หลังจากที่ฉันวิ่งออกมา
ฉันก็ตรงดิ่งกลับบ้านทันที
ตอนที่วิ่งออกมา
ฉันไม่แม้แต่จะมองคิมจีฮุนกับซาอึนด้วยซ้ำ
เมื่อมาถึงห้อง ฉันรีบตรงดิ่งไปที่โต๊ะที่ฉันเก็บยาไว้
ฉันหยิบกล่องยาออกมาจากลิ้นชัก
มือของฉันสั่นระรัว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกังวลหรือความกลัวกันแน่
แต่ว่าในหัวของฉันมีเพียงแค่ความรู้สึกด้านลบ
ฉันไม่อยากเจ็บปวด
ฉันไม่อยากคิดลบ
ฉันไม่อยากให้ตัวเองเศร้า
ฉันไม่อยากดูถูกตัวเอง
ทุกๆ อย่างมันประดาเข้ามาในความคิดของฉัน
“ฮ๊า..”
ฉันพ่นลมหายใจออกมา
หัวใจภายในอกของฉันสั่นไม่หยุด
ฉันเปิดกล่องและหยิบเข็มฉีดยาที่ฉันใช้ประจำ
ดูดของเหลวภายในขวดแก้วสีฟ้า
ฉันเล็งมันที่แขนของฉัน
แขนของฉันยังคงพันผ้าพันแผลไว้อยู่
แต่ฉันไม่สนใจมัน
ฉันแทงเข็มเข้าที่แขนของฉัน
“ฮ๊า..”
ฉันพ่นลมหายใจออกมาด้วยหัวใจที่สั่นระรัว
หลังจากที่ฉีดยารักษาจนหมดหลอดแล้วฉันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทว่าความโล่งอกนั้นกลับอยู่ไม่นาน
ฉันยังคงรู้สึกวิตกกังวลอยู่
ฉันยังคงรู้สึกคันที่ผิว
ฉันยังคงรู้สึกแสบไปทั่วร่างกาย
มันทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรก
เพราะอะไรยารักษาที่ฉันใช้มาตลอด
ตอนนี้มันกลับไม่ออกฤทธิ์อย่างที่มันเคยเป็น?
“ไม่นะ… ไม่”
ฉันพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
ฉันรีบควานหายารักษาในลิ้นชักเพิ่ม
ฉันหยิบยาทั้งหมดที่ฉันมีออกมา
ฉันเหลือยาอยู่ทั้งหมดอีก 5 ขวด
หากฉันใช้ทั้งหมด ฉันจะต้องไปซื้อยาซึ่งแพงมากๆ
นั่นหมายความว่าฉันจะต้องใช้เงินที่คิมจีฮุนให้มา
แต่ว่าฉันไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น
ฉันใช้เข็มฉีดยาดูดของเหลวและฉีดมันเข้าที่แขนซ้ำอีกรอบ
ฉันถอนหายใจและนั่งรอด้วยสายตาสั่นเครือ
หลังจากที่ฉันรอไปห้านาที
มันตอกย้ำสิ่งที่ฉันคิด
เมื่ออาการของฉันไม่ดีขึ้นเลย
มีแต่แย่ขึ้นเรื่อยๆ
ฉันรีบฉีดเข็มที่สามต่อทันที
เข็มที่สามเอง หลังจากฉีดไปแล้วไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
ฉันรู้สึกอ่อนแอ ท้อแท้
น้ำตาของฉันค่อยๆ ไหลออกมา
ฉันกังวลและลนลานถึงขนาดที่ร้องไห้ออกมา
เข็มที่สี่
เข็มที่ห้า
เข็มที่หก
และสุดท้าย… เข็มที่เจ็ด
ฉันฉีดมันทุกเข็มแล้วแต่ฉันก็ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
ฉันทิ้งตัวลงกับพื้น
สายตาของฉันมองอะไรไม่เห็นเพราะน้ำตาที่กำลังไหลอยู่
กร๊อบแกร๊บ~
เสียงเศษกระจกที่ถูกเหยียบแตกละเอียดดังขึ้นมา
แต่ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ยารักษาที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายในการรักษาของฉัน
ตอนนี้ไม่ออกฤทธิ์อะไรเลย
ฉันไม่รู้สึกถึงอาการที่ดีขึ้นเลยสักนิด
ฉัน… รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า
ทำไมฉันต้องมาทนทุกข์ทรมาณแบบนี้ด้วย
ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้
ทำไมร่างกายฉันต้องอ่อนแอและพึ่งยารักษาแบบนี้ด้วย
ทำไมฉันที่หลุดเข้ามาอยู่ในนิยายถึงต้องมาอยู่ในร่างของฮันซอยอน
และ… ทำไมฉันถึงต้องมีชีวิตอยู่
ในเมื่อการที่ฉันมีชีวิตอยู่ มันราวกับตกนรกทั้งเป็นแบบนี้
จริงสิ… ในเมื่อถ้าการมีชีวิตอยู่มันราวกับตกนรก
งั้นฉัน… ยอมตายเสียดีกว่า
ฉันหยิบเศษกระจกที่มันยาวและแหลมบนพื้น
ฉันเงยหน้าขึ้นและหลับตาลง
ฉันไม่อยากทรมาณ
ฉันเลยเล็งมันไปที่คอของฉัน
ก่อนที่จะออกแรงแทงมันสุดแรง
ทว่าแขนของฉันก็ถูกดึงและกระชากอย่างแรง
“คิดจะทำบ้าอะไร!!”
ฉันตะโกนออกมาหลังจากที่เห็นเพื่อนของฉันที่ตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น
สีหน้าที่หมดอาลัยตายอยากของเธอและปลายเศษกระจกในมือที่กำลังเล็งไปที่คอของเธอ
มันทำให้หัวใจของฉันบีบรัดแน่น
ฉันพุ่งเข้าไปกระชากแขนของฮันซอยอน
สีหน้าของฮันซอยอนมองมาที่ฉันที่เข้ามาขัดขวาง
ใบหน้าของเธอที่กำลังร้องไห้
มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก
“นี่เธอคิดจะทำอะไร ฮันซอยอน”
ฉันพูดถามย้ำกับเธออีกครั้ง
เธอไม่ตอบคำถามของฉัน
เธอทำเพียงแค่ก้มหน้าลงมองพื้น
ในตอนนั้นเองเพื่อนของฉันอีกคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา
“จะ..จีฮุน! นายวิ่งเร็วเกินไปแล้วนะ!”
ซาอึนหอบหายใจระหว่างที่มองมาที่ฉัน
เธอตกใจและใช้มือปิดปากของเธอแน่นสนิท
เมื่อภาพตรงหน้าของเธอคือฉันที่กำลังกำแขนฮันซอยอนแน่น
และภาพตรงหน้าของเธอเองก็คือฮันซอยอนที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง
ฮันซอยอนที่กำลังสะอื้นไม่หยุดและอยู่ภายในมือของฉันที่กำแขนโดยไม่มีการต่อต้านโดยสิ้นเชิง
“นะ..นาย!”
“เข้าใจผิด เดี๋ยวไว้คุยทีหลัง”
ฉันตอบกลับซาอึนไปสั้นๆ ห้วนๆ
ก่อนที่จะหันมาทางฮันซอยอน
ฮันซอยอน เพื่อนสมัยเด็กของฉัน
เธอผู้เป็นเด็กสาวที่น่ารัก สดใส และคอยเป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่อย่างเสมอ
พวกเราทั้งสองคนมักเที่ยวเล่นด้วยกันเป็นประจำ
ทว่าวันหนึ่ง
วันที่ฮันซอยอนเริ่มมีอาการป่วย
ในตอนนั้นฉันไม่ได้มีเงินมากเท่าตอนนี้
พวกเราต้องดั้งด้นหาเงินเพื่อเป็นค่ายารักษาให้ฮันซอยอนที่ร่างกายกำลังป่วยอยู่
แต่อาการป่วยของเธอไม่ได้หนักมากขนาดนั้น
เธอแค่มีอาการไอและอ่อนเพลียหากออกกำลังมากเท่านั้น
ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ทั่วไปของคนที่ร่างกายอ่อนแอ
หลังจากนั้นฉันก็เลย หาวิธีที่จะหาเงินเพื่อให้ฮันซอยอนไม่ต้องออกแรงมากและได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
จนกระทั่งวันที่ฉันเจอกับเหตุการณ์เสี่ยงตาย
นั่นเป็นวันเดียวกับวันเกิดของฮันซอยอน
ฉันที่กำลังกลับไปพร้อมกับเค้กหนึ่งก้อนที่ฉันพยายามเก็บเงินไว้อย่างยากลำบาก
ฉันถูกมอนสเตอร์โจมตี
ซึ่งในเขตสลัมที่พวกเราอยู่อาศัยนั้นไม่มียามหรือพวกทหารเหมือนอย่างในเมือง
ในตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองจะไม่รอดมีชีวิตไปเจอฮันซอยอนแล้ว
จนกระทั่งในวินาทีสุดท้ายที่พลังของฉันถูกปลุกขึ้นมา
ร่างกายที่ไร้ซึ่งพลังของฉันกลับเติมเต็มไปด้วยพลังที่ยากจะควบคุม
ฉันจัดการมอนสเตอร์ตัวนั้นได้ในช่วงวินาทีสุดท้ายนั้นเอง
หลังจากนั้นฉันก็สลบไป
จนกระทั่งฉันได้สติฉันก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่บ้านโดยมีฮันซอยอนอยู่ข้างๆ กาย
เธอที่ร้องไห้อย่างหนักและกุมมือของฉันไว้ตลอดเวลา
นั่นทำให้ฉันตั้งมั่นกับตัวเองว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฉันจะปกป้องเธอให้ได้
เพราะเธอคือ ‘ครอบครัว’ ของฉัน
นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด
ก่อนที่ฉันจะโดนเธอไล่ออกมา
ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันทำอะไรผิด
ฉันเพียงแค่อยากช่วยเธอ
ฉันเลยไปล่ามอนสเตอร์เพื่อหาเงินมาพัฒนาความเป็นอยู่ของพวกเรา
ฉันไม่อยากให้เธอต้องลำบาก
แม้ว่ามันจะต้องเสี่ยงชีวิตของฉันก็ตาม
แต่สุดท้ายทุกอย่างที่ฉันทำมันก็พังลงเมื่อฮันซอยอนไล่ฉันออกมา
ฉันที่ไม่มีทางไปเลยใช้เงินที่มีอยู่ในการเลือกที่จะเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง
โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่จะช่วยพัฒนาผู้ปลุกพลังแบบตัวฉันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เมื่อแข็งแกร่งยิ่งขึ้นก็จะมีบรรดากลุ่มที่รวมผู้ปลุกพลังดึงตัวเข้าร่วมกลุ่ม
ฉันที่พึ่งปลุกพลังได้ไม่นานแต่พลังของฉันกลับแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อทำให้ไปเตะตากลุ่มหนึ่งเขา
กิลด์แสงตะวัน
เป็นกิลด์ที่มีการรวมตัวกันของผู้ปลุกพลังระดับสูงเข้าด้วยกัน
เป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในประเทศเลยก็ว่าได้
ทว่าฉันที่พึ่งถูกปลุกพลังมาใหม่ๆ นั้นยังอยู่ในช่วงทดสอบอยู่
แต่ว่าแค่การได้รับการยอมรับจากกิลด์แสงตะวัน
มันก็มากพอที่จะทำให้ฉันหารายได้ที่มากเพียงพอที่จะทำให้พวกเราไม่ต้องอยู่ในสลัมอีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่ทว่าฉันที่ถูกฮันซอยอนไล่ออกมา
สิ่งที่ฉันทำเลยมีเพียงแค่การส่งเงินที่ฉันสามารถทำได้มากกว่าครึ่งไปให้กับฮันซอยอน
เงินจำนวนนั้นมันมากพอสำหรับการใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
แม้ว่าตัวฉันอาจจะต้องลำบากและต้องใช้เงินอย่างประหยัด
แต่ขอเพียงแค่ให้เธอได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
ฉันทำได้ทุกอย่าง
แต่แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้
บ้านของพวกเราที่เคยเป็นระเบียบ
มันกลับมีแต่เศษกระจกที่แตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
สิ่งของภายในบ้านที่เก่าและทรุดโทรมลงจนเห็นได้ชัด
ขวดแก้วเล็กๆ ที่วางกระจัดกระจายไปทั่วบ้านซึ่งมีของเหลวสีฟ้าหลงเหลืออยู่ภายในขวดแก้วเล็กๆ นั่น
และ… ถุงยางรอบๆ เตียงที่พวกเราเคยนอนด้วยกันอยู่เสมอ
มันเกิดอะไรขึ้น?
มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่!?
ทำไม?
ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?
หัวของฉันราวกับมันจะระเบิดจากสิ่งที่ฉันเห็น หัวใจของฉันเต้นอย่างบ้าคลั่ง
ความรู้สึกที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ราวกับว่ามันจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา
ฮันซอยอนที่เกือบฆ่าตัวตายยังทำให้ใจของฉันหวาดผวาและเต้นแรงไม่หยุด
“ฮันซอยอน”
“มันเกิดอะไรขึ้น… ทำไมเธอถึงได้เป็นแบบนี้”
ฉันได้แต่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ
ฮันซอยอนปิดปากแน่นสนิท
ไม่ยอมตอบคำถามของฉัน
“ซอยอน…”
ฉันพูดชื่อสั้นๆ ที่ฉันมักจะเรียกเธออยู่เสมอ
“ขอโทษ… ฉันขอโทษ…”
สิ่งที่เธอพูดออกมามีเพียงคำขอโทษ
เธอที่ก้มหน้าลงมองพื้นและกุมหน้าอกร้องไห้ออกมา
น้ำตาที่หยดไหลลงพื้นจนเกิดเป็นแอ่งน้ำ