บทที่ 293 – ความสำเร็จ (3)
[ท่านราฟาเอลนี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะครับ พวกเราไม่ใช่คนทรยศ]
[ทุกๆคนที่เราได้เจอมาจนถึงตอนนี้ต่างก็พูดเหมือนนายนั่นแหละ แต่ว่านะเวร่า คนพวกนั้นไม่มีใครเลยที่เป็นผู้บริสุทธิ์]
[อ๊า เจ้านั่นกำลังหลอกท่าน! ท่านไปเชื่อคำพูดของมนุษย์คนหนึ่งได้ยังไงกัน!]
คนทรยศต่างก็ร้องแสดงความบริสุทธิ์ออกมาแต่ว่าราฟาเอลก็ไม่ได้ใส่ใจพวกเขา และในตอนที่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นยูอิลฮานก็จะเหวี่ยงออกหอกออกมาทั้งแบบนี้ หัวของเวร่าที่กำลังร้องเรียกความยุติธรรมได้ถูกตัดลงไปทั้งอย่างนี้
[สกิลบันทึกได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 98]
[สกิลหอกสะบั้นจักรวาลได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็น 99]
ไม่เพียงแค่เวร่าเท่านั้น ยูอิลฮานได้ฆ่าคนทรยศไปมากมายบนหลังของยูมิลที่กำลังบินอยู่อย่างต่อเนื่อง เลือดสีเทาได้ย้อมไปทั่วทั้งโลกทำให้ราฟาเอลต้องโบกมือป้องกันไม่ให้เลือดมาโดนตัวเขาและเริ่มมองไปที่ยูอิลฮาน
[เรากำลังคุยกันอยู่นะ]
“นั่นมันคุยกันที่ไหนล่ะ มันก็แค่การร้องขอชีวิตเท่านั้นเอง”
ปัญหาใหญ่ก็คือการอ้อนแวนนั้นจะไม่ได้อะไรกลับมา ยูอิลฮานได้ส่งเสียงฮึดฮัดและเก็บเอาศพของคนทรยศเข้าไปในช่องเก็บของ เมื่อเห็นเขาทำแบบนี้ราฟาเอลได้แสดงสีหน้าตกใจออกมา
[นายดูชำนาญกับเรื่องมิติมากๆเลยนะ]
“นั่นต้องขอบคุณคนๆหนึ่งนะ”
[นายนี่มัน…]
ราฟาเอลได้ส่ายมือออกมาราวกับเขาเบื่อที่จะเถียงแล้ว จากนั้นทูตสวรรค์ทุกๆคนก็มารวมอยู่ข้างหน้าเขา
[คนทรยศได้หายไปแล้ว ใช้พลังทั้งหมดของพวกนายคุ้มกันโลกใบนี้เพื่อสวรรค์และเพื่อท่านเทพเจ้าที่มีเพียงหนึ่งซะนะ]
[เข้าใจแล้วครับท่านราฟาเอล!]
[พวกเราจะปฏิบัติตามนำแนะนำนี้ครับ!]
มานาที่ราฟาเอลได้ใช้ปิดกั้นโลกใบนี้ได้กลับคืนสู่ที่เดิม ในตอนที่เราได้ไปโลกอื่นเขาจะทำการปิดเส้นทางเข้าออกในทันที และเมื่อทุกๆอย่างจบลงเขาก็จะปลดออกมาเช่นนี้
[เอาล่ะยูอิลฮาน ตอนนี้เรามีปัญหาอยู่นิดหน่อย]
“อะไรล่ะ จบแล้วงั้นหรอ?”
ยูอิลฮานได้ทำสีหน้าราวกับเด็กน้อยที่หาขนมไม่เจอออกมา ราฟาเอลคิดว่านี่มันบ้ามาก ในเวลาเพียงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาได้ตระเวนไปโลกอื่นๆถึง 500 โลก และยูอิลฮานก็ได้ฆ่าคนทรยศไปนับหมื่น ไม่เคยมีใครเลยที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆแต่ยูอิลฮานกลับทำมัน!
[นี่คือโลกสุดท้ายแล้วที่อยู่ในการดูแลของเรา ไม่ว่าสวรรค์จะมากแค่ไหนแต่ว่าจำนวนของโลกระดับสูงก็มีจำกัดเหมือนกัน]
“ถ้างั้นการเป็นพันธมิตรกันก็จบแค่นี้สินะ? ยินดีที่ได้ร่วมงานนะ”
[ยังไงก็ตาม นายยังไม่ได้เจอกับทูตสวรรค์ทุกๆคน]
ดวงตาราฟาเอลได้เป็นประกายขึ้นมา
[นายก็น่าจะรู้นะว่ามีทูตสวรรค์มากมายได้เข้าร่วมในสงครามต่อสู้กับกองกำลังอื่น]
“นี่นายกำลังตั้งใจที่จะกำจัดกองทัพจรัสแสงจริงๆงั้นสินะ?”
[แน่นอนสิ เพราะแบบนั้นทำให้เราต้องทำให้รากฐานของเรามั่นคงไงล่ะ แต่ว่าหากมีคนทรยศอยู่ในกลุ่มคนที่ร่วมการต่อสู้จะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ? แล้วหากว่าคนทรยศนั่นเป็นคลาส 7 ด้วยแล้วล่ะก็?]
“เรื่องมันก็จะเลวร้ายสินะ?”
[ถูกแล้ว เพราะงั้นตอนนี้เราจะไปหาคนพวกนั้นกัน วิธีการก็เหมือนกับที่ผ่านๆมา นายก็แค่ต้องฆ่าคนทรยศ]
“ทั้งๆที่ทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์จะกำลังสู้กันอยู่เนี้ยน่ะหรอ?”
[ใช่แล้ว]
ยูอิลฮานได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“ดูน่าสนใจดีนะ”
[นายดูจะชอบมากเลยสินะ ถ้างั้นเราจะไปกันเดี๋ยวนี้เลย]
ราฟาเอลได้เปิดประตูมิติขึ้นมาแล้ว เลียร่าได้จับไหล่ของยูอิลฮานเอาไว้เพราะเธออดจะห่วงเขาไม่ได้
“ฉันคิดว่านายจะกดดันตัวเองเกินไปแล้วนะอิลฮาน นายจะต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆน่ะหรอ?”
“ใช่แล้ว ในเมื่อฉันเป็นคนเริ่มเรื่อง ฉันจะต้องได้เห็นตอนจบของมันด้วย”
แม้ว่าเขาจะตอบเลียร่าด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย แต่ว่าภายในหัวของเขากำลังมีความคิดมากมายอยู่ภายในหัว สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ก็คือเขาอาจจะได้เจอกับสิ่งที่ราฟาเอลต้องการ ราฟาเอลจะต้องวางกับดักบางอย่างเอาไว้แน่นอน
ยังไงก็ตามหากว่าเขาไม่ไปต่อ เขาก็คงจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงได้เพราะเขาได้ปล่อยเบาะแสที่เขาเจอไป ยูอิลฮานไม่ชอบที่จะรอคอยในสิ่งที่ไร้เป้าหมายแบบนั้น
“เลียร่า กลับไปรวมกับคนอื่นๆเถอะ นับจากนี้ไปมันจะอันตรายนิดหน่อย”
เพราะว่าทูตสวรรค์คนอื่นๆอ่านจะใช้เธอได้ – เขาไม่อาจจะพูดแบบนี้กับเธอได้ แต่ว่าเลียร่าก็พอเข้าใจว่าเขาอยากจะบอกอะไร
“โอเค นายจะไปกับฉันด้วยใช่ไหม?”
“ไม่ล่ะ เลเวลสกิลของฉันได้เพิ่มสูงขึ้นจนพอจะส่งคนอื่นไปได้แล้ว เพราะงั้นฉันจะตามไปหลังจากจบเรื่องแล้ว”
“…แล้วนั่นมันเมื่อไหร่กันล่ะ?”
“เดี๋ยวก็ถึงเวลานั้นเองแหละ”
“โอเค”
ยูอิลฮานได้จูบเลียร่าเบาๆและเปิดใช้สกิลข้ามมิติ ด้วยเลเวล 87 ของสกิลข้ามมิตินี้ได้ทำให้เขาสามารถจะส่งเธอไปในโลกอื่นได้อย่างสบายๆ ราฟาเอลที่เห็นแบบนี้ได้ยิ้้มแห้งๆออกมา
[มาแสดงความรักหวานชื่นกันแบบนี้เลยงั้นหรอ ฉันสูญเสียความรู้สึกแบบนั้นไปนานแล้ว]
“นั่นคงแย่น่าดูเลยนะ”
ยูอิลฮานได้ส่งเสียงขึ้นจมูกขึ้นมาและเข้าไปประตูมิติพร้อมกับยูมิลทันที
อีกด้านหนึ่งของประตูมิติคือสนามรบระหว่างทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์! ในโลกใบนี้มีพลังงานสีดำหนาแน่นลอยอยู่ และภายในสงครามนี้จำนวนของทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์ก็ดูจะไม่มีสิ้นสุดลง แม้กระทั่่งยูอิลฮานก็อดไม่ได้ที่จะต้องตกตะลึงกับภาพนี้
ท้องฟ้าสูงและกว้างจนเกินไป ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล บางทีโลกของเขาที่เปลื่ยนแปลงไปอีกร้อยครั้งก็อาจจะกลายมาเป็นแบบนี้ก็ได้ แล้วโลกขนาดใหญ่แบบนี้ยังไม่ใช่่ฐานทัพหลักของกองกำลังอีกงั้นหรอ?
ที่ยิ่งน่าตกใจไปกว่านั้นก็คือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่กำลังต่อสู้กันในส่วนต่างๆของทั้งผืนดินและท้องฟ้า ทูตสวรรค์กับเทวดาตกสวรรค์มีมากที่สุด แต่ว่ากองกกำลังปีศาจวิบัติกับสวนอาทิตย์อัสดงก็มีมากไม่ด้อยไปกว่ากันนัก ยูอิลฮานกระทั่งคิดว่าหากมีคนมาบอกเขาว่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงทั้งหมดมารวมกันที่นี่่เขาก็เชื่อ
“ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงมากขนาดไหนกันนะ…?”
[นับตั้งแต่ที่เพื่อนของนาย คังมิเรย์ได้เปิดประตูมิติไปสู่โลกเบื้องล่าง พวกเราก็ได้รับข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับโลกต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพจรัสแสง โลกนี่คือโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแล้วที่เราได้เจอ โลกใบนี้ได้เผชิญกับมหาภัยพิบัติขั้นที่ 7 ไปแล้วทำให้มันเกิดการวิวัฒนาการขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง แถมดลกนี้ก็ยังมีการเชื่อมต่อโดยตรงกับโลกเบื้องล่างอีกด้วย]
“เหตุผลที่พวกนายไม่ไปโลกเบื้องล่างตรงๆเลยคือ…”
[นายก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วนี่]
แน่นอนว่านี่ก็เพื่อที่จะลดพลังโดยรวมของกองทัพจรัสแสง นี่เป็นเหตุผลที่มีกองกำลังอื่นๆนอกจากกองทัพสวรรค์ที่มาก่อความวุ่นวายขึ้นที่นี่ด้วย!
[แล้วคนทรยศล่ะ? นายมองเห็นพวกนั้นไหม?]
“แน่นอนสิ มีเยอะเลยนะ แต่ว่าฉันไม่เห็นคลาส 7 เลยนะ… นายไปช่วยพรรคพวกของนายที่น่าสงสารเถอะ ฉันจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง”
[ด้วยความสามารถในการซ่อนตัวของนายที่น่าทึ่งสินะ… โอ้]
ก่อนที่ราฟาเอลจะพูดได้จบลง ยูอิลฮานก็เข้าไปในสนามรบพร้อมกับยูมิลแล้ว ด้วยความประสานกันของทั้งสองคนทำให้ความเร็วสูงขึ้นและพวกเขาก็ได้ใช้มานาปกปิดตัวตนไป ราฟาเอลที่เห็นแบบนี้ได้แต่พึมพัมออกมาอย่างตกใจ
[ความสามารถของเขาหลอกได้แม้กระทั่งสัมผัสของฉัน… แต่ว่าในคราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแน่]
ระหว่างเขามาในสนามรบยูอิลฮานก็ได้มองไปรอบๆโดยไม่พูดอะไรออกมาอยู่ครู่หนึ่ง ภาพที่เขาให้ในตอนนีก็คือเลือดหลากสีของสมาชิกแต่ล่ะกองกำลังได้กระจายกันออกมาเต็มไปหมด…
[พ่อครับ พ่อหาคนทรยศไม่เจอหรอ?]
“ไม่หรอก พ่อก็แค่กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”
เมื่อไม่นานมากนี้กองกำลังอื่นๆทั้งหมดยังไปรวมตัวกันโจมตีกองทัพสวรรค์อยู่เลย แต่แล้วแค่เพราะการเปิดประตูมิติเล็กๆน้อยๆกลับทำให้กองกำลังอื่นๆหันมาทุ่มกำลังโจมตีกองทัพจรัสแสง
สำหรับกองทัพปีศาจวิบัติที่สมองมีแต่กล้ามเนื้อนั้นข้ามไปได้เลย แต่ว่าเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสวนอาทิตย์อัสดงถึงได้เปลื่ยนจุดยืนและหันมาโจมตีกองทัพจรัสแสง พวกเขาทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ? พวกเขาทั้งหมดก็แค่อารวาดไปตามใจแค่เพราะนี่เป็นการทำลายกองกำลังอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองงั้นหรอ?
ถ้าอย่างนั้นมันก็ดูจไม่ต่างไปจากกองทัพปีศาจวิบัติเลยนี่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้เลยก็คือพวกกองกำลังทั้งหมดคือกองกำลังที่ยูอิลฮานจะต้องจัดการให้ได้ในสักวันหนึ่ง
“…มาเริ่มกันเถอะมิล”
[ได้เลยครับพ่อ!]
การโจมตีของยูอิลฮานได้เริ่มขึ้นแล้ว ในระหว่างที่เขาผ่านสนามรบ ยูอิลฮานก็ได้จัดการทำลายหัวใจของคนทรยศไปในทันทีที่เจอ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่คนทรยศเท่านั้นที่ถูกเขาฆ่า แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงอีกมากมายที่ยูอิลฮานได้จัดการฆ่าไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แต่ถึงแบบนั้นส่วนใหญ่ยูอิลฮานก็จะเล็งจัดการที่คนทรยศกับกองทัพจรัสแสงมากกว่าก็ตาม แต่ว่าหากมีกองทัพปีศาจวิบัติกับสวนอาทิตย์อัสดงหลุดเข้ามาก็จะถูกเขาจัดการไปเช่นกัน
[อึก!?]
[ร่องหน… อ๊าากกก!]
ความตายได้เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ แต่เนื่องจากว่าสนามรบนี้วุ่นวายอยู่แล้วทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นการมีอยู่ของยูอิลฮานเลย และนี่ยิ่งทำให้เขายินดียิ่งขึ้น สนามรบแบบนี้นี่แหละเหมาะสมกับยูอิลฮานที่สุด
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์]
[คุณได้รับ…]
[พ่อครับ ผมได้ค่าประสบการณ์มาเรื่อยๆเลย]
“รู้ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนี้หรอกนะ มันเป็นเรื่องปกติ”
จากการต่อสู้หลายๆแห่งทำให้ยูมิลได้มาถึงเลเวล 299 ตั้งนานแล้ว หากว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ถูกจำกัดเลเวลไว้ทั้งคู่ก็คงจะมีเลเวลเกิน 400 ไปนานแล้วด้วยซ้ำไป แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเลเวล 299 แต่ว่าศักยภาพจริงๆของพวกเขาก็เหนือกว่าคลาส 6 ไปแล้วด้วยซ้ำไป
“นี่คือเวลาสำหรับการบุกตะลุย”
[พ่อครับจำนวนของศัตรูกำลังเพิ่มมากขึ้น นี่มันเยอะมาเลย]
“…ระวังพวกมันหน่อยๆก็พอลแล้ว ตอนนี้และมิลบุกได้เลย”
[ครับผม!]
และในท้ายที่สุดเมื่อยูอิลฮานได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูงไปประมาณ 1500 คน คนอื่นๆในสนามรบก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ ท้องฟ้าได้ถูกแยกออกและมีสิ่งมีชีวิตที่มีมานามหาศาลโผล่ขึ้นมา
[ปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสง อนาเฟียมาแล้วสินะ เจ้านกโง่เขลา ฉันจะเด็ดขนแกออกมาเอง]
“ปีกที่ 2 แห่งกองทัพจรัสแสง…”
นี่คือผู้บัญชาการลำดับที่สามของกองทัพจรัสแสงเชียวนะ แต่ยังไงก็ตามเขาคนนี้มีปริมาณมานาและแรงกดดันที่ใกล้เคียงกับราฟาเอล
มันไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ว่าปีกที่ 4แห่งกองทัพจรัสแสง ซาเทีย ที่เขาเคยเจอมาก่อน รวมไปถึงปีกที่ 3 และปีกที่ 5 ก็ได้มาที่นี่แล้วเช่นกัน ในตอนนี้กองทัพจรัสแสงกำลังจะแก้ปัญหาอย่างจริงๆจังๆแล้ว
ยังไงก็ตามสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่ากลับเกิดขึ้นมาจากทางกองทัพสวรรค์ ได้มีวงแหวนแห่งเพลิงปรากฏขึ้นมาก่อนที่จะมีเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์งามเงาปรากฏตัวออกมา
ในมือของเขาคนนี้ถือหอกเพลิงอยู่ เขาคนนี้คือทูตสวรรค์ที่มีระดับพลังสูงที่สุดเท่าที่ยูอิลฮานเคยเห็นมาเลย ยูอิลฮานรู้ได้เลยทันทีว่าก่อนหน้านี้ที่เลียร่าพูดคืออะไร ตัวยูอิลฮานในตอนนี้ไม่อาจจะสู้กับเขาคนนี้ได้เลย
[ดีเลยอนาเฟีย ฉันกำลังรอให้นายมาที่นี่อยู่เลย]
[…มิคาเอล!?]
อัครเทวทูตไม่เคยปรากฏตัวที่กำแพงแห่งความโกลาหลมาก่อนได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ถึงสองคน นี่มันเป็นสถานการณ์ที่น่าตกใจจนอาจจะทำห้คนอื่นคิดว่าสงครามที่กำแพงแห่งความโกลาหลไม่ได้สลักสำคัญเลย
ยังไม่ใช่แคนี้เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่อยู่ฝั่งกองทัพปีศาจวิบัติได้ตัวระเบิดไปในทันที ก่อนที่จะมีมอนสเตอร์สีดำสนิทปรากฏตัวขึ้นมาจากแอ่งเลือด ยูอิลฮานรู้ได้ทันทีว่านี่คือการใช้เลือดเป็นตัวกลางในการเปิดประตูมิติ
[ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เราคอยอยู่สักที… เวลาที่นายท่านได้มอบคำสั่งมา คำสั่งให้ฉันฆ่า ‘เขา’]
[ผู้บัญชาการที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ เคสเช่น… ให้ตายสิ]
ยูอิลฮานได้เฝ้าคอยให้หัวหน้าผู้เฝ้าประตูปรากฏตัวมาเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าสวนอาทิตย์อัสดงจะไม่ได้เอาด้วย มันดูเหมือนว่าการที่ต้องเสียเคลาทูคในคราวนั้นจะเป็นการสูญเสียที่มหาศาลแล้วสำหรับพวกเขา แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีพวกสวนอาทิตย์อัสดง แต่ว่าเหล่าคนที่ได้มารวมตัวที่นี่ก็มากเกินพอแล้ว
[อนาเฟีย พลังของโลกเบื้องล่างจะลดลงอย่างมากถ้านายเสียพลังจากโลกใบนี้ไป ในเวลานั้นซาตานก็จะต้องหวาดกลัวแม้กระทั่งฉัน แค่นายคนเดียวคิดว่าจะไหวงั้นหรอ? ปีกที่ 1 ลาไซน์ไปไหนซะแล้วล่ะ?]
[ฝันไปเถอะมิคาเอล ต่อให้ไม่มีพลังจากท่านหญิงลาไซน์ ฉันก็จัดการแกได้ง่ายๆ กับสวรรค์กรวงๆของนายคิดว่าจะทำอะไรได้งั้นหรอ?]
[ในตอนนี้สวรรค์ได้อยู่ในสภาพที่บริสุทธิสะอาดที่สุดแล้วนับตั้งแต่ที่ซาตานได้เกิดขึ้นมา นายอาจจะตกใจก็ได้นะ แต่ว่าสวรรค์ในปัจจุบันนี้ปลอดภัย พวกเราได้มีผู้ช่วยมีดีมา]
[…]
อนาเฟียรู้ดีว่าผู้ช่วยคนนั้นหมายถึงใคร เขาได้กัดริมฝีปากเบาๆ
[ยูอิลฮาน… เขาอยู่ฝั่งของนายงั้นหรอ?]
[ฝั่งเรานี่หมายความว่ายังไง? พวกเราก็แค่รวมมือกัน เพราะงั้นนายก็ควรจะโกรธยูอิลฮานมากกว่าเราน่ะ]
[กรอดดดด….!]
มิคาเอลได้ยิ้มออกมา มันราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าหัวหน้าเทวดาตกสวรรค์จะมีคำสั่งแบบนี้ออกมา อนาเฟียได้โกรธขึ้นมาแล้วและมิคาเอลก็ได้เหวี่ยงหอกของเขาออกไปด้วยรอยยิ้ม
[แต่ว่าก็จงยินดีซะเถอะนะอนาเฟีย]
เปลวเพลิงได้ลุกขึ้นที่ร่างของมิคาเอล และในเวลาเดียวกันเพลิงก็ลุกขึ้นจากร่างยูอิลฮานเช่นกัน การซ่อนตัวของเขาได้หายไปและร่างเขาก็ถูกเผยออกมาให้ทุกคนได้เห็น
ยูอิลฮานรู้เป็นอย่างดีว่าทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้
หัวใจแห่งเพลิงไอเทมที่ใช้สร้างจิตวิญญาณแห่งเพลิงขึ้นมา นี่เป็นไอเทมที่ได้เก็บบันทึกมากมายเอาไว้ในตอนที่มันอยู่ภายในคลังสมบัติของกองทัพสวรรค์และราฟาเอลก็ได้แอบก่อกวนบันทึกพวกนั้นด้วยเวทย์บางอย่างในระหว่างที่ร่วมมือจัดการคนทรยศกับยูอิลฮาน
และในตอนที่มิคาเอลได้ร่ายเวทย์นั้นขึ้นก็ทำให้เวทย์ที่ราฟาเอลได้ไว้ถูกทำให้สมบูรณ์จนลบล้างการซ่อนตัวของยูอิลฮานหายไป
[ฉันจะลบเจ้าหนูนั่นออกไปให้นายเอง]
และในตอนนี้มิคาเอลก็กำลังมองตรงมาที่ยูอิลฮาน ไม่สิ มันไม่ใช่แค่มิคาเอลเท่านั้น
สิ่งมีชีวิตชั้นสูงในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ต่างก็จ้องมองมาที่ยูอิลฮาน โดยเฉพาะราฟาเอลที่กำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มและผู้บัญชาการกองพันที่ 1 แห่งกองทัพปีศาจวิบัติ นี่มันหมายความว่าคนพวกนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
หรือก็คือสนามรบนี้ไม่ไดมีเป้าหมายเพื่อกวาดล้างคนทรยศและโจมตีกองทัพจรัสแสง แต่ว่ามันกลับเป็นการหลอกยูอิลฮาน ล่อลวงให้ยูอิลฮานมาที่นี่และฆ่าเขาทิ้งซะ
เพลิงนิรันดร์ได้ถามออกมา
[แล้วตอนนี้ฉันลบมันได้แล้วใช่ป่ะนายท่าน?]
“เอาเลยเพลิงนิรันดร์ เธอลบเวทย์นั่นออกไปได้เลย ขอโทษนะที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาตลอด”
และนี่ก็ยังเป็นเวทีสำหรับการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของยูอิลฮาน