ไนท์โกสต์
ดาวไนท์โกสต์เป็นดวงดาวใต้อาณานิคมของปราสาทนภา ประชากรส่วนใหญ่บนดวงดาวคือเผ่าพันธุ์ไนท์โกสต์ พวกเขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่พวกเขาหลงรักการต่อสู้ พวกเขาจะตื่นขึ้นมาเฉพาะยามค่ำคืนเท่านั้น และถ้ามันไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ออกหากินตอนกลางคืนล่ะก็ พวกเขาก็คงจะไปจากดวงดาวไนท์โกสต์และกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงไปแล้ว
แต่พวกเขาไม่สามารถทนต่อแสงสว่างได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงติดแหง็กอยู่บนดาวไนท์โกสต์ แต่ทว่าด้วยการปกป้องของปราสาทนภา พวกเขาจึงอยู่ดีมีสุข
แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นบนดวงดาวไนท์โกสต์ ชาวไนท์โกสต์หลายๆคนถูกฆ่าตาย ซึ่งคนร้ายยังคงลอยนวลจนถึงทุกวันนี้ และถึงจะค้นหาจนทั่วทั้งดวงดาวแล้ว มันก็ยังคงไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้
ในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ดยุกสลีปเลสส์ผู้นำของไนท์โกสต์กำลังประชุมกับคนหนุ่ม 2 คน คนหนึ่งดูเย็นชา ขณะที่อีกคนหนึ่งยิ้มแย้มออกมา และเขากำลังอุ้มเด็กหญิงอายุราวๆ 5 ขวบที่ดูน่ารักอยู่
ชายหนุ่ม 2 คนนั้นก็คือไผ่เดียวดายและหานเซิ่น พวกเขามาที่นี่เพื่อสืบสวนถึงการตายปริศนา มันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนของพวกเขา
หานเซิ่นไม่ได้อยากจะมา แต่เขาได้รับคำสั่งจากพวกผู้อาวุโส ซึ่งเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงต้องมาที่นี่พร้อมกับไผ่เดียวดาย
หานเซิ่นกำลังมองไปที่ดยุกสลีปเลสส์ผู้นำของชาวไนท์โกสต์ เธอมีร่างกายที่เซ็กซี่โดยชุดหนังที่รัดแน่น มันเผยเห็นส่วนโค้งของเธอ ราวกับว่าเธอไม่ได้สวมใส่อะไรเลย
ไม่นานก่อนที่หานเซิ่นจะรู้สึกตัวว่าเธอไม่ได้สวมใส่อะไรเลยจริงๆ เสื้อผ้าหนังที่รัดแน่นนั้นไม่ใช่เสื้อผ้า แต่เป็นผิวหนังของเธอต่างหาก
เธอมีผมและดวงตาสีดำ ปีกสีดำด้านหลังของเธอเหมือนกับของค้างคาว และเธอก็มีหางที่ดูเหมือนกับแส้สีดำ มันทำให้เธอดูเซ็กซี่อย่างมาก
เธอสูง 2 เมตร ซึ่งสูงกว่าหานเซิ่นอยู่เล็กน้อย เธอดูแข็งแกร่งมากๆ
“นายท่านไผ่เดียวดาย ได้โปรดหาตัวคนร้ายให้พวกเราด้วย ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะ ไนท์โกสต์ทุกคนก็คงจะถูกฆ่าตายจนหมด” ดยุกสลีปเลสส์พูด
ปราสาทนภาเก็บเรื่องภายในเป็นความลับสุดยอด แม้แต่ผู้นำของดวงดาวใต้อาณานิคมอย่างดาวไนท์โกสต์ก็ไม่รู้ว่าหานเซิ่นและเป่าเอ๋อเป็นใคร พวกเขาแค่เคยได้ยินชื่อเท่านั้น แต่เรื่องราวของทั้ง 2 คนภายในปราสาทนภาเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้
ดาวไนต์โกสต์เองก็ถูกเก็บเรื่องภายในเป็นความลับเช่นเดียวกัน
“ศพของพวกเขายังอยู่ไหม?” ไผ่เดียวดายถาม
ดยุกสลีปเลสส์ส่ายหัว “เมื่อเหยื่อถูกฆ่าตาย พวกเขาจะสลายกลายเป็นน้ำสีดำในเวลาอันสั้น มันแทบจะไม่หลงเหลือร่องรอยอะไรให้ตรวจสอบเลย”
“ขอข้าดูข้อมูลของไนท์โกสต์ที่เพิ่งถูกฆ่าตายเมื่อเร็วๆนี้” ไผ่เดียวดายพูด
“มันได้ถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในนี้” ดยุกสลีปเลสส์ส่งเอกสารให้กับไผ่เดียวดาย
“ศิษย์พี่ไผ่เดียวดาย เจ้าจัดการเรื่องนี้ได้สินะ ข้าจะขอไปยืดเส้นยืดสายกับเป่าเอ๋อสักหน่อย” หานเซิ่นโบกมือให้กับไผ่เดียวดาย หลังจากนั้นเขาก็ออกไปข้างหน้าเพื่อจะเดินเล่น
“นายท่าน! ทำไมนายท่านไม่ให้ข้าส่งองครักษ์ติดตามนายท่านไปล่ะ?”
ดยุกสลีปเลสส์ไม่รู้จักหานเซิ่น แต่เธอก็ยังคงยื่นขึ้นเสนอที่จะส่งคนไปคอยคุ้มกันเขา
“ไม่เป็นอะไร ข้าแค่จะเดินรอบๆถนนไนท์ริงสายสิบสองเท่านั้น”
หานเซิ่นเดินออกไปจากคฤหาสน์ของดยุกพร้อมกับเป่าเอ๋อ
ดาวไนท์โกสต์นั้นไม่มีดวงอาทิตย์ ด้วยเหตุนั้นทั้งดวงดาวจึงหนาวเย็นอย่างมาก แต่มันก็ไม่มีน้ำเช่นกัน ซึ่งทำให้มันไม่มีน้ำแข็งบนผิวดวงดาว ทั้งหมดที่หานเซิ่นมองเห็นมีแค่สิ่งก่อสร้างจากหินสีเทาที่ดูน่าเบื่อ
ไนท์โกสต์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่จำเป็นต้องกินอาหารหรือน้ำ พวกเขาสามารถดูดซับพลังงานจากความมืดได้ พวกเขาไม่หวาดกลัวต่ออุณหภูมิที่สูงหรือต่ำ และพวกเขาก็ไม่พึ่งออกซิเจนเช่นกัน สิ่งเดียวที่พวกเขาหวาดกลัวก็คือแสงสว่าง เพราะจะบดบังการมองเห็นของพวกมัน และถ้ามันสว่างมากๆ มันก็อาจจะทำให้พวกเขาตาบอดได้เลย
ชาวไนท์โกสต์ทุกคนเป็นซีโน่เจเนอิค และพวกเขาก็เป็นระดับบารอนตั้งแต่เกิด สายเลือดของพวกเขาถือว่าดีมากๆ แม้แต่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงหลายเผ่าพันธุ์ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับพวกเขา
แต่เนื่องจากพวกเขามีจุดอ่อนที่ร้ายแรงและทรัพยากรที่ขาดแคลน ด้วยเหตุนั้นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาจึงเป็นแค่ระดับดยุกเท่านั้น พวกเขาไม่มีระดับราชันอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
ทั้งดวงดาวมืดสนิท และมีเพียงแค่แสงของดวงดาวที่ส่องลงมาตามสิ่งก่อสร้าง ขณะที่หานเซิ่นเดินไปถนน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนตัวอยู่ในความมืด
ไนท์โกสต์ถนัดต่อสู้ในความมืด แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขามากกว่า 20 คนถูกฆ่าตายไป และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นถึงระดับมาร์ควิส
ไนท์โกสต์ได้พยายามใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อค้นหาตัวคนร้าย แต่พวกเขาก็ไม่เจอร่องรอยอะไร
2 วันก่อนในตอนที่มาร์ควิสอีกคนถูกฆ่าตาย เขากำลังเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารเย็นของดยุกสลีปเลสส์ ซึ่งยอดฝีมือชาวไนท์โกสต์ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นั่นเกือบทั้งหมด แต่มาร์ควิสคนนั้นก็ยังถูกฆ่าตายอย่างเงียบๆบนระเบียง ไม่มีใครที่นั้นรวมถึงดยุกสลีปเลสส์รู้เลยว่าเขาถูกฆ่าตายได้ยังไง และในตอนที่ร่างกายของเขาถูกพบบนระเบียง ร่างของเขาก็ได้สลายกลายเป็นน้ำสีดำแล้ว
หานเซิ่นเดินอยู่บนถนนไนท์ริงเส้นสิบสอง พร้อมกับเปิดใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจับตาดูทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัว เขาสามารถเห็นชาวไนท์โกสต์หลายคนที่กำลังมองดูเขาจากมุมมืด
พวกเขามองมาที่หานเซิ่นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขามุ่งร้ายอะไรต่อหานเซิ่น นั่นเป็นแค่นิสัยของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาไม่ชอบคนนอกและไม่คิดจะพูดคุยอะไรด้วย หลายพันปีก่อนบนดวงดาวนี้มีเผ่าพันธุ์อื่นอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ชาวไนท์โกสต์ได้ฆ่าพวกเขาไปจนหมด
เผ่าพันธุ์เดียวที่พวกเขาเชื่อฟังก็คือเผ่าพันธุ์นภา
หานเซิ่นถูกส่งมาโดยปราสาทนภาก็จริง แต่ชาวไนท์โกสต์สามารถสัมผัสได้ว่าเขาไม่ใช่คนเผ่านภา บนถนนอันมืดมิด ผู้หญิงชาวไนท์โกสต์คนหนึ่งเข้ามาขวางทางหานเซิ่นเอาไว้
“ปราสาทนภาส่งเจ้ามาที่นี่?”
“ใช่แล้ว” หานเซิ่นพยักหน้า
“แล้วทำไมตัวเจ้าถึงไม่ใช่ชาวนภา? เรื่องแบบนี้ควรจะถูกแก้ไขโดยชาวนภาที่แท้จริง” ไนท์โกสต์หญิงขมวดคิ้ว
หานเซิ่นยักไหล่ “ศิษย์ของปราสาทนภาตัวจริงตอนนี้อยู่ในคฤหาสน์ของดยุก เขาเป็นชาวนภาเลือดบริสุทธิ์ ข้าเป็นแค่ผู้ช่วยของเขาเท่านั้น”
“แบบนี้นี่เอง” ไนท์โกสต์หญิงดูโล่งใจขึ้นมา การได้รู้ว่าชาวนภามาที่นี่ดูเหมือนจะทำให้เธอรู้สึกมั่นใจว่าปัญหาจะถูกแก้ไขโดยเร็ว
“เจ้าชื่ออะไร?” หานเซิ่นถาม
“ลี่ตั่ว” ไนท์โกสต์หญิงพูด
“ข้าเป็นตัวแทนออกมาตรวจสอบแทนศิษย์พี่ชาวนภา เจ้าจะพาข้าเดินดูรอบๆหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นยิ้ม
“เจ้าอยากจะไปที่ไหน?” ลี่ตั่วถาม บางทีมันอาจจะเป็นเพราะหานเซิ่นพูดถึงความเกี่ยวข้องของเขากับเผ่าพันธุ์นภา เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธเขา
“พาข้าไปในสถานที่ที่ไนท์โกสต์ถูกฆ่าตาย” หานเซิ่นพูด