Carefree Path of Dreams 35

ตอนที่ 35

“โอ้? เช่นนั้นท่านคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชสินะ! ขออภัยด้วยที่ข้าตาไร้แวว!”

 

เหล่าเฉียนมีท่าทางประหลาดใจและโบกมือ “ในเมื่อเราทั้งคู่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชเช่นนั้นข้าจะไม่พูดมาก ความพวกเราขายพืชวิญญาณเพียงสองอย่าง หนึ่งคือข้าวหยกแดง อีกหนึ่งคือหญ้ามรกต ท่านอยากได้อย่างไหน? ข้าวหยกแดงดีหรือไม่? แต่ว่าท่านไม่สามารถซื้อเป็นปริมาณมากได้นะ เพราะว่าทางเรามีเก็บไว้ในจํานวนจํากัด…”

 

อันที่จริง เมื่อมาที่นี่เพื่อซื้อพืชวิญญาณ คนส่วนมากล้วนเลือกข้าวหยกแดง

 

เพราะแม้ว่ารวงข้าวที่ปลูกได้จะเติบโตไม่ได้เต็มที่ มันก็ยังกินได้และให้ผลเพิ่มพลังธาตุของผู้กินได้เช่นกัน

 

ช่างเป็นเคล็ดลับในการทําธุรกิจให้ได้เงินของตําหนักสี่ทะเลจริง ๆ

 

แต่ว่าฟางหยวนไม่ได้สนใจข้าวหยกแดงเพราะเขามีปลูกไว้ ตั้งเยอะในที่ของเขาเอง

 

“หญ้ามรกตมีประโยชน์อะไร?”

เขาถามกลับ

 

“หือ? ท่านไม่สนใจข้าวหยกแดงหรือ?”

 

เหล่าเฉียนรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ตอบ “ทั้งหญ้ามรกตและข้าวหยกแดงล้วนเป็นพืชวิญญาณระดับต่ําที่สุด แต่ว่าสัตว์วิญญาณกินพืชล้วนชอบกินพืชพวกนี้ และยังสามารถเพิ่มคุณภาพของดิน…”

 

อันที่จริง คนจานวนมากที่มาที่นี่มักจะซื้อหาข้าวหยกแดง ในปริมาณมาก ซึ่งเหลาเฉียนเองก็สามารถขายได้ในจํานวนมากพอสมควร ยังไงลูกค้าก็รู้อยู่แล้วว่าของพวกนี้ได้มาจากที่ไหน

“เช่นนั้น ข้าอยากได้หญ้ามรกตสักจํานวนหนึ่ง!”

 

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจนัก ฟางหยวนก็ไม่อยากพลาดหญ้ามรกตไป

 

เขาเริ่มคิดภาพฮวาหูเตียวกินหญ้ามรกตในใจและขําตัวเอง

 

“อะไรนะ? ท่านต้องการหญ้ามรกต ไม่ใช่ข้าววิญญาณ?”

ผู้ดูแลเฉียนรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ได้แสดงออก “หญ้ามรกต 1 เมล็ดราคา 1 ตําลึงทอง ถ้าซื้อ 50 เมล็ดขึ้นไปจะมีส่วนลดให้!”

 

“ราคานั่น…”

 

ฟางหยวนรู้สึกตะลึงกับราคาและรู้สึกจนขึ้นมาทันที

 

ราคาของพืชวิญญาณล้วนถูกกําหนดโดยพวกคนมีเงิน ข้าไม่ใช่คนรวย และราคานี้ก็เกินที่ข้าจะรับไหวเสียด้วย…”

 

เขาถอนหายใจขณะนับเงิน “แม้ว่าข้าวหยกแดงและหญ้ามรกตจะมีระดับต่ําสุดท่ามกลางพืชวิญญาณ แต่การซื้อขายของพวกนี้ก็ยังดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมาก คราวหน้าข้าจะต้องรอบคอบกว่านี้

 

เพราะเช่นนี้ เขาจึงไม่เอาสิ่งของระดับวิญญาณที่มีอยู่ออกมาแลกเปลี่ยน

 

เงินไม่กี่สิบตําลึงทองยังไม่อาจเป็นที่น่าประทับใจสําหรับร้านระดับตําหนักสี่ทะเล แต่ถ้าเป็นพันหรือเป็นหมื่นตําลึงทองเล่า?

ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงบนโลกใบนี้ มีเพียงราคาที่เจ้าจะจ่ายได้หรือจ่ายไม่ได้เท่านั้น

 

“เยี่ยม นี่คือเมล็ดหญ้ามรกตขอรับ!”

 

หลังจากจ่ายเงินแล้ว ผู้ดูแลเฉียนก็รีบนําเอากล่องไม้จันทน์สีแดงกล่องหนึ่งออกมา ชิ้นงานทําขึ้นอย่างปราณีตและมีกลิ่นหอมอ่อนโชยออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นของที่ทําขึ้นเป็นพิเศษ

 

“เมล็ดหญ้ามรกตไม่ถูกกับโลหะ จงจําไว้ว่าห้ามนําเมล็ดพืช นี่เข้าใกล้สิ่งใดที่เป็นโลหะ ”

 

ผู้ดูแลเฉียนเตือนฟางหยวนขณะเปิดกล่องไม้ออก ในกล่องบรรจุไว้ด้วยเมล็ดหญ้ามรกตที่มีสีเขียวหยก

 

“ดีมาก!”

 

ฟางหยวนเก็บกล่องเข้าอกเสื้อ ก่อนกลับออกไป เขาก็ออกปากถาม “ทั่วทั้งมณฑลชิงเหอนี้ยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนอีกหรือไม่? ข้ามีความสนใจเป็นส่วนตัวกับสถานที่ที่พืชวิญญาณพวกนี้เติบโตขึ้นมา บางทีท่านอาจจะพอรู้ว่าข้าจะหาพวกมันได้ที่ไหน?”

 

“นี่…”

 

ผู้ดูแลเฉียนสีหน้าเปลี่ยนไปและรีบส่ายหน้า “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ การพบเจอขึ้นกับโชคของแต่ละคน ข้าไม่รู้เรื่องเบื้องหลังของการกําเนิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด!”

 

“เข้าใจแล้ว!”

 

ฟางหยวนเดินออกจากอาคาร “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้ว!”

 

หลังจากเห็นเขาจากไป ผู้ดูแลเฉียนก็เร่งเท้าขึ้นสองสามก้าวและรู้สึกกังวลขึ้นมา “เสี่ยวซาน!”

 

“ขอรับเถ้าแก่!”

 

ที่ด้านในห้อง กําแพงเขียนลายขยับเปิดออกเผยให้เห็นทางลับสายหนึ่ง คนผู้หนึ่งเดินออกมา

 

“รายงานเรื่องนี้ไปที่สํานัก!”

 

ผู้ดูแลเฉียนถอนหายใจ

 

“ก็แค่การซื้อขายหญ้าวิญญาณไม่กี่ต้น เหตุใดจึงต้องรายงาน?”

 

เสี่ยวซานรู้สึกแปลกใจกับคําสั่งของผู้ดูแลเฉียน

 

“ซื้อหญ้ามรกตไม่กี่เมล็ดนั้นไม่นับเป็นกระไร ลูกค้าผู้นั้นยังถามหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นทําให้เขาดูน่าสงสัย ส่งคนไปจับตาดูเขาด้วย!”

 

“เถ้าแก่ ท่านช่างระมัดระวังยิ่งนัก!”

 

ในตอนนั้นเอง คนอีกผู้หนึ่งเดินออกมาจากทางลับ เขาสวมชุดสีเขียวเป็นคุณชายน้อยร่างผอม สวมมรกตตาแมวไว้บนศีรษะ ผิวเป็นประกาย

 

เขาโบกพัดจีบไปมา “ในสํานักน่าเบื่อมากไม่มีอะไรใหญ่โตให้เล่นเลย ข้างนอกยังน่าสนใจเสียกว่า แม้การซื้อขายเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ก็ยังน่าสนใจได้ถึงเพียงนี้”

 

“ท่านก็มาหรือท่านฉิง!”

 

ผู้ดูแลเฉียนและเสี่ยวซานโค้งคํานับและมีท่าที่สุภาพอ่อนน้อม

 

“ข้าจะตามชายผู้นั้นไปเอง พวกเจ้าทําอะไรอยู่ก็ไปทําเถอะ!”

 

นายท่านฉิงมองไปทางทิศที่ฟางหยวนจากไปด้วยสายตานีกสนุก

 

“ขอรับ นายท่าน!”

 

ผู้ดูแลเฉียนและเสี่ยวซานมองหน้ากัน สีหน้าจนปัญญา

 

“หืม?”

 

หลังจากออกจากตําหนักสี่ทะเล ฟางหยวนก็เดินผ่านร้าน ค้าหลายร้านพลางขมวดคิ้ว

 

การประสมกันของสองวิชายุทธ์ของเขาทําให้เขามีพลัง ภายในที่นับว่ามากสําหรับผู้[ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 5)] แล้ว เขายังมีระดับพลังเวทย์สูงกว่าปกติ ดังนั้นจึงรู้สึกได้ว่ามีคนสะกดรอยตามเขามา

 

“มีคนตามข้ามา? หรือจะเป็นคนที่อยากจะแย่งเมล็ดหญ้ามรกตกับข้า? เป็นไปไม่ได้”

 

เขารู้ว่าเขาเดาผิดและรู้ว่าทําไม “ดูเหมือนว่าจะเป็นผลจากที่ข้าถามเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะก็มีเพียงแค่สํานักกุยหลิงที่ดูแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งเดียวในมณฑลชิงเหอ…”

 

แม้ว่าแผนการของเขานั้นจะคิดมาดีแล้ว แต่ฟางหยวนก็อาศัยอยู่ในหุบเขามานาน ดังนั้นจึงจัดการกับสถานการณ์ได้ไม่รอบคอบนัก

 

“เหตุใดตําหนักสี่ทะเลจึงสามารถส่ง [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทอง ที่ 4 หรือ 5)] มาเพียงเพื่อสะกดรอยตามข้าได้?”

 

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับนี้นับว่าไม่ธรรมดา ซึ่งทําให้ฟางหยวนประหลาดใจ

 

ตอนนี้ เขาเปลี่ยนเป็นเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ อย่างกะทันหัน แล้วหายตัวไป

 

“หืม?”

 

ไม่นานนัก นายท่านฉิงก็มาถึงที่ตรอก “นี่เขารู้ตัวว่าข้าตามเขามาแล้วใช่หรือไม่?”

 

นายท่านฉิงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวและตัดสินใจไล่ตามฟางหยวนต่อไปแทนที่จะถอยกลับ

 

ตรอกนี้สั้นนิดเดียวและยังเป็นทางตัน

 

“เจ้าหัวขโมย เจอกับกรงเล็บของข้าหน่อยเป็นไง!”

 

“ว้าว!”

 

เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ

 

ฟางหยวนจัดการลงมือจู่โจมคนที่คิดไม่ดีกับเขา

 

“ฮ่าฮ่า… ช่างโง่จริงๆ!ใครมันจะเปิดเผยตําแหน่งตัวเองออกมาตอนที่จะลอบทําร้ายกันเล่า?”

 

นายท่านฉิงหัวเราะและหุบพัดลง โดยไม่มองกลับไป เขาก้าวเท้าถอย “นกกระจิบถลาลม!”

 

พัดธรรมดาๆกลับเปรียบได้กับกระบี่คมกริบเมื่ออยู่ในมือของนายท่านฉิง พัดจีบทิ่มมาด้านหลังเงาร่างสีดํา เกิดเสียงลมพัดกรรโชก

 

“ฟุบ!”

 

พัดทะลวงเข้าไปในเงาดําอย่างง่ายดาย แต่นั่นก็เป็นขณะเดียวกับที่นายท่านฉิงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

“โอ้ ไม่นะ!”

 

เขาก้าวถอยตามสัญชาตญาณและดึงพัดกลับมาปกป้องตัวเอง

 

ก้าวแรกที่ผิดพลาดไป ทําให้เกิดความผิดพลาดตามมาเป็นขบวน

 

การจู่โจมแรกล้มเหลวยิ่งทําให้เขาเสียเปรียบ!

 

“ฟุบ!”

 

ทันใดนั้น กรงเล็บอินทรีของศัตรูก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

 

“ดี!”

 

นายท่านฉิงรู้สึกตื่นเต้นขณะสังเกตเคล็ดกรงเล็บอินทรี เขาก้าวถอยอีกสองสามก้าวเพิ่มระยะห่างระหว่างตัวเองกับฟางหยวน “เคล็ดกรงเล็บอินทรีที่ดี! เทียบกับอว์ชิวเหลิ่งแล้ว เจ้าด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย ใครคืออาจารย์ของเจ้า?”

 

ด้วยความเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์ระดับนี้ เขาควรจะต้องถูกสอนมาโดยใครสักคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

 

“เจ้าเพิ่งฝึกได้แค่เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กระดับ 4 เองรึ? ดูเหมือนวิชายุทธ์ของเจ้าจะยังด้อยกว่าข้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5!”

 

นายท่านฉิงประกาศระดับยุทธ์ของตนอย่างภาคภูมิใจ

 

“เจ้าโง่เอ๊ย!”

 

ฟางหยวนมองสบตากับเขาและรู้สึกสงสาร

คนประเภทที่เปิดเผยระดับการฝึกฝนของตนให้ศัตรูรู้นั้น ถ้าไม่มั่นใจเป็นที่สุดก็โง่

 

โชคร้ายสําหรับนายท่านฉิง ที่น่าจะเป็นพวกหลัง!

 

“มันก็ยากสักหน่อยที่จะเอาชนะ [ผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5] ด้วยฝ่ามือทรายดํา แต่นั่นข้าก็ไม่สะดวกนัก!”

 

ฟางหยวนมองแถบประสบการณ์ของเคล็ดกรงเล็บอินทรี เหล็กของตนแล้วพึมพํา เรียกใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก มือทองสองข้างผลักออกในท่าคล้ายกรงเล็บคู่หนึ่ง

 

“เดี๋ยวก่อน!”

 

นายท่านฉิงพยายามทําความเข้าใจกับสถานการณ์อย่างร้อนรน “นี่น่าจะเป็นความเข้าใจผิด!”

 

เขาเพียงต้องการแอบตามดูฟางหยวนเท่านั้น มันกลายเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายระหว่างทั้งคู่ได้อย่างไร?

 

และเขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าคนตรงหน้านี้นอกจากจะเจรจาด้วย ได้ยากแล้วยังโหดเหี้ยมนัก

 

“โชคดีของข้า… พลังภายในของข้านั้นมากกว่าเขามาก เขาใช้พลังภายในของตนเพื่อโจมตีและน่าจะทนไว้ได้ไม่นาน ทันทีที่กําลังหมดลง ข้าก็จะสามารถ…”

 

นายท่านฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกกรงเล็บอันว่องไวและต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างกะทันหันของฟางหยวน ครอบคลุมลงมา!

 

“[เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 5)]! เป็นไปได้อย่างไร?”

 

เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ต่อสู้กัน ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยของวิทยายุทธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์สุดท้าย จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนผู้หนึ่งจะสามารถเพิ่มพลังของตนได้อย่างกะทันหัน?

 

นายท่านฉิงตื่นตระหนก และเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กก็ทะลวงผ่านการป้องกันของเขาเข้ามาได้ ร่างของเขาปลิวขึ้นไปกลางอากาศก่อนจะตกลงมากระแทกกับกําแพง 

 

“เจ้า…”

 

เขาหน้าเผือดซีดลง กระอักเลือดออกมาคําโต “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้…”

 

“ทําไม?”

 

ฟางหยวนเดินไปข้างหน้า ตบเข้าที่กระหม่อม เปิดให้เห็นผมยาวกลุ่มหนึ่ง “เพียงแค่เพราะเจ้าเป็นผู้หญิง?”

 

“เจ้ารู้?”

 

นายท่านฉิงกรีดร้อง เสียงร้องของนางแหลมสูงและก้องกังวาน

 

“มีแค่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่สามารถมองผ่านการตกแต่งใบหน้าอย่างไร้ฝีมือเช่นนี้ได้!”

 

ฟางหยวนพูดไม่ออก “เจ้าเป็นใคร? ทําไมต้องมาคอยตามข้า? เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับตําหนักสี่ทะเล?”

 

“ฮึ่ม!”

 

เขาไม่รู้ว่าทําไมนางจึงยังเก็บเงียบ และไม่มีทีท่าหวาดกลัวหลังจากถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

 

“โอ้?”

 

ฟางหยวนดีดนิ้ว “แม่นาง ทางที่ดีเจ้าจงตอบคําถามข้า หรือไม่เช่นนั้น… อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทําร้ายสตรี!”

 

นางมีท่าทีหวาดกลัวขึ้นมา น้ําตาเริ่มเอ่อคลอหลังได้ยินคําขู่ของฟางหยวน

 

Carefree Path of Dreams

Carefree Path of Dreams

Score 10
Status: Completed

บทนำ

นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตสันโดษอยู่บนภูเขา ปลูกพืช เลี้ยงปลา และฝันถึงความฝันของเขา

เอ๋?

จู่ ๆ ข้าก็ออกไปพิชิตทั่วหล้าและกลายเป็นผู้ครองโลกเหรอ?

หรือว่าข้ายังอยู่ในความฝันกันแน่?

Options

not work with dark mode
Reset