วันที่ฉันต้องอ่านมังงะทั้งวันได้ดำเนินไปเป็นเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น ในช่วงนั้นเมื่อฉันอ่านมังงะเล่มหนึ่งจบฟุวะก็จะเอามังงะเล่มใหม่มาให้เรื่อยๆ และพอฉันอ่านจบอีก เธอก็จะเอาเล่มใหม่มาให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนเวียนเป็นวัฏจักรไปเรื่อยๆ และด้วยเหตุนั้นทำให้จบลงที่ฉันขังตัวเองอยู่ในห้องในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อจัดการอ่านมังงะพวกนี้ให้หมด โดยในสัปดาห์นี้ฉันได้อ่านมังงะไปประมาณ 200 เล่ม ซึ่งพูดได้ว่ามังงะที่ฉันได้อ่านไปในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เพียงสัปดาห์เดียวมากกว่ามังงะที่ฉันได้อ่านมาทั้งชีวิตเสียอีก
“เธออ่านทั้งหมดนี่แล้วงั้นเหรอ เด็กดี เด็กดี”
ฉันนั่งอยู่ในห้องของฟุวะเหมือนอย่างเคย ฟุวะยิ้มและแสดงสีหน้าพึงพอใจพร้อมกับลูบหัวของฉัน ตอนนี้เรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่องที่น่ารำคาญเล็กน้อย เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอได้ทำการแตะเนื้อต้องตัวฉันอย่างไม่หยุดไม่หย่อนจนทำให้ฉันเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับการถูกสัมผัสตัวจากเธอ ซึ่งแตกต่างกับตอนวันแรกเป็นอย่างมาก และตอนนี้ฉันก็ได้ยอมแพ้ต่อสิ่งน่ารำคาญที่เธอทำอย่างการกุมมือหรือแหย่ไหล่ของฉัน มันเป็นเรื่องที่เหนื่อยที่จะต้องคอยขัดขืนทุกครั้ง ดังนั้นฉันจึงปล่อยให้เธอทำตามที่ต้องการไป
ถึงแม้ว่าฉันเริ่มที่จะคุ้นเคยกับการที่เธอแตะเนื้อตัวเธอขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็อย่างน้อยฉันก็สามารถยืนยันได้ว่า ฉันไม่ได้รู้สึกดีหรือมีความสุขกับเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อยละนะ
“นี่มาริกะว่าเล่มไหนสนุกที่สุดเหรอ”
“อืมม… คงเป็นเล่มนี้ละมั้ง อ๊ะ แต่เล่มนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะ”
ฟุวะดูทึ่งกับคำตอบของฉัน อีกทั้งสีหน้าของเธอนั้นเจือปนไปด้วยความสุขเล็กน้อย
“งั้นเหรอ ทั้งสองเล่มนี้ถูกเขียนโดยผู้แต่งชื่อดังทั้งคู่ ฉันเองก็ชอบทั้งสองเล่มนี้เหมือนกัน มาริกะนี่ตาแหลมใช้ได้เลยนะเนี่ย”
“จริงเหรอ อา ก็เพราะฉันก็ได้อ่านมังงะมาเยอะพอควรนี่นะ”
เธอได้ชื่นชมฉัน และมันก็ไม่เรื่องที่จะตอบกลับเธอไปด้วยคำไม่ดีนี่จริงไหม
“แล้วเป็นไงบ้างล่ะ”
ฟุวะผู้มีเส้นผมสีสว่างงดงามกำลังนั่งอยู่ข้างตัวฉัน เธอวางแขนลงบนเข่าของฉันพร้อมกับแหงนหน้ามองขึ้นมา ทรงสะโพกที่เป็นธรรมชาติของเธอนั้นเว้านูนอย่างสวยงาม ทำให้เธอดูสวยสดงดงามจนถึงจุดที่คงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าฉันผงะกับเสน่ห์ของเธอเข้า
“ความคิดที่ว่าผู้หญิงรักกันไม่ได้เนี่ยเปลี่ยนไปบ้างรึยัง”
“อย่ามาล้อเล่นกันหน่อยเลยน่า”
ฉันยังคงยืนกรานเช่นเดิมอยู่ ฉันยกแขนที่ไม่เคยเกรงอกเกรงใจใครของเธอขึ้นมาเบาๆ และขยับมันออกไปจากเข่า ฉันรู้สึกได้ถึงแขนที่เย็นอย่างน่าเหลือเชื่อของเธอ จากนั้นฉันก็มุ่งหน้าไปจับกับมังงะเล่มหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ
“พูดตามตรง มังงะพวกนี้ก็ค่อนข้างสนุกอยู่เหมือนกัน แต่ยังไงมังงะมันก็เป็นแค่เรื่องแต่งไม่ใช่รึไง คนที่เชื่อในโลกของมังงะเนี่ยก็คงมีแต่เด็กประถมเท่านั้นแหละ เธอเคยคิดที่จะฆ่าคนอื่นหลังจากอ่านมังงะแนวฆาตกรรมจบรึเปล่าล่ะ ก็ไม่อยู่แล้วน่ะสิจริงไหม และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงคิดว่าคำถามของเธอน่าเบื่อเหลือเกิน”
ฉันพูดจบด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจและความมั่นใจที่ล้นหลาม
“มังงะก็เป็นได้แค่มังงะ และโลกความเป็นจริงก็ยังคงเป็นโลกความเป็นจริงอยู่เช้าวันยังค่ำ พูดสั้นๆก็คือการที่ผู้หญิงคบกันไม่มีทางเกิดขึ้นบนโลกแห่งความเป็นจริงได้ยังไงล่ะ”
เป็นไงบ้างล่ะฟุวะ อายะ! เจอการโต้แย้งที่สมบูรณ์แบบจากฉันไปหน่อยเป็นไง ฉันบอกกับตัวเองแบบนั้น เธอเคยดูแคลนฉันไว้ก่อนสินะ ถึงตอนนี้ฉันจะตกอยู่ในสภาพนี้ แต่ที่โรงเรียนฉันก็ทำเกรดได้ดีและยังเป็นที่นิยมสุดๆเชียวนะรู้ไว้ด้วย
ทว่า
“อืม เข้าใจแล้ว”
ฟุวะได้พยักหน้าของเธอพลางเห็นด้วยกับฉัน ราวกับว่าฉันเพิ่งพูดเรื่องอะไรที่มันแสนจะเบสิคสุดๆออกไป เธอยืนขึ้นพร้อมกับแสดงสีหน้าสบายๆ ไม่ใช่ว่านี่ควรจะเป็นช่วงที่เธอแสดงสีหน้าพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชรึไงกัน
“…เอ่ออ นี่เธอเข้าใจความหมายที่ฉันต้องการสื่อรึเปล่าเนี่ย”
“แน่นอนสิ ฉันเองก็เห็นด้วยกับความคิดส่วนใหญ่ของเธอละนะ นี่เธอคิดว่าที่ฉันให้เธออ่านมังงะพวกนั้นเป็นเพื่อให้เธอยอมรับว่าความรักระหว่างผู้หญิงเนี่ยเป็นเรื่องที่สุดยอดไปเลยนะอะไรแบบนี้เหรอ เธอเองก็ไม่ใช่คนใจง่ายที่เปลี่ยนความคิดง่ายขนาดนั้นไม่ใช่รึไงกัน และก็…”
ทันใดนั้นฟุวะก็ได้เอามือมาจับคางของฉันและยกคางขึ้นด้วยนิ้วมือที่เพรียวบางของเธอ สัมผัสจากผิวของเธอทำให้ฉันรู้สึกราวกับว่าถูกห้อมล้อมไปด้วยน้ำแข็ง
“ฉันยังชอบที่จะทำให้ใครบางคน ค่อยๆหันมาตกหลุมรักฉันทีละนิดอีกด้วย”
“นั่นมันจะบ้าเกินไปแล้วย่ะ!”
เหงื่อเย็นๆได้เริ่มไหลท่วมร่างของฉัน ไม่ใช่ว่าฉันรู้สึกเหมือนกับยุงที่อยู่ในดงกบอะไรแบบนั้นซักหน่อยนะ รู้ไว้ซะด้วย
“งั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะไปยังสเตจที่สองของการ ‘มาทำให้ซากากิบาระ มาริกะตกหลุมรักฉันอย่างงมหัวไม่ขึ้นกันเถอะ’ ฉันเองก็ได้เตรียมการสิ่งจำเป็นสำหรับสัปดาห์นี้เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“ทำตามใจชอบเถอะ…”
ฉันถอนหายใจพลางนั่งเท้าคาง เธอได้ทำการวางแผนล่วงหน้าเอาไว้หลายขั้นแล้วสินะเนี่ย หึถ้างั้นมานั่งรอดูกันดีกว่าถ้าจะเธอคิดจะทำอะไร ฟุวะได้หยิบแผ่นดีวีดีขึ้นมาแผ่นหนึ่งและใส่ลงไปในเครื่องเล่นดีวีดี หืม หลังจากที่อ่านมังงะก็จบก็มาดูหนังต่องั้นเรอะ อ๊ะ ยังไม่เห็นเลยว่าหนังมีชื่อว่าอะไร
“อ๊ะ ลืมไปเลย ก่อนที่เราจะมาต่อกัน ถ้าอิงจากประสบการณ์การอ่านมังงะของเธอ ลองบอกความแตกต่างระหว่าง ‘ยูริ’ กับ ‘เลสเบี้ยน’ ดูหน่อยสิ”
“อืมม ฉันเองก็พูดเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเก่งซักเท่าไหร่แต่…เหมือนว่าถ้าพูดโดยทั่วไปแล้ว ยูริเหมือนจะไปในเชิงความสวยงามอะไรประมาณนั้น ในขณะที่เลสเบี้ยนจะดูเป็นอะไรที่…สมจริงมากกว่าในเชิงความลามกอะไรประมาณนี้ละมั้ง”
ฟุวะมองมาที่ฉันพลางถอนหายใจและส่ายหัว การตอบสนองนั่นทำให้ฉันหงุดหงิดชะมัด
“อา ไม่เป็นไร ฉันหวังว่าครั้งหน้าจะได้ยินคำตอบที่ดีกว่านี้นะ”
“นี่เธอคิดจะให้ฉันทำอะไรต่อไปกันแน่เนี่ย…”
ขณะที่เธอถือรีโมตเครื่องเล่นดีวีดีอยู่ เธอก็ดึงฉันให้ลุกขึ้นและนั่งลงไปยังที่นั่งที่ฉันได้นั่งอยู่เมื่อครู่ จากนั้นเธอก็อ้าแขนออกและมองมาที่ฉันพร้อมกับทำท่าทางบอกว่าให้มานั่งบนตักของเธอ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมเชื่อฟังและทิ้งร่างกายลงตรงระหว่างขาของฟุวะอย่างช้าๆ การถูกปฏิบัติแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับกลับไปเด็กอีกครั้ง
“จากการที่ฉันได้ใช้เวลาอยู่กับเธอไปซักพักหนึ่ง ฉันก็เริ่มที่จะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้เป็นทั้งยูริหรือเลสเบี้ยนหรอก แต่เป็นโรคจิตต่างหาก”
“ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะคิดยังไงกับฉัน ว่าแต่เธอคิดยังไงกับผู้หญิงที่ยอมขายร่างกายตัวเองให้กับเพื่อนร่วมห้องเป็นเวลา 100 วันเพื่อแลกกับเงินหนึ่งล้านเยนกันล่ะ”
“แหม ช่างเป็นผู้หญิงที่ฮาร์ดคอร์อะไรแบบนี้”
ฟุวะตอบสนองต่อคำตอบของฉันด้วยการหัวเราะเบาๆ ราวกับเป็นปรากฏการณ์หายากจนทำให้ฉันเบิกตากว้างและมองอย่างงุนงง
“ทำไมงั้นเหรอ”
“…เปล่า”
เสียงหัวเราะอย่างจริงใจของฟุวะ เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นอะไรแบบนี้ น่ารักชะมัด… เดี๋ยวสิ นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่กัน ไม่ใช่ซักหน่อย เรื่องอะไรพรรค์นั้นไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
“ฉันนี่ละสงสารตัวเองที่ต้องมาจำใจนั่งอยู่ระหว่างขาของเพื่อนร่วมห้องโรคจิตจริงๆ จะว่าไปแล้วลองมาคิดดูดีๆ ไม่ว่าจะเป็นตาลุงแปลกหน้าหรือฟุวะ ยังไงในตอนจบฉันก็ได้รับความเสียหายทางจิตใจอย่างรุนแรงเหมือนกันอยู่ดีไม่ใช่รึไง”
“อา แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีโดยการทำอะไรกับฉันแทนนี่”
ยัยผู้หญิงคนนี้นี่ยอมรับออกมาแล้วสินะ ว่าถ้าโยนเรื่องไม่ดีทิ้งออกไป เธอเองก็ทำตัวเหมือนกับตาลุงน่าขยะแขยงพวกนั้น อา ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ได้ค่าตอบแทนหนึ่งล้านเยนเหมือนกันอยู่ดีนี่นะ
“งั้นฉันจะเริ่มหนังแล้วนะ”
“จ้า ตามสบายเลย”
ฉันได้เอนหลังไปพิงกับร่างกายของฟุวะอย่างยอมครึ่งไม่ยอมครึ่ง จริงๆแล้วฉันรู้สึกไม่ค่อยชอบเลย เพราะหน้าอกที่ใหญ่โตคู่นั้นของเธอชอบดึงดูดความสนใจของฉันไป จนถึงจุดที่ฉันอยากที่จะถอดพวกมันออกเพื่อจะได้สบายใจขึ้นจริงๆ แต่ทันใดนั้นฟุวะก็ได้เอามือของเธอโอบล้อมรอบเอวของฉันและกอดฉันแน่น สัมผัสจากเธอนั้นให้ความรู้สึกราวกับถูกห้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่น และด้วยเหตุนั้นทำให้ฉันผ่อนคลายร่างกายของตัวเองลง แต่เพราะว่ามันรู้สึกดีที่ถูกกอดแบบนี้ ทำให้ฉันเผลอยกเอวขึ้นและทำให้ฟุวะหันหน้ามองมาที่ฉัน
“แล้วมีอะไรอีกละเนี่ย”
“เอ๊ะ มะ ไม่มีอะไรซักหน่อย”
ถึงแม้ว่าความสูงของพวกเราจะไล่เลี่ยกันและร่างกายเองก็เพรียวบางเหมือนกัน แต่ทำไมการโอบกอดจากเธอถึงรู้สึกดีกันจังนะ พอลองมาคิดดูแล้วความรู้สึกนี้มันค่อนข้างจะต่างจากการกอดจากคุณพ่อหรือคุณแม่อีกด้วย บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ด้วยกันแน่เลย อืมต้องเป็นแบบนี้แน่ๆเลย
และทันใดนั้นฟุวะก็ได้กอดรัดฉันแน่นขึ้นอย่างกะทันหัน ยัยเธอคนนี้ ที่ผ่านมามีผู้หญิงกี่คนแล้วกันที่เธอได้ล่อลวงมาเนี่ย ไม่ใช่ว่าเธอเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้เกินไปหน่อยเหรอ แต่ไม่ว่ายังไงฉันจะไม่มีทางกลายเป็นหนึ่งในพวกเธอแน่ ขณะที่ฉันได้คิดแบบนั้น ฟุวะก็กดปุ่มรีโมตและเริ่มต้นหนังขึ้น
“หนังจะเริ่มแล้วนะ ตั้งใจดูด้วยล่ะ”
“จ้า รู้แล้วจ้า”
อ๊ะ ฉันว่าฉันน่าจะรู้จักกับอะไรอย่างภาพยนตร์เพื่อการศึกษาอะไรประมาณนี้อยู่นะ ที่มันเกี่ยวกับศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างต่างเพศกับเพศเดียวกันอะไรประมาณนี้ใช่ไหม นี่คงเป็นอะไรอย่างสารคดีที่มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาสินะ
อ๊ะ มีผู้หญิงผมบ็อบน่ารักอยู่บนโซฟาด้วยล่ะ และเหมือนว่าเธอจะเป็นตัวละครหลักนะ หืม นี่มันสารคดีเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย
“เธอประหม่าอยู่เหรอจ๊ะ”
อ๊ะ เหมือนว่านั่นจะเป็นเสียงของผู้สัมภาษณ์ล่ะ งี้นี่เองนี่คงจะเป็นการสัมภาษณ์งานสินะเนี่ย ฟังจากน้ำเสียงแล้วเหมือนว่าคนสัมภาษณ์เองก็น่าจะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ผู้หญิงผมบ็อบคนนั้นเองก็ได้มองอย่างเขินอายตรงไปยังผู้สัมภาษณ์และตอบคำถามของเธอ
“อื้ม เอ่อ ขะ ขอเวลาแปปนึงได้ไหมคะ คือว่าจริงๆแล้วนี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ฉันได้มาทำอะไรแบบนี้”
“ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องกังวลอะไรหรอก ตอนนี้มีพวกเราอยู่กันแค่สองคนน่า ใจเย็น ใจเย็น”
“แต่…ถึงจะมีผู้หญิงอย่างพวกเราอยู่แค่สองคนก็เถอะ แต่คุณก็สวยมากซะจนทำฉันอดกังวลไม่ได้เลยนี่สิคะ”
“ฟุฟุฟุ ในตอนที่ฉันได้รู้ว่าฉันจะได้เจอกับเธอจริงๆซักที ฉันก็เตรียมตัวเต็มที่สำหรับวันนี้เลยล่ะ คาเรนจัง”
“อ๊ะ…ฉันเองก็เหมือนกันเลยค่ะ♡”
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย นี่มันไม่เหมือนกับว่าจะมีแววดราม่าเลยซักนิด นอกจากนี้ฉันไม่เคยเห็นหน้านักแสดงเหล่านี้มาก่อนเลย แต่นี่ไม่ใช่ว่านี่เป็นสารคดีหรอกเหรอ บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลก็ได้
“หนังเรื่องนี้ถูกสร้างโดยคนรู้จักของเธองั้นเหรอ”
“เดี๋ยวเธอก็ได้รู้เร็วๆนี้นั่นแหละ”
ฉันพยายามเต็มที่เพื่อที่จะคงความสนใจกับบทสนทนาในหนังที่น่าเบื่อเป็นเวลาห้านาทีเต็ม อืม แบบนี้นี่เอง ผู้หญิงน่ารักคนนั้นเป็นนักศึกษามหาลัย ส่วนอีกคนที่อายุมากกว่านั้นเป็นหญิงงามในชุดวันพีซ พวกเธอสองคนกำลังนั่งชิดกันอย่างน่าเหลือเชื่อบนโซฟา ไม่ใช่ว่าพวกเธอกำลังแตะเนื้อตัวกันอยู่งั้นเรอะ
ฉันนั่งดูไปเรื่อยๆจนกระทั่งพวกเธอเริ่มทำอะไรบางอย่างขึ้นมา
เดี๋ยวนะ
เอ๋ เดี๋ยวสิ พวกเธอได้จุมพิตกันอย่างดุเดือดและเลียไปยังริมฝีปากของอีกฝ่าย หา การแตะเนื้อตัวกันระหว่างพวกเธอรุนแรงมากขึ้นทีละน้อย และฉันก็ทำได้แค่เพียงมองไปที่พวกเธออย่างหวาดหวั่น บรรยากาศภายในห้องได้กลายเป็นอึดอัดขึ้นมา ทั้งฉันและฟุวะไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย เหงื่อเย็นๆเริ่มไหลท่วมหลังของฉัน หรือว่า อย่าบอกนะว่านี่มันเป็น…
ฉันรีบตะเกียกตะกายตรงไปยังที่โต๊ะและหยิบหน้าปกของแผ่นดีวีดีนั้นขึ้นมาดู
“สารคดีประสบการณ์ครั้งแรกของเด็กมหาลัยมือใหม่ จัด 24 ยกกับผู้อำนวยการสาวสวยชาญฝีมือ ด้วยเทคนิคระดับปีศาจนี้ ไม่ว่าใครก็หยุดไม่อยู่แล้ว!”
“นี่มันหนังโป๊ชัดๆเลยนี่!”
ฟุวะมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่เหมือนกับว่า ถึงจะเป็นแบบนั้นแล้วมันทำไมงั้นเหรอ สีหน้าแบบนั้นเลย
“เธอช่วยอธิบายให้หน่อยได้ไหมว่าทำไมหญิงสาวมัธยมปลายสองคนถึงจะต้องมานั่งดูหนังโป๊ด้วยกันหลังเลิกเรียนด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นหนังโป๊เลสเบี้ยนอีก เรื่องบ้าพวกนี้มันเป็นไปไม่ได้น่า”
“นับจากวันนี้ไป ในตอนหลังเลิกเรียนพวกเราจะมานั่งดูหนังโป๊หนึ่งเรื่องยาวสองชั่วโมงทุกวัน”
“นี่เธอตัดสินใจแทนฉันไปแล้วงั้นเรอะ!?”
“[ข้อตกลง]ของพวกเรา”
“ก็ได้!”
นี่เธอยังคงทนใจเย็นกับเรื่องพวกนี้อยู่ได้ยังไงกัน!? ไม่อยากจะเชื่อเลย! ฉันทนกัดฟันและกลับไปนั่งยังที่เดิมของฉันและเธอก็กอดฉันอีกรอบ ฉันรู้สึกราวกับว่ากำลังติดอยู่ในชั้นเรียนพิเศษกับอาจารย์ที่ไม่คุ้นเคยด้วย ฉันใช้สายตามองกลับไปยังหน้าจอ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มันก็เป็นแค่วิดิโอน่า ก็แค่สิ่งที่รวมเอารูปภาพหลายๆรูปกับเสียงเข้าด้วยกันแค่นั้นเอง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมากังวลอะไรซักหน่อย
นักแสดงที่อยู่ในหน้าจอกำลังจูบกันอย่างไม่หยุดพักในขณะที่คลำไปยังหน้าอกของอีกฝ่าย พวกเธอได้ถอดชุดออกทีละชิ้นๆ ถ้าดูโดยทั่วไปแล้ว ฝ่ายนักศึกษามหาลัยดูจะเป็นฝ่ายที่กำลังถูกรุกใส่อยู่ และฝ่ายผู้หญิงรูปงามคนนั้นก็เป็นฝ่ายที่คงความเยือกเย็นได้ตั้งแต่ต้น
ทำไม…ฉันถึงรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเธอ ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับ…ฉันกับฟุวะเลย หา! นี่ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!
ถึงแม้ฉันจะไม่เคยดูหนังโป๊มาก่อน แต่กลายเป็นว่าครั้งแรกของฉันจบลงที่ดูหนังโป๊เลสเบี้ยนซะงั้น มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังสัมผัสหน้าอกของฉันอยู่แบบนั้นเลย
“เดี๋ยว นี่มันไม่ได้แค่คิดไปเองแล้ว! ฟุวะกำลังคลำหน้าอกฉันจากข้างหลังนี่!”
“มาริกะนี่หยุดส่งเสียงดังซักทีจะได้ไหม”
“ฉันคงจะเงียบกริบเป็นหินเลยล่ะ ถ้าเธอหยุดนิสัยอยู่ดีๆก็ทำอะไรแบบนี้น่ะ!”
ในขณะที่พวกเรากำลังหยอกเย้ากัน เธอก็ลูบคลำหน้าอกของฉันจากนอกเสื้อผ้า เธอใช้นิ้วมือขยับเป็นวงกลมบนยอดของหน้าอกทั้งสอง บางครั้งเธอก็จับหน้าอกจากด้านล่างโดยเหมือนกับว่าเธอกำลังยกพวกมันขึ้นอย่างอ่อนโยน…
“อ๊ะ ดะ เดี๋ยวก่อนสิ ถึงฉันจะยอมรับว่ารู้สึกโอเคกับการแตะเนื้อต้องตัวมากขึ้นกว่าเดิมก็จริงหรอก แต่การที่ถูกจับหน้าอกแบบนี้มันก็เกินไปหน่อยนะ…”
ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจจากข้างหลังฉัน
“นี่ มาริกะ ฉันยังยอมทำแบบนี้ในตอนที่เธอยังใส่เสื้อผ้าอยู่นะรู้ไหม ฉันว่าสัมผัสแบบนี้ยังไม่สาแก่ใจซักเท่าไหร่เลย”
“ดันเป็นว่าเธอกลายเป็นคนบ่นซะงั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่มาจับหน้าอกฉันโดยที่ไม่ขออนุญาติเนี่ยนะ”
“ก็หลังจากเลิกเรียน เธอจะกลายเป็นของฉันนี่”
เธอตอบกลับราวกับว่าเธอไม่จำเป็นต้องมีอะไรอย่างคำอนุญาติจากฉันในการทำเรื่องแบบนี้ อะไรกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ก็คือมันคงจะเป็นเรื่องอันตรายแน่ถ้าให้เธอทำอะไรตามชอบกับร่างกายของฉันต่อไป
“ไม่ใช่เธอเคยบอกไว้ก่อนเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรที่เป็นการบังคับน่ะ”
“ใช่ฉันเคยพูดแบบนั้นก็จริงอยู่ แต่ฉันจะหยุดก็ต่อเมื่อเธอพูดว่า ‘ถึงแม้ว่าฉันจะเต็มใจขายร่างกายนี้ให้กับเธอก็เถอะ แต่ว่าฉันก็เป็นแค่ลูกแมวขี้ขลาดตัวน้อยที่หวาดกลัวแม้กระทั่งการจับหน้าอกเพียงนิดเดียว ดังนั้นขอร้องล่ะช่วยหยุดหน่อยได้ไหม’ พร้อมกับทำท่าโดเกซะและขอร้องอ้อนวอนฉันละนะ”
“…”
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถพูดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติเลยนะยะ ฉันสามารถนึกได้ถึงใบหน้าแสยะยิ้มของเธอได้จากข้างหลังขณะที่กำลังลูบคลำหน้าอกของฉันอยู่แบบนี้ ตอนนี้ฉันตัดสินใจที่จะทำอะไรปลอดภัยไว้ก่อน
“…เธอก็แค่อยู่ดีๆก็มาจับหน้าอกจนทำให้ฉันตกใจก็เท่านั้นแหละ ทำตามที่เธอต้องการไปเถอะ ไม่ใช่ว่าหน้าอกของฉันจะหายไปถ้าเธอไปจับเข้าซักหน่อยนี่”
“งั้นฉันจะไม่ยั้งมืออีกต่อไปแล้วนะ”
ฉันได้ยินเสียงเหมือนกับว่าบราของฉันถูกปลด เอ๋ เดี๋ยวสิ นี่เธอตั้งใจที่จะจับมันตรงๆเลยรึยังไงกัน
เดี๋ยวเซ่ ไม่เห็นเธอเคยบอกว่าจะทำอะไรแบบนี้ไว้ก่อนเลยนี่ คือคำที่ฉันอยากจะพูดออกไป แต่ฉันเลือกที่จะเงียบเอาไว้และพยายามเต็มที่เพื่อที่จะระงับความรู้สึกของฉันในตอนนี้
คนที่บอกกับเธอว่าจับได้ตามใจชอบก็คือฉัน และฉันก็ไม่อยากที่จะถูกหยอกล้อเหมือนกับก่อนหน้านี้ด้วย อีกทั้งฉันก็ไม่อยากที่จะให้เธอรู้ว่าในตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย
เธอเริ่มปลดกระดุมเสื้อของฉันทีละเม็ด ฉันไม่มีชุดชั้นในอื่นที่อยู่ข้างในเสื้อชั้นในอีกแล้ว ฉันรู้สึกได้ถึงมือของเธอที่ได้สอดเข้าไปข้างใน มือที่หนาวเย็นของเธอได้สัมผัสกับผิวที่เปลือยเปล่าของฉัน และทำให้ฉันรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมาเล็กน้อย
ฉันกัดริมฝีปากเพื่อที่จะกลั้นเสียงของตัวเองเอาไว้ นิ้วของเธอได้กวาดสร้างเส้นทางไปทั่วร่างกายของฉัน เลื่อนลงไปยังหน้าท้องและลูบคลำสะดือของฉันอย่างเบามือ จากนั้นเธอก็เลื่อนขึ้นอย่างช้าๆและท้ายสุดก็ไปจบลงตรงที่หน้าอกของฉัน มือที่เชี่ยวชาญของเธอได้เขย่าหน้าอกของฉันอย่างนุ่มนวล จากนั้นเธอก็ยกหน้าอกขึ้น บีบเล็กน้อย และก็ปล่อยวางลง ฉันรู้สึกว่าส่วนยอดหน้าอกของฉันได้ขยายตัวขึ้นเล็กน้อยจากการสัมผัสของเธอ
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิงที่จะสัมผัสกับหน้าอกของอีกฝ่าย แต่มันไม่ได้ถึงขนาดนี้แน่ ฉันอยากที่จะขยับตัวของฉันเนื่องด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาดนี่ แต่ฉันยังคงทนได้อยู่ และในขณะที่กำลังพยายามรักษาความเยือกเย็นที่มีไว้ ฉันก็ได้พูดสิ่งที่คิดในหัวเอาไว้ออกมาเบาๆ
“…นี่เธอกำลังเล่นกับความรู้สึกฉันอยู่รึไง”
“ไม่ ฉันค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้นะ”
“…”
ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรสินะ เอ๊ะ เดี๋ยวสิ ไม่มีทางที่จะไม่เป็นไรอยู่แล้วไม่ใช่รึไง หรือจะไม่เป็นไรกันแน่นะ ฉันได้ถามคำถามเดิมซ้ำๆในหัวของฉัน โธ่ ช่างมันแล้วรีบๆทำให้เรื่องนี้ให้มันเสร็จๆไปซักทีเถอะ
“นี่ ตั้งใจดูหนังหน่อยสิ”
“รู้น่า…”
ฟุวะยังคงเล่นกับหน้าอกของฉันต่อไปและไถลไปมาด้วยนิ้วของเธอ ในตอนแรกมันรู้สึกเหมือนกับจั๊กจี้ แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกใหม่ที่ไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน เหมือนกับตอนที่ถูกยุงกัดแล้วแผลที่คันไม่ยอมจางหายไปซักที
พอฉันเริ่มดึงสติกลับคืนมาได้อีกครั้ง พวกผู้หญิงที่อยู่ในหนังเองก็กำลังอยู่ในฉากที่กำลังลูบคลำหน้าอกของอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน มันดูน่ารุนแรงกว่ามากถ้านำมาเทียบกับพวกเรา หน้าอกที่ใหญ่โตคู่นั้นกำลังถูกเคล้าคลึงอย่างหนักหน่วงจนถึงระดับที่รูปร่างของมันเปลี่ยนไปตามแรงกดของมือเลย
อ๊า…อ๊า…เสียงหวานๆจากหน้าจอได้ดังก้องกังวาลไปทั่วห้อง ฉันเองก็กำลังพยายามเต็มที่ที่จะอั้นเสียงของฉันไม่ให้หลุดรอดออกไป โดยการใช้มือทั้งสองข้างปิดปากของฉันแน่น ฉันรู้สึกได้ถึงหูของฉันที่เสียวซาบซ่านไปหมด
นิ้วของฟุวะไม่ได้แตะแค่เพียงหน้าอกของฉันเท่านั้น นิ้วเหล่านั้นยังคงลูบไล้ไปมาและคลำไปยังต้นคอ หัวไหล่ แขนส่วนบน รักแร้ และหน้าท้องของฉัน นิ้วของเธอ ฝ่ามือของเธอ ปลายเล็บของเธอ แต่ละส่วนที่แตกต่างกันของเธอให้ความรู้สึกในตอนที่สัมผัสกับผิวที่เปลือยเปล่าของฉันแตกต่างกันไป ฉันรู้สึกราวกับว่าได้สูญเสียการควบคุมร่างกายไปและเริ่มรู้สึกตัวสั่นสะท้านอย่างไม่อาจหยุดได้
ความรู้สึกที่เธอได้สัมผัสมาได้ลึกซึ้งขึ้นไปเรื่อยๆ นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาเรียกกันว่าเล้าโลมด้วยความรักสินะ
เหมือนกับว่าเธอรู้ว่าจะต้องสัมผัสไปที่จุดไหน ตรงไหนบ้างที่จะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมา มือของเธอลูบไล้ไปทั่วร่างกายของฉัน ถึงแม้ว่าจะมีแค่อย่างเดียวที่ถูกถอดออกไปซึ่งก็คือบราของฉัน แต่ในขณะนี้ฉันรู้สึกราวกับว่าไม่ได้สวมใส่อะไรอยู่เลย
“นี่…เมื่อไหร่เธอถึงจะหยุดทำเรื่องพรรค์นี้กัน”
การถามไม่ได้แปลว่าฉันยอมรับความพ่ายแพ้ซักหน่อย มันก็แค่ฉันคงจะเริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาถ้าเธอทำอะไรอย่างลูบคลำหน้าอกฉันอย่างไม่หยุดไม่หย่อนก็แค่นั้นเอง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้จักฉันดีอะไรขนาดนั้น แต่เธอก็น่าจะพอเข้าใจใช่ไหมว่าฉันเริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้น่ะ และสิ่งที่สมควรทำหลังจากรู้ถึงเรื่องนั้นก็คือหยุดสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ในตอนนี้ไงล่ะ
“ก็คงจนกว่าหนังเรื่องนี้จะจบนั่นแหละ ดังนั้นฉันว่าก็คงอีกประมาณชั่วโมงนึงละมั้ง”
“…”
นี่เธอไม่คิดที่จะเมตตาปราณีกันหน่อยรึไง มันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดที่เธอน่าจะเข้าใจถึงสิ่งที่ฉันได้สื่อออกไป แต่เธอเลือกที่จะทำเป็นเมินเฉย แปลว่านี่คือท่าทีที่เธอได้เลือกสินะ
“แต่ถ้ามาริกะไม่อยากที่จะทำขนาดนั้นจริงๆล่ะก็ ฉันจะยอมหยุดก็ได้นะ”
ถ้าเธอได้ยื่นข้อเสนอแบบนี้มาตอนก่อนหน้านี้ ฉันคงจะเผลองับเหยื่อโดยไม่ทันได้คิดละเอียดถี่ถ้วนเป็นแน่ แต่ฉันได้รู้ทันแล้วว่าเธอจะต้องวางแผนซ้อนเอาไว้อย่างแน่ เพื่อหลอกล่อให้ฉันตอบตกลงกับข้อเสนอของเธออย่างไม่ทันได้ระมัดระวัง
“ถ้าเธออยากที่จะให้ฉันหยุดล่ะก็ เธอต้องจูบกับฉันเป็นการแลกเปลี่ยน อ๊ะแน่นอนว่าต้องเป็นตรงริมฝีปากเท่านั้นนะ”
“หะ…หาาา”
ฉันหันหน้ามองไปยังฟุวะ เธออยู่ใกล้มากซะจนถึงขนาดที่รู้สึกได้ถึงลมหายใจของเธอ เป็นเวลาช่วงขณะหนึ่งที่ฉันรู้สึกราวกับว่าหัวใจของฉันกำลังจะระเบิดออกมา เดี๋ยว นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมามัวใจเต้นอยู่นะ และก็การที่หัวใจของฉันเต้นระรัวขนาดนี้ก็เป็นความผิดของฟุวะที่อยู่ดีๆก็เอาเรื่องจูบมาพูดต่างหากล่ะ
“มะ-เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ”
“ถึงมาริกะจะเลือกทางไหนฉันก็ไม่ว่าหรอก ยังไงฉันก็ชอบที่จะสัมผัสกับผิวของเธออยู่แล้วด้วย ผิวของเธอน่ะทั้งเนียนนุ่มและก็ยังให้ความรู้สึกที่ดีอีกด้วย ฉันน่ะอยากที่จะกอดรัดมันตลอดไปเลยล่ะ”
“ตลอดไป…”
ทำไมเธอถึงจริงจังขึ้นมากัน ฉันไม่สามารถเข้าใจเธอได้เลย
ทุกๆจุดที่เธอเคยได้สัมผัสรู้สึกร้อนขึ้นมาทุกครั้งเมื่อนิ้วของเธอลูบไล้ไปทั่วร่างกายของฉัน มันทำให้ฉันอยากที่จะกระโจนหนีออกไปจากอ้อมกอดของเธอ ฉันต้องการที่จะให้เรื่องนี้จบลงเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้างในหัวของฉันยุ่งเหยิงไปหมดจนฉันไม่สามารถคิดอะไรได้อีกต่อไปแล้ว
และในตอนนั้นเอง
ฉันก็รู้สึกได้ถึงมือของฟุวะที่ได้ขยับเข้าไปข้างในกระโปรงของฉันและได้ไถลลึกเข้าไปข้างใน
“เดี๋ย-”
มันสายเกินไปแล้วที่จะหยุดเธอในตอนนี้
“ด-เดี๋ยวสิฟุวะ…”
นิ้วของเธอที่ได้สอดเข้ามาได้กดไปยังต้นขาของฉันราวกับว่าเป็นนักเปียโน นิ้วเหล่านั้นได้แตะต้องกับจุดอ่อนไหวที่อยู่บนผิวฉันอย่างไม่หยุดพัก ทำไมกัน ทำไมฉันถึงรู้สึกดีกับการถูกสัมผัสเนื้อตัวจากผู้หญิงขนาดนี้กัน ฉันไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ลย เพราะว่าถ้าคนที่ทำแบบนี้เป็นแค่เพื่อนของฉันล่ะก็ ฉันมั่นใจเลยว่าฉันจะไม่รู้สึกถึงขนาดนี้แน่
“ฟุวะ ไม่ใช่ว่าเธอคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ไปหน่อยรึไง”
“เรื่องนั้นเป็นความลับน่ะ ไว้การฝึกของพวกเราคืบหน้าไปบ้างแล้ว ฉันจะเป็นคนบอกเธอเอง”
“แบบนี้อีกแล้วนะ…”
เธอยังคงทำตัวน่าหงุดหงิดเหมือนเช่นเคย เป็นฟุวะผู้ที่เมินเฉยกับสิ่งรอบข้างและไหลไปตามจังหวะของตัวเธอเอง ใบหน้าของเธอมักจะให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นคนที่พิเศษเพราะไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ถึงสิ่งที่อยู่ภายในหัวใจของเธอ และนั่นคงทำให้เธอดูแคลนคนอื่นอยู่เสมอ
ฉันเป็นคนที่พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะอ่านสถานการณ์ ปรับตัวของฉันให้เข้ากับแต่ละคน บังคับตัวเองให้หัวเราะถึงแม้ว่าจะได้ยินมุกตลกที่ไม่ขำแม้แต่น้อย ฉันพยายามเต็มที่เพื่อที่จะคงบรรยากาศภายในห้องเพื่อให้ทุกคนสามารถมีความสุขไปกับชีวิตในโรงเรียนได้ ฉันเป็นคนที่ได้พยายามเต็มที่อยู่ตลอดเพื่อที่จะเป็นเพื่อนกับทุกๆคน
และแน่นอนว่า ฉันไม่ต้องการที่จะพ่ายแพ้ให้กับเธอคนนี้อีกด้วย
นี่คือสิ่งที่หัวใจได้บอกกับฉันมาโดยตลอด…
แต่ในตอนนี้หัวของฉันคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว บริเวณที่อยู่ข้างในต้นขาของฉันก็รู้สึกร้อนรุ่มจากการที่ฟุวะได้สัมผัสกับบริเวณนั้นอย่างไม่หยุดพัก
ฟุวะได้ขยับมือของเธออย่างใจเย็นและคลึงเคล้าไปทั่วทุกตำแหน่งที่ถูกต้องบนตัวฉัน ฉันสามารถรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะออกมาจะข้างในร่างกายของฉัน ทีละนิด มันค่อยๆใกล้ขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนั้นมันอาจจะออกมาในเวลาอันใกล้นี้ ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงอันตรายถ้าเธอยังคงทำแบบนี้ต่อไป
“ฟุวะ…เดี๋ยวสิ…ฉันจะ…”
ฉันทำได้เพียงแค่เปล่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา ส่วนสิ่งที่พวกผู้หญิงที่อยู่ในหน้าจอกำลังทำกันอยู่ ฉันได้เลิกสนใจไปตั้งนานแล้ว ฉันได้เผลอปล่อยเสียงที่ไม่เคยได้เปิดเผยต่อหน้าเพื่อนของฉันออกมา
“ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้ว”
“งั้นจูบล่ะ”
“ไอนั่น…ก็ไม่เอาเหมือนกัน”
“ก็ได้ ฉันพอกับตรงนี้แค่นี้ก่อนละนะ”
มือที่ได้ขยับไปมาดุเดือดระหว่างต้นขาของฉันได้เคลื่อนไหวกลับไปยังที่หน้าอกของฉัน และหวนคืนความรู้สึกที่แปลกๆนั่นอีกครั้ง เธอขยับมือของเธออย่างช้าๆแต่มั่นคงไปจนถึงส่วนยอดหน้าอกของฉัน ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุดของฉันในตอนนี้ ฉันต้องการที่จะหยุดมือของเธอแต่ว่าร่างกายของฉันดันไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งขึ้นมา
“ม-ไม่เอานะ ฟุวะ…ขอร้องล่ะ…”
“เธอเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างในหน้าจอรึเปล่า เธอคนนั้นดูเหมือนกับว่ากำลังมีความสุขกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่เลย รู้ไหมว่าสีหน้าในตอนนี้ของมาริกะเนี่ยเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นเลยนะ”
“อย่ามาโกหกหน่อยเลย…”
“ฉันก็แค่อยากจะทำให้มาริกะรู้สึกดีแค่นั้นเอง”
“ก็บอกว่า…อย่ามาโกหกกันไงเล่า อื้มมม”
ฟุวะได้สัมผัสไปยังส่วนยอดหน้าอกของฉันโดยไม่ทันได้บอกกล่าว ฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ได้พลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่างกายและเผลอร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ไม่นะ อ๊าาาา…”
นิ้วเท้าของฉันบิดงอเนื่องด้วยการกระทำที่กะทันหันของเธอ แต่ฟุวะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เธอยังคงเล่นกับส่วนยอดหน้าอกของฉันต่อไป ความเร่าร้อนที่อยู่ภายในร่างกายของฉันได้ไปรวมตัวกันอยู่ที่จุดเดียวและทำให้ที่ส่วนยอดตรงนั้นเป็นจุดที่อ่อนไหวเป็นอย่างมาก มันอ่อนไหวมากจนการสัมผัสที่หยาบกร้านของเธอที่ควรจะทำให้รู้สึกเจ็บดันกลายเป็นรู้สึกดีขึ้นมา
ด้วยทั้งมือที่หนักหน่วงและมือที่อ่อนโยน ราวกับว่าเธอกำลังสนุกอยู่กับการทำให้ร่างกายของฉันกลายเป็นของเล่นของเธอ เธอขยับมือจากจุดยอดไปยังฐานของหน้าอกและมันก็รู้สึกดีแบบสุดๆ ฉันได้พยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้เผลอปล่อยเสียงครางออกมา
เอวของฉันได้ขยับไปตามความต้องการของตัวมันเอง หัวของฉันโล่งเปล่าและมองเห็นทุกอย่างเป็นสีขาวโพลนไปหมด
“เธอน่ารักมากเลยนะ”
“ถึง…เธอจะพูด…แบบนั้นก็เถอะ…อื้ม”
ฟุวะยังคงยืนกรานที่จะสัมผัสกับจุดอ่อนไหวที่สุดของฉันต่อไป ขณะที่กำลังเล่นกับหน้าอกของฉันอยู่ เธอก็เริ่มทำการกัดหูของฉันจากข้างหลัง ฉันไม่สามารถที่จะทนได้อีกต่อไปและเผลอปล่อยเสียงครางออกมาเมื่อถูกกระตุ้นจากสองจุดที่ต่างกันในคราวเดียว
ลิ้นที่เปียกแฉะของฟุวะได้เต้นระบำไปมาขณะที่กำลังรุกเข้ามาในหูของฉัน ท่ามกลางการจู่โจมของเธอ เริ่มทำให้ร่างกายของฉันสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง แย่แล้วสิ
ความรู้สึกที่ถูกโจมตีจากอย่างดุเดือดรุนแรงจากสองจุดพร้อมกันแทบจะทำให้ฉันเป็นบ้า ฉันสามารถเห็นได้ถึงจุดสุดยอดแห่งความสุขอยู่ตรงหน้าของฉัน
ฉันรู้สึกราวกับว่าจะยอมได้กับทุกอย่างที่เธอต้องการหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสจุดที่อ่อนไหวหรือแม้แต่จูบก็ตาม ฉันจะขอรับทุกอย่างเอาไว้เอง สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือขอให้เธอช่วยปลดปล่อยฉันจากความรู้สึกนี้ที
หืม…
ราวกับลมได้พัดผ่าน ฟุวะได้หยุดมือของเธอและขยับกลับไปยังเอวของฉัน เธอกลับไปยังท่าโอบกอดฉันจากข้างหลัง เธอกอดรัดฉันแน่นจนกระทั่งสามารถรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ
“หา…เอ๋…”
ในตอนนี้ฉันคงเหมือนกับคนโง่ที่ตะลึงจนอ้าปากค้าง ฉันหันหน้ามองไปยังฟุวะ และพบกับฟุวะที่กำลังยิ้มอย่างเห็นอกเห็นใจอยู่
“พยายามได้ดีมากมาริกะ เธอทำได้ดีมากเลยล่ะสำหรับสองชั่วโมงที่ผ่านมานี้”
“อ๊ะ…”
ฉันใช้สายตามองกลับไปยังหน้าจอและพบว่าหนังได้จบลงแล้ว ราวกับเป็นเรื่องที่ฝันไป ฉันไม่สามารถแม้แต่จำได้เลยว่าหนังได้จบลงอย่างไร ฉันจำได้แค่เพียงเสียงที่ลามกและร่างกายที่แนบชิดติดกันของพวกเธอ อย่างนี้นี่เอง มันจบลงแล้วสินะ
“…ถ้าจบแล้ว ก็ปล่อยตัวฉันไปซักทีสิ”
“อ๊ะ จริงด้วย”
ฟุวะปล่อยตัวฉันในขณะที่ปากของฉันกำลังทำเป็นรูปตัวへอยู่ ฉันทำการจัดการบราของฉันให้เข้าที่และจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย อื้ม กลับไปเป็นเหมือนปกติซักที
อีกอย่างนึง ดูเหมือนว่าความเร่าร้อนจากก่อนหน้านี้จะยังคงเหลืออยู่ภายในร่างกายของฉัน ลึกลงไปข้างในใจของฉันแล้ว ฉันยังคงอยากที่จะให้เธอหยอกล้อฉันจนกว่าฉันจะขอร้องให้เธอหยุด บ้าจริง ยัยตัวฉันอีกคนนี่มันน่ารำคาญจริงๆ
ฟุวะทำสีหน้าพึงพอใจในขณะมองตรงมาที่ฉันจากเตียงของเธอ เธอนั่งไขว่ห้างจนฉันสามารถที่จะเห็นถึงต้นขาที่เพรียวบางของเธอโผล่แลบออกมาจากกระโปรงเล็กน้อย
“อะไรเหรอ มาริกะ เธอมีอะไรที่อยากจะพูดรึยังไง”
“…ไม่มีอะไรซักหน่อย”
ซากากิบาระ มาริกะตัวจริงเสียงจริงผู้นี้ ไม่ได้อ่อนแอจนถึงขนาดที่ยอมแพ้ให้กับเจ้าความคิดทรยศที่คิดจะขอให้เธอเล่นกับร่างกายของฉันต่อหรอกนะ สิ่งที่ฉันได้ตัดสินใจไปกำลังบอกกับฉันว่าในตอนนี้ตัวฉันอีกคนกำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ อย่างกับว่าฉันจะสนงั้นแหละ
ใช่แล้ว ถ้าดูจากผลลัพธ์แล้วล่ะก็ ฉันทำได้ดีที่สามารถทนทุกอย่างที่เธอรุกเข้ามาใส่ฉันได้ งั้นก็แปลว่าวันนี้นั้นเป็นชัยชนะของฉันยังไงล่ะ
“อืมม มันก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากอะไรเลยนี่นา ถ้าเทียบกับคนที่มีประสบการณ์โชกโชนแล้ว เธอก็แค่งั้นๆเองนี่นา อ๊ะแหม รู้สึกดีจริงๆเลยน้าที่ได้มาอีก 10,000 เยนฟรีๆจากการเอาชนะเธอเนี่ย”
“อืม”
ฟุวะลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยนเหมือนกับว่าเป็นเด็ก หุหุหุ สำหรับฉันในตอนนี้แล้วการแตะเนื้อต้องตัวแค่นั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉันหรอกนะ! แม้จะตอบสนองต่อชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของฉัน ฟุวะก็ยังคงความสงบของเธอไว้
“ถ้างั้นพวกเราจะเริ่มทำการดูหนังโป๊พร้อมกับทำการเล้าโลมไปซักพักหนึ่งนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้นะ ฉันจะพยายามเต็มที่เพื่อที่จะชนะเธอให้ได้ในซักวันหนึ่งเลยล่ะ”
“…หา”
นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้…ไปซักพัก…งั้นเรอะ
ฉันรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาอย่างกะทันหันและฟุวะก็ฉวยโอกาสนี้ในการลูบแก้มของฉัน เธอขยับเข้ามาใกล้และกระซิบข้างหูฉันว่า “ช่วยเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วยล่ะ เพราะว่าครั้งหน้าฉันจะไม่อดทนไว้อีกแน่ ฉันจะทำให้เธอตกหลุมรักฉันอย่างแน่นอนเลยล่ะ”
ฉันทำได้เพียงมองไปที่เธอด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น และรู้ตัวว่าได้ทำพลาดไปมหันต์และเผลอเหยียบเข้ากับระเบิดสุดอันตรายให้ซะแล้ว นี่มัน…แย่แล้วไม่ใช่รึไง
เหลืออีก 92 วันก่อนจะจบศึกตัดสิน
*****
ปล1.ตอนนี้ค่อนข้างยาวหน่อยเพราะไม่รู้จะแบ่งพาร์ทตรงไหนดี…
ปล2.ตอนต่อๆไปจะแมวกว่านี้อีก