ตามที่ฟราเทอร์พูด จุดรวมพลมนุษย์นั่นสร้างอยู่ใกล้ๆ กับเนินเขา ไม่ไกลจากชายฝั่งทะเล มีเพียงทางหลวงเชื่อมไปที่นั่น ถ้าอยากขับรถไปที่นั่น จะต้องถูกขวางบนถนนแน่นอน
อีกด้านหนึ่งฟราเทอร์เห็นว่าปกติมาก แต่จางจื่ออันได้ยินแล้วกลับรู้สึกแปลกมาก คิดไม่ถึงว่าคนที่อยู่ที่นั่นยังรักษาประเพณีชายไถนา หญิงทอผ้าเอาไว้ ถ้ามองข้ามพนักงานรักษาความปลอดภัยอาวุธครบมือพวกนั้นกับอุปกรณ์เทคโนโลยีหาได้ยากยิ่ง ก็เหมือนยุคทำไร่ไถนาเมื่อร้อยหรือพันปีก่อน
บางครั้งฟราเทอร์วิ่งไปยังที่ที่ค่อนข้างใกล้ ยืนอยู่บนที่สูง มองเห็นพวกผู้ชายกำลังทำงานหนักในทุ่งนา ส่วนผู้หญิงกลับยุ่งอยู่กับเลี้ยงสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ต่างๆ มีพนักงานรักษาความปลอดภัยพกอาวุธจูงสุนัขลาดตระเวนอยู่รอบนอก
“มีคนวางแผนหนีไหม?” จางจื่ออันถาม
ฟราเทอร์ส่ายหน้า “อย่างน้อยข้าก็ไม่เห็น แรงงานชายหญิงพวกนั้น หน้าตามึนงงและเฉื่อยชา แทบจะมองไม่เห็นรอยยิ้มของพวกเขาเลย ราวกับทุกคนเป็นหุ่นไล่กาขยับได้”
“มีรั้วไฟฟ้า…ไม่สิ มีรั้วลวดเหล็กกันไม่ให้พวกเขาหนีไหม?” พอเขาพูดออกมาก็นึกขึ้นได้ว่าฟราเทอร์อาจจะไม่รู้ว่ารั้วไฟฟ้าคืออะไร จึงเปลี่ยนวิธีพูดที่ชัดเจนมากขึ้น
“ไม่มี ข้าเห็นว่าหากพวกเขาอยากหนี แค่ผู้คุมสองสามคนนั้นคงจะขวางไม่ได้”
ถึงจะพูดอย่างนั้น มีแค่สาวกที่ถูกล้างสมองหนักมากๆ ถึงจะถูกปล่อยออกมาทำงาน ส่วนพวกที่ความศรัทธายังไม่มั่นคงหรือเพิ่งมาใหม่ไม่ได้ถูกปล่อยออกมาง่ายๆ
อีกอย่าง ฟราเทอร์ยังเคยเห็นว่ามีเรือเข้าใกล้ชายฝั่ง เดาได้ว่าสถานที่ใต้ลมยังมีท่าเรือเล็กๆ แห่งหนึ่ง ส่งของใช้ในชีวิตประจำวันที่ทำขึ้นด้วยตัวเองไม่ได้เข้ามา
ส่วนทำไมไม่ใช้ทางหลวง ทำได้แค่เดาว่าขนส่งทางทะเลสะดวกและอำพรางได้มากกว่า ขับเรือยอร์ชส่วนตัวออกมาจากท่าเรือซานฟรานซิสโกก็มาถึงที่นี่ได้โดยไม่มีใครรู้
ฟราเทอร์เข้าใจสถานการณ์เพียงเท่านี้ เนื่องจากเข้าใกล้ไม่ได้ มันจึงไม่รู้เรื่องมากกว่านี้
จางจื่ออันปรึกษากับพวกภูตสัตว์เลี้ยงเล็กน้อย และตัดสินใจให้ฟราเทอร์นำทาง พาทุกคนเข้าไป ที่จริงตอนนี้ก็ไม่มีตัวเลือกอะไรมาก เดินมาถึงตรงนี้แล้ว ล้มเลิกกลางคันไม่ใช่สไตล์ของพวกเขา
ฟราเทอร์เงยหน้าหอนยาวครั้งหนึ่ง
พอได้ยินเสียงหมาป่าหอนในระยะใกล้ จางจื่ออันก็รู้สึกเหมือนข้างหลังมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ พุ่งขึ้นมาหลังหัวโดยตรงจากปลายกระดูกสันหลัง นี่ก็อาจจะเป็นความหวาดกลัวต่อเสียงหมาป่าหอนโดยสัญชาตญาณอันยาวนานของมนุษย์
ฝูงหมาป่าที่กำลังเล่นสนุกได้ยินเสียงหอน จึงรวมตัวกันตรงหน้าฟราเทอร์ทันที การเคลื่อนไหวและกฎเกณฑ์ที่มีมาแต่กำเนิดแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่สุนัขจรจัดจะเทียบได้ เพราะหลังจากสุนัขถูกคนฝึกแล้ว แนวโน้มการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มก็ลดหายไปหมด และเริ่มมีอิสระมากขึ้น
ฟราเทอร์คำรามเสียงเบาสองสามครั้ง ฝูงหมาป่าก็แยกย้ายกันไปอย่างรู้งาน ทำหน้าที่เป็นผู้เบิกทาง แล้วเข้าไปในป่าทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นรูปพัด ประสิทธิภาพในการค้นหาและขอบเขตระวังการโจมตีของหมาป่ามากมายขนาดนี้ย่อมดีกว่าเฟยหม่าซือแค่ตัวเดียว พวกภูตสัตว์เลี้ยงก็มีความสุขที่ได้พักผ่อนบ้าง
จางจื่ออันกลับไปหยิบกระเป๋าสะพาย ฝูงกวางก็ตามหลังมาอย่างระมัดระวัง
การเดินทางครั้งนี้ แม้ระหว่างนั้นจะเจออุปสรรคและความยุ่งยากมากมายหลายครั้ง แต่เส้นทางโดยรวมยังมุ่งตรงไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ เข้าใกล้ชายฝั่งทะเลขึ้นเรื่อยๆ
เดินไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ความสูงโดยเฉลี่ยของต้นไม้แถวนี้ค่อยๆ ลดลง ต้นซีคัวญ่าและต้นเฟอร์ที่ชุกชุมก่อนหน้านี้กลายเป็นต้นไม้ต่างๆ ผสมปนเปกัน อย่างเช่น ต้นเซลโคว่า ต้นสน ต้นไซเปรซ ต้นเมเปิล ต้นวอลนัทสีดำ และอื่นๆ ริชาร์ดกระโดดไปมาตามหาผลไซเปรซและวอลนัทที่ร่วงตามพื้น แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงฤดูผลสุก ผลพวกนี้จึงยังกินไม่ได้
ตอนกลางวันพวกเขาเจอแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่ง ปริมาณน้ำไหลและความกว้างก็มากกว่าลำธารที่เจอก่อนหน้านี้ อย่างน้อยความลึกก็ไม่ได้สูงกว่าเอวของผู้ใหญ่ แต่ลุยน้ำข้ามแม่น้ำก็ยังอันตรายอยู่ดี
เขาตัดสินใจกินข้าวกลางวันที่นี่ จากนั้นก็เดินเลียบแม่น้ำไปทางต้นทาง ตามหาตำแหน่งข้ามแม่น้ำที่ค่อนข้างแคบและตื้น
ขณะที่จางจื่ออันกำลังครุ่นคิดว่าฝูงหมาป่าวางแผนจะกินอะไรเป็นมื้อกลางวัน หมาป่าหนุ่มตัวนั้นก็คาบเหยื่อแปลกๆ กลับมาด้วยความเบิกบาน เหมือนกับหนูขนาดใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่ง มันวิ่งมาข้างหน้าฟราเทอร์ และวางเหยื่อลงราวกับมอบของล้ำค่า แม้มันจะหิวโหย แต่หมาป่าจ่าฝูงควรได้กินอาหารก่อน นี่เป็นกฎของฝูงหมาป่า
“นี่คืออะไร?”
ฟราเทอร์ก็ไม่เคยเห็นสัตว์แปลกๆ ชนิดนี้จริงๆ
เห็นชัดว่าหมาป่าหนุ่มพูดคำตอบออกมาไม่ได้ แต่จางจื่ออันนึกออก จึงตอบว่า “นี่คือบีเวอร์”
“บีเวอร์?”
ฟราเทอร์ดมอย่างสงสัย ด้วยการคุกคามของเชื้อโรคร้าย มันไม่แน่ใจว่าจะกินสัตว์ชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า
“อื้ม นี่เป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอในอเมริกาใต้…” มันคงไม่รู้ว่าอเมริกาใต้อยู่ที่ไหนแน่ๆ เขาจึงพูดเสริมอีก “ก็คือทางใต้ที่ไกลออกไปมาก”
“ทางใต้ที่ไกลออกไปมากหรือ?” ฟราเทอร์คิด “เช่นนั้นก็หมายความว่า บ้านของสัตว์ชนิดนี้ไม่ใช่ที่นี่หรือ?”
“ถูกต้อง พวกนายกินได้อย่างสบายใจเลย เพราะที่นี่นับว่าบีเวอร์เป็นสัตว์บุกรุกมาจากภายนอก พวกมันขยายพันธุ์เร็วจนน่าตกใจ บีเวอร์ตัวเมียโตเต็มวัยตัวหนึ่งคลอดลูกได้ประมาณปีละสองร้อยตัว พวกมันมีจำนวนมากจนเป็นภัย เท่ากับสร้างความทุกข์ยากให้ระบบนิเวศของที่นี่”
เขาเก็บกิ่งไม้ขนาดเล็กขึ้นมา แล้วง้างปากของบีเวอร์ที่ถูกกัดตายแล้ว เผยให้เห็นฟันจอบทั้งแหลม ทั้งยาวของมัน ก่อนจะพูดว่า “เหมือนกับสัตว์มีฟันแทะชนิดอื่น ฟันหน้าของบีเวอร์ยาวได้ไม่มีขีดจำกัด พวกมันจึงต้องแทะอาหารเพื่อขัดฟันเสมอ ใบไม้และผลไม้นุ่มๆ เห็นชัดว่าใช้ขัดฟันของพวกมันไม่ได้ พวกมันก็เลยแทะต้นไม้แทน”
ท่าทางแทะต้นไม้ของบีเวอร์ในการ์ตูนมักจะทำออกมาน่ารักทีเดียว ดังนั้นหลายๆ คนจึงไม่เห็นถึงภัยจากตัวบีเวอร์ ประสิทธิภาพในการแทะต้นไม้ของพวกมันเทียบได้กับเลื่อยไฟฟ้า แค่แทะเบาๆ ก็ตัดต้นไม้ที่หนาเท่าขาคนได้จากราก แทะขาดได้จริงๆ ยังไม่เท่าไร ที่อันตรายกว่านั้นคือแทะไปแค่ครึ่ง ลำต้นก็เกิดเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่มาก เหลือแค่ต้นไม้ครึ่งหนึ่งเชื่อมกับรากต้นไม้ อาจจะโค่นลงมาทับคนได้ตลอดเวลา
ไม่เพียงเท่านั้น บีเวอร์ยังขุดรูสร้างรังริมฝั่งแม่น้ำ ชายฝั่งทะเล แม้กระทั่งริมเขื่อนกั้นน้ำ ดูเหมือนริมฝั่งแม่น้ำที่ราบเรียบคงถูกขุดเป็นร้อยรูแล้ว
แต่ไม่เป็นภัยกับอเมริกาใต้บ้านเกิดของพวกบีเวอร์ เพราะอเมริกาใต้มีจระเข้ มีงูเหลือม รวมถึงสัตว์ป่ากินเนื้อชนิดอื่นคอยควบคุมจำนวนของพวกมัน แต่เมื่ออยู่ในอเมริกาเหนือ ศัตรูโดยธรรมชาติของพวกมันมีแค่หมาป่าที่จำนวนบางตา และหมาป่าไคโยตีก็เหมือนจะไม่สนใจพวกมัน จำนวนของพวกมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งจากการไม่มีสัตว์ป่าชนิดอื่นควบคุมจำนวน
บีเวอร์ที่ถูกหมาป่าหนุ่มคาบมาตัวนี้ ขนและผิวหนังเป็นสีน้ำตาลมันขลับ ดูไปแล้วอ้วนท้วนสมบูรณ์อย่างยิ่ง น่าจะหนักประมาณห้ากิโลกรัม
ขณะที่กำลังพูดอยู่ก็มีหมาป่าตัวอื่นทยอยกันคาบบีเวอร์อ้วนจ้ำม่ำเช่นเดียวกันกลับมาหลายตัว ท่าทางพวกมันเพิ่งทำลายรังของบีเวอร์ และคาบบีเวอร์ตัวเล็กใหญ่มาทั้งครอบครัว
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…กินด้วยกันไหม?” ฟราเทอร์ตั้งอกตั้งใจเชิญ
“เอ่อ…”
จางจื่ออันกำลังจะปฏิเสธ พอหันกลับไปเห็นท่าทางสนใจสัตว์มีฟันแทะอ้วนท้วนชนิดนี้ของพวกฟีน่า เขาก็จำใจต้องตกลง