Abe the Wizard 46 ซุ่มโจมตี!

ตอนที่ 46 ซุ่มโจมตี!

AtW ตอนที่ 46 ซุ่มโจมตี!

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

อาเบลได้ออกมาจากโรงตีเหล็กพร้อมกับสีหน้าที่กำลังเหม่อลอย ทันทีที่อาเบลออกมาเขาก็พุ่งตรงไปที่ห้องอ่านหนังสือของอัศวินมาแชล

 

ที่อาเบลต้องทำเช่นนี้เป็นเพราะว่าอาเบลต้องการที่จะดูแผนที่นั่นเองว่าจุดไหนที่จะเหมาะสำหรับการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ ดาบเวทย์น้ำแข็งชั้นยอดที่อาเบลได้ทำนั้นล้มเหลวไปในที่สุด ตอนนี้อาเบลจึงต้องหาวิธีจัดการดาบระเบิดต่อไปนั่นเอง ดาบระเบิดของอาเบลนั้นกำลังถูกหยุดเวลาเอาไว้ในฮอร์ราดริกคิวบ์ของเขา

 

สำหรับการระเบิดจากดาบระเบิดธรรมดานั้นโล่ห์แห่งร้อยทักษะยังไม่สามารถที่จะป้องกันแรงระเบิดทั้งหมดได้ อาเบลไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าแรงระเบิดจากดาบเล่มนี้จะเป็นยังไงกันแน่ ถ้าหากอาเบลไม่จัดการแรงระเบิดให้ดีแล้วละก็แรงระเบิดอันนี้อาจจะทำลายล้างอะไรหลายสิ่งหลายอย่างก็เป็นได้ บางทีแม้แต่อัศวินชั้นสูงเองก็ยังไม่อาจที่จะยับยั้งแรงระเบิดจากดาบของอาเบลได้ ตอนนี้อาเบลได้แต่สงสัยว่าถ้าหากเขาขว้างดาบระเบิดใส่ผู้บัญชาการนั้นจะเกิดอะไรขึ้น เกราะที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังลมปราณนั้นจะสามารถยืนหยัดต่อหน้าแรงระเบิดจากดาบที่อาเบลสร้างได้ไหม

 

ตอนนี้อาเบลได้ระดมสมองของตัวเองทั้งหมดในการคิดหาทางออก ในขณะที่อาเบลกำลังดูแผนที่เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมอยู่ อาเบลก็ได้พบกับสถานที่ที่เรียกว่าหุบเขาแอนซะ สถานที่ที่ชื่อว่าหุบเขาแอนซะดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการจัดการแรงระเบิดครั้งยิ่งใหญ่นี้ แต่ระยะทางที่อาเบลจะต้องเดินทางไปนั้นจะต้องใช้เวลาประมาณราวๆ 1 วัน ใกล้ๆ กับหุบเขาแอนซะเองมีหน้าผาขนาดใหญ่ถูกระบุเอาไว้ในแผนที่อีกด้วย ดูเหมือนว่าหน้าผานี้เองจะเหมาะสมสำหรับการจัดการดาบระเบิดของอาเบลมากที่สุดแล้ว

 

หลังจากที่อาเบลได้พักผ่อนเพื่อฟื้นฟูเมอร์ริเดียนถึง 2 วันตอนนี้อาเบลก็สามารถฟื้นฟูพลังลมปราณมาได้ทั้งหมดแล้ว อาเบลได้บอกกับอัศวินมาแชลเอาไว้ว่าเขานั้นจะต้องไปทำธุระใกล้ๆ กับปราสาท อัศวินมาแชลไม่ได้เป็นห่วงความปลอดภัยของอาเบลเลย ตอนนี้อาเบลมีธนูแฮรี่อยู่ด้วย ดังนั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ควรที่จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

 

นอกจากนี้อาเบลเองยังเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กอีกด้วย แน่นอนว่าอาเบลมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ในเวลาว่างแบบนี้ นอกจากนี้ในเวลานี้ยังไม่มีข่าวคราวว่าพวกออร์คนั้นจะบุกโจมตีแม้แต่อย่างใด ดูเหมือนว่าการบุกโจมตีของพวกออร์คนั้นจะสิ้นสุดลงไปแล้ว อัศวินมาแชลจึงไม่ได้ห้ามอาเบลแต่อย่างใด อัศวินมาแชลเพียงแต่บอกให้อาเบลระวังตัวเองเท่านั้น

 

สำหรับทริปการเดินทางนี้อาเบลได้เตรียมม้าไปทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน อาเบลได้ขี่ม้าศึกตัวหนึ่งและม้าศึกอีกตัวหนึ่งอาเบลได้ใช้ม้าศึกตัวนั้นขนอาหารและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับการเดินทาง ก่อนออกเดินทางอาเบลไม่ลืมที่จะให้อาหารม้าศึกของเขาด้วยถั่วและข้าวโอ๊ตคุณภาพดีอีกด้วย

 

ในเวลาเดียวกันกับที่อาเบลได้ขี่ม้าออกจากปราสาท มีการซุ่มโจมตีกันเกิดขึ้นที่หุบเขาเหน่ยลี้ซึ่งอยู่ในทิศทางเดียวกับหุบเขาแอนซะที่อาเบลกำลังมุ่งหน้าไปนั่นเอง

 

มีอัศวินคนหนึ่งมีนามว่าซาโรหยาน เขาเป็นอัศวินชั้นสูงรวมไปถึงเป็นลอร์ดด้วยในเวลาเดียวกัน ในเวลาหลายปีมานี้อัศวินซาโรหยานได้ติดตามไวเคานต์ดิ้กเค้นผู้ปกครองเมืองฮาเวส ตอนนี้เขาเป็นอัศวินผู้นำทหารชั้นยอดกว่า 1000 นาย แม้ว่าอัศวินซาโรหยานจะเป็นขุนนางแต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เองได้มีการบุกโจมตีเกิดขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง ด้วยตัวของอัศวินโรซาหยานนั้นเป็นขุนนางยศลอร์ดที่ไม่มีศักดินาเป็นของตัวเอง นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมอัศวินคนนี้อยากจะมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมสงครามครั้งนี้นั่นเอง

 

ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันตอนนี้เองเมืองฮาเวสเป็นเหมือนกับหัวใจของมวลมนุษยชาติ เมืองฮาเวสจึงเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว ถ้าจะหลีกหนีการต่อสู้และสงครามแล้วละก็การที่จะได้มาอยู่ในเมืองฮาเวสแห่งนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วนั่นเอง

 

ในไม่กี่วันก่อนเองอัศวินซาโรหยานได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากไวเคานต์ดิ้กเคน ให้นำกำลังทหารยอดฝีมือกว่า 1000 คนเดินทางไปที่หุบเขาเหน่ยลี้เพื่อซุ่มโจมตีพวกออร์คที่กำลังจะมารวมตัวกันนั่นเอง ไวเคานต์ดิ้กเคนให้อัศวินชั้นสูง 2 คน รวมไปถึง อัศวินอีก 30 คนไปซุ่มโจมตีในภารกิจครั้งนี้ด้วย ภารกิจนี้เองทำให้อัศวินซาโรหยานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คำสั่งที่ได้รับจากไวเคานต์ดิ้กเค้นคือการที่ให้ตัวอัศวินซาโรหยานนั้นจัดการกับศัตรูและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับพวกออร์คอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

 

นอกจากอัศวินชั้นสูงอย่างอัศวินซาโรหยานแล้วการเดินทางในครั้งนี้ยังมีอัศวินชั้นสูงอีกสองคนด้วยกัน อัศวินชั้นสูงเบอร์นอลและอัศวินชั้นสูงฮอปเปอร์ร่วมเดินทาไปด้วย อัศวินชั้นสูงทั้ง 2 คนนี้เกิดมาจากตระกูลของราชวงศ์ที่ล่มสลายไปแล้วนั่นเอง โดยอัศวินทั้ง 2 นั้นเป็นอัศวินที่ไม่ได้รับมรดกอะไรมาจากต้นตระกูลของพวกเขาเลย แต่พวกเขาทั้งสองคนกลับมีพรสวรรค์สำหรับการเป็นอัศวิน เพื่อที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลกลับมาพวกเขาทั้งสองคนจึงเลือกที่จะเป็นผู้ติดตามไวเคานต์ดิ้กเคนไปในที่สุด

 

โดยเนื้อแท้ของอัศวินแล้วพวกอัศวินนั้นจะทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดในการปฏิบัติภารกิจอย่างไม่เห็นแก่ตัวนั่นเอง แต่อัศวินชั้นสูงทั้ง 2 คนนี้กลับไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น อัศวินชั้นสูงทั้ง 2 คนนั้นต้องการที่จะหาโอกาสเพื่อที่จะฟื้นฟูชื่อเสียงและเกียรติยศตระกูลของพวกเขาทั้ง 2 คนกลับมานั่นเอง

 

เมื่ออัศวินชั้นสูงทั้งสามคนมาเจอหน้ากันพวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสในการสร้างชื่อเสียงนั้นได้มาอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขาแล้วในตอนนี้ ทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในหน่วยซุ่มโจมตีนั้นคาดการณ์ว่าจะต้องเกิดการต่อสู้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน อัศวินทั้ง 30 คนรวมไปถึงทหารชั้นยอดกว่า 1000 นายนั้นต่างก็พร้อมที่จะต่อสู้ด้วยจิตใจที่ร้อนแรงดังเปลวไฟแล้ว

 

หลังจากที่เดินทางมาซุ่มโจมตีที่หุบเขาเหน่ยลี้ก็เป็นเวลากว่า 3 วันแล้ว หน่วยสอดแนมที่ถูกส่งออกไปเพื่อสืบข่าวคราวของพวกออร์คใกล้ที่จะกลับมาตามกำหนดเต็มที ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างทุกจัดสรรเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว รอเพียงแค่ออร์คปรากฎตัวขึ้นเท่านั้น

 

อัศวินซาโรหยานกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่ง ตอนนี้อัศวินซาโรหยานกำลังมองแผนที่ของหุบเขาเหน่ยลี้ สถานที่ที่เรียกว่าหุบเขาเหน่ยลี้นั้นถูกล้อมไปด้วยภูเขาทั้งหมด 3 ด้านด้วยกัน โดยที่ 2 ด้านที่อยู่ติดกับภูเขานั้นติดกับภูเขาสูงชัน การที่จะปีนขึ้นภูเขาทั้ง 2 ด้านที่มีความสูงชันนั้นเป็นเหมือนกับการฆ่าตัวตายนั่นเอง นอกจากความสูงชันที่มีมากกว่าปกติแล้ว บนทางภูเขาสูงชันยังเต็มไปด้วยหนามอันตรราย

 

“รายงานครับ!” ทหารหน่วยสอดแนมคนหนึ่งกระโดดลงมาจากหลังม้าเพื่อมาส่งรายงานทันที

 

อัศวินซาโรหยานหันหัวของเขาไปที่ทหารหน่วยสอดแนมที่เต็มไปด้วยเหงื่อ “เจออะไรในการสำรวจบ้างไหม?” อัศวินซาโรหยานถามขึ้น

 

“มีกลุ่มของพวกออร์คเล็กๆ อยู่ทางใต้ของหุบเขาครับ ดูเหมือนว่าพวกมันจะมาถึงที่นี่ภายในอีก 20 นาที”

 

อัศวินซาโรหยานโบกมือของตัวเองก่อนจะตอบกลับไป “เอาล่ะ ดีมาก ไปสืบข่าวต่อไปซะ” ตอนนี้อัศวินซาโรหยานได้หันกลับมาที่ทหารคนหนึ่งก่อนจะสั่งการต่อไปอีกว่า “ให้ทหารของเราทุกคนใช้ผงกำบังตัวซะ”

 

ผงกำบังตัวเป็นเหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับปกปิดตัวตนหรือกลิ่นของมนุษย์นั่นเอง สิ่งประดิษฐ์นี้เองเกิดขึ้นระหว่างสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์และออร์ค โดยทั่วไปแล้วออร์คทั้งหลายนั้นมีประสาทการรับกลิ่นที่เหนือชั้นกว่ามนุษย์มาก พวกออร์คทั้งหลายนั้นสามารถได้กลิ่นของมนุษย์ได้อย่างชัดเจนในอากาศ หลังจากที่มนุษย์ได้เสียทีให้กับประสาทการรับกลิ่นของออร์คพวกมนุษย์เองก็ได้ประดิษฐ์ผงกำบังตัวขึ้นมา ผงกำบังตัวจึงถูกใช้จนมาถึงปัจจุบันนี้

 

กองทัพที่ถูกส่งมาซุ่มโจมตีนั้นกำลังเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบต่อไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ทหารทุกคนในกองทัพได้ปกปิดกลิ่นของตัวเองและม้าด้วยผงกำบังตัว

 

“รายงานครับ!” ทหารหน่วยสอดแนมอีกคนกำลังรายงานสถานการณ์ล่าสุด “มีกลุ่มของออร์คกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางอยู่ทางทิศตะวันออกครับ พวกมันจะเดินทางมาถึงกองทัพของพวกเราในเวลาอีก 25 นาที”

 

“รายงานครับ! พวกออร์คได้เดินทางมาจากทางทิศเหนือแล้วครับ ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 20 นาทีพวกมันก็จะเดินทางมาถึงแล้วนะครับ”

 

ในตอนที่ทหารหน่วยสอดแนมกลับมาจากการหาข่าว พวกเขาก็ได้รายงานการเจอกลุ่มออร์คมากขึ้นเรื่อยๆ อัศวินซาโรหยานกำลังยิ้มก่อนที่จะหันไปมองอัศวินเบอร์นอลและอัศวินฮอปเปอร์หลังจากที่พวกเขาทั้ง 3 คนนั้นรอคอยจนถึงเวลานี้มากว่า 3 วันแล้ว อัศวินซาโรหยานหันกลับไปพูดพร้อมรอยยิ้มกับอัศวินชั้นสูงทั้ง 2 คน “ในที่สุดเวลาของพวกเราก็มาถึงจนได้ พวกเราจะได้มีดินแดนเป็นของตัวเองกันซักที!”

 

“ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเราจะรู้ข้อมูลของพวกออร์คก่อนที่จะรวมตัวกันได้” อัศวินชั้นสูงเบอร์นอลตอบกลับ อัศวินเบอร์นอลกำลังยิ้มอย่างมีความสุข

 

ที่ปากหุบเขาเองได้มีกลุ่มของพวกวูฟไรเดอร์มายืนรออยู่แล้ว เมื่อพวกมันมาถึงปากหุบเขาพวกมันก็ได้สอดแนมไปทั่วเพื่อดูว่าสถานที่ที่นัดรวมตัวของพวกมันนั้นปลอดภัยจริงไหม เมื่อสำรวจปากหุบเขาเสร็จแล้วเหล่าวูฟไรเดอร์ทั้งหลายก็ส่งสัญญาณให้กับพวกออร์คตัวอื่นๆ ให้เดินตามมา

 

ที่ด้านบนของภูเขา กองทัพของทหารที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีด้วยผงกำบังตัวกำลังกลั้นหายใจด้วยความหวาดกลัว ทหารทุกคนกลัวว่าพวกวูฟไรเดอร์นั้นจะรู้ตัวก่อนที่แผนการซุ่มโจมตีจะเริ่มขึ้นนั่นเอง สำหรับทหารทุกคนแล้วการที่จะจัดการกับพวกออร์คทั้งหมดในหุบเขาตอนนี้ได้เป็นเหมือนกับโอกาสที่ดีสำหรับอาชีพทหารของพวกเขา

 

เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ทหารทั้งหลายก็เห็นได้ว่าจำนวนของออร์คนั้นกำลังเพิ่มมากขึ้นแล้ว พวกออร์คทั้งหลายเข้ามาที่หุบเขาหุบเขานี้อย่างช้าๆ พวกมันไม่รู้ตัวเลยว่าในอนาคตนั้นพวกมันกำลังจะต้องเจอกับอะไร ตอนนี้พวกออร์คทุกตัวได้คิดว่าหุบเขาแห่งนี้ต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน พวกออร์คทั้งหลายได้เริ่มก่อกองไฟก่อนที่จะเริ่มกินบาร์บีคิวเนื้อกันอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับดื่มไวน์ชั้นดีที่ได้ขโมยมานั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น พวกมันกำลังพูดคุยวางแผนเกี่ยวกับแผนการในอนาคตอีกด้วย ตอนนี้พวกออร์คทั้งหลายนั้นประสบความสำเร็จในการปล้นฆ่าเป็นอย่างมาก

 

ตอนนี้มีออร์คกว่า 160 ตัวมารวมตัวกันที่หุบเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทหารทั้งหลายไม่เห็นสัญญาณว่าจะมีออร์คมารวมตัวกันอีกต่อไป ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกออร์คทั้งหมดจะมารวมตัวกันแล้ว แต่ทันใดนั้นเองพวกออร์คก็หยุดพูดคุยกันในทันที ตอนนี้พวกออร์คได้พบว่าจำนวนของพวกมันนั้นมีน้อยกว่าในปีที่แล้วมาก โดยปีที่แล้วมีออร์คจำนวนกว่า 500 ตัวด้วยกันที่เข้าร่วมบททดสอบแห่งความเป็นความตาย ในปีที่ผ่านมามีจำนวนออร์คกว่า 200 ตัวนั้นที่สามารถรอดชีวิตจนมาถึงที่นี่ได้ แต่ปีนี้กลับมีออร์คเพียง 160 ตัวเท่านั้นที่รอดมา จำนวนผู้รอดชีวิตของออร์คในปีนี้ถือว่าต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมาในบททดสอบแห่งความเป็นและความตาย

 

อารมณ์เศร้าหมองและหดหู่ได้เข้าปกคลุมพวกออร์คทั้งหมดในหุบเขาทันที ออร์คหลายๆ ตัวเริ่มรู้แล้วว่าเพื่อน ญาติพี่น้องของพวกมันไม่ได้กลับมาด้วย หุบเขาที่ตอนแรกนั้นเต็มไปด้วยเสียงความตื่นเต้นของพวกออร์คบัดนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นความเงียบสงบแทน แต่พวกออร์คเองเป็นเหมือนกับเผ่าพันธุ์แห่งการต่อสู้ ดังนั้นแล้วพวกมันจะใช้เวลาไปกับความโศกเศร้าเสียใจในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น หลังจากที่ใช้เวลาไปกับการเศร้าเสียใจแล้วพวกออร์คทั้งหลายก็ได้รวมตัวกันเพื่อที่จะรอคำสั่งต่อไป เมื่อถึงเวลาที่กำหนดพวกสัตว์บินที่พวกออร์คได้ใช้งานนั้นจะมารับพวกมันกลับบ้านนั่นเอง

 

อัศวินซาโรหยานได้จับตามองสถานการณ์ทุกอย่างในหุบเขาอย่างไม่ขาดสายตา ตามที่ข้อมูลที่ได้มาบอกเอาไว้ พวกออร์คทั้งหลายจะมารวมตัวกันในจุดนี้ อัศวินซาโรหยานที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างมาได้หันกลับไปที่ทหารคนหนึ่งก่อนที่จะสั่งการต่อไปกว่า “ไปแจ้งทหารที่อยู่ตรงทางเข้าหุบเขาซะ บอกพวกเขาให้ปิดผนึกทางเข้าหุบเขาในทันที”

 

หลังจากที่ผู้ส่งสารได้หายไปประมาณ 4 นาทีแล้ว ทันใดนั้นเองก็มีฝูงนกยักษ์บินมากว่า 20 ตัวจากบนฟากฟ้า

 

อัศวินซาโรหยานเห็นสัตว์ร้ายกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า กำลังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “นกกระจอกแห่งท้องนภาอย่างงั้นหรอ? นี่เป็นวิธีกลับบ้านของพวกออร์คสินะ?”

 

เมื่ออัศวินซาโรหยานได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในตอนนี้เขาก็หันกลับไปหาทหารคนเดิมก่อนจะพูดต่อไปว่า “ยังมีเวลาสั่งทหารคนนั้นให้กลับมาไหม?”

 

ทหารที่รับคำสั่งของอัศวินซาโรหยานไปส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่นก่อนจะพูดต่อไปว่า “ตอนนี้พวกเขาคงกำลังเริ่มแผนการแล้วครับ”

 

“นี่คงจะเป็นความสำเร็จและเกียรติยศของพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าหากพวกเราจับหนึ่งในนกกระจอกแห่งท้องนภาได้” อัศวินซารูหยานเงยหน้ามองไปที่นกกระจอกแห่งท้องนภาที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น ทหารทุกคนไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกออร์คนั้นวางแผนที่จะหนีโดยใช้สัตว์บินนั่นเอง แม้ว่าพวกออร์คทั้งหลายจะสามารถหนีไปได้ แต่การจับนกกระจอกแห่งท้องนภากลับมาได้นั้นจะต้องเป็นความสำเร็จของกองทัพทหารที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

Abe the Wizard

Abe the Wizard

Score 10
Status: Completed

บทนำ

ฉันได้กลับชาติมาเกิดในโลกใบใหม่นี้ ดูเหมือนว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตัวฉันมาที่โลกใบนี้ด้วย สิ่งนั้นคือ ฮอร์ราดริกคิวบ์ จากเกม Diablo II นั่นเอง

หนทางการเป็นอัศวินสุดเท่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ทำไมการเป็นจอมเวทย์ก็อยู่ในทางเลือกด้วยล่ะ?

แล้วฉันควรจะเลือกทางไหนกันแน่นะ?

Options

not work with dark mode
Reset