บทที่ 24 หญิงสาวลึกลับ
“คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง?” เย่ปินรู้สึกงงและจ้อง หน้าของหญิงสาวอย่างระมัดระวัง
“คุณคือเย่ปินจริงๆด้วย” เมื่อได้ยินคําถามของเย่ปิน หญิงสาวก็แสดงความตื่นเต้นทันที
เขามองรูปร่างหน้าตาของหญิงสาว แล้วนึกบ่นในใจ เขาไม่คิดว่าเขารู้จักผู้หญิงคนนี้ แต่ดูจากท่าทางตื่นเต้นของอีกฝ่ายแล้ว เธอคงรู้จักเขาจริงๆ
“เราเคยเจอกันด้วยเหรอ?” เย่ปินพูดอย่างเย็นชา พร้อมกันคิดในใจว่า เขาเคยพบผู้หญิงคนนี้ระหว่างทําคดี แต่เพิกเฉยต่อเธอ เพราะบ้างานเกินไปหรือไม่
“จําฉันไม่ได้เหรอ? ฉันชื่อยายา” หญิงสาวพูดอย่างกังวล
“ยายา” เป็นพึมพํา เขารู้สึกคุ้นชื่อนี้มาก แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน
“เราเคยเจอกันที่ไหนเหรอ?” เย่ปินยังคงนึกไม่ออก
“คุณจําฉันไม่ได้เหรอ?” หลังจากได้ยินคําถามของเย่ปินอีกครั้ง สีหน้าของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ขอโทษ ผมไม่รู้ว่าเราเคยพบกันที่ไหน ผมจําคุณไม่ได้จริงๆ” เย่ปินพูดอีกครั้งโดยไม่มีชั้นเชิงแม้แต่น้อย ซึ่งทําให้หญิงสาวถึงกับน้ําตาร่วงทันที
“งั้นก็ได้” หญิงสาวฝืนยิ้มทั้งที่น้ําตานองหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทําให้เย่ปินเห็นว่าเธอรู้สึกไม่ดีต่อเขา
“ไม่เป็นไร แต่ยังไงคุณก็เผาของที่นี่ไม่ได้ แล้วนี่ก็ดึกดื่นแล้ว ผู้หญิงเดินคนเดียว มันไม่ปลอดภัย ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมจะเดินไปส่งคุณที่บ้าน” เย่ปินยังคงพูดเรียบๆ สภาพของผู้หญิงที่กําลังร้องไห้ไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย
หญิงสาวลุกขึ้นช้าๆ เช็ดน้ําตา ยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไร บ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ฉันกลับบ้านเองได้” พูดจบ หญิงสาวก็หยิบถังที่ใช้เผาสิ่งของขึ้น หันหลังและเดินจากไป พอเดินไปได้สักพัก เธอก็หันกลับมามองเป็นอย่างลังเล แต่ในที่สุดก็เดินจากไป
เมื่อมองตามเงาหลังของหญิงสาวไป เย่ปินก็มีความรู้สึกซับซ้อนมากขึ้น แต่พอนึกถึงรถเมล์ สาย 18” เขาก็ส่ายหน้าและเลือกจะลืมการพบกับหญิงสาวลึกลับในครั้งนี้ไป
หลังจากกลับถึงบ้าน เย่ปินก็นอนลงบนเตียงมองไปที่หน้าต่าง มองดูแสงจันทร์สว่างภายนอก
เย่ปินนอนไม่หลับทั้งคืน แล้วจางหลานก็โทรศัพท์มาหาตั้ง แต่เช้ามืด
“เฮ้ ปินจื่อ นายอยู่ที่ไหน?” เสียงของจางหลานในเวลานี้ แตกต่างจากยามปกติ มันฟังดูเบาและอ่อนแรง ทําให้คนฟังรู้สึกหดหู่มาก
(ปล.ใช้คําว่า เฮ้ แทน เว่ย ที่เป็นคําชนิดเดียวกับฮัลโหลที่ใช้ทักทายตอนโทรศัพท์)
“อยู่บ้าน หลานเกอ นายโอเคไหม?” เมื่อเทียบน้ําเสียง จางหลานกับเย่ปินที่เบาพอๆกัน แต่เสียงของเย่ปินก็ไม่ได้ทําให้คนฟังรู้สึกหดหู่
“ไม่เป็นไร อีกครึ่งชั่วโมงไปรวมตัวกันที่บ้านเฉินฮุ่ย นายโทรไปบอกเจ้าพวกนั้นด้วยล่ะ” จางหลานพูดจบก็วางสายไป ก่อนที่เย่ปินจะทันได้พูดอะไร
“เฮ้อ…”เย่ปินถอนหายใจ แล้วกดเบอร์โทรของเฉินฮุ่ย
“เฮ้ เฉินฮุ่ย นายอยู่ที่ไหน?”
“ปินจื่อเหรอ ฉันอยู่บ้าน” น้ําเสียงของเฉินฮุ่ยเกือบเหมือนปกติ แต่ก็ทําให้คนฟังรู้สึกว่าผู้พูดยังไม่ตื่นดี
“อีกครึ่งชั่วโมงเราจะไปรวมตัวกันที่บ้านนาย เตรียมตัวด้วย”
“โอเค” พูดจบ เฉินฮุ่ยก็เป็นเช่นเดียวกับจางหลาน ตัดสายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น เป็นก็โทรติดต่อหนิงหวา กับเหล่าสวี และเหล่าสวีก็โทรติดต่อจ้าวเจิ้น ประมาณ 40 นาทีต่อมา ทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่บ้านของเฉินฮุย
ทั้งหกคนนั่งประชุมกัน จางหลานกับเฉินฮุ่ยสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เป็นมองทั้งคู่อย่างช่วยอะไรไม่ได้ ขณะที่เหล่าสวี หนิงหวา และจ้าวเจิ้นมองหน้ากันไม่รู้จะพูดอะไรดี
บรรยากาศน่าอึดอัดกินเวลาประมาณ 10 นาที แล้วจางหลานก็พูดขึ้นว่า “ฉันคิดว่า เราต้องสืบสวนคดีนี้ต่อไป”
ทุกคนตกตะลึงกับคําพูดของจางหลาน ไม่มีใครคาดคิดว่า จู่ๆจางหลางพูดแบบนั้นออกมา
“ฉันเห็นด้วย” คนที่สองที่พูดคือเฉินฮุย
ในขณะที่เย่ปินมองดูคนทั้งคู่ เขาก็รู้สึกโล่งใจ เดิมทีเขากลัวว่าคนทั้งคู่จะสูญเสียจิตวิญญาณของการต่อสู้ไปเพราะคําสาป แต่เขาคาดไม่ถึงว่าคําสาปไม่ได้ทําให้พวกเขาสูญเสียจิตวิญญาณของการต่อสู้ แต่กลับเป็นการกระตุ้นจิตวิญญาณของการต่อสู้ของพวกเขาแทน ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นจางหลานหรือเฉินฮุย ดวงตาของพวกเขาต่างดูหนักแน่นมั่นคง
“อืม ไม่ว่ายังไง เราต้องสืบสวนต่อไป” เหล่าสวีกล่าว ซึ่งทําให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
“ตามเบาะแสที่มีในตอนนี้ ตราบใดที่เราตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเฮยสุ่ย เราก็จะสามารถค้นหาความจริงของรถเมล์ สาย 18” จากนั้นเราก็ตามเบาะแสไป ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย” หนิงหวาให้กําลังใจทุกคน
“งั้นก็มาเริ่มกันเลย แบ่งกลุ่มการทํางานเหมือนครั้งก่อน มาเริ่มทําการสืบสวนของพวกเรากันเถอะ”
“อืม”
ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปให้หมด ตอนนี้ทุกคนมีเป้าหมายเดียวในใจ ยังไงก็ตาม มีความจําเป็นต้องตรวจสอบกรณีของรถเมล์ “สาย 18” และตอนนี้พวกเขาได้ทําลายข้อจํากัดของคําว่าอันตรายไปแล้ว นั่นคือ ตราบเท่าที่ไม่เห็นรถเมล์ สาย 18” การสืบสวนก็จะปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยให้สืบสวนผู้คนในเชิงลึกได้มากขึ้นด้วย
กลุ่มของเย่ปินเริ่มตรวจสอบคนขับรถเมล์ สาย 18” อีก 4 คนที่เหลือ ในขณะที่กลุ่มของเหล่าสวีไปที่หมู่บ้านเฮยสุ่ยเพื่อทําการตรวจสอบอย่างละเอียด
“หลานเกอ นายมีเบอร์โทรของนักพรตน้อยก่อนหน้านี้ใช่ไหม?” หลังจากทําลายข้อจํากัดของอันตรายจากการสืบสวนรถเมล์สาย 18 เย่ปินก็นึกถึงลู่เฉียนฉิงเป็นอย่างแรก เพราะการสนทนากับลู่เฉียนฉิงก่อนหน้านี้ ดูเหมือนลู่เฉียนฉิงจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับรถเมล์สาย 18
“ใช่” จางหลานค้นกระเป๋า หานามบัตรพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์ “ลู่เฉียนฉิง” อีกครั้ง
“ฉันจะรับผิดชอบติดต่อกับลู่เฉียนฉิง หลานเกอกับหนิงเกอพวกนายไปสืบเรื่องคนขับรถเมล์อีก 4 คนที่เหลือ”
“โอเค” จางหลานพยักหน้า จากนั้นกลุ่มของเย่ปินก็แยกเป็นสองกลุ่มออกไปทํางาน
หลังจากเย่ปินส่งจางหลานกับหนิงหวาออกไป เขาก็กดโทรศัพท์ติดต่อกับลู่เฉียนฉิง
“สวัสดี นั่นสู่เฉียนฉิงใช่ไหม?”
“ใช่ครับ! สวัสดี ผมลู่เฉียนฉิง คุณต้องการดูบ้านหรือซื้อบ้านครับ?”
พอได้ยินคําตอบที่คุ้นเคยจากลู่เฉียนฉิง เย่ปินก็รู้สึกหมดคําพูดเล็กน้อย
“สวัสดี ผมเย่ปิน ที่คุณเคยช่วยไว้ก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าคุณยังจําได้ไหม”
หลังจากเย่ปินพูดจบ ปลายสายก็เงียบไป จนเป็นคิดว่าอีก ฝ่ายคงลืมตัวเองไปแล้ว แต่ประโยคถัดไปของลู่เฉียนฉิงก็ ทําให้เย่ปินถึงกับตกตะลึง
“นี่พวกคุณไม่กลัวตายจริงๆเหรอเนี่ย?”
พอได้ยินคําพูดของลู่เฉียนฉิง เย่ปินก็เงียบไป ในขณะที่เขาไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดีอยู่นั้น อีกฝ่ายก็บอกว่า
“ผมอยู่ที่สวนเป่ยซาน”
“ผมจะรีบไปหา” เย่ปินรีบตอบทันที จากนั้นเขาก็รีบขับรถไปหาลู่เฉียนนิ่ง
(ปล. บทนี้สั้นไปหน่อย ไว้แถมให้ทีหลังนะจ๊ะ คอมฯผู้แปล กําลังมีปัญหา)