เจ้าคิดอะไรของเจ้าน่ะ?”
ฟางหยวนยืนขึ้นอย่างช้า ๆ ใบหน้าไร้ความเห็นใจ สายตาเย็นชาทำให้ซ่งซานรู้สึกถึงความตายขึ้นมา
“รั้งมือก่อน…”
เขาตะโกน “เจ้าฆ่าซ่งอวี้เจว๋ ซ่งจงย่อมไม่ปล่อยเจ้าไปเป็นแน่ เขาบ้าไปแล้วและต้องการให้ทุกคนตายไปเป็นเพื่อนลูกชายของเขา… ข้าช่วยเจ้าได้เพราะข้ารู้จักตาแก่นั่น…”
เขาพูดได้ครึ่งทางและรู้สึกตระหนกหลังจากกระอักเลือดออกมากองใหญ่
“ข้าจะจัดการกับตาแก่นั่นด้วยตัวข้าเอง ส่วนเจ้าก็ไปตามทางของเจ้าเถอะ!”
ฟางหยวนไม่รู้ว่ามีอะไรอื่นที่สามารถแก้พิษงูจูเหว่ยได้อีกหรือไม่นอกจากบัญชาพญายม
ผู้ฝึกยุทธ์ผู้นี้ถูกพิษอย่างง่ายดายแม้ว่าจะมีวิชาระดับสูงเทียบเท่าฟางหยวน
ไม่นาน ซ่งซานก็กลายเป็นศพ ใบหน้าเขียวคล้ำ
“โชคร้ายนัก… พิษนี่รุนแรงจนฆ่าซ่งซานตายไปก่อนที่ข้าจะทันได้ข้อมูลอะไรจากเขา ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ถ้าจะให้ยาวิเศษสักเม็ดเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ได้นานอีกสักหน่อย…”
ฟางหยวนรู้สึกเสียดายนิด ๆ หลังจากเห็นซ่งซานตายไป เขาโบกมือและพูด “ฮวาหูเตียว ไปลาดตระเวนรอบ ๆ สังหารทุกคนที่กล้าเข้ามาใกล้บริเวณนี้!”
“กิกี๊!”
ประกายแสงสีขาวสว่างวาบผ่านไปและฮวาหูเตียวก็กลับมาหลังจากไปลาดตระเวนไม่นาน อุ้งเท้าของมันสะอาดและมันส่ายหัวไปมา
“ไม่มีคนอื่นแล้ว? ซ่งซานมาที่นี่เองงั้นรึ?”
ฟางหยวนสงสัย แต่ก็ถอนหายใจเมื่อมองเห็นร่างของโจวเหวินอู่ “เจ้าโชคดีไปนะ!”
ถ้าซ่งซานยอมจากไปง่าย ๆ ฟางหยวนย่อมต้องส่งโจวเหวินอู่ออกไปและจบความสัมพันธ์ของพวกเขาลง แต่ซ่งซานมีเจตนาจะเข้ามาวุ่นวายและจะลากเขาเข้าไปในปัญหา โจวเหวินอู่ช่างโชคดีจริง ๆ
แล้วอีกอย่าง โจวเหวินอู่หมดสติไปแล้วและไม่รู้จุดยืนรวมทั้งพฤติกรรมก่อนหน้าของฟางหยวน
มันย่อมคุ้มค่าที่จะรักษาชีวิตของเขาเอาไว้
“ซ่งจงเสียสติไปแล้วจริง ๆ ที่จัดการกำจัดตระกูลโจวทั้งตระกูล โชคดี ข้าได้ช่วยชีวิตโจวเหวินอู่ไว้ทำให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากสำนักเขาได้ ไม่ว่าสำนักไหนที่รู้สถานการณ์ของเขาจะต้องยื่นมือเข้าช่วยเป็นแน่!”
เมื่อก่อตั้งเป็นสำนักขึ้นมา ย่อมไม่อนุญาตให้คนในสำนักเข่นฆ่ากันเอง ไม่อย่างนั้น จะหาความสามัคคีระหว่างคนในสำนักจากที่ใดได้?
ถ้าคนในตระกูลโจวถูกกำจัดไปหมด ไม่เหลือผู้นำไว้ ซ่งจงย่อมหาใครสักหลายคนมาเป็นแพะรับบาปให้ตัวเองรอดพ้นจากข้อกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร
แต่ตอนนี้โจวเหวินอู่ยังมีชีวิตรอดเป็นพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ เมื่อทุกคนรู้เรื่องนี้ซ่งจงย่อมไม่สามารถหนีพ้นได้!
ดังนั้น ในสายตาฟางหยวน เก็บโจวเหวินอู่เป็น ๆ เอาไว้นั้นมีประโยชน์มากกว่า
ถึงอย่างไรในเมื่อฟางหยวนฆ่าซ่งอวี้เจว๋ไป ย่อมต้องจัดการกับซ่งจงเพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในอนาคต
…..
“ท่านพ่อ… แม่…”
ในความฝันของเขา เขามองเห็นซ่งจงกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดได้อย่างรางเลือน
โจวเหวินอู่ตะโกนออกมา แล้วตื่นขึ้นจากความฝันด้วยความรู้สึกตกใจ
ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก แต่ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
“ใช่แล้ว… ท่านพ่อต่อสู้กับคนพวกนั้นอย่างเต็มที่เพื่อให้น้องสาวและข้าสามารถหนีออกมาทางเส้นทางลับได้ โชคไม่ดี พวกเรายังคงถูกไล่ตามมาจนได้ จนในที่สุดพวกเราก็แยกกัน…”
เขาเริ่มได้สติและมองสำรวจรอบตัว
“ที่นี่… หุบเขาสันโดษ?”
“เจ้าตื่นแล้วเหรอ?”
ฟางหยวนยกยาชามหนึ่งเข้ามาและแสดงท่าเป็นห่วง
“ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้!”
โจวเหวินอู่ต้องการลุกขึ้นคารวะแต่ถูกฟางหยวนหยุดเอาไว้ “เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ควรจะนอนนิ่ง ๆ บนเตียงและพักผ่อน… เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลโจวกัน?”
“ตระกูลโจว…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของโจวเหวินอู่ก็ปริ่มน้ำ “จากวันนี้ไป จะไม่มีตระกูลโจวในเมืองชิงเย่อีกต่อไปแล้ว!”
“เป็นไปได้อย่างไร? เหล่าโจวกับคุณหนูโจวเล่า?”
ฟางหยวนทำเสียงประหลาดใจและถาม “ฆาตกรคือใครกัน?”
“ซ่งจงย่อมต้องเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนฆาตกรรมนี้!”
โจวเหวินอู่กัดฟันแน่นและพูดต่อ “แม้ว่าฆาตกรจะปิดบังหน้าตาไว้ ข้าเคยเห็นเขาด้วยสองตาตัวเองมาก่อน ข้าจำไม่ผิดแน่!”
“….”
ฟางหยวนหายใจเข้าลึกก่อนถาม “นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร?”
“ซ่งจงนั่นเป็นคนสติวิปลาสผู้หนึ่ง!”
โจวเหวินอู่พยายามลุกขึ้นนั่งก่อนพูด “น้องสาวของข้ากับข้าแยกกันหลบหนี ข้าไม่แน่ใจว่าท่านพบเห็นพวกมันหรือไม่ ตอนที่ซ่งซานกับพวกไล่ตามข้ามา ข้าถึงได้รู้ว่ามันยากที่จะเอาชนะซ่งจง…”
“ข้าไม่เห็นพวกมัน…”
ฟางหยวนส่ายหน้าและพูด “คุณชายโจว เจ้าเป็นคนดี ที่นี่ค่อนข้างลับตาและซ่งซานอาจจะจากไปแล้ว…”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น!”
โจวเหวินอู่ไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขาคิดว่าฟางหยวนจัดการกับเรื่องราวต่าง ๆ อย่างไร เขาก็เข้าใจความหมายและคำตอบของฟางหยวนขึ้นมา
“คุณชายโจว เจ้าวางแผนไว้อย่างไร?”
ฟางหยวนตัดบทด้วยการถามคำถามกลับ
“ข้าจะกลับไปที่สำนัก เพื่อขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าสำนัก!”
ดวงตาโจวเหวินอู่แดงก่ำ เขากำหมัดแน่นก่อนจะพูด “ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องตายตกลงสักวัน!”
ตัวเขาเองรู้ดีว่าไม่สามารถรับมือซ่งจงได้ด้วยตัวเอง และจำต้องได้รับความช่วยเหลือจากสำนัก
นอกจากนี้ ซ่งจงเป็นฝ่ายผิดและควรจะได้รับการลงโทษตราบใดที่เขาสามารถเปิดโปงมันได้!
“ด้วยอาการบาดเจ็บของเจ้าตอนนี้ เจ้าไม่ควรเคลื่อนไหวมากนัก โชคดีที่มณฑลชิงเหอนั้นไม่ไกลนัก ข้าสามารถเขียนใบสั่งยาให้เจ้าได้ แต่มันเพียงพอแค่ให้เจ้ากลับไปที่สำนักเท่านั้น ไม่เพียงพอให้เจ้าฟื้นฟูวิทยายุทธ์กลับมาได้!”
ฟางหยวนพยักหน้าเห็นด้วย
“ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือ!”
โจวเหวินอู่รู้สึกตื้นตันกับความช่วยเหลือของฟางหยวนแต่ก็ยังรู้สึกเศร้าใจ เขานัดหมายจุดนัดพบกับโจวเหวินซินเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถไปพบได้จนกระทั่งตอนนี้ นางอาจจะถูกฆ่าไปแล้วก็ได้
ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาย่อมเป็นผู้เดียวที่เหลือรอดของตระกูลโจว
“หลังจากข้าแก้แค้นแล้ว ข้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนพระคุณของท่าน!”
“นั่นไม่จำเป็น…”
ฟางหยวนโบก ๆ มือเหลือบมองโจวเหวินอู่ “เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ให้ข้าเป็นเพื่อนเจ้าไปที่มณฑลชิงเหอดีหรือไม่?”
“หะ?”
โจวเหวินอู่รู้สึกมึนงงเมื่อได้ยิน
เดิมทีเขาก็มีความคิดเช่นนี้ แต่ไม่กล้าร้องขอเพราะแค่นี้ก็รบกวนฟางหยวนมากแล้ว แต่ในเมื่อฟางหยวนเสนอขึ้นมาเอง ก็ทำให้เขากลายเป็นคนดีในสายตาโจวเหวินอู่ไปเลย!
เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าในสายตาฟางหยวน โจวเหวินอู่นั้นมีความสำคัญเป็นที่สุดในการทำให้แน่ใจว่าซ่งจงจะต้องตาย ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้แน่ใจว่าโจวเหวินอู่จะไปถึงสำนักโดยสวัสดิภาพ
แน่นอนว่าโจวเหวินอู่ไม่รู้ความจริง ในสายตาเขา ฟางหยวนนั้นจิตใจงดงามและยังมีความสามารถทางการแพทย์ที่น่าตื่นตะลึงด้วย
….
“มณฑลชิงเหอ…”
บนถนน เกวียนเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ฟางหยวนสวมหมวกและสงสัยอยู่เงียบ ๆ ในใจ
ในโลกนี้ เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นนั้นหาได้ยาก อย่างเช่นเมืองชิงเย่ ตระกูลใหญ่คือผู้ปกครองและออกกฏแทนที่จะเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
ในมณฑลเองก็เช่นกัน อาจจะเรียกได้ว่าสำนักกุยหลิงนั้นควบคุมเบ็ดเสร็จ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ถึงจะมีอยู่แต่ก็ไม่มีสิทธิมีเสียงอะไร
แล้วเจ้าหน้าที่ทางการระดับสูง ๆ ส่วนหนึ่งในมณฑลก็เป็นสมาชิกของสำนักกุยหลิงด้วยซ้ำ
ดังนั้น ฟางหยวนสามารถเดาสภาพอำนาจสูงสุดในการปกครองมณฑลได้ว่า คงจะคล้ายกับครั้งหนึ่งที่เขาเคยฝันถึง
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหลังจากถูกฆ่าล้างตระกูล โจวเหวินอู่จึงไม่รายงานไปยังส่วนปกครองท้องถิ่น แต่กลับวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากสำนักตน
เกวียนเคลื่อนที่ไปอย่างนุ่มนวลด้วยความเร็วคงที่ ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้บาดเจ็บที่นอนอยู่ด้านใน
‘ทิ้งฮวาหูเตียวไว้ข้างหลังเพื่อให้ปกป้องหุบเขาสันโดษ ส่วนข้าก็ต้องทนทรมานเดินทางมาที่มณฑลนี่!’
‘แน่นอนว่าข้าจะไม่เปิดเผยฝ่ามือทรายดำของข้าออกไปเท่าที่จะทำได้ เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กของข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!’
ฟางหยวนตั้งใจจะพัฒนาวิชายุทธ์ของตัวเอง เหลือบมองที่หน้าต่างสถานะตอนนี้
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 2.7
พลังลมปราณ: 2.6
พลังเวทย์: 1.5
อายุ: 18
ระดับการฝึกตน: [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ห้า)]
วิทยายุทธ์: [ฝ่ามือทรายดำ (ระดับ 5), [กรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 4)]]
ทักษะ: [การแพทย์ (ระดับ 2)], [การดูแลพืช (ระดับ 3)]”
“เพราะข้ามีพื้นฐานวิทยายุทธ์อยู่แล้ว จึงสามารถเพิ่มระดับเคล็ดวิชากรงเล็บอินทรีเหล็กได้อย่างรวดเร็ว…”
แม้เมื่อเขาไปตามล่าปุ๋ยวิญญาณ เขาก็ยังคงฝึกฝนอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เขายังได้ประโยชน์จากการกินเนื้อสัตว์วิญญาณ ซึ่งให้ผลดีกว่ากินข้าวหยกแดงเสียอีก
“พลังลมปราณของข้าเพิ่มขึ้น 0.1 เคล็ดวิชากรงเล็บอินทรีเหล็กของข้าก็อยู่ในระดับสูงขึ้น และยังไม่ไกลจากจุดสูงสุดก่อนเลื่อนเป็นระดับ 5 แล้ว…”
ฟางหยวนพอใจกับความก้าวหน้าของตัวเองนัก
ตอนที่เขาสังหารซ่งอวี้เจว๋ก่อนหน้านี้ เขาได้เปิดเผยวิชาฝ่ามือทรายดำออกไป ดังนั้น เขาจึงต้องพยายามปิดบังวิชายุทธ์นี้เอาไว้เท่าที่จะเป็นไปได้
ตรงกันข้าม วิชากรงเล็บอินทรีเหล็กนั้นก็ไม่ได้มีข้อเสียเปรียบเช่นนั้น และยังสามารถฝึกได้จนกระทั่งประตูทองที่สิบสอง ดังนั้น ก็คงจะได้รับความสนใจจากผู้อื่นอยู่บ้าง
ฟางหยวนนั่นเพ่งมองที่เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กก่อนที่ข้อความหนึ่งจะปรากฏขึ้นในจิตใจ
“เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก – เคล็ดวิชาที่ผสานกำลังภายนอกและภายในเข้าด้วยกัน เมื่อฝึกสำเร็จ ก็จะเหมือนมีเหล็กกล้าปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย ทำให้น้ำและไฟไม่อาจกล้ำกลาย รวมทั้งการบาดเจ็บภายนอกใด ๆ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับที่ 4 เคล็ดวิชานี้เพิ่มพลังภายในของเคล็ดกรงเล็บอินทรีได้ด้วย!”
บนเส้นทางการฝึกวิทยายุทธ์ ก่อนที่จะฝ่าผ่านประตูทองที่หก ประตูชาง ได้ จะมีเพียงพลังภายใน ไม่ใช่กำลังภายใน!
สำหรับฟางหยวน นี่คือความแตกต่างระหว่างพลังภายในที่สับสนไม่เป็นระเบียบกับกำลังภายในที่ร้อยพันคล้ายเชือก
อย่างไรก็ตาม การฝึกวิชายุทธ์นั้นดีต่อพลังภายในของผู้ฝึกอยู่แล้ว
เขารู้สึกได้ว่าพลังภายในที่จุดตันเถียนของตนนั้นแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถรับรู้ได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่อยู่ภายในนั้น
ถ้าเขาประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนพลังภายใน เขาก็จะผ่านมาตรฐานระดับต่ำสุดของผู้มีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์ของมณฑลชิงเหอแล้ว!
“อาจารย์… อาจารย์ฟาง!”
ตอนที่ฟางหยวนกำลังจะเข้าภวังค์ฝึกเคล็ดกรงเล็บอินทรี เสียงแผ่ว ๆ ก็ดังออกมาจากในเกวียน
“คุณชายโจว รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ฟางหยวนเปิดม่านเกวียน มองใบหน้าเผือดซีดของโจวเหวินอู่
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว!”
โจวเหวินอู่ส่งเสียงไออีกสองสามครั้ง มีเลือดปนออกมา
“ไอ้.. ไอ้แก่นั่นมันต้องไม่ปล่อยข้าไปง่าย ๆ มันต้องส่งคนมาป้องกันไม่ให้เราเข้ามณฑลชิงเหอได้!”
“แล้วอย่างไร?”
ฟางหยวนหัวเราะพลางพูด “พวกเราไม่มีอะไรจะต้องกังวลถ้าซ่งจงไม่ได้มาหยุดเราด้วยตัวมันเอง!”
เขาจัดการซ่งซาน ผู้เป็นศิษย์ของซ่งจง ได้อย่างง่ายดาย นี่บ่งบอกระดับวิชาของเขาเทียบกับคนของซ่งจง
แล้วอีกอย่าง เส้นทางการเข้าสู่มณฑลมีมากมาย เขาสามารถเปลี่ยนไปใช้ถนนเส้นอื่นให้คนของซ่งจงหาตัวพวกเขายากขึ้นก็ได้
นอกเสียจากพวกมันจะอยากมีปัญหาภายในมณฑล