลยังมีหมึกทุกอย่างรวมไปถึงส่วนผสมอยู่แล้วดังนั้นอาเบลจึงไม่ต้องใช้จ่ายอะไรเลยในการเขียนรูนในครั้งนี้

 

ตั้งแต่ที่อาเบลได้เพิ่มพลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวเอง ตอนนี้อาเบลก็สามารถเขียนรูนต่างๆ ได้ง่ายขึ้นราวกับว่าตัวเองนั้นกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะยังไงยังงั้น อาเบลได้เขียนรูนไปทั้งหมด 5 รูนบนแผ่นเหล็กด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นอาเบลต้องใช้เวลาไปกว่า 30 นาทีกว่าจะเขียนรูนได้อีก 5 รูนอีกครั้งหนึ่ง อาเบลจะต้องทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดแล้วอาเบลก็สามารถวาดรูนได้ครบ 10 รูนตามที่ตัวเขาได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้

 

หลังจากที่พักเสร็จแล้วอาเบลก็ได้เตรียมหมึกระดับกลางสำหรับการเขียนรูนแห่งเปลวเพลิงขึ้นมาอีกครั้ง อาเบลต้องการที่จะเขียนรูนแห่งเปลวเพลิงลงบนแผ่นเหล็กอีก 10 แผ่นที่เหลือ

 

เมื่อการเขียนรูนทั้ง 2 แบบนั้นเสร็จสิ้นอาเบลก็ได้ใช้อัญมณีสีฟ้า 10 เม็ด และอัญมณีสีแดงอีก 10 เม็ดติดตั้งเข้าไปที่แผ่นเหล็กทั้งหมดที่อาเบลได้เขียนรูนทั้ง 2 ชนิดเอาไว้

 

หลังจากที่ติดตั้งอัญมณีทั้งหมดแล้วอาเบลก็ได้สร้างกล่องเหล็กจากเหล็กธรรมดาขึ้นมาอีก 2 กล่องด้วยกัน อาเบลได้เจาะรูเล็กๆ ไปที่กล่องด้วยค้อนของเขาเช่นเดิม รูที่อาเบลเจาะนั้นได้ตรงกับทั้งสองด้านของรถม้าคันใหม่ของเขา

 

หลังจากที่อาเบลได้เจาะกล่องเสร็จแล้วอาเบลก็ได้วางแหนบรวมไปถึงกลไกทุกอย่างเอาไว้ในกล่องๆ นั้น หลังจากนั้นอาเบลก็ได้เชื่อมต่อกลไกทั้งหมดไปที่ล้อทั้งสองข้างของรถม้า

 

จากนั้นอาเบลก็ได้ใช้แผ่นเหล็กทั้ง 20 แผ่นที่เต็มไปด้วยพลังใส่ไว้ในกล่องขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ ด้านนอกกล่องอาเบลได้ติดตั้งที่จับเสริมเพิ่มเติมเอาไว้ด้วย โดยที่จับที่อาเบลได้ออกแบบมานั้นสามารถลองรับโหมดต่างๆ ที่แตกต่างกันได้ถึง 10 โหมดด้วยกัน ถ้าหากมีใครดึงที่จับอันที่ตำที่สุดแผ่นเหล็กน้ำแข็งก็จะเปิดการใช้งานขึ้นมานั่นเอง แต่แผ่นเหล็กน้ำแข็งจะปล่อยเวทย์น้ำแข็งออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เฟืองที่ถูกติดกับแผ่นเหล็กเวทย์มนตร์ยิ่งติดเฟืองมากเท่าไรการใช้เวทย์น้ำแข็งเองก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

 

เมื่อรถม้าที่อาเบลได้ติดตั้งกล่องเคลื่อนที่ไป สายพานที่คอยหมุนแผ่นเหล็กภายในกล่องก็จะเคลื่อนไหวตามสอดคล้องกับล้อของรถม้า เมื่อดึงที่จับความเย็นจากแผ่นเหล็กก็จะไหลออกมาจากรูเล็กๆ ของกล่องนั่นเอง

 

สรุปแล้วกล่องใบนี้เป็นเหมือนกับเครื่องปรับอากาศที่ถูกออกแบบโดยอาเบลนั่นเอง สิ่งที่อาเบลใช้แทนเทคโนโลยีจากโลกใบเดิมนั่นก็คือเวทย์มนตร์เหมือนกับดาบเวทย์ของอาเบล ถ้าหากดาบใหญ่ที่เป็นดาบเวทย์ถูกขายในราคาสูงถึง 20,000 เหรียญทอง แผ่นเหล็กที่อาเบลได้ทำเองก็ทำมาจากวัสดุเดียวกัน ดังนั้นแล้วเครื่องปรับอากาศของอาเบลจะต้องมีราคามากกว่า 200,000 เหรียญทองแน่นอน

 

แน่นอนว่าถ้าหากมีใครต้องการเครื่องปรับอากาศอันนี้อาเบลจะต้องคำนวณราคาค่าหมึกระดับกลางอีกด้วย วัสดุที่ใช้ทำหมึกสำหรับทำเครื่องปรับอากาศเองล้วนแต่เป็นของมีราคาสูงทั้งนั้น ดังนั้นแล้วการที่จะตั้งราคาเครื่องปรับอากาศอันนี้ได้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

 

อาเบลได้ติดตั้งแผ่นเหล็กที่มีพลังเปลวเพลิงอีก 10 แผ่นลงไปในกล่องใบใหญ่ใบนั้นอีกด้วย ด้วยพลังของแผ่นเหล็กทั้ง 10 แผ่นนี้เองจะทำให้เครื่องปรับอากาศอันนี้ให้ความร้อนเป็นฮีทเตอร์ได้อีกด้วย

 

ถ้าจะให้อาเบลประเมินอย่างคร่าวๆ แล้วเครื่องปรับอากาศที่อาเบลได้สร้างนั้นอาจจะมีมูลค่ามากถึง 400,000 เหรียญทอง อาเบลสงสัยว่าราคาประมาณนี้เป็นราคาที่สูงเกินไปไหม ระบบปรับอากาศระบบนี้เป็นระบบที่สามารถใช้ได้ตลอดชีวิตนั่นเอง

 

โดยปกติแล้วการทำรถม้าช่องว่างระหว่างล้อและตัวรถเองจะถูกเติมเต็มไปด้วยน้ำมันหล่อลื่น วิธีนี้เองดูเหมือนจะล้าสมัยไปแล้วสำหรับอาเบล ตั้งแต่ตอนที่อาเบลติดตั้งสปริงไปที่ล้อแต่ละอัน รถม้าคันนี้ก็จะสามารถเคลื่อนต่อไปได้แม้ทางที่เดินนั้นจะมีหลุมขนาดใหญ่ก็ตาม แน่นอนว่ารถม้าคันที่อาเบลสร้างนี้จะต้องรวดเร็วขึ้นอย่างแน่นอน

 

อาเบลได้ทำการอัพเกรดที่ล้อรถของรถม้าคันใหม่คันนี้ อาเบลได้หุ้มล้อรถทั้งล้อไปด้วยหนังของพวกออร์ค แน่นอนว่าอาเบลเลือกใช้หนังของออร์คที่มีคุณาภาพที่ดีที่สุดในการหุ้มล้อรถชั้นนอำกเอาไว้ หนังของพวกออร์คที่อาเบลใช้เป็นของเก็บสะสมของอัศวินมาแชลนั่นเอง เนื่องจากหนังของพวกออร์คนั้นมีน้อยเกินไป การจะไปทำชุดเกราะเองจึงเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นแล้วอาเบลจึงเลือกใช้หนังออร์คพวกนี้แทนที่จะถูกเก็บวไห้เปื้อนฝุ่นต่อไปนั่นเอง

 

ตอนนี้รถม้าสุดหรูหราที่อาเบลได้อัพเกรดอยู่เป็นเวลานานได้เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาเบลได้เรียกช่างไม้มาที่ปราสาทแฮรี่เพื่อที่จะติดตั้งกล่องปรับอากาศขนาดใหญ่ทั้ง 2 กล่องรวมไปถึงโต๊ะอีกสองโต๊ะไว้ที่รถม้าคันใหม่อีกด้วย ตอนนี้ที่รถม้าคันใหม่นั้นถูกติดตั้งโซฟารวมไปถึงโต๊ะที่พร้อมสำหรับการใช้งานแล้ว แน่นอนว่ารถม้าคันนี้เองยังถูกติดตั้งกล่องปรับอากาศสำหรับใช้งานอีกด้วย

 

อาเบลได้ใช้เวลาไปกว่า 3 วันด้วยกันกว่าที่จะสร้างรถม้าคันใหม่สุดหรูหราคันนี้ได้สำเร็จเสร็จสิ้น อาเบลได้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะใช้วัวโลกันต์ที่จับได้จากพวกออร์คนั้นลากรถม้าคันนี้ อาเบลมั่นใจว่าอัศวินมาแชลจะต้องพอใจกับของขวัญวันเกิดชิ้นนี้อย่างแน่นอน

 

อาเบลได้ใช้สัญลักษณ์รูนทั้ง 2 แบบที่ได้มาจากโวร์แกนติดตั้งไปที่รถม้าคันนี้ด้วย แม้ว่าอาเบลจะไม่เคยเห็นมาก่อนว่ารูนทั้ง 2 อันนี้จะถูกใช้งานยังไงแต่จากที่อัศวินซาโรหยานเล่าให้ฟังแล้ว ในตอนที่อัศวินทั้ง 33 คนรวมพลังกันเพื่อที่จะโจมตีโวร์แกนตัวนี้ โวร์แกนตัวนี้ได้ใช้สัญลักษณ์รูนอันหนึ่งขึ้นมา เมื่อพลังลมปราณถูกยิงใส่สัญลักษณ์รูนโวร์แกนตัวนั้นก็สามารถป้องกันความเสียหายได้นั่นเอง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูดซับพลังลมปราณไปทั้งหมดแต่สัญลักษณ์รูนอันนั้นก็สามารถลดความเสียหายจากการโจมตีได้นั่นเอง

 

จากความทรงจำของอาเบล ไม่ได้มีรูนหลากหลายชนิดมากนักในเกมเดียโบ 2 ที่จะสามารถลดความเสียหายจากการโตมตีได้ หากสิ่งที่อาเบลคิดถูกต้องแล้วสัญลักษณ์รูนทั้ง 2 อันนี้จะต้องเป็น “รูนหมายเลข #12 ทอร์” อย่างแน่นอน

 

รูนหมายเลข #12 ทอร์:

 

ลดความเสียหาย +9

 

ป้องกันทางกายภาพ +7

 

อาเบลไม่รู้มาก่อนเลยว่าอะไรคือ “การป้องกันทางกายภาพ +7” ในความเป็นจริงแล้วจะเป็นยังไงกันแน่ แต่เท่าที่อาเบลจะนึกได้นั้นบาดแผลของเมฆาสีขาวเองก็ไม่ได้ลึกอะไรนึก อาเบลคิดเอาไว้ว่าสัญลักษณ์รูนอันนี้คงจะสามารถลดความเสียหายจากพลังลมปราณของอัศวินทั้ง 33 คนได้ ดังนั้นแล้ว “การป้องกันทางกายภาพ +7” คงจะสามารถลดทอนพลังของอัศวินร่วมๆ 30 คนได้

 

แม้ว่าอาเบลจะไม่แน่ใจว่าพลังระดับของผู้บัญชาการอัศวินนั้นจะทรงพลังแค่ไหน แต่ถ้าใช้รูนอันนี้แล้วคงจะเพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีของอัศวินชั้นสูงหรืออัศวินที่อยู่ต่ำกว่านั้นได้

 

อาเบลมีความคิดใหม่ขึ้นมาแล้ว ตอนนี้อาเบลคิดว่าเขาควรจะสร้างชุดเกราะป้องกันด้วยการใช้สัญลักษณ์รูนอันนี้ ในตอนนี้การจะสร้างชุดเกราะป้องกันอันสุดยอดอย่าง “เอนเชี่ยนวาร์ว” ยังคงยากเกินไปสำหรับอาเบล ดังนั้นแล้วสัญลักษณ์รูนอันนี้ดูเหมือนจะเหมาะสมสำหรับอาเบลมากที่สุดแล้ว

 

ในอดีตอาเบลยังไม่ต้องการที่จะทำโล่ห์ขึ้น อาเบลคิดว่าการไม่มีโล่ห์ในตอนนี้ยังคงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับตัวเขาเพราะในตอนนี้อาเบลได้มีพลังสุดแข็งแกร่งอย่างพลังแห่งความมุ่งมั่นอยู่แล้ว

 

แต่ตอนนี้อาเบลตัดสินใจที่จะสร้างโล่ห์ขึ้นมา โล่ห์ที่อาเบลจะสร้างนั้นเป็นโล่ห์ทรงสี่เหลี่ยมรูปว่าวนั่นเอง โล่ห์ที่อาเบลจะสร้างเองมีลักษณะแบนด้านบนและมีรูปร่างที่แหลมคมอยู่ด้านล่างนั่นเอง โดยทั่วไปแล้วรูปแบบโล่ห์นี้จะเป็นที่นิยมในหมู่ของอัศวินมาก พื้นผิวของโล่ห์เองจะถูกทาด้วยสีที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลของอัศวินคนนั้นๆ

 

ในการทำโล่ห์อันใหม่นี้อาเบลเลือกใช้แร่เหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ อาเบลตัดสินใจที่จะเริ่มต้นสร้างโล่ห์อันนี้ขึ้นจากการร่างภายจำลองไว้ก่อน

 

การตีเหล็กในครั้งนี้อาเบลได้เลือกใช้ค้อนปอนด์ที่มีน้ำหนักถึง 100 ปอนด์ด้วยกัน เดิมทีแล้วอาเบลได้ใช้ค้อนปอนด์ที่มีน้ำหนัก 30 ปอนด์เท่านั้น ในตอนที่อาเบลกลับไปใช้ค้อน 30 ปอนด์อาเบลรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังใช้ไม้จิ้มฟันอยู่ยังไงยังงั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้อาเบลจะเปลี่ยนมาใช้ค้อน 100 ปอนด์แล้วแต่อาเบลก็ยังรู้สึกว่าค้อนอันนี้ยังคงเบาสำหรับตัวเขาอยู่ดี แต่ยังไงตอนนี้อาเบลก็ยังไม่สามารถที่จะหาค้อนที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ได้แล้ว

 

ในอดีตอาเบลได้เริ่มต้นในการตีเหล็กจากทักษะธรรมดาทั่วไปจนสามารถที่จะทำอาวุธหรืออุปกรณ์ที่มีความสมบูรณ์ใกล้เคียงอุปกรณ์แห่งร้อยทักษะได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว จากประสบการณ์ที่ผ่านมาอาเบลไม่ได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นในการตีเหล็กเลย ถ้าหากอาเบลตีเหล็กต่อไปโดยที่ใช้แต่แรงของเขาเท่านั้นผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็จะเป็นแบบเดิม แต่เมื่อมาถึงจุดนี้อาเบลไม่พอใจกับแบบจำลองของโล่ห์แห่งร้อยทักษะที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่าไรนัก ถ้าหากอาเบลใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นในการสร้างแบบจำลองต่อไป ไม่มีใครรู้เลยว่าอาเบลจะสามารถสร้างของแห่งร้อยทักษะที่สมบูรณ์แบบถึง 100 เปอร์เซ็นต์ได้ไหม?

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset