กําเนิดดาบปีศาจ กําเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 42 – ปลีกตัวออกห่าง
กําเนิดดาบปีศาจ(BDS) เล่ม1 : บทที่ 42 – ปลีกตัวออกห่าง
“อธิบายอีกครั้งซิ”
โนอาห์อยู่ในห้องหนึ่งของตึกผู้พิทักษ์ตรงหน้าเขามีโต๊ะใหญ่ตัวหนึ่งที่มีแผนที่ถูกทิ้งอยู่บนนั้น วิลเลียมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาทําหน้าเคร่งขรึมขณะมองลูกศิษย์
โนอาห์ชี้ไปยังแผนที่และพูดด้วยน้ําเสียงเรียบ
“ข้าเข้าไปในป่าเพื่อตามหาเงาสีเทา ข้าเสียเวลาค้นหาอยู่สองสัปดาห์จึงเลือกที่จะเข้าสํารวจลึกเข้าไปในป่า หลังจากเดินทางได้สองสามวัน ข้ารู้สึกถึงสัญญาณของสิ่งมีชีวิตในถ้ําเล็กๆ แห่งหนึ่งจึงเข้าไปสํารวจ พบกลุ่มโจรอยู่ข้างในนั้นกําลังแยกของกันอยู่ ดังนั้นข้าก็เลยฆ่าพวกเขาและใช้เสื้อผ้าของคนพวกนั้นมัดและลากจูงของสินค้าดังกล้าวกลับมาที่คฤหาสน์ ข้าพบควินท์ที่ชายแดนของป่าและเขาเสนอให้ข้าติดรถกลับมาที่นี่ ทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละขอรับ”
โนอาห์ชี้บนแผนที่ถึงเส้นทางที่เขาใช้พร้อมทั้งอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างภารกิจ
วิลเลียมจ้องเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง
“พ่อค้าบอกว่ามียาธรณีพร้อมฉลากยาอยู่ในหองสินค้าเหล่านั้นด้วย เจ้ามั่นใจนะว่าเจ้าเอาของที่ถูกปล้นทุกอย่างมากรบนะ?”
โนอาห์ยักไหล่และพูดด้วยท่าทีที่ใสซื่อ
“ข้ามั่นใจว่าข้านําของทุกอย่างจากถ้ํานั้นมาแล้วหมดแล้วแต่ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าตอนลากมาของจะยังอยู่ในภาชนะที่บรรจุมันหรือไม่ ยาธรณีคืออะไร? มันเป็นของดีรึ? ข้ากลับไปตรวจสอบให้อีกครั้งก็ได้นะขอรับถ้าท่านต้องการ”
ท่าทีที่โหยหาในอํานาจของโนอาห์นั้นทําให้วิลเลียมถอนหายใจและส่ายหน้า
“ช่างมันเถอะ เจ้าไปได้ แล้วข้าจะไปนํารางวัลมาใหเมื่อทุกอย่างถูกส่งไปที่เขตในแล้ว”
โนอาห์โค้งคํานับเล็กน้อยและออกมาจากห้องขณะนั้นเองก็มีใครบางคนปรากฏตัวข้างหลังวิลเลียม
“เจ้าเชื่อเขารึ?”
วิลเลียมมองไปยังทิศทางที่โนอาห์เดินไปและตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าคิดว่าเขาพูดความจริง เอาเถอะ มันค่อนข้างเป็นไปได้ยากหากจะซ่อนยานั่นจากเรา และ ท่านสารวัตร บางทีท่านอาจจะลืมไปว่าเขาไม่ได้พยายามที่จะซ่อนอาศิรของลมหายใจครั้งนั้นที่เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้มันมา”
สารวัตรผู้พิทักษ์เพียงมองวิลเลียมก่อนจะหันกลับไป
“เจ้าให้ท้ายเด็กนั่นจนเกินไป ตระหนักถึงหน้าที่ของเราต่อเขตในและฐานะของเด็กนั่นก็ไม่ได้ดีกับที่นั่นสักเท่าใดหรอก นะ”
สีหน้าของวิลเลียมหมองลงเมื่อได้ยินคําพูดดังกล่าว เขานึกภาพในใจได้อย่างชัดเจนว่าเด็กคนนั้นจะเอาแต่ฝึกฝนเคล็ดวิชาซ้ําแล้วซ้ําเล่าอยู่ทุกวันเพียงลําพังในห้องเพียงเพื่อให้ตนได้แข็งแกร่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เขาจําได้ถึงทุกความตั้งใจระหว่างการรักษา แม้ร่างกายเขาจะไม่ไหวแต่จิตใจของเขายังคงอยู่ในสมาธิ มุ่งมั่นที่จะทําให้ก้าวเล็กๆ ได้ก้าวไปสู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่ขึ้นบนเส้นทางแห่งการฝึกตน
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่วิลเลียมรู้สึกว่าชีวิตไม่ยุติธรรม และเขาส่งเสียงในความคิดออกมา
“สวรรค์และโลกยังยุติธรรมอยู่อีกรึ?”
สารวัตรหยุดเดินไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับเป็นครั้งสุดท้าย
“ยุติธรรมสิ แต่ไม่ใช่กับมนุษย์”
จากนั้นเขาก็จากไป ทิ้งให้วิลเลียมรู้สึกขัดแย้งอยู่คนเดียวในห้อง
ขณะเดียวกันนั้น โนอาห์ก็กลับมาถึงตึกแขก เขาอยากพบแม่เพื่อดูว่าเธอสบายดี แต่ห้องเธอกลับปิดได้ยินเพียงเสียงเบาๆ ดังออกมาจากข้างในห้อง
เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วที่โนอาห์ได้ยินว่ามีอะไรเกิดขึ้นในห้องนั่นบ้างแต่ก็ต้องทําเป็นเหมือนไม่ได้ยินเพราะมันจะกลายเป็นดาบสองคมทําลายความรู้สึกเขาเอง
เขาเข้าไปในห้องตัวเองและชักดาบออกมา จากนั้นก็ฝึกฝนทุกกระบวนท่าที่มีในศิลปะการต่อสู้จนกระทั่งสงบนิ่งลง จากนั้นเขาก็หยิบอักษรรูนคีเซอร์ขึ้นมาและเริ่มฝึกฝนตลอดทั้งคืน
เขาฝึกฝนถึงราวครึ่งวันของวันใหม่และเขาต้องหยุดการฝึกไว้เพียงเท่านี้เพราะมีใครบางคนมาเคาะประตูห้อง ทุกวันนี้เพียงแปดชั่วโมงในการฝึกฝนก็สูบพลังงานจิตเขาไปมาก มันทําให้เขาเหนื่อยล้าและง่วงซึม เขายังฝืนให้ตัวเองทํากิจวัตรทั่วไปได้แค่เท่านั้น
เขาเปิดประตูและพบลิลลี่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้ อมกลับกล่องเล็กๆใบหนึ่งในมือ สภาพเธอดูอ่อนแอและซีดเซียวเธอดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัดจากมือทั้งสองข้างที่สั่นเทาเล็กน้อย ทั้งนี้ยังมีรอยช้ําขนาดใหญ่ที่กรามด้วย
“อาจารย์ของเจ้าส่งสิ่งนี้มาให้ เขาบอกว่าเจ้ารับใช้ตระกูลได้ดีมาก”
เธอกําลังยิ้มอย่างภิใจเมื่อมองบุตรชายของเธอ โนอาห์รับกล่องจากมือและลูบจุดที่มีรอยชําเบาๆ
ลิลลี่ส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรหรอกลูก เจ้าไม่ต้องห่วง ท่านพ่อของเจ้าเพียงรับไม่ได้ที่ได้เห็นเจ้าเก่งเกินหน้าเกินตากว่าบุตรคนอื่นๆ ของเขา” จากนั้นเธอก็เข้ามาใกล้โนอาห์และประคองใบหน้าน้อยๆ ด้วยสองมือและมองเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง “สัญญากับแม่ว่าเจ้าจําคิดก่อนทํา จงปลอดภัย! ไม่ต้องห่วงแม่สนใจเพียงแค่อนาคตของเจ้าก็พอ!”
โนอาห์มองแม่ของเขาและพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆแต่ภายในใจ เขากลับคิดเพียงแต่มือที่เย็นมากของลิลลี่เธอดูพอใจกับคําตอบของเขาและกอดเขาก่อนจะจากไปโนอาห์ได้แต่ยืนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ปิดประตูและนั่งลงบนพื้น
แกรก!
กล่องในมือของเขายุบจากการที่เขาออกแรงบีบและมีขวดสองขวดหล่นลงใส่ขาของเขา “อย่าที่คิดไว้เลย ยากําลังภายในก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
เขาเปิดขวดยาและดื่มทั้งหมดลงไป ความรู้สึกอันแสนพิเศษถึงความแข็งแกร่งแล่นไปทั่วร่างกายของเขาแต่เขากลับไม่สนใจ เขาเพียงนั่งมองอักษรรูนคีเซอร์ตรงหน้าเพื่อสานต่อการฝึกฝนที่ค้างไว้
หนึ่งเดือนครึ่งผ่านไป โนอาห์แทบจะออกมาจากห้องเลยในช่วงระหว่างวัน มีเพียงแค่การซ้อมการต่อสู้ประจําสัปดาห์กับวิลเลียมและมื้อกลางวันกับแม่ของเขา เขาไม่ได้ออกไปทําภารกิจใดเลย
ตอนนี้เขากําลังยืนอยู่ในห้อง ใบหน้าซีดเซียว ถุงใต้ตาดําคล้ํา แต่เปลือกยังคงถ่างเปิดอยู่ ในม่านตาของเขาราวกับมีแสงสว่างประกายออกมาสู่ความมืดมิดภายในห้อง
“มันรู้สึกอย่างนี้เองน่ะหรือ”
เขากําลังถืออักษรรูนคีเซอร์ด้วยมือขวาจ่ออยู่ตรงหน้าแต่ดู เหมือนว่าครั้งนี้จะไม่เกิดอุปสรรคใดเลยในการมอง มันเหมือนกับเขากําลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น! เขายิ้มจากนั้นก็วางอักษรรูนลง
“ต่อไปก็การรักษาขั้นที่หกสินะ!”