“โอ้? เช่นนั้นท่านคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชสินะ! ขออภัยด้วยที่ข้าตาไร้แวว!”
เหล่าเฉียนมีท่าทางประหลาดใจและโบกมือ “ในเมื่อเราทั้งคู่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชเช่นนั้นข้าจะไม่พูดมาก ความพวกเราขายพืชวิญญาณเพียงสองอย่าง หนึ่งคือข้าวหยกแดง อีกหนึ่งคือหญ้ามรกต ท่านอยากได้อย่างไหน? ข้าวหยกแดงดีหรือไม่? แต่ว่าท่านไม่สามารถซื้อเป็นปริมาณมากได้นะ เพราะว่าทางเรามีเก็บไว้ในจํานวนจํากัด…”
อันที่จริง เมื่อมาที่นี่เพื่อซื้อพืชวิญญาณ คนส่วนมากล้วนเลือกข้าวหยกแดง
เพราะแม้ว่ารวงข้าวที่ปลูกได้จะเติบโตไม่ได้เต็มที่ มันก็ยังกินได้และให้ผลเพิ่มพลังธาตุของผู้กินได้เช่นกัน
ช่างเป็นเคล็ดลับในการทําธุรกิจให้ได้เงินของตําหนักสี่ทะเลจริง ๆ
แต่ว่าฟางหยวนไม่ได้สนใจข้าวหยกแดงเพราะเขามีปลูกไว้ ตั้งเยอะในที่ของเขาเอง
“หญ้ามรกตมีประโยชน์อะไร?”
เขาถามกลับ
“หือ? ท่านไม่สนใจข้าวหยกแดงหรือ?”
เหล่าเฉียนรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ตอบ “ทั้งหญ้ามรกตและข้าวหยกแดงล้วนเป็นพืชวิญญาณระดับต่ําที่สุด แต่ว่าสัตว์วิญญาณกินพืชล้วนชอบกินพืชพวกนี้ และยังสามารถเพิ่มคุณภาพของดิน…”
อันที่จริง คนจานวนมากที่มาที่นี่มักจะซื้อหาข้าวหยกแดง ในปริมาณมาก ซึ่งเหลาเฉียนเองก็สามารถขายได้ในจํานวนมากพอสมควร ยังไงลูกค้าก็รู้อยู่แล้วว่าของพวกนี้ได้มาจากที่ไหน
“เช่นนั้น ข้าอยากได้หญ้ามรกตสักจํานวนหนึ่ง!”
แม้ว่าเขาจะไม่พอใจนัก ฟางหยวนก็ไม่อยากพลาดหญ้ามรกตไป
เขาเริ่มคิดภาพฮวาหูเตียวกินหญ้ามรกตในใจและขําตัวเอง
“อะไรนะ? ท่านต้องการหญ้ามรกต ไม่ใช่ข้าววิญญาณ?”
ผู้ดูแลเฉียนรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ได้แสดงออก “หญ้ามรกต 1 เมล็ดราคา 1 ตําลึงทอง ถ้าซื้อ 50 เมล็ดขึ้นไปจะมีส่วนลดให้!”
“ราคานั่น…”
ฟางหยวนรู้สึกตะลึงกับราคาและรู้สึกจนขึ้นมาทันที
ราคาของพืชวิญญาณล้วนถูกกําหนดโดยพวกคนมีเงิน ข้าไม่ใช่คนรวย และราคานี้ก็เกินที่ข้าจะรับไหวเสียด้วย…”
เขาถอนหายใจขณะนับเงิน “แม้ว่าข้าวหยกแดงและหญ้ามรกตจะมีระดับต่ําสุดท่ามกลางพืชวิญญาณ แต่การซื้อขายของพวกนี้ก็ยังดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมาก คราวหน้าข้าจะต้องรอบคอบกว่านี้
เพราะเช่นนี้ เขาจึงไม่เอาสิ่งของระดับวิญญาณที่มีอยู่ออกมาแลกเปลี่ยน
เงินไม่กี่สิบตําลึงทองยังไม่อาจเป็นที่น่าประทับใจสําหรับร้านระดับตําหนักสี่ทะเล แต่ถ้าเป็นพันหรือเป็นหมื่นตําลึงทองเล่า?
ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงบนโลกใบนี้ มีเพียงราคาที่เจ้าจะจ่ายได้หรือจ่ายไม่ได้เท่านั้น
“เยี่ยม นี่คือเมล็ดหญ้ามรกตขอรับ!”
หลังจากจ่ายเงินแล้ว ผู้ดูแลเฉียนก็รีบนําเอากล่องไม้จันทน์สีแดงกล่องหนึ่งออกมา ชิ้นงานทําขึ้นอย่างปราณีตและมีกลิ่นหอมอ่อนโชยออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นของที่ทําขึ้นเป็นพิเศษ
“เมล็ดหญ้ามรกตไม่ถูกกับโลหะ จงจําไว้ว่าห้ามนําเมล็ดพืช นี่เข้าใกล้สิ่งใดที่เป็นโลหะ ”
ผู้ดูแลเฉียนเตือนฟางหยวนขณะเปิดกล่องไม้ออก ในกล่องบรรจุไว้ด้วยเมล็ดหญ้ามรกตที่มีสีเขียวหยก
“ดีมาก!”
ฟางหยวนเก็บกล่องเข้าอกเสื้อ ก่อนกลับออกไป เขาก็ออกปากถาม “ทั่วทั้งมณฑลชิงเหอนี้ยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนอีกหรือไม่? ข้ามีความสนใจเป็นส่วนตัวกับสถานที่ที่พืชวิญญาณพวกนี้เติบโตขึ้นมา บางทีท่านอาจจะพอรู้ว่าข้าจะหาพวกมันได้ที่ไหน?”
“นี่…”
ผู้ดูแลเฉียนสีหน้าเปลี่ยนไปและรีบส่ายหน้า “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ การพบเจอขึ้นกับโชคของแต่ละคน ข้าไม่รู้เรื่องเบื้องหลังของการกําเนิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด!”
“เข้าใจแล้ว!”
ฟางหยวนเดินออกจากอาคาร “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้ว!”
หลังจากเห็นเขาจากไป ผู้ดูแลเฉียนก็เร่งเท้าขึ้นสองสามก้าวและรู้สึกกังวลขึ้นมา “เสี่ยวซาน!”
“ขอรับเถ้าแก่!”
ที่ด้านในห้อง กําแพงเขียนลายขยับเปิดออกเผยให้เห็นทางลับสายหนึ่ง คนผู้หนึ่งเดินออกมา
“รายงานเรื่องนี้ไปที่สํานัก!”
ผู้ดูแลเฉียนถอนหายใจ
“ก็แค่การซื้อขายหญ้าวิญญาณไม่กี่ต้น เหตุใดจึงต้องรายงาน?”
เสี่ยวซานรู้สึกแปลกใจกับคําสั่งของผู้ดูแลเฉียน
“ซื้อหญ้ามรกตไม่กี่เมล็ดนั้นไม่นับเป็นกระไร ลูกค้าผู้นั้นยังถามหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นทําให้เขาดูน่าสงสัย ส่งคนไปจับตาดูเขาด้วย!”
“เถ้าแก่ ท่านช่างระมัดระวังยิ่งนัก!”
ในตอนนั้นเอง คนอีกผู้หนึ่งเดินออกมาจากทางลับ เขาสวมชุดสีเขียวเป็นคุณชายน้อยร่างผอม สวมมรกตตาแมวไว้บนศีรษะ ผิวเป็นประกาย
เขาโบกพัดจีบไปมา “ในสํานักน่าเบื่อมากไม่มีอะไรใหญ่โตให้เล่นเลย ข้างนอกยังน่าสนใจเสียกว่า แม้การซื้อขายเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ก็ยังน่าสนใจได้ถึงเพียงนี้”
“ท่านก็มาหรือท่านฉิง!”
ผู้ดูแลเฉียนและเสี่ยวซานโค้งคํานับและมีท่าที่สุภาพอ่อนน้อม
“ข้าจะตามชายผู้นั้นไปเอง พวกเจ้าทําอะไรอยู่ก็ไปทําเถอะ!”
นายท่านฉิงมองไปทางทิศที่ฟางหยวนจากไปด้วยสายตานีกสนุก
“ขอรับ นายท่าน!”
ผู้ดูแลเฉียนและเสี่ยวซานมองหน้ากัน สีหน้าจนปัญญา
“หืม?”
หลังจากออกจากตําหนักสี่ทะเล ฟางหยวนก็เดินผ่านร้าน ค้าหลายร้านพลางขมวดคิ้ว
การประสมกันของสองวิชายุทธ์ของเขาทําให้เขามีพลัง ภายในที่นับว่ามากสําหรับผู้[ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 5)] แล้ว เขายังมีระดับพลังเวทย์สูงกว่าปกติ ดังนั้นจึงรู้สึกได้ว่ามีคนสะกดรอยตามเขามา
“มีคนตามข้ามา? หรือจะเป็นคนที่อยากจะแย่งเมล็ดหญ้ามรกตกับข้า? เป็นไปไม่ได้”
เขารู้ว่าเขาเดาผิดและรู้ว่าทําไม “ดูเหมือนว่าจะเป็นผลจากที่ข้าถามเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะก็มีเพียงแค่สํานักกุยหลิงที่ดูแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งเดียวในมณฑลชิงเหอ…”
แม้ว่าแผนการของเขานั้นจะคิดมาดีแล้ว แต่ฟางหยวนก็อาศัยอยู่ในหุบเขามานาน ดังนั้นจึงจัดการกับสถานการณ์ได้ไม่รอบคอบนัก
“เหตุใดตําหนักสี่ทะเลจึงสามารถส่ง [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทอง ที่ 4 หรือ 5)] มาเพียงเพื่อสะกดรอยตามข้าได้?”
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับนี้นับว่าไม่ธรรมดา ซึ่งทําให้ฟางหยวนประหลาดใจ
ตอนนี้ เขาเปลี่ยนเป็นเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ อย่างกะทันหัน แล้วหายตัวไป
“หืม?”
ไม่นานนัก นายท่านฉิงก็มาถึงที่ตรอก “นี่เขารู้ตัวว่าข้าตามเขามาแล้วใช่หรือไม่?”
นายท่านฉิงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวและตัดสินใจไล่ตามฟางหยวนต่อไปแทนที่จะถอยกลับ
ตรอกนี้สั้นนิดเดียวและยังเป็นทางตัน
“เจ้าหัวขโมย เจอกับกรงเล็บของข้าหน่อยเป็นไง!”
“ว้าว!”
เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ
ฟางหยวนจัดการลงมือจู่โจมคนที่คิดไม่ดีกับเขา
“ฮ่าฮ่า… ช่างโง่จริงๆ!ใครมันจะเปิดเผยตําแหน่งตัวเองออกมาตอนที่จะลอบทําร้ายกันเล่า?”
นายท่านฉิงหัวเราะและหุบพัดลง โดยไม่มองกลับไป เขาก้าวเท้าถอย “นกกระจิบถลาลม!”
พัดธรรมดาๆกลับเปรียบได้กับกระบี่คมกริบเมื่ออยู่ในมือของนายท่านฉิง พัดจีบทิ่มมาด้านหลังเงาร่างสีดํา เกิดเสียงลมพัดกรรโชก
“ฟุบ!”
พัดทะลวงเข้าไปในเงาดําอย่างง่ายดาย แต่นั่นก็เป็นขณะเดียวกับที่นายท่านฉิงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“โอ้ ไม่นะ!”
เขาก้าวถอยตามสัญชาตญาณและดึงพัดกลับมาปกป้องตัวเอง
ก้าวแรกที่ผิดพลาดไป ทําให้เกิดความผิดพลาดตามมาเป็นขบวน
การจู่โจมแรกล้มเหลวยิ่งทําให้เขาเสียเปรียบ!
“ฟุบ!”
ทันใดนั้น กรงเล็บอินทรีของศัตรูก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“ดี!”
นายท่านฉิงรู้สึกตื่นเต้นขณะสังเกตเคล็ดกรงเล็บอินทรี เขาก้าวถอยอีกสองสามก้าวเพิ่มระยะห่างระหว่างตัวเองกับฟางหยวน “เคล็ดกรงเล็บอินทรีที่ดี! เทียบกับอว์ชิวเหลิ่งแล้ว เจ้าด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย ใครคืออาจารย์ของเจ้า?”
ด้วยความเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์ระดับนี้ เขาควรจะต้องถูกสอนมาโดยใครสักคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
“เจ้าเพิ่งฝึกได้แค่เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กระดับ 4 เองรึ? ดูเหมือนวิชายุทธ์ของเจ้าจะยังด้อยกว่าข้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5!”
นายท่านฉิงประกาศระดับยุทธ์ของตนอย่างภาคภูมิใจ
“เจ้าโง่เอ๊ย!”
ฟางหยวนมองสบตากับเขาและรู้สึกสงสาร
คนประเภทที่เปิดเผยระดับการฝึกฝนของตนให้ศัตรูรู้นั้น ถ้าไม่มั่นใจเป็นที่สุดก็โง่
โชคร้ายสําหรับนายท่านฉิง ที่น่าจะเป็นพวกหลัง!
“มันก็ยากสักหน่อยที่จะเอาชนะ [ผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5] ด้วยฝ่ามือทรายดํา แต่นั่นข้าก็ไม่สะดวกนัก!”
ฟางหยวนมองแถบประสบการณ์ของเคล็ดกรงเล็บอินทรี เหล็กของตนแล้วพึมพํา เรียกใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก มือทองสองข้างผลักออกในท่าคล้ายกรงเล็บคู่หนึ่ง
“เดี๋ยวก่อน!”
นายท่านฉิงพยายามทําความเข้าใจกับสถานการณ์อย่างร้อนรน “นี่น่าจะเป็นความเข้าใจผิด!”
เขาเพียงต้องการแอบตามดูฟางหยวนเท่านั้น มันกลายเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายระหว่างทั้งคู่ได้อย่างไร?
และเขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าคนตรงหน้านี้นอกจากจะเจรจาด้วย ได้ยากแล้วยังโหดเหี้ยมนัก
“โชคดีของข้า… พลังภายในของข้านั้นมากกว่าเขามาก เขาใช้พลังภายในของตนเพื่อโจมตีและน่าจะทนไว้ได้ไม่นาน ทันทีที่กําลังหมดลง ข้าก็จะสามารถ…”
นายท่านฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกกรงเล็บอันว่องไวและต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างกะทันหันของฟางหยวน ครอบคลุมลงมา!
“[เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 5)]! เป็นไปได้อย่างไร?”
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ต่อสู้กัน ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยของวิทยายุทธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์สุดท้าย จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนผู้หนึ่งจะสามารถเพิ่มพลังของตนได้อย่างกะทันหัน?
นายท่านฉิงตื่นตระหนก และเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กก็ทะลวงผ่านการป้องกันของเขาเข้ามาได้ ร่างของเขาปลิวขึ้นไปกลางอากาศก่อนจะตกลงมากระแทกกับกําแพง
“เจ้า…”
เขาหน้าเผือดซีดลง กระอักเลือดออกมาคําโต “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้…”
“ทําไม?”
ฟางหยวนเดินไปข้างหน้า ตบเข้าที่กระหม่อม เปิดให้เห็นผมยาวกลุ่มหนึ่ง “เพียงแค่เพราะเจ้าเป็นผู้หญิง?”
“เจ้ารู้?”
นายท่านฉิงกรีดร้อง เสียงร้องของนางแหลมสูงและก้องกังวาน
“มีแค่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่สามารถมองผ่านการตกแต่งใบหน้าอย่างไร้ฝีมือเช่นนี้ได้!”
ฟางหยวนพูดไม่ออก “เจ้าเป็นใคร? ทําไมต้องมาคอยตามข้า? เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับตําหนักสี่ทะเล?”
“ฮึ่ม!”
เขาไม่รู้ว่าทําไมนางจึงยังเก็บเงียบ และไม่มีทีท่าหวาดกลัวหลังจากถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
“โอ้?”
ฟางหยวนดีดนิ้ว “แม่นาง ทางที่ดีเจ้าจงตอบคําถามข้า หรือไม่เช่นนั้น… อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทําร้ายสตรี!”
นางมีท่าทีหวาดกลัวขึ้นมา น้ําตาเริ่มเอ่อคลอหลังได้ยินคําขู่ของฟางหยวน