ผู้กล้าอาคมดํา ตอนที่ 27
ร็อดพาแวมไพร์เดินผ่านป่าทึบ
ภายในปามีแสงส่องลอดต้นไม้ลงมาไม่มาก ตามพื้นยังมีกิ่งไม้ใบไม้อยู่เกลื่อนกล่น รอบด้านมีแต่ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ร็อด กวาดตามองดู ต้นไม้แต่ละต้นใหญ่ประมาณห้าหกคนโอบเมื่อรอบด้านมีแต่ต้นไม้ การจําแนกทิศทางภายในปาจึงยากลําบากไม่ใช่น้อย
เนื่องเพราะภายในป่านั้นไม่มีถนนหนทาง อีกทั้งทุกทิศยังดู เหมือนกันไปหมด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสําหรับร็อดที่จะระบุตําแหน่งของตัวเอง แม้จะมีแผนที่อยู่ในมือ แต่เขาก็จะต้องหาจุดอ้างอิงให้ได้เสียก่อน หลังจากนั้นจึงจะสามารถมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายได้
ดูจากสัญลักษณ์บนแผนที่แล้ว ร็อดก็เลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังแม่น้ําที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน จากนั้นจึงค่อยเดินเลียบแม่น้ําเพื่อตามหาเมืองขนาดเล็ก
รอดก้มหน้าลงดูแผนที่ในมือ ตามสิ่งที่บันทึกบนแผนที่นั้นหากว่าเขาต้องการจะมุ่งตรงไปยังแม่น้ํา เขาก็จะต้องผ่านจุดที่ระบุสัญลักษณ์อันตรายเอาไว้
ร็อดไม่ล่วงรู้สภาพพื้นที่หรือว่าศัตรูที่เขาจะต้องพบเจอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เดินทางด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีแวมไพร์ร่วมทางมาด้วย ทั้งสองก็ช่วยกันสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ
ร็อดที่มีสกิลสอดแนมย่อมสามารถสอดส่องพื้นที่โดยรอบอย่างสะดวกสบาย แม้จะทําให้การเดินทางเชื่องช้าลงบ้างแต่เขาก็ไม่จําเป็นต้องเสียเวลาไปกับเส้นทางอ้อม
ตามความคิดของร็อดแล้ว ศัตรูที่เอลล็อตคิดว่าจัดการได้ยากนั้นไม่ได้หมายความว่าจะยากสําหรับเขาด้วย
ขณะที่มุ่งตรงไปทางแม่น้ํา ร็อดจะสามารถพบเห็นศัตรูได้ตั้งแต่ระยะไกลผ่านสกิลสอดแนม หากว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งเขาก็จะหลบเลี่ยง แต่หากว่าเป็นศัตรูที่อ่อนแอ เขาก็จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นค่าประสบการณ์
รอดประเมินว่าถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีแวมไพร์อยู่ด้วย แม้จะต้องเผชิญหน้ากับเอลล็อตอีกครั้งแบบซึ่งหน้า เขาก็ไม่จําเป็นต้องกลัวแต่อย่างใด ชัยชนะอย่างต่อเนื่องติดต่อกันทําให้เขามีความกระหายอยากที่จะเอาชนะศัตรูที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
ในระหว่างที่เดินทาง แม้รอบด้านจะไม่พบสิ่งปกติใดๆร็อดก็ไม่เคยลดความตื่นตัวลง เขาไม่ได้เดินลุ่มๆไปตรงๆแต่เขาจะคอยสอดส่องสภาพแวดล้อมก่อนทุกครั้ง
ยิ่งออกมาไกลจากสุสาน แสงสว่างก็ยิ่งน้อยลงทุกทีร็อดกวาดมองโดยรอบ ต้นไม้ในพื้นที่แถบนี้สูงจนผิดปกติกิ่งก้านสาขาที่งอกเงยออกมาก็บดบังแสงสว่างจนแทบไม่เหลือร็อดจําต้องเดินผ่านต้นไม้เหล่านี้
ในระหว่างที่เดินไปข้างหน้า ร็อดก็สะดุดตากับต้นไม้ที่โค่นเอียงลงมาสองสามต้น
ต้นไม้เหล่านี้ดูเหมือนจะล้มลงมาด้วยเหตุผลบางอย่างขณะที่ต้นอื่นๆ โดยรอบยังยืนต้นอย่างแข็งแรง
ต้นไม้ที่ล้มลงมาเหล่านี้ราวกับถูกขุดรากถอนโคนขึ้นมาได้ไม่นาน เพราะบริเวณส่วนรากยังคงมีดินเกาะอยู่
ความผิดปกตินี้ทําให้รอดเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น อาศัยการรับรู้ที่ได้รับผ่านสกิลสอดแนม เขารีบกวาดสายตามองดูรอบๆ แต่ก็ไม่พบเห็นสิ่งใด ดังนั้นจึงได้แต่มุ่งหน้าไปต่อ
เดินไปได้ไม่ไกล สัญชาตญาณของเขาก็พลันส่งเสียงแจ้งเตือน ความรู้สึกวิกฤตอย่างแรงกล้าผุดขึ้นในใจของรอดเขารีบพาแวมไพร์หลบเข้าหลังต้นไม้ต้นหนึ่งทันที
พื้นดินเกิดเสียงดังตึงตัง แรงสั่นสะเทือนเริ่มใกล้เข้ามาในปามีเสียงของกิ่งไม้ใบไม้ขยับเคลื่อนไหว และเสียงที่เกิดขึ้นก็ยิ่งมายิ่งเข้าใกล้พวกเขา
ร็อดรับรู้ได้ตั้งแต่ระยะไกล สิ่งมีชีวิตบางสิ่งกําลังใกล้เข้ามาในทิศทางที่เขาอยู่ จากที่สัมผัสได้ผ่านความรู้สึกแม้จะหลบอยู่หลังต้นไม้แต่รอดยังรู้สึกใจสั่นขึ้นมา
แรงสั่นสะเทือนของพื้นดินเริ่มใกล้เข้ามาทุกที แวมไพร์เหมีอนจะสัมผัสได้ถึงพลังของศัตรูตัวนี้ ร่างกายที่หลบอยู่หลังต้นไม้เริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง
แรงสั่นสะเทือนนั้นมาจากทางด้านหน้าของต้นไม้ ร็อดตระหนักดีว่าหากไม่มีต้นไม้ต้นนี้เป็นที่กําบัง ศัตรูตัวนี้คงจะค้นพบพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย
ตราประทับวิญญาณส่งสัญญาณแจ้งเตือนถี่ยิบ ร็อดสามารถรับรู้ได้แวมไพร์กําลังรู้สึกกลัว เขาทําได้เพียงบังคับแวมไพร์ให้อยู่นิ่งๆผ่านทางตราประทับวิญญาณ ขณะเดียวกันเขาก็กลั้นลมหายใจของตัวเองด้วย
แรงสั่นสะเทือนค่อยๆเคลื่อนห่างออกไป ศัตรูตัวนี้ไม่พบตัวรอดและแวมไพร์ มันค่อยๆเดินไปที่ส่วนลึกของปา
เมื่อศัตรูที่แข็งแกร่งจากไป แวมไพร์ก็สงบลง ร็อดเอนหลังพิงต้นไม้ นึกถึงศัตรูตัวเมื่อครู่
ในตอนที่ศัตรูจากไปนั้น รอดก็รีบชะโงกหน้าออกไปมองและด้วยการมองเพียงแวบเดียวนี้ ร็อดก็สามารถระบุตัวตนของศัตรูตัวนี้
ร่างกายของมันสูงใหญ่เท่ากับต้นไม้ยักษ์ที่อยู่โดยรอบร่างกายส่วนบนของมันนั้นคล้ายคลึงกับมนุษย์ ผิวหนังของมันปกคลุมไปด้วยริ้วรอยที่คล้ายกับต้นไม้ที่ตายไปแล้ว
มันคือเดดวูดวอริเออร์
แรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินค่อยๆจางหายไป แต่รอดยังคงคิดถึงพลังรบของศัตรูตัวนี้
ขั้นที่ 5 หรืออาจจะสูงกว่านั้น?
ร็อดไม่ทราบ แต่เขารู้ว่าศัตรูตัวนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาในเวลานี้จะรับมือได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเดดวุดวอริเออร์มีค่าการรับรู้ ที่ต่ําบางทีมันอาจจะรู้สึกตัวขึ้นมา
สําหรับเหล่าผู้คนที่หลงทางอยู่ในป่านั้น เดดวูดวอริเออร์มักจะไม่สนใจ ทั้งยังอาจจะช่วยพาพวกเขาออกจากปาแต่สําหรับเหล่าเนโครแมนเซอร์แล้ว เดดวูดวอริเออร์ไม่ได้จิตใจดี ถึงเพียงนั้นร็อดไม่กล้าคิดเลยว่าหากมันพบตัวพวกเขาขึ้นมาจะเป็นอย่างไร
โชคดีที่ในพื้นหนึ่งนั้นจะมีเดดวูดวอริเออร์เพียงตัวเดียวหลังจากเฝ้ามองดูศัตรูเดินจากไป รอดก็ไม่จําเป็นต้องกังวลว่าจะเจอเดดวูดวอริเออร์ตัวอื่นๆอีก
ร็อดพร้อมกับแวมไพร์มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เดดวุดวอริเออร์ใช้เดินทางมา
“เอลิ..”
ร้อนเหมือนจะนึกออกแล้วว่าตอนนี้เขาอยู่ตรงตําแหน่งไหนในแผนที่
ก่อนที่จะพบเจอกับเดดวุดวอริเออร์นั้น เพียงมองจากต้นไม้ที่สูงตะหง่านโดยรอบ ร็อดก็ได้แต่คาดเดา แต่ไม่กล้าฟันธงตอนนี้หลังจากได้พบกับเดดวูดวอริเออร์ ร็อดก็มั่นใจว่าตอนนี้ที่ที่เขาอยู่ก้คือ เอลิ
เอลินั้นถูกปกครองโดยเผ่าพันธุ์เอลฟ์ พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นผืนป่า ที่นี่ยังมีสัตว์วิเศษอยู่จํานวนมาก อาทิเซนทอร์หรือพรายไม้
ในหมู่สิ่งมีชีวิตต่างๆที่อาศัยอยู่ในผืนปา เดดวูดวอริเออร์ที่เขาเพิ่งเจอไปนั้นถือเป็นผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังของเอลิ ด้วยความแข็งแกร่งที่ควบคู่ไปกับพลังชีวิตอันมหาศาล นั่นทําให้เดดวุดวอริเออร์เป็นศัตรูที่รับมือได้ยากยิ่ง ร็อดยังคงจําได้ดีว่าพลังที่เดดวูดวอริเออร์แสดงออกมาในสนามรบนั้นน่ากลัวเพียงใด
และดีย่า สถานที่ที่เหล่าเนโครแมนเซอร์มาชุมนุมกันนั้นก็ตั้งอยู่ติดชายแดนของเอลิ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในเอลินั้นชิงชังเหล่าเนโครแมนเซอร์เป็นอย่างมาก หากว่าต้องเข้ามาภายในเอลิ พวกเนโครแมนเซอร์จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะว่าเมื่อใดที่ถูกพบตัว พวกเขาก็จะถูกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดภายในเอลิออกไล่ล่า
แม้จะรับรู้ตําแหน่งที่ตนเองอยู่โดยคร่าวๆ แต่รอดก็ยังไม่รู้ ว่าตอนนี้เขากําลังอยู่ในช่วงเวลาไหนของเกม
หากว่าเขารู้ทั้งตําแหน่งและช่วงเวลาจากประสบการณ์อัน โชกโชนในชีวิตที่แล้วของเขาร็อดก็จะสามารถอ้างอิงจากเนื้อ เรื่องของเกมเพื่อนํามาใช้ประโยชน์ได้สูงสุด
ขณะที่กําลังเดินอยู่ เขาก็รู้สึกได้ถึงความชื้นในอากาศขณะที่ความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร็อดทราบว่าตัวเขาอยู่ห่างจากเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ตอนแรกอีกไม่ไกลแล้ว
หมู่มวลไม้ที่ด้านหน้าเริ่มลดลง แสงสว่างเริ่มปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า จากนั้นแม่น้ําสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสา ยตาของร็อดจากเสียงน้ําไหลเชี่ยวที่ดังกระทบใบหู ร็อดรู้ว่า เขามาถึงแม่น้ําที่มาร์กเอาไว้ในแผนที่แล้ว
อ้างอิงจากในแผนที่แล้ว เป้าหมายต่อไปของร็อดก็คือการเดินเลียบแม่น้ําไปหาเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด
เมื่อมาถึงแม่น้ํา ร็อดก็มองเงาสะท้อนของตนเอง เขาเห็นเพียงเส้นผมที่สั้นของตนเอง แต่ไม่อาจประเมินได้ว่าเป็นสีใดแม่น้ําที่ไหลเชี่ยวตลอดเวลาทําให้เขาไม่อาจสังเกตรูปลักษณ์ของตนได้อย่างชัดเจน บนใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ขาดหลุดลุ่ยไปนานแล้ว ตามร่างกายมีรอยบาดแผลที่ตกสะเก็ดแล้วอยู่ไม่น้อย
รอดยิ้มเจื่อน ตั้งแต่ที่เข้ามาในโลกนี้เขาก็ต่อสู้ไม่หยุดดังนั้นจึงยังไม่มีเวลาได้จัดแต่งตัวเอง ไหนๆก็มาถึงแม่น้ําแล้วร็อดถอดเสื้อผ้าออกแล้วโยนลงแม่น้ํา จากนั้นจึงค่อยๆเดินลงไปในแม่น้ําเพื่ออาบน้ําสักครา