โดดเด่น…ที่จอมปลอม 3.2 เมื่อรักผลิบานในฤดูใบไม้ร่วง

ตอนที่ 3.2 เมื่อรักผลิบานในฤดูใบไม้ร่วง

15 นาทีก่อนถึงเวลา ฉันที่อยู่ในห้องพักสำหรับผู้เข้าประกวด รู้สึกประหม่าจนแทบตาย

ตรงเวทีข้างลานสนามหญ้า มีเต็นท์ชั่วคราวสำหรับเป็นห้องพัก ข้างในมีกระจกส่องตัวและล็อกเกอร์ ฉันเปลี่ยนมาใส่ชุดเดรสสีฟ้าอ่อนที่เช่ามา แล้วคลุมทับด้วยผ้าคลุมไหล่ จากนั้นก็จัดทรงผมและเติมเครื่องสำอางหน้ากระจก

มองไปทางขวา ก็เจอแต่คนสวย มองไปทางซ้าย ก็เจอแต่คนสวย มองไปข้างหน้า ก็เจอผู้หญิงจืดๆ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง

ในที่นี้ มีแค่ฉันที่เป็นตัวปลอม คนอื่นๆ ดูสนิทสนมกัน คุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ฉันกลับไม่สามารถเข้าไปร่วมวงสนทนาได้ ความทรงจำตอนม.ปลายที่ต้องอยู่คนเดียว ผุดขึ้นมาในหัว

ทุกคนที่นี่ เป็นของจริง เป็นคนสวยโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ของปลอมอย่างฉัน ฉันไม่ควรมาอยู่ตรงนี้

จะถอนตัวตอนนี้ยังทันไหมนะ แต่ว่า ซัจจังกับคนอื่นๆ ที่อุตส่าห์ดีใจที่ฉันได้เข้ารอบ จะผิดหวังหรือเปล่า …ฉันไม่อยากให้เพื่อนผิดหวัง ไม่อยากโดนเกลียด

ฉันตบหน้าตัวเอง จ้องมองตัวเองในกระจก

[ ตอนนี้นานาเสะ ถ้ามองจากคนทั่วไป ก็คือ ‘สวย’ นั่นก็เพราะเธอ ‘พยายาม’ ไม่ใช่เหรอ ]

[ ถ้ามองแบบนั้น เธอก็ยังดูดีกว่าคนที่สวยโดยธรรมชาติ แต่ไม่ทำอะไร ดังนั้น ไม่เห็นต้องกลัวถูกใครว่าเลย ]

อืม ไม่เป็นไร คนที่เข้าใจฉัน… คนที่ยอมรับในตัวฉัน ก็ยังมีอยู่

 

「เหลือเวลาอีก 10 นาทีจะถึงเวลาจริง! ผู้เข้าประกวดทุกคน กรุณาไปที่เวทีด้วยค่ะ!」

เสียงสตาฟดังขึ้นในห้องพัก ฉันกอดคำพูด ‘น่ารัก’ ที่ได้ยินเมื่อครู่ไว้ในใจ แล้วเดินไปยังเวที

「เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย! มาค้นหากันว่า Miss Campus ที่เจิดจรัสที่สุดในปีนี้คือใคร! กับการประกวด Miss ริวเซย์! ผม มิยาคาวะ จากคณะกรรมการจัดงาน รับหน้าที่พิธีกรครับ!」

เสียงอันทรงพลังของผู้ดำเนินรายการดังผ่านลำโพง เวทีประกวดดูคึกคักกว่าที่คิด มีคนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ลานสนามหญ้า

「ถ้าอย่างนั้น ขอเชิญพบกับ 6 สาวงามที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกเข้ามา ขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ!」

เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม ฉันพยายามรวบรวมความกล้า แล้วก้าวเดินออกไปอย่างเก้ๆ กังๆ ผู้เข้าประกวดอีก 5 คน ดูจะชินกับเวที เดินได้อย่างสง่างาม ราวกับนางแบบมืออาชีพที่เดินบนแคทวอล์ก มีแค่ฉันที่ดูประหม่า ฉันกลืนน้ำลาย แล้วยืนประจำตำแหน่ง

「ฮารุโกะ! สู้ๆ นะ!」

ฉันเห็นซัจจังยืนเชียร์อยู่แถวหน้าสุดของลาน ข้างๆ กันนั้น มีโฮวโจวคุงอยู่ด้วย พอมองดีๆ ก็เห็นว่าเพื่อนๆ ในกลุ่มสัมมนาเดียวกัน สึกุมิจัง และนามิจัง ก็มาด้วย หัวใจฉันเต้นรัวด้วยแรงกดดัน

ฉันเผลอมองหาซางาระคุง แล้วก็เห็นชุดแพนด้ายืนอยู่ตรงแถวหน้าสุดของเวที ฉันรู้สึกโล่งอก ที่เห็นเขาอยู่ใกล้ๆ

「ถ้าอย่างนั้น ขอเชิญแนะนำตัวและแสดงความสามารถพิเศษ เรียงตามลำดับหมายเลข เริ่มจากหมายเลข 1 เชิญครับ!」

「คิโยฮาระ เรียวริ คณะอักษรศาสตร์ ปี 3 ค่ะ! ชื่อของฉัน เหมือนกับทาคาระซึกะเลยใช่ไหมล่ะคะ ความสามารถพิเศษของฉันคือ บัลเล่ต์ที่ฝึกมาตั้งแต่เด็กค่ะ」

เธอพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจน แล้วก็โพสท่าอาราเบสก์บนเวที เรียกเสียงปรบมือได้อย่างล้นหลาม

ทะ ทำไงดี ฉันทำแบบนั้นไม่ได้… ความสามารถพิเศษของฉัน คือการท่องชื่อจักรพรรดิในอดีตได้หมด… อึก จืดชืดเกินไป

ผู้เข้าประกวดคนที่ 2 เลียนแบบเสียงนักแสดงชื่อดังด้วยน้ำเสียงแหบเสน่ห์ คนที่ 3 พูดว่า 「จุดเด่นของฉัน คือรอยยิ้มที่สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ค่ะ!」 เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างมาก คนที่ 4 และ 5 ต่างก็แสดงความสามารถพิเศษของตัวเอง ทุกคนสวย มีเอกลักษณ์ และเต็มไปด้วยความมั่นใจ

และแล้ว ก็ถึงตาฉัน

「ลำดับสุดท้ายครับ! คุณนานาเสะ เชิญครับ!」

「คะ… คณะ… เศรษฐศาสตร์ ปี 1 นานาเสะ ฮารุโกะค่ะ! เอ่อ… ความสามารถพิเศษคือ…」

พอรู้ว่าผู้ชมตรงหน้ากำลังจ้องมอง ฉันก็รู้สึกวิงเวียน ในชีวิตที่แสนจืดชืด ไม่เคยมีครั้งไหนที่ฉันจะถูกจับจ้องมากขนาดนี้

หัวสมองว่างเปล่า นึกชื่อจักรพรรดิในอดีตไม่ออกสักคน เลือดในร่างกายเย็นเฉียบ ฉันได้แต่หายใจสั่นๆ

「เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?」

พิธีกรถามอย่างเป็นกังวล แย่แล้ว ต้องพูดอะไรสักอย่าง

ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า 「เอ่อ」 ตอนนั้นเอง

ซ่า!

จู่ๆ ก็มีน้ำจำนวนมากเทลงมาจากด้านบน ฉันที่โดนน้ำสาดตั้งแต่หัว ก็เอามือปิดหน้า แล้วก้มหน้าโดยอัตโนมัติ

เอ๊ะ อะไร เกิดอะไรขึ้น?

ทันใดนั้น เสียงผู้ชมก็ดังขึ้น 「เอ๊ะ อะไรน่ะ…」 พิธีกรร้องออกมาอย่างตกใจ ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงสตาฟดังมาจากด้านหลังเวที

「นี่! ยังไม่ได้เก็บฉากตอบปัญหาเหรอ!」

「ขะ… ขอโทษครับ! เอ๊ะ แปลกจัง…」

พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็เข้าใจสถานการณ์ ดูเหมือนว่า ถังน้ำสำหรับลงโทษเวลาเล่นเกมตอบปัญหา จะตกลงมาที่ฉัน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอุณหภูมิน้ำหรือเพราะอากาศ เลยไม่รู้สึกว่ามันเย็นเท่าไหร่ น้ำหยดติ๋งๆ ลงมาจากร่างกาย ทั้งหน้า ทั้งชุด เปียกโชกไปหมด แถมยังแปะไปกับตัว อ๊ะ ขนตาหลุด อายไลเนอร์กับอายเทปก็คงจะลอกออกหมดแล้ว

เสียงหัวใจเต้นดังจนแสบแก้วหู ถ้าฉันเงยหน้าตอนนี้ ทุกคนก็จะเห็นหน้าสดของฉัน หน้าตาที่จืดชืดและไม่น่ามอง ตัวตนที่แท้จริงของฉัน

…ถ้า ทุกคนรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉัน ทุกคนจะทิ้งฉันไปหรือเปล่านะ

「คุณนานาเสะ! เป็นอะไรไหมครับ?」

พิธีกรพูดอย่างร้อนรน แล้วจับไหล่ฉัน

อย่า พอแล้ว ปล่อยฉันไว้แบบนี้เถอะ

ฉันไม่กล้าเงยหน้า ได้แต่ส่ายหัว อ่า จบเเล้ว…

「นานาเสะ!!!」

ตอนนั้นเอง ก็มีคนเรียกชื่อฉัน

 

******

 

เวทีประกวดดาวมหา’ลัยที่ลานสนามหญ้า เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บรรยากาศคึกคักกว่าที่คิด

ผมรู้สึกเหมือนถูกสายตาคนอื่นจับจ้อง อ๋อ ผมลืมถอดหัวแพนด้านี่เอง รู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องวิจัยแล้ว

「ซางาระ ทางนี้ ทางนี้」

ผมเดินแหวกฝูงชนตามเสียงเรียกของคินามิ แล้วก็มาอยู่ตรงแถวหน้าสุดของเวที ดูเหมือนเขาจะตั้งใจมาก รู้สึกอาย อย่างน้อยก็ขออยู่ริมสุดก็หน่อยเถอะ

「เฮ้ย ไม่ต้องมาหน้าขนาดนี้ก็ได้…」

「ก็ต้องอยากดูใกล้ๆ อยู่แล้ว! นายเองก็เชียร์นานาเสะด้วยสิ」

「ไม่ได้มาเชียร์สักหน่อย…」

ตอนนั้นเอง ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมากระแทกที่ด้านหลัง พอหันกลับไป ก็เห็นผู้หญิงสองคนที่คุ้นหน้า

「อ๊ะ ขอโทษค่า」

ผู้หญิงคนนั้นพูดขอโทษแบบขอไปที แล้วก็รีบวิ่งไปหลังเวที เหมือนจะเป็นทีมงานของเวทีประกวด ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย สปอตไลท์บนเวทีก็สว่างขึ้น

「เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย! ค้นหาดาวมหา’ลัยที่เจิดจรัสที่สุดในปีนี้! กับการประกวด Miss ริวเซย์!」

พิธีกรของเวทีประกวด น่าจะเป็นนักศึกษาของมหา’ลัยเรา แต่พูดได้ลื่นไหลเหมือนมืออาชีพ ท่ามกลางเสียงเชียร์ ผู้เข้าประกวด 5 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายก็ปรากฏตัวบนเวที นานาเสะที่เดินตามมาเป็นคนสุดท้าย หันหน้าตรง ตั้งอกตั้งใจ

นานาเสะทำหน้าอึดอัด เหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง พอเธอเห็นผมที่อยู่แถวหน้าสุด ก็ดูผ่อนคลายลงนิดหน่อย

…สู้ๆ นะ

ผมพึมพำในใจ

คินามิที่ยืนโหวกเหวกอยู่ข้างๆ ถอนหายใจ

「แต่ว่า พอถึงรอบชิง ทุกคนก็สวยๆ ทั้งนั้นเลย คนแรก เคยเห็นออกรายการทีวีตอนเย็นด้วย!」

อืม มีนักศึกษาที่เป็นว่าที่ดาราปะปนอยู่ด้วย อย่างที่คินามิพูด ทุกคนหน้าตาดีมาก

แต่ในสายตาผม มีเพียงนานาเสะที่ยืดอก พยายามอย่างเต็มที่ ผู้หญิงที่ปกปิดใบหน้าอันจืดชืดด้วยเครื่องสำอาง ตั้งใจเเละพยายาม 

ผู้เข้าประกวดแนะนำตัวทีละคน จนถึงตานานาเสะ พิธีกรส่งสัญญาณให้เธอไปยืนหน้าไมค์

「คะ… คณะเศรษฐศาสตร์ ปี 1 นานาเสะ ฮารุโกะค่ะ! เอ่อ… ความสามารถพิเศษ…」

ใบหน้าที่ถูกสปอตไลท์ส่อง ดูเกร็ง จนซีดเผือด ผมนึกถึงรอยยิ้มของเธอ แล้วก็อยากจะบอกว่า ตัวตนจริงๆ ของนานาเสะไม่ใช่แบบนี้

ตัวตนจริงๆ ที่เธอแสดงออกต่อหน้าผม มัน…

ซ่า!

จู่ๆ ก็มีน้ำปริมาณมากเทลงมาจากด้านบน ราวกับน้ำตก

เพียงครู่เดียว บรรยากาศรอบข้างก็ชุลมุน มีเสียงพูดว่า 「นี่มัน การแสดงอะไรเหรอ?」 ผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ รวมถึงพิธีกรก็ดูตกใจ หลังเวทีวุ่นวาย

นานาเสะที่โดนน้ำสาดตั้งแต่หัว ก็ยกมือขึ้นปิดหน้า แล้วก้มหน้า

「อ๊ะ แย่แล้ว นานาเสะ เป็นอะไรหรือเปล่านะ」

คินามิที่อยู่ข้างๆ ผม พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง พิธีกรรีบเข้าไปจับไหล่ของนานาเสะ

「คุณนานาเสะ! เป็นอะไรไหมครับ?」

นานาเสะก้มหน้า แล้วก็ส่ายหัว คงจะมีแค่ผมคนเดียวในที่นี้ ที่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่เงยหน้า

ถ้าฉันแสดงตัวตนจริงๆ ออกไป ทุกคนจะไม่ทิ้งฉันไปใช่ไหม

ผมรีบวิ่งไปที่เวที

「นานาเสะ!」

พอได้ยินเสียงผม นานาเสะก็เงยหน้าขึ้น ก่อนที่คนอื่นๆ จะได้เห็นหน้าเธอ ผมก็ถอดหัวแพนด้า สวมให้เธอ

ตอนนั้นเอง ผมก็เห็นผู้หญิงสองคนที่หลังเวที พอสบตากับผม พวกเธอก็แสดงท่าทีลุกลี้ลุกลน แล้วก็รีบวิ่งหนีไป

…สาเหตุที่น้ำตกลงมา ผมพอจะเดาออก แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจพวกนั้น

ผมคว้าข้อมือของนานาเสะแล้วก็ลากเธอลงจากเวที เข้าใจแหละว่าตอนนี้คนเกือบทั้งฮอลล์คงกำลังจ้องมาที่ผมแน่ๆ เป็นจุดเด่นซะขนาดนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นา

「ดะ…เดี๋ยวนะครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! จู่ๆ แพนด้าก็บุกขึ้นมาบนเวที แล้วพาตัวคุณนานาเสะออกไปซะงั้น! ระ… หรือว่านี่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง… เอ่อ โปรดิวเซอร์ครับ?」

ผมเดินดุ่มๆ ไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเสียงพิธีกรที่ดังไล่หลังมา ผู้คนต่างพากันหลีกทางให้ เหมือนกับโมเสสแหวกทะเลอะไรแบบนั้นเลย

「ซางาระคุง」

ผมได้ยินเสียงอู้อี้ของนานาเสะ คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองผมที่กำลังจูงมือผู้หญิงสวมหัวแพนด้าด้วยสายตาประหลาดๆ ได้ยินเสียงซุบซิบหัวเราะคิกคักด้วยว่า 「อะไรของเขาน่ะ」 หนวกหูน่า ไม่ใช่ตัวประหลาดให้ดูซะหน่อย

อย่างแรกเลย ผมตรงไปยังห้องวิจัยที่วางสัมภาระเอาไว้ พอเปิดประตูเข้าไปตรวจดูก็โล่งอก ไม่มีใครอยู่เลยสักคน ผมพานานาเสะเข้าไปข้างในแล้วก็ล็อคประตูจากด้านหลัง

「นานาเสะ เป็นอะไรรึเปล่า?」

ผมถามออกไป แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เอามือทั้งสองข้างกดหัวแพนด้าไว้แน่น ผมยาวๆ นั่นมีหยดน้ำไหลติ๋งๆ ลงมาเปียกพื้นห้องวิจัย

ผมเอื้อมมือไปกะจะถอดหัวแพนด้านั่นออก แต่เธอกลับส่ายหัวเหมือนไม่อยากให้ถอด

「มะ… ไม่เอา อย่าเพิ่งดูนะ เครื่องสำอางฉันเละหมดแล้ว」

ผมล่ะเหนื่อยใจกับเธอจริงๆ มาพูดอะไรเอาป่านนี้

「หน้าสดของเธอ ฉันเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว」

「…แต่ว่า ตอนนี้ฉันยังไม่อยากให้เห็นนี่นา เพราะว่า… ฉะ… ฉัน… ไม่น่ารักเลยนี่」

「หา?」

「ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งมองนะ…」

นานาเสะพูดเสียงอ้อนวอนเหมือนจะขอร้อง แต่ขอโทษทีนะ ผมคงทำตามคำขอนั่นไม่ได้หรอก ผมปัดมือเธอที่พยายามขัดขืนออกไป แล้วก็ยกหัวแพนด้านั่นขึ้น

นานาเสะที่เปียกโชกไปทั้งตัว เครื่องสำอางเละเทะไปหมด ขนตาปลอมที่ทำให้ตาดูโตขึ้นก็หายไป เมคอัพกลิตเตอร์วิ้งๆ ที่แก้ม บลัชออนสีสดใส ลิปสติกสีแดงกุหลาบ ทุกอย่างหายวับไปกับตา ตอนนี้เหลือเพียงใบหน้าจืดๆ ไร้เครื่องสำอางที่ผมเห็นจนชินตา

ถึงอย่างนั้น ผมกลับรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้น่ะ มีเสน่ห์ยิ่งกว่าสาวสวยคนไหนๆ ที่ยืนเฉิดฉายอยู่บนเวทีเมื่อกี้นี้ซะอีก

「น่ารักออก」

คำพูดที่หลุดออกจากปากผม ไม่ใช่คำปลอบหรืออะไรทั้งนั้น แต่เป็นความรู้สึกจากใจจริง

พอได้ยินผมพูดแบบนั้น นานาเสะก็เบิกตากว้าง หน้าแดงก่ำ แล้วพึมพำออกมาว่า 「ขี้โกหก」

「ไม่ได้โกหกซะหน่อย ไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งหน้า นานาเสะก็คือนานาเสะนั่นแหละ」

พอผมพูดยืนยันหนักแน่น เธอก็อึ้งไป แล้วเอามือทั้งสองข้างปิดหน้า ผมรู้สึกกังวลขึ้นมา หรือว่าจะทำให้เธอร้องไห้ซะแล้ว

「ขะ…ขอโทษนะ หรือว่า…ร้องไห้อยู่เหรอ?」

ผมจับข้อมือของนานาเสะที่ปิดหน้าอยู่แล้วค่อยๆ ดึงออก พอได้เห็นแววตาของเธอ ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นานาเสะไม่ได้ร้องไห้ แต่เธอกำลังยิ้มอยู่ต่างหาก

「…อะไรกัน ยิ้มอยู่นี่」

「…ขอโทษค่ะ」

「ตลกอะไรของเธอน่ะ」

ตอนนี้ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาจากทางทิศตะวันตก ย้อมห้องวิจัยที่เราอยู่กันสองคนให้กลายเป็นสีส้ม เสียงอึกทึกจากงานโรงเรียนอยู่ไกลออกไป มีเพียงเสียงเพลง Moonlight Serenade จากชมรมดนตรีแจ๊สที่แว่วมาเบาๆ

「อื้ม…ฉันดีใจน่ะ」

นานาเสะพูดแบบนั้นแล้วก็ยิ้มตาหยี

ตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น ผมก็เพิ่งจะรู้ตัว

…การที่ความสันโดษที่ผมโหยหามาตลอดกำลังถูกสั่นคลอนอยู่ มันเป็นเพราะยัยนี่ เวลาที่อยู่กับนานาเสะ ผมไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เลย

「…ซางาระคุง คือว่า…ฉันน่ะนะ」

นานาเสะพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ริมฝีปากเม้มแน่น ผมไม่กล้าถามต่อว่าเธอจะพูดอะไร

 

******

 

ตลอดสิบเก้าปีที่เกิดมา ความรักเป็นสิ่งไกลตัวฉันมาก

ก็มีผู้ชายที่ฉันรู้สึกว่า เออ หล่อดีเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรต่อ ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น ถึงฉันจะสนใจ แต่คนไม่สวยอย่างฉัน เขาก็คงไม่มองหรอก

พอเข้ามหา’ลัย ฉันได้เห็นนางเอกในการ์ตูนผู้หญิงหรือละครทีวี ตกหลุมรักจนหัวปักหัวปำ ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมถึงทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนั้นนะ ทำไมถึงไม่ทำอะไรที่มีเหตุผลมากกว่านี้

แต่ว่าตอนนี้ ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกเธอดีแล้วล่ะ ความรักมันทำให้คนเรากลายเป็นคนบ้าไปเลย ตอนนี้ฉันยืนเคว้งอยู่หน้าคาราอาเกะกองโต

…นี่ฉันทำเยอะเกินไปไหมเนี่ย? นึกว่าอยู่ค่ายซูโม่รึไง

ของที่ปกติทำยากอย่างคาราอาเกะ ทำไมฉันถึงอุตส่าห์ทำขึ้นมานะ? เพราะมันเป็นของโปรดของซางาระคุงไงล่ะ แล้วทำไมฉันถึงได้ทุ่มเททำเยอะแยะขนาดนี้น่ะเหรอ?

ก็เพราะว่าฉันชอบซางาระคุงน่ะสิ

「เฮ้อ…」

พอนึกถึงวันนั้นทีไร ใจฉันเต้นแรงแทบระเบิด ทุกครั้งที่นึกถึงแผ่นหลังของซางาระคุงตอนที่จูงมือฉันออกมา ภาพนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำ วิบวับเปล่งประกาย ตอนนั้นซางาระคุงเหมือนกับพระเอกในการ์ตูนผู้หญิงเลย ถึงในหัวฉันจะมโนเติมเข้าไปอีกสัก 30% ก็เถอะนะ

[ น่ารักออก ]

วินาทีที่เขาพูดแบบนั้น ในที่สุดฉันก็รู้ตัวว่าตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว ถึงจะซุ่มซ่ามแต่ก็ใจดี คอยสนับสนุนฉันอยู่เสมอ เป็นคนที่มองเห็นตัวตนของฉัน คนที่ฉันจะรักได้ตั้งแต่แรก ก็มีแต่ซางาระคุงเท่านั้น

ฉันรู้สึกกระวนกระวายจนอยู่เฉยไม่ได้ เลยนั่งยองๆ กอดเข่าอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบซางาระคุง ฉันก็รู้สึกแปลกๆ มันรู้สึกหวิวๆ เหมือนตัวลอยขึ้นจากพื้นตลอดเวลา

ตอนนั้นเอง ฉันได้ยินเสียงเพื่อนข้างห้องกลับมา เลยรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ฉันตักคาราอาเกะพูนจานแล้วออกจากห้อง จัดผมหน้าม้าเล็กน้อย แล้วกดกริ่ง

ซางาระคุงโผล่หน้าออกมา พอเห็นชุดของฉันก็ทำหน้าแปลกใจ

「แต่งหน้าทำไมเนี่ย? จะออกไปไหนเหรอ?」

…เปล่าค่ะ ฉันไม่มีธุระที่ไหนนอกจากมาเจอซางาระคุงหรอกค่ะ

ฉันกลับบ้านมาก็ไม่ได้ล้างเครื่องสำอาง แต่รอซางาระคุงกลับมา ที่จริงคือแอบเติมหน้านิดหน่อยด้วยซ้ำ ก็อยากให้ซางาระคุงคิดว่าฉันน่ารักขึ้นมาบ้างนี่นา ถึงจะรู้ว่าเขาเห็นหน้าสดฉันแล้ว แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าความพยายามนี้จะเปล่าประโยชน์รึเปล่า

ฉันยิ้มกลบเกลื่อน แล้วยื่นคาราอาเกะให้ 「นี่ ฉันทำมาให้น่ะ」 ซางาระคุงทำตาโต 「หือ เยอะจัง」

「เอ่อ…คือ…ฉันเผลอทำเยอะไปหน่อย…คงกินไม่หมดใช่ไหม…」

「เปล่า กินหมดอยู่แล้ว ขอบใจนะ」

ซางาระคุงพูดแล้วก็รับคาราอาเกะไป ปกติแล้วฉันมักจะเข้าไปในห้องของซางาระคุง แต่คราวนี้ฉันหยุดชะงัก

ช่วงนี้ เวลาฉันทำอะไรมาให้ เขาก็จะชวนฉันกินข้าวเย็นด้วยกันทุกที วันนี้ก็ควรจะเป็นแบบนั้น

แต่พอลองคิดดูดีๆ อีกที การได้อยู่กับคนที่ชอบกันสองต่อสองในห้อง กินข้าวด้วยกันเนี่ย มันเป็นสถานการณ์ที่ชวนใจเต้นเกินไปแล้ว รสชาติของคาราอาเกะคงไม่รู้เรื่องกันพอดี

「ไม่อยู่กินด้วยกันเหรอ?」

「ฉะ…ฉัน…วะ…วันนี้ วันนี้ฉันกินในห้องนะ! งั้น เจอกันพรุ่งนี้นะ!」

ฉันพูดออกไปแบบนั้น แล้วก็รีบวิ่งกลับห้องด้วยความเร็ว พอปิดประตู ล้มตัวลง  ก็เอาหน้าซุกหมอน

…อ๊าย ชอบจังเลย! ชอบจริงๆ! ถึงจะใส่ชุดวอร์มธรรมดาๆ แต่ก็หล่อสุดๆ ไปเลย!

ฉันกรีดร้องอยู่ในใจคนเดียว กลิ้งไปมาบนพื้น ถ้าคนอื่นมาเห็นคงคิดว่าเป็นพวกโรคจิตแน่ๆ

…การที่ได้อยู่ห้องข้างๆ กับคนที่ชอบเนี่ย มันสุดยอดไปเลยนะ…

แค่คิดว่ามีกำแพงบางๆ กั้นระหว่างฉันกับซางาระคุงอยู่ ก็รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำแล้ว ตอนนี้ซางาระคุงกำลังกินคาราอาเกะอยู่รึเปล่านะ คิดว่าจะลองเอาหูแนบกำแพงดู แต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยล้มเลิกความคิดนั้นไป

「ฮารุโกะ ตอนงานประกวด หลังจากนั้นเป็นไงบ้าง? ไม่ได้เป็นหวัดใช่ไหม?」

หนึ่งอาทิตย์หลังงานวัฒนธรรม ช่วงพักเที่ยงตอนที่กำลังกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร ตึก 3 นามิจังก็ถามขึ้นมา ฉันยิ้มแล้วตอบว่า 「อื้ม สบายดี!」

หลังจากเกิดเรื่องตอนนั้น การประกวด ก็ดำเนินต่อไปโดยไม่มีฉัน และผู้ชนะก็คือ คุณคิโยฮาระ จากคณะอักษรศาสตร์ ฉันได้รับคำขอโทษจากผู้จัดงาน และได้รับขนมอาจะริโมจิ ของฝากขึ้นชื่อจากเกียวโตเป็นของขวัญปลอบใจ ซึ่งฉันก็กินมันจนหมด

ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ซัจจังโกรธแทนฉัน แม้แต่ตอนนี้ก็ยังโกรธไม่หาย บ่นว่า 「ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันเกินไปนะ」 หน้าบูดบึ้ง 「ทำผู้หญิงตัวเปียกบนเวทีเนี่ยนะ ไม่ไหวๆ แล้วซางาระโผล่มาทำไมเนี่ย? จู่ๆ ก็พาตัวฮารุโกะออกไป」

「อ๊ะ นั่นสินะ รู้สึกว่าจะเป็นที่พูดถึงกันเยอะเลยนะ แพนด้าแมน」

ดูเหมือนว่า <ชายสวมหัวแพนด้าที่พาผู้หญิงตัวเปียกจากงานออกมา> จะเป็นที่เลื่องลือในมหา’ลัยอยู่พอสมควร ซางาระคุงเกลียดการเป็นจุดเด่นที่สุด ดังนั้นเขาเลยดูหดหู่มากที่ถูกซุบซิบนินทา รู้สึกผิดจังที่เป็นต้นเหตุแบบนี้

「อะ…อันนั้น…คือว่า ฉันกำลังลำบากอยู่บนเวที เขาเลยมาช่วยไว้น่ะ ซางาระคุงน่ะ คอยมองฉันอยู่ตลอดเลย…แล้วก็…คอยช่วยเหลือฉัน」

พอนึกถึงเรื่องนั้น ฉันก็เคลิ้มอีกแล้ว อ๊า เขาหล่อจริงๆ เลยน้า… ซัจจังมองฉันที่ตกอยู่ในภวังค์ แล้วถามขึ้นมา

「ฮารุโกะ…นี่…ตกลงว่าชอบซางาระอยู่ใช่ไหม?」

ฉันหน้าร้อนผ่าว โดนจับไต๋ได้ง่ายๆ เลย หน้าฉันคงแดงมากจนปิดยังไงก็ไม่มิดแล้วแน่ๆ คงเป็นเรื่องยากแล้วล่ะ ที่จะปิดเรื่องนี้กับทุกคนต่อไป ฉันตัดสินใจยอมรับ

「…อื้ม ฉัน…ชอบ…เขาน่ะ」

ฉันตอบตะกุกตะกัก แล้วทั้งสามคนก็กรี๊ดออกมา

「ฮารุโกะ น่ารักอ่า~!」

「จะให้ปล่อยซางาระคุงไปได้ไง อะเนอะ!」

「ดูจืดๆ ไปหน่อย แต่พอมองดีๆ ก็หล่อแบบจืดๆ สไตล์ญี่ปุ่นอยู่นะ!」

「นี่! พวกเธอเบาเสียงหน่อยสิ!」

ฉันรีบหันซ้ายหันขวา มองไปรอบๆ อย่างร้อนรน ทำไมสาวๆ พวกนี้ถึงได้เสียงดังกันขนาดนี้นะ

「นะ…ช่วยเก็บเป็นความลับให้หน่อยนะ…ฉันยังไม่มีความกล้าพอจะสารภาพรักหรอก…」

「แบบนั้นไม่ได้นะ! ต้องให้เขาเป็นฝ่ายพูดออกมาสิ!」

「ปล่อยไว้แบบนี้ อีกหน่อยซางาระก็คงสารภาพรักเองแหละ」

「จะ…จริงเหรอ ไม่มีทางหรอก!」

พอได้ยินคำพูดของซัจจัง อุณหภูมิร่างกายฉันก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก ซัจจังยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดต่อ ขณะที่ฉันกำลังลนลาน

「ฉันว่าซางาระเองก็ต้องชอบฮารุโกะแน่ๆ ก็ซางาระใจดีกับฮารุโกะแค่คนเดียวนี่นา」

「เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๋…จะ…จริงเหรอ…?」

ฉันเผลอยิ้มออกมาจนหุบไม่ได้เลย พอนึกถึงคำพูดนี้มันทำให้ฉันมีความหวังมากขึ้น ถึงมันอาจจะเป็นแค่การปลอบใจ แต่ก็ยังรู้สึกดีใจอยู่ดี

ซัจจังพูดเหมือนจะปลงๆว่า「ฮารุโกะ ต่อให้มีแฟนแล้ว ก็อย่าลืมมาเที่ยวกับพวกฉันนะ」 ฉันได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงก่ำแล้วก็ตอบไปว่า「เร็วไปมั้ง!」

 

 

โดดเด่น…ที่จอมปลอม

โดดเด่น…ที่จอมปลอม

Score 10
Status: Completed
ซางาระ โซเฮย์ หนุ่มมหาลัยผู้ยึดมั่นในชีวิตสันโดษ ห้องเช่าโทรมๆ ของเขาดันมีสาวสวยสุดฮอตอย่าง ฮารุโกะ มาเป็นเพื่อนข้างห้องซะได้ ตอนแรกโซเฮย์คิดว่าฮารุโกะคงเป็นสาวสวยจากต่างดาวที่ไม่มีทางเข้าใจโลกของเขา แต่ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ "สาวเนิร์ด" ที่พยายามแปลงโฉมตัวเองจนกลายเป็นดาวมหาลัยสุดปัง! โซเฮย์ดันไปรู้ความลับของฮารุโกะเข้าอย่างจัง ด้วยความที่อยากใช้ชีวิตสงบๆ คนเดียว เขาเลยจำใจต้องช่วยฮารุโกะรักษาภาพลักษณ์ "สาวสวยสุดฮอต" เอาไว้ "ถ้าเธอกลายเป็นสาวฮอตได้เมื่อไหร่ ก็คงไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีกแล้วสินะ" "โซเฮย์คุงนี่ คิดมากไปรึเปล่า..." แต่เรื่องราวกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อความลับของฮารุโกะอาจพังทลายลงได้ทุกเมื่อ แล้วความสัมพันธ์ของหนุ่มสุดเฉิ่มกับสาวจอมปลอมคู่นี้จะลงเอยยังไงกันนะ?

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset