Carefree Path of Dreams 36

ตอนที่ 36

“เจ้ามีทักษะวิทยายุทธ์ที่ค่อนข้างดี แต่สภาพจิตใจนั้นไม่แข็งแกร่ง เหมือนดอกไม้ในเรือนเพาะชํา หญิงสาวบอบบางผู้หนึ่ง…”

 

“เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับตําหนักสี่ทะเล และตําหนักสี่ทะเลก็สามารถเข้าถึงพืชวิญญาณจํานวนมาก ดังนั้นเจ้าต้องเป็นคนสําคัญ

 

ฟางหยวนเป็นคนฉลาดผู้หนึ่ง และความคิดที่เป็นระบบก็ทําให้เขาได้ข้อสรุป “สํานักกุยหลิง?”

 

แม่นางผู้นี้มีวิทยายุทธ์ระดับสูงและอยู่ในระดับเดียวกันกับซ่งอวี้เจว๋ ดังนั้นนางย่อมต้องเป็นศิษย์ระดับสูงของสํานักกุยหลิง

 

ถ้าเขาฆ่านาง ย่อมเป็นการสร้างศัตรูเพิ่ม

 

และแน่นอนว่า นางมีความตั้งใจเพียงแค่สะกดรอยตามเขาเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ถึงกับสมควรตาย

 

“เจ้าต้องการอะไร! อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ!”

 

เสียวฉิงมองฟางหยวนแล้วรู้สึกไม่ดี นางคิดถึงเรื่องเล่ามากมายในยุทธภพที่ผู้อื่นถูกบังคับขืนใจต่าง ๆ นานาแล้วก็กลัวแทบตาย “ถ้าเจ้าแตะต้องข้า ข้าจะ…”

 

“ถ้าเจ้ากล้าบอกว่าเบื้องหลังของเจ้าเป็นผู้ใด ข้าอาจจะต้องสังหารเจ้าทิ้งนะ!”

 

ฟางหยวนยื่นปลายนิ้วชี้ของเขาออกไปปาดลงบนผิวของนายน้อยผู้นี้ ถึงตอนนี้ แม่นางน้อยก็กลั้นหายใจและหยุดร้อง

 

“นั่นแหละ ดีขึ้นเยอะ!”

 

เขาตบแก้มนางเบา ๆ

 

“ผิวของ “แม่นางน้อย” ผู้นี้นั้นเรียบลื่นราวผ้าไหม เทียบกับขนของฮวาหูเดียวแล้ว… เพ้ย นี่ข้าคิดอะไรอยู่?”

 

ฟางหยวนสะบัดหัวแรง ๆ ก่อนพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ “ลอบสะกดรอยตามข้าเช่นนี้ เจ้าเตรียมจะชดใช้ให้ข้าอย่างไร?”

 

“ชดใช้?”

 

นายน้อยชุดเขียวรู้สึกสับสน

 

เจ้าคนลามกนี้ไม่ได้คิดทําอะไรไม่ดีใช่ไหม? ทําไมถึงเปลี่ยนสีเร็วเช่นนี้?

 

หลังจากวิตกอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ใจเย็นลงและพยายามคิดหาเหตุผล หรือเป็นเพราะว่าข้าไม่งามพอ… และแม้แต่เจ้าคนลามกนี้ก็ถึงกับไม่ต้องการข้า!?”

 

นางมองฟางหยวนและรู้สึกว่าสายตาของฟางหยวนสามารถฆ่าคนได้เพียงแค่เหลือบมอง

 

“เจ้ามองอะไร? หรืออยากให้ข้าค้นตัวเจ้า?”

 

ฟางหยวนประเมินนายน้อยฉิงผู้นี้ แม้ว่านางจะมีความสามารถเชิงยุทธ์ไม่เท่าไหร่ รูปร่างของนางก็ไม่เลวทีเดียว

 

แต่เพราะไม่มีลูกกระเดือกที่ลําคอ จึงได้เปิดเผยเพศที่แท้จริ งออกมา

 

“ไม่! ไม่!”

 

นายน้อยฉิงกระวนกระวายจนเกือบจะได้รับบาดเจ็บภายใน “อะไรก็ตามที่เจ้าต้องการ ข้า… ข้าจะมอบให้เจ้า!” 

 

“ข้าไม่ได้ต้องการตํารายุทธ์ใด!”

 

เขานึกถึง “ตําราฝึกจิตของสํานักกุยหลิง” ฉบับไม่สมบูรณ์ที่ยึดมาจากซ่งอวี้เจว๋แล้วก็รู้สึกเช่นนี้ เขารับของที่นายน้อยฉิงส่งมาให้

 

เขาเปิดกล่องรูปร่างคล้ายเปลือกหอยออก มองที่วัตถุสีแดงสดด้านในแล้วให้รู้สึกพูดไม่ออก

 

“นี่เป็นกํายานสีม่วงที่ดีที่สุดในมณฑลนี้ มีค่าถึง 10 ตําลึงนะ!” นายน้อยฉิงตอบเสียงอ่อย

 

“คนรวยเช่นพวกเจ้ารู้จักแกล้งโง่จริง ๆ!”

 

ฟางหยวนรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย แต่เมื่อรู้แล้วว่าแม่นางน้อยผู้นี้มีเงิน ความคิดอยากลักพาตัวนางก็พุ่งขึ้นมาในใจ

 

แต่ว่าเขาก็ยังคํานึงถึงคนเบื้องหลังของนางที่ย่อมมีอิทธิพลไม่น้อยไปกว่าของซ่งอวี้เจว๋

 

ครั้งนี้แม้ว่านางจะแพ้ สูญเสียเงินทองเล็กน้อยนั้นไม่นับเป็นกระไรได้ แต่กลับทําให้นางตระหนักถึงอันตรายในยุทธภพนั้นเป็นบทเรียนที่ดีสําหรับนาง

 

ถ้าเขาอยากได้ตํารายุทธ์จริง ๆ หรืออยากลักพาตัวและรีดไถเอาจากนายน้อยชุดเขียวผู้นี้จําต้องคํานวณสถานการณ์ให้ดี อาจจะเกิดการปิดประตูเข้าออกมณฑลเพื่อตรวจค้นทั่วทั้งมณฑลก็ได้

 

เขารู้ว่าเขาไม่สามารถรับมือกับทั้งหมดนั่นได้ด้วยตัวเองคนเดียว

 

“เหอะ… เสี่ยวฉิง เจ้าก็ดูร่ำรวยดีนี่นา?”

 

ฟางหยวนจะรู้สึกพอใจขึ้นถ้าเกี่ยวเก็บสมบัติได้อีกสักเล็ก

น้อย

 

“ตั๋วแลกเงินของร้านแลกเงินชิงเหอ มีค่าร้อยตําลึง! แล้วก็เศษเงินเล็กน้อย ส่วนนี้ก็กําไลหยก แล้วยังปิ่นนี่ และก็มรกตตาแมวเม็ดนี้ ฮืมมม กําไร! กําไรแล้ว!”

 

ฟางหยวนนั้นคุ้นเคยกับการต้องมัธยัสถ์ เขาคว้าเอามรกตตาแมวจากนาง แล้วยิ้มกะเรียกะราดกับตัวเอง

 

ในสายตาของเขา เสี่ยวฉิงผู้นี้เป็นผู้ช่วยชีวิตเขาเลยทีเดียว

 

เพราะแม่นางน้อยผู้นี้ยอมมอบสมบัติออกมาอย่างใจกว้าง มันพอชดเชยค่าพืชวิญญาณที่เขาซื้อมาและยังเหลืออีกเล็กน้อยด้วย

 

“เจ้า เจ้า โฮ….”

 

น้ำตาเอ่อขึ้นมาในดวงตาทั้งคู่ของเสี่ยวฉิง ตั๋วเงินนั่นคือเงินเก็บที่นางแอบสะสมเอาไว้เลยนะ! นางเพิ่งไปแลกออกมาจากร้านเงินวันนี้แต่ก็ต้องยอมปล่อยตั๋วเงินนั่นไปเดี๋ยวนี้แล้ว

 

นางโชคดีมากแล้วที่ไม่พยายามคุกคามฟางหยวน

 

“ข้ารู้ เจ้าต้องไปตามผู้อื่นมาล้างแค้นเป็นแน่! ตราบใดที่ไม่ใช่เหล่าผู้อาวุโส ข้ายินดีรับการท้าทาย!”

 

ฟางหยวนพยักเพยิดด้วยท่าทางอวดดี “ในกลุ่มอายุเท่า ๆ พวกเรา ข้า จอมยุทธ์น้อยอู๋หมิง ไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น!”

 

“ จอมยุทธ์น้อยอู๋หมิง!”

 

เสี่ยวฉิงทวนคําเหล่านี้ซ้ำ ๆ กับตัวเอง ราวกับต้องการจดจําเอาไว้ชั่วชีวิต

 

“อืม ไปซะ และจําไว้ว่าข้าอาศัยที่อยู่ สุดขอบแผ่นดิน” และยินดีต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ!”

 

ฟางหยวนเก็บของทั้งหมด หมุนตัวเดินจากไป

 

หลังจากเล่นละครนั้นแล้ว เขาต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดแล้ว! ตื่นเต้นอะไรอย่างนี้!

 

แน่นอนว่า ชื่อของเขาไม่ใช่อู๋หมิง ส่วนที่ว่าอาศัยอยู่ที่ “สุดขอบแผ่นดิน” นั่นเป็นชื่อของที่พักแรมใหญ่ที่สุดที่เขาเห็นระหว่างทางมาที่นี่เท่านั้น

 

เสี่ยวฉิงผู้น่าสงสารถูกหลอกเสียแล้ว และไม่ได้คิดระแวงเลย “จอมยุทธ์น้อยอู๋หมิง! สุดขอบแผ่นดิน! เจ้าจําเอาไว้ ข้าจะพาศิษย์พี่ในสํานักมาทวงแค้นให้ข้า!”

 

“ประกาศจากสํานักกุยหลิง: จากการสืบสวนกรณีกล่าวหาผู้อาวุโสซ่ง ว่าสังหารผู้บริสุทธิ์และทําร้ายสมาชิกสํานัก การดําเนินการทําได้ช้าเพราะคนผู้นั้นได้เสียสติไปหลังจากมีเหตุกระทบกระเทือนใจ และหลังจากการปรึกษากันระหว่างผู้อาวุโส มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขับออกจากสํานักและประกาศจับในฐานะผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรม ผู้ใดที่สามารถจับตัวคนร้ายได้จะได้รับรางวัลหนึ่งพันตําลึง ตํารายุทธ์ หรือป้ายคําสั่งกุยหยวน!”

 

เวลาเคลื่อนคล้อยและหลายวันก็ผ่านไป ฝูงชนออกันอยู่ที่ด้านหน้าประตูทางเข้ามณฑล อ่านประกาศที่เพิ่งแปะใหม่ 

จากทางสํานักแล้วล้วนรู้สึกสับสน

 

“ซงจง ผู้อาวุโสข่ง? เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7! ทําไมถึงจบลงในสภาพนี้ได้?”

 

“ข้าได้ยินข่าวมาว่าลูกชายของเขาตาย นั่นทําให้เขาเสียสติ!”

 

“เขาเป็นคนที่ก่อหายนะล้างหมู่บ้านตระกูลโค่ว!”

 

“เหอ ๆ พวกเจ้าคิดหรือว่าสํานักจะรู้สึกกระไรกับแค่คนนอกไม่กี่คนถูกฆ่าตาย?”

 

ท่ามกลางการถกเถียงกัน คนผู้หนึ่งที่อ้างว่ามีข้อมูลเบื้องลึกหัวเราะ “สิ่งเดียวที่ทําให้เขาถูกลงโทษถึงชีวิตก็คือพรากชีวิตทั้งตระกูลของสมาชิกสํานักเดียวกัน ตระกูลโจว!”

 

“ตระกูลโจว? ตระกูลโจวจากเมืองชิงเย่?…”

 

“ใช่แล้ว ก่อนนี้ข้าเห็นคุณชายน้อยตระกูลโจวทําเรื่องร้องเรียน!”

 

“แล้วซ่งจงก็หนีไปได้?”

 

“นี่เป็นเรื่องภายในสํานักของพวกเขา ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าทําไมพวกนั้นถึงต้องการประกาศให้ผู้อื่นช่วย?”

 

“ไม่ว่าจะอย่างไร นี่เป็นโอกาสของพวกเรา!”

 

เมื่อประกาศแพร่ออกไป ชาวยุทธ์ในยุทธภพหลายคนก็ถูกรางวัลที่จะได้จากการจับกุมซ่งจงล่อลวง

 

เงินและตํารายุทธ์ไม่ได้มีคุณค่าพิเศษใดนัก แต่ป้ายคําสั่งกุยหยวนนั้นไม่ใช่รางวัลเล็ก ๆ เลย ใครก็ตามที่ถือป้ายคําสั่งนี้จะได้รับความนับถือจากทุกคนในสํานักว่าเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ และยังสามารถใช้แลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือจากสํานักได้

 

ซึ่งตามที่คิดกันนั้น สํานักจะยินยอมกับทุกการร้องขอที่สามารถกระทําได้เสียด้วย!

 

“ซ่งจง… ป้ายคําสั่งกุยหยวน?”

 

ที่นอกเมือง ในไร่แห่งหนึ่ง ฟางหยวนหยุดการฝึกฝนลงทันที่ที่ได้ยินข่าว

 

ในเมืองนั้นอันตรายเกินไป และยากจะหลบหนีหากเขาเผชิญเข้ากับปัญหาใด เขาจะสามารถหลบหนีได้ก็เมื่อมีสุดยอดวิชาตัวเบาเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาก็คงถูกจับได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ดังนั้น เขาจึงออกจากเมืองมาแล้วขอเช่าที่พักจากชาวนา

 

เขาไม่ได้ต้องใช้เงินมากนัก เพียงแค่ไม่กี่ตําลึงก็มากพอที่จะให้ครอบครัวชาวนาพอใจและโน้มน้าวพวกเขาให้ยอมให้เขาเข้าพักด้วยแล้ว

 

เขาเหลือบมองเร็ว ๆ ผ่านหน้าต่างสถานะของตัวเอง 

 

“ชื่อ: ฟางหยวน

 

พลังกาย: 2.7

 

พลังลมปราณ: 2.6

 

พลังเวทย์: 1.5

 

อายุ: 18

 

ระดับการฝึกตน: [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ห้า)]

 

วิทยายุทธ์: [ฝ่ามือทรายดํา (ระดับ 5), [กรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 5)]]

 

ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 2)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)” 

 

“ข้าเป็น [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ห้า)] และเคล็ดอินทรีเหล็กก็ถึงระดับห้าอย่างรวดเร็ว ในที่สุดข้าก็บรรลุตามเป้าหมาย…”

 

หลังจากทําความเข้าใจพื้นฐานได้ การฝึกวิชาอื่นก็ก ลายเป็นเรื่องง่าย และแม้แต่แอบบอกสถานะการฝึกฝนก็ลดระ ดับความยากลงมา ดังนั้นเขาจึงมีการพัฒนาไปได้ไวมากเป็นธร รมดา

 

เขาใช้คุณสมบัตินี้รีดไถเสี่ยวผิงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

อย่างไรเสีย ประตูชางก็เป็นหนึ่งใน 3 ประตูวิกฤต ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผู้ฝึกอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไร้ความหวังที่จะฟื้นฟูได้อีก ดังนั้น ฟางหยวนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจริงจังกับมันมากขึ้น

 

“ตอนแรก ข้าคิดว่าข้าจะสามารถกลับบ้านได้เมื่อเรื่องเรียบร้อยแล้วและมุ่งฝึกฝน ใครจะคิดว่าสํานักกุยหลิงจะไร้สามารถคุมตัวซ่งจงไว้ไม่ได้ และยังถึงกับต้องการสรรหาความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อจับกุมมัน?”

 

ฟางหยวนไม่เข้าใจ

 

แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าความขัดแย้งภายในสํานักกุยหลิงนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมแล้ว

 

เจ้าสํานักสืออวถงนั้นไม่เด็ดขาด และสองตระกูลที่อยู่ภายใต้ปกครองของผู้อาวุโสสองคน ผู้อาวุโสเอี๋ยนและผู้อาวุโสฮั่นนั้นก็ไม่ถูกกัน ทําให้เกิดเรื่องตามที่เป็นอยู่นี้

 

เจ้าสํานักเพียงแค่ต้องการความสงบในสํานักและสามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ และสําหรับซ่งจง นางไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นหรือตาย

 

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขารู้อย่างหนึ่ง

 

เขาจะอยู่อย่างสุขสงบได้ก็ต่อเมื่อซ่งจงถูกฆ่าแล้วเท่านั้น!

 

แม้ว่าเขาจะจัดการปกปิดร่องรอยตัวเองแล้ว เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีผู้ใดสามารถตามรอยเขาจนได้หรือไม่ ถึงตอนนั้น ถ้ามีผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 3 ประตูวิกฤตสั่งให้เขาตาย เขาก็คงหนีไม่พ้นเงื้อมมือคนผู้นั้น

 

“ข้าต้องใช้โอกาสนี้กําจัดเขาเสีย ขณะที่สถานการณ์ยังเป็นใจ!”

 

ฟางหยวนตัดสินใจ สวมเสื้อผ้าแล้วออกวิ่งหายลับไปในไม่

 

การหาข้อมูลเกี่ยวกับช่งจงนั้นง่ายราวปอกกล้วย

 

ทั้งมณฑลกําลังตามล่าตัวเขา

 

ได้ยินว่าคนผู้นั้นฆ่าคนโดยไม่คํานึงถึงชีวิตของตนเองแล้ว เขาเปิดฉากสังหารตลอดทางที่ออกจากสํานัก และหนีหายไปในเขตภูเขาต้าชิง

 

ภูเขาลูกนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาชิงหลิง และหลังจากปิดเส้นทางหลักบนเขาแล้ว ก็มีการจัดกลุ่มลาดตระเวน ผู้ฝึกยุทธ์จํานวนมากนําอาหารแห้งติดตัวตามเข้าไป หวังว่าไม่ช้าไม่นาน เขาก็คงจะถูกจับตัวได้

 

“โอ้! คนเยอะมากขนาดนี้?”

 

ที่ด้านนอกภูเขา ฟางหยวนมองไปเห็นพระอาทิตย์ส่องแสงจ้า และมองไปรอบ ๆ เห็นผู้ฝึกยุทธ์มากมาย เขาพูดไม่ออก “ข้าไม่ควรผลุนผลันเกินไป ข้าก็แค่ต้องตามคนพวกนี้ไปและดูซ่งจงตาย!”

 

แม้ว่าเขาต้าชิงจะมียอดเขาเดียวแต่มันก็ค่อนข้างกว้างใหญ่ภูเขาปกคลุมด้วยหญ้าและต้นไม้ และการจะหาจอมยุทธ์ สักคนที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

แต่ฟางหยวนก็ไม่ได้รีบ เขาค่อย ๆ สํารวจบริเวณรอบ ๆ และในเวลาเดียวกันก็ผูกมิตรกับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ และเริ่มแบ่งปันประสบการณ์กัน

 

จนวันหนึ่ง ในตอนบ่าย เขางีบหลับอยู่บนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลสายหนึ่ง “ศิษย์พี่ นั่นเขา!”

 

น้ำเสียงนุ่มนวลนั่นฟังดูคุ้นเคย

 

เขาหันหน้าไปหาแหล่งที่มาของเสียงแล้วก็อึ้งไป

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

Score 10
Status: Completed

บทนำ

นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา

เอ๋?

จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ?

หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Options

not work with dark mode
Reset