ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์
ในหม้อกลั่นเต็มไปด้วยเพลิงอันงดงาม
ทะเลเพลิงพุ่งพวย ทำให้อุณหภูมิภายในสูงจนถึงระดับที่น่ากลัว หากมู่เฉินไม่ได้เข้าสภาวะฤทัยปีศาจ เขาคงสูญเสียการควบคุมคลื่นหลิงไปแล้ว
ทว่าตอนนี้มู่เฉินไม่ได้สนใจกับอุณหภูมิโดยรอบ ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ขนนกแสนสวยที่ลอยขึ้นจากทะเลเพลิง
แม้ว่าขนนกนี้จะมีขนาดยาวจั้งเดียวพร้อมกับสีรุ้งทำให้ดูงดงาม แต่มู่เฉินก็รู้สึกถึงอันตรายที่อยู่ภายใต้ภาพลักษณ์อันงดงาม
ชัดว่าเขาบีบหลิ่วเหยียนให้ปล่อยกระบวนท่าไม้ตายออกมาแล้ว
ขนนกนี้มีพลังน่ากลัวที่สามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ได้แน่นอน!
แสงเจิดจ้าเปล่งออกมาจากร่างเทพสุริยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องตัวเองจากอุณหภูมิน่ากลัวที่คอยกัดกร่อน มู่เฉินยืนอยู่บนศีรษะของร่างเทพสุริยะ ม่านตาสีดำลึกซึ้งวูบไหวเบาๆ ครู่ต่อมาเขาก็สูดอากาศร้อนผ่าวราวกับลาวา ใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม
กระบวนท่านี้จากหลิ่วเหยียนอยู่เหนือความคาดหมายของมู่เฉิน ความคิดหลากหลายวาบขึ้นมาในใจไม่หยุด ทว่าเขาก็ตระหนักได้ว่าคลื่นหนึ่งตะวันของร่างเทพสุริยะยังไม่สามารถต้านทานได้
มู่เฉินขมวดคิ้ว อึดใจก็นั่งลงบนศีรษะร่างเทพสุริยะ เมื่อแสงสีทองพวยพุ่ง ร่างเขาก็จมลงไปในร่างเทพสุริยะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ กระแสพลังยิ่งใหญ่ไหลออกมา ภายในกระแสมีความผันผวนของคลื่นหลิงบริสุทธิ์อย่างยิ่งอยู่ นี่เป็นกระแสธารของของเหลวจื้อจุน
มู่เฉินจ้องมองกระแสธาร ของเหลวจื้อจุนในนั้นมีปริมาณราวสองแสนหยด ทั้งหมดนี่มั่นถัวหลัวมอบให้เขา ซึ่งได้ถูกนำออกมาใช้ในคราวนี้แล้ว
“เท่านี้ก็เพียงพอแล้วมั้ง?”
มู่เฉินมองกระแสคลื่นหลิง แม้เขาจะอยู่ในสภาวะฤทัยปีศาจ แต่มุมปากก็อดกระตุกไม่ได้ การเทของเหลวจื้อจุนทั้งหมดสองแสนหยดออกมาใช้จนเกลี้ยงเป็นเรื่องน่าปวดใจอย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใส่ใจกับเรื่องนี้มากแล้ว
แสงหลิงวูบไหวในม่านตาสีดำของมู่เฉิน จากนั้นมือทั้งสองก็วาดตราประทับฉับพลัน ทันใดนั้นแสงสีทองเปล่งปลั่งก็กำจายออกมาจากหน้าอกของร่างเทพสุริยะ ซึ่งเหมือนจะมีเมล็ดสีทองปรากฏอยู่ภายใน
ด้วยการดีดนิ้วครั้งเดียว กระแสธารที่เกิดจากของเหลวจื้อจุนสองแสนหยดก็พุ่งออกไป ปะทะกับแสงสีทองอย่างไม่รู้จบ
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ในแสงสีทอง เมล็ดสีทองก็ราวกับหลุมไร้ก้นดูดเอาของเหลวจื้อจุนลงไปจนหมด
เมื่อสายธารคลื่นหลิงถูกเทเข้าอย่างต่อเนื่อง เมล็ดสีทองก็ค่อยๆ สว่างขึ้นราวกับดวงอาทิตย์โชติช่วงซึ่งกำลังจะกะเทาะออกจากเปลือกในไม่ช้า
ขณะที่มู่เฉินซ่อนอยู่ในร่างเทพสุริยะ ขนนกเพลิงที่อยู่ภายนอกก็ควบแน่นจนถึงขีดสุด มองภาพนี้จากด้านนอกหม้อกลั่น หลิ่วเหยียนก็มีท่าทางผ่อนคลายลงพร้อมกับรอยยิ้มเย็นโค้งขึ้นที่มุมปาก
“แกคิดว่าซ่อนตัวอยู่ในร่างเทห์สวรรค์แล้วจะหนีพ้นได้เรอะ?” หลิ่วเหยียนเยาะเย้ย อึดใจก็เหยียดมือออกมาแล้วชี้ลงไปที่ท้องฟ้าเบาๆ
ด้านนอกภูเขากระดูกขาว เหล่าจอมยุทธ์มองภาพนี้ก็อดม่านตาหดเกร็งไม่ได้ เห็นชัดว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานน่ากลัวที่ก่อตัวอยู่ในหม้อกลั่น
ภายใต้พลังงานนั้น แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ก็คงหลบหนีได้ยาก
“บีบให้หลิ่วเหยียนใช้ทักษะเทห์สวรรค์ได้ มู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ แต่การดวลนี้ก็คงถึงจุดจบแล้วแหละ” บางคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจดีว่ากระบวนท่าโจมตีนี้ของหลิ่วเหยียนน่ากลัวเพียงใด ว่ากันว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ เป็นเรื่องจริงที่มีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่กลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้พลังโจมตีนี้ของหลิ่วเหยียน
คนจำนวนมากเห็นด้วยและรู้สึกเสียดายขึ้นมาในเวลาเดียวกัน มู่เฉินยังอายุน้อย แต่กลับมีความแข็งแกร่งที่น่าตกใจ หากเขามีเวลาฝึกยุทธ์นานกว่านี้อีกสองสามปี เขาคงจะเติบโตเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงแท้จริงในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือ ในเวลานั้นเขาอาจมีพลังเพียงพอที่จะสู้กับฟังยี่อันดับหนึ่งของบันทึกมังกรหงส์เลยก็เป็นได้
แต่น่าเสียดายที่บนโลกนี้อัจฉริยชนมักตายได้ง่ายที่สุด
ฮึ่ม!
ขณะที่จอมยุทธ์ทุกคนรู้สึกสงสารกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น หม้อกลั่นก็ส่งเสียงฮึ่มฮั่มบนท้องฟ้า อุณหภูมิสูงที่ปล่อยออกมา ทำให้มิติบิดเบี้ยวจนจะแตกเป็นเสี่ยง
ทุกคนเห็นว่าขนนกงดงามลอยผ่านเบาๆ จากนั้นก็พุ่งไปหาร่างเทห์สวรรค์ที่แผ่แสงสีทองจ้าตาออกมา
มันช่างรวดเร็วอย่างยิ่ง จนสุดท้ายได้เปลี่ยนเป็นอุกกาบาตลุกโชติช่วง เมื่ออุกกาบาตพุ่งผ่าน มิติก็แตกเป็นเสี่ยง เกิดรอยร้าวมิติที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไป
แสงสีทองบนร่างเทพสุริยะมืดมนอย่างรวดเร็ว แม้แต่ร่างเปล่งประกายก็เริ่มแสดงสัญญาณหลอมเหลว
อุกกาบาตงดงามพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว
ทว่าขณะที่อุกกาบาตกำลังจะตกลงมา ดวงตาที่ปิดสนิทของมู่เฉินในร่างเทพสุริยะก็ค่อยๆ ลืมขึ้นในตอนนี้
เปรียะ!
ทันทีที่เขาลืมตา รอยร้าวก็ปรากฏบนเมล็ดสีทองที่อยู่ตรงกลางอกของร่างเทพสุริยะ
ชี่! ชี่!
แสงสีทองพร่างพราวพุ่งออกจากรอยแตก จากนั้นเมล็ดก็ระเบิดตัวออก ทันใดนั้นแสงสีทองเจิดจ้าก็กระจายไปทั่วทั้งร่างเทพสุริยะ
ดวงตะวันสีทองสว่างโชติช่วงโชนขึ้นจากแผ่นอกของร่างเทพสุริยะ เวลาเดียวกันก็มีดวงตะวันอีกดวงพุ่งออกมาจากหว่างคิ้ว
ดวงตะวันสีทองโชติช่วงสองดวงลอยอยู่ในอากาศ แสงสีทองสุกใสแผ่ออกมา ทันใดนั้นสภาพร่างเทพสุริยะที่กำลังหลอมละลายก็หยุดลง นอกจากนี้ประกายทองคำยังเริ่มเข้มข้นขึ้น ราวกับมีเส้นใยแสงสีม่วงจางๆ เจืออยู่
ที่ด้านนอก สายตาของหลิ่วเหยียนที่มองสถานการณ์ในหม้อกลั่นอยู่ตลอดก็ชะงักค้างไป เห็นได้ว่าเขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างเทพสุริยะเช่นกัน
“คิดจะดิ้นรนสุดชีวิตเรอะ?”
หลิ่วเหยียนหัวเราะเยาะ เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างเทพสุริยะคือการหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ว่ามู่เฉินจะใช้วิธีใด ก็ไม่อาจหนีรอดจากความตายภายใต้การโจมตีเช่นนี้ของเขาได้หรอก
ในหม้อกลั่น มู่เฉินปรากฏตัวบนศีรษะของร่างเทพสุริยะอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองอุกกาบาตที่พุ่งเข้ามา อุณหภูมิสูงทำลายล้างเป็นสิ่งที่แม้แต่มิติก็รองรับไม่ได้
แต่ครั้งนี้กลับไม่มีริ้วความกลัวบนใบหน้าของมู่เฉินอีก เขาประสานมือเข้าหากันอย่างช้าๆ พลางวาดตราประทับพร้อมกับเสียงพึมพำเปล่งจากปาก
“คลื่นเก้าตะวัน ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์!”
มือร่างเทพสุริยะวาดตราประทับฉับพลันในเวลานี้ ขณะที่แสงสีทองเปล่งปลั่งรวมตัวกัน ราวกับตราประทับแสงสีทองก่อตัวขึ้นภายใต้ฝ่ามือ ตราประทับแสงนั่นดูราวกับดวงตะวันทองคำสองดวงไขว้กัน ลวดลายโบราณลึกลับอยู่ภายใน ประหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ก่อตัวขึ้นจากการกำเนิดดวงตะวัน
ตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์คือทักษะหนึ่งของคลื่นเก้าตะวัน แต่เงื่อนไขในการสร้างก็คือต้องมีพลังคลื่นสองตะวันเป็นอย่างน้อย ในอดีตมู่เฉินทำสิ่งนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้คลื่นเก้าตะวันของเขาพัฒนาการอีกครั้ง ทำให้สามารถสร้างออกมาได้ในที่สุด
“ตู้ม!”
ตราประทับแสงสีทองรวมตัวกันบนฝ่ามือร่างเทพสุริยะ ก่อนจะทะยานออกไปพร้อมกับแสงสีทองเจิดจ้าและมวลลมฝ่ามือ ปะทะกับอุกกาบาตเพลิงแบบไม่มีถอย
ทันทีที่ปะทะกัน ทุกสรรพเสียงบนโลกก็เหมือนนิ่งสนิทลง
ทว่าความเงียบคงอยู่เพียงชั่วขณะก่อนที่ทุกคนจะเห็นแสงสีทองระเบิดออกมาจากหม้อกลั่นในทุกทิศทาง
ทั้งบริเวณราวกับเจือด้วยแสงสีทอง
คลื่นระเบิดที่ไม่อาจบรรยายได้ผันผวนรุนแรง หม้อกลั่นก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ยากที่จะจินตนาการได้ว่าพลังงานน่ากลัวชนิดใดที่มันกำลังต้านไว้
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงกัมปนาทดังอย่างต่อเนื่อง จากนั้นทุกคนที่มองภาพนี้ก็ดวงตาหดเกร็ง เพราะพวกเขาเห็นรอยร้าวปรากฏบนหม้อกลั่น
“หม้อกลั่นจะต้านไว้ไม่ไหวแล้ว!”
บางคนอุทานออกมาพร้อมกับถอยกรูดตอบสนอง
ตู้ม!
ชั่วขณะที่พวกเขาถอยหนี หม้อกลั่นก็ระเบิด แสงสีทองน่ากลัวแผ่กระจายออกมา พร้อมกับเพลิงสีทองงดงามตระการตา ทุกคนในรัศมีพันลี้ได้รับผลกระทบจากคลื่นระเบิดกันถ้วนทั่ว
พรูด!
จอมยุทธ์โดยรอบที่ตั้งใจจะหนีได้รับผลกระแทก แต่ละคนเลือดกระอักออกจากปาก ร่างกระเด็นใส่ยอดเขา ทำให้ยอดเขาทั้งยอดพังทลายจากแรงปะทะ
ทั่วบริเวณตกอยู่ในความโกลาหลโดยสิ้นเชิง
คลื่นระเบิดทำลายล้างคงอยู่ประมาณสิบกว่านาที ก่อนจะค่อยๆ สลายตัวไป ท่ามกลางซากยอดเขา ร่างสะบักสะบอมจำนวนมากก็ทะยานออกมา ดวงตาแต่ละคนมองภูเขากระดูกขาวด้วยความหวาดผวา
พวกเขาอยากรู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายจากการดวลเดือดนี้
ขณะที่สายตาทุกคู่พุ่งตรงไปที่ภูเขากระดูกขาว ม่านตาของพวกเขาก็ต้องหดลงพลางสูดอากาศเย็นเข้าไปเต็มปอด
บนยอดเขาร่างเทห์สวรรค์สองร่างยืนประจันหน้ากัน ทว่าร่างใหญ่โตทั้งสองอยู่ในสภาพใกล้สลายตัว แสงหม่นลงจนถึงจุดที่จะสลายตัวไปได้ทุกเมื่อ บนศีรษะร่างจอมยุทธ์สองคนก็มีคลื่นหลิงรอบตัวอ่อนกำลังลงอย่างยิ่ง
พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน ใบหน้าก็แดงก่ำในเวลาเดียวกัน รอยเลือดไหลออกจากมุมปากก่อนที่จะถูกปาดทิ้งเบาๆ
ปัง!
ในที่สุดร่างเทห์สวรรค์ทั้งสองก็มาถึงขีดสุดระเบิดอนุภาคออก
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการปะทะน่าทึ่งนี้ คือจบลงด้วยบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย!