ฤดูร้อนผ่านไป เปิดเทอมมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว
ชีวิตประจำวันของผม ก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเรียน แล้วก็ทำงานพิเศษ ชีวิตมหา’ลัยที่จืดสนิท ห่างไกลจากคำว่า “สดใส” อย่างที่ใครๆ พูดกัน แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มีความแตกต่างจากที่ผมคิดไว้นิดหน่อย ตรงที่มันไม่ใช่ “ความโดดเดี่ยวอันแสนสบาย” อย่างที่คิด
「มีข้าวเติมอีกนะ กินเยอะๆ เลย!」
นานาเสะพูดขึ้นข้างๆ ผม เธอกลับมาใส่เสื้อแจ็คเก็ตนักเรียน ม.ปลายสีน้ำตาลแดง เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วสินะ
ช่วงนี้ ถ้าว่างตรงกัน ผมกับนานาเสะก็มักจะกินข้าวเย็นด้วยกัน ตอนแรกที่กินด้วยกัน ก็เพราะว่า “กินข้าวในห้องที่เปิดแอร์ ประหยัดไฟได้มากกว่า” แต่ถึงตอนนี้อากาศจะเริ่มเย็นแล้ว พวกเราก็ยังกินข้าวด้วยกันอยู่ ผมรู้สึกผิดที่ให้นานาเสะเลี้ยงข้าวอยู่เรื่อย เลยเริ่มออกเงินค่าอาหารให้เธอบ้าง
วันนี้เธอทำหมูผัดขิง กะหล่ำปลีซอยบางเฉียบ ดูน่ากิน พอนึกถึงตอนที่ตัวเองหั่นต้นหอมวันก่อน ก็รู้สึกทุเรศตัวเอง บางทีผมควรจะลองหัดทำอาหารดูบ้าง
「จริงสิ ใกล้งานวัฒนธรรมของมหา’ลัยแล้วนะ」
เมื่อนานาเสะพูดขึ้น ผมก็ตอบไปงั้นๆ 「อืม…」
งานวัฒนธรรมของมหา’ลัยเรา จะจัด 3 วัน ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ได้ยินมาว่าเป็นงานใหญ่ มีคนนอกเข้ามาเยอะ ดูเหมือนว่าพวกชมรมวัฒนธรรม จะทุ่มเทกับงานนี้มาก
「ได้ยินมาว่ากลุ่มสัมมนาเรา จะออกร้านด้วย ขายไก่ย่างไม้ละ 300 เยน」
「โห… แบบนี้มัน ขายเอากำไรชัดๆ…」
「ฉันไม่ได้อยู่ชมรมไหนเลย เลยดีใจที่จะได้ร่วมงาน! ตื่นเต้นจัง!」
นานาเสะเอามือประสานกันตรงอก ตาเป็นประกาย สำหรับเธอที่อยากมีชีวิตมหา’ลัยสดใส งานนี้คงสำคัญมาก
เอาเถอะ ยังไงผมก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว ผมไม่คิดจะเอาตัวเองไปยุ่งกับงานที่ไม่ทำเงิน ถ้าต้องทำงานแบบนั้น ไปทำงานพิเศษยังมีประโยชน์กว่า
「แต่ว่า ไม้ละ 300 เยน จะขายออกเหรอ? ตั้งราคากันยังไงเนี่ย」
「งานเทศกาลน่ะ ราคาก็ประมาณนี้แหละ… แอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลยังตั้ง 500 เยน…」
ไก่ย่างพวกนั้น ก็คงเป็นแค่ไก่แช่แข็งจากซูเปอร์ เอามาทาซอสแล้วย่าง คิดถึงต้นทุนแล้วก็ขนลุก ถ้าเป็นผม ไม่มีทางซื้อเด็ดขาด
「เหมือนจะได้ยินมาว่า ตอนแรกจะให้ผู้หญิงใส่ชุดยูกาตะมาขาย แต่เดือนพฤศจิกา ใส่ยูกาตะมันก็คงจะแปลกๆ ก็เลยยกเลิกไป ฉันเองก็อยากลองใส่ดูนะ」
อย่างนั้นเหรอ ไม่ได้ใส่สินะ ยูกาตะ
ผมแอบผิดหวัง นิดหน่อย ประมาณนั้น ไก่ย่างที่นานาเสะใส่ยูกาตะขาย อาจจะขายได้ถึงไม้ละ 300 เยน ความคิดบ้าๆ แบบนั้น ผุดขึ้นมาในหัวผม
「ตอนบ่ายวันนั้น จะประชุมเรื่องงานวัฒนธรรมที่ห้องวิจัย ซางาระคุงมาด้วยนะ!」
「เอ่อ… ขี้เกียจ…」
ผมเผลอพูดความในใจออกไป นานาเสะจ้องมา
「ฉันจะดีใจนะ ถ้าซางาระคุงมา」
…แต่ ถ้าผม คนที่ไม่ได้อยู่ชมรม ไม่ช่วยงาน ก็คงจะโดนมองไม่ดี เรามีงานกลุ่มบ่อย ถ้าทำตัวให้คนอื่นไม่ชอบ ต่อไปคงลำบาก งานพิเศษก็เริ่มตอนเย็น แวะไปแป๊บเดียว คงไม่เป็นไร
บางทีนะ
「รู้แล้ว ไปก็ไป」
「จริงเหรอ? เย้!」
นานาเสะฮัมเพลงงึมงำ ฟังดูคุ้นๆ อ๋อ เพลงของซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้านนี่เอง เลือกเพลงอะไรเนี่ย ผมแอบขำ
วันต่อมา คนที่มาประชุมเรื่องงานวัฒนธรรมที่ห้องวิจัย รวมผมกับนานาเสะด้วยก็มีประมาณ 7 คน ไม่เห็นโฮวโจวกับสุโด้ คงจะไปซ้อมกับชมรม
ผมนั่งฟังการประชุมอยู่ห่างๆ 「ซางาระคุง วันงานมาช่วยเป็นคนขายนะ」 นานาเสะขอร้อง ผมก็เลยตอบตกลง
「นี่ พักกันเถอะ พากกกกกก~ คุยกันมาเยอะแล้ว แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง」
ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง มินาเสะก็พูดขึ้น พร้อมกับโยนปากกาลูกลื่น
มีคนแกะขนมกิน แล้วก็เริ่มคุยสัพเพเหระ นานาเสะเดินถือกล่องขนมสีแดงมา แล้วนั่งลงข้างๆ ผม
「อ่ะ ซางาระคุง อะนี่」
ผมกล่าวขอบคุณ แล้วหยิบเพรทเซลเคลือบช็อกโกแลตมากิน ไม่ได้กินนาน อร่อยเหมือนกันนะเนี่ย
「จริงสิ ใกล้จะถึงช่วงรับสมัครดาวมหา’ลัยแล้วนี่」
「อ๊ะ จริงด้วย เห็นโปสเตอร์แล้ว มีใครรู้จักคนที่จะลงประกวดบ้างไหม」
อยู่ๆ ก็มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างที่กำลังคุยเล่นกัน
มหา’ลัย เราก็มีประกวดดาวมหา’ลัย เหมือนกับมหา’ลัยอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นทางการอะไร จัดเป็นส่วนหนึ่งของงานวัฒนธรรม ออกจะเหมือนการเล่นสนุกๆ รอบคัดเลือกจะโหวตกันทางอินเทอร์เน็ต คนที่ผ่านเข้ารอบ ก็จะได้เข้าร่วมการประกวดรอบจริงในวันงาน
「อ๊ะ นานาเสะลงประกวดสิ?」
คินามิพูดขึ้น นานาเสะที่กำลังดื่มชาอยู่ เกือบจะพ่นออกมา
「… เอ่อ ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่มีทาง!」
นานาเสะปฏิเสธสุดชีวิต แต่คินามิก็ยังตื๊อ
「เอ๋ แต่นานาเสะน่ารัก ต้องเข้ารอบลึกๆ แน่ๆ!」
「ลงประกวดทางเน็ตได้นี่นา ส่งรูปกับประวัติไป」
ดูเหมือนคนอื่นๆ จะเห็นด้วย ผมนั่งเงียบๆ ไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น นานาเสะที่ทำหน้าลำบากใจ ก็ดึงชายเสื้อฮู้ดของผมใต้โต๊ะ ผมตกใจ หันไปมองเธอ เธอมองมา เหมือนจะขอความช่วยเหลือ
「ทำไงดี ซางาระคุง…」
เธอพูดเสียงเบา ผมเลยตอบว่า 「อะไร」 ทั้งๆ ที่ก็ยังระแวงสายตาคนอื่นๆ นานาเสะขยับเข้ามาใกล้ จนผมเผลอใจเต้น
「ฉะ… ฉัน ประกวดดาวมหา’ลัยไม่ได้หรอก มันแปลก」
「แปลกตรงไหน」
「กะ… ก็… ซางาระคุงรู้นี่นา… หน้าสด ของฉัน」
นานาเสะพูดอย่างลำบากใจ อ๋อ เรื่องนั้นเองเหรอ
「ไม่เห็นจะแปลก ลองประกวดดูสิ」
ถึงหน้าสดจะเป็นยังไง แต่พอนานาเสะแต่งหน้าแล้ว ก็สวยมาก ประกวดดาวมหา’ลัยได้อยู่แล้ว ผมไม่คิดว่ามันแปลกตรงไหน ถ้าอยากจะมีชีวิตในรั้วมหาลัยอันแสนสดใส ลองประกวดดาวมหา’ลัยดูก็ไม่เลว
「มะ… ไม่เเปลกเหรอ?」
นานาเสะทำตาโตด้วยความตกใจ ตอนนั้นเอง คินามิก็เดินมาพร้อมกับสมาร์ทโฟน เหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่าเราสองคนอยู่ใกล้กันแปลกๆ เลยทำหน้าสงสัย 「มีอะไรเหรอ? คุยอะไรกันลับๆ หรือเปล่า?」
「ปะ… เปล่า」
「ช่างเถอะ นี่นานาเสะ ถ่ายรูปนะ! หันมาทางนี้!」
คินามิยกกล้องขึ้นมา นานาเสะเลยฝืนยิ้มอย่างจนใจ คินามิกดชัตเตอร์รัวๆ แล้วก้มดูรูป
「แปลกจัง นานาเสะถ่ายรูปไม่ค่อยขึ้นเลย ยิ้มแบบธรรมชาติหน่อยได้ไหม?」
「อะ…เอ่อ… ยากจัง…」
นานาเสะทำหน้าแข็งทื่อ ตรงจุดนี้ เธอคงเป็นสาวสวย “วิ้งวั้ง” กับเขาไม่ได้จริงๆ จริงๆ แล้วเธออาจจะไม่ชอบอะไรที่ดูโดดเด่น
「อืม… แสงไม่พอหรือเปล่านะ ซางาระ ลองถ่ายจากตรงนั้นให้หน่อย」
「เอ๊ะ? อะ… อืม」
พอถูกขอร้องแบบไม่ทันตั้งตัว ผมก็เลยหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา แล้วหันกล้องไปทางนานาเสะ เธอหันมา แล้วหน้าแดงด้วยความเขินอาย
「ซะ… ซางาระคุงจะถ่ายเหรอ…? เอ่อ ขะ…ขอเติมเครื่องสำอางหน่อยได้ไหม?」
「ไม่ต้องหรอก แบบนี้แหละดีแล้ว ยิ้มหน่อย」
พอผมพูด นานาเสะก็ยิ้มเขินๆ ผมกดชัตเตอร์
「อ๊ะ เดี๋ยว! เมื่อกี้ ฉันทำหน้าแปลกๆ แน่ๆ!」
นานาเสะโวยวาย แต่รูปที่ออกมาก็ไม่ได้แย่ ออกจะดูดีด้วยซ้ำ คินามิที่ยืนอยู่ข้างหลังผม ชะโงกหน้ามาดู แล้วก็ร้องอุทาน 「โอ้!」
「สวยมาก! ยิ้มได้เป็นธรรมชาติมาก! ซางาระ เก่งมาก!」
จู่ๆ ก็ได้รับคำชม ทั้งๆ ที่ผมก็แค่กดชัตเตอร์ไปโดยไม่คิดอะไร
「เอาล่ะ ใช้รูปนี้สมัครเลย!」
「เอ๊ะ อะ… เอ่อ」
ระหว่างที่นานาเสะกำลังอึกอัก คินามิก็คว้ามือถือผมไป จัดการสมัครประกวดดาวมหา’ลัยให้อย่างรวดเร็ว 「ขอบคุณนะ」 เขาโยนมือถือคืนมาให้ ผมรีบรับไว้แทบไม่ทัน เฮ้ย อันตรายนะ หน้าจอที่ปรากฏบนมือถือผม คือรูปของนานาเสะที่กำลังยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นรูปของผู้หญิงที่สวยมาก …อืม ผมว่าผมถ่ายได้ดีจริงๆ นั่นแหละ
พอประชุมเสร็จ พระอาทิตย์ก็ตกดินพอดี
「เฮ้อ… สุดท้ายก็ต้องลงประกวดดาวมหา’ลัยจนได้」
นานาเสะที่เดินอยู่ข้างๆ ถอนหายใจ ดูเหมือนจะต้องกลับบ้านด้วยกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะอพาร์ตเมนต์อยู่ใกล้กัน
「ก็ดีแล้วนี่ ได้เข้าใกล้ชีวิตมหา’ลัยเเบบที่อยากไปอีกขั้น」
「นั่นสินะ แต่ว่า…」
「ไม่อยากประกวดเหรอ?」
「ก็… ไม่รู้สิ ไม่ใช่ว่าไม่อยาก… แต่… ยังไงดีล่ะ รู้สึกไม่ค่อยดี」
พอถึงลานจอดรถ ก็ยังคุยกันไม่จบ เลยยืนคุยกันต่อ นานาเสะพิงอานจักรยาน แล้วทำหน้าเศร้า
「ทำยังไงดี… แบบนี้ มันเหมือนกับการหลอกลวง…」
「หลอกลวง?」
「ก็ฉันไม่ได้สวยจริงๆ นี่นา… แค่หลอกทุกคนด้วยเครื่องสำอาง แต่กลับไปประกวดดาวมหา’ลัย… ถ้าถูกจับได้ ต้องโดนเกลียดแน่ๆ…」
นานาเสะก้มหน้า ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ เป็นผู้หญิงที่สวย เปล่งประกาย และสมบูรณ์แบบ
เธอพูดถูก ถ้าเทียบความแตกต่างระหว่างหน้าสดกับตอนแต่งหน้า ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นการ “หลอกลวง” ก็ได้
แต่ผมไม่คิดว่าเธอหลอกลวงใคร
「ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ」
นานาเสะหันมา กระพริบตาถี่ๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงอาทิตย์ กลายเป็นสีแปลกตา ผมจ้องมอง แล้วก็รู้สึกแปลกๆ
「ทำไมล่ะ?」
ผมรู้สึกผิดที่พูดอะไรไม่เข้าท่า แต่สายตาที่กดดันของเธอ ทำให้ผมต้องค่อยๆ พูด
「ตอนนี้นานาเสะ ก็ ถ้ามองจากคนทั่วไป ก็คือ “สวย”… นั่นก็เพราะเธอพยายามไม่ใช่เหรอ」
「ถ้ามองแบบนั้น เธอก็ยังดูดีกว่าคนที่สวยโดยธรรมชาติ แต่ไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น ไม่เห็นต้องกลัวถูกใครว่าเลย… ฉันคิดว่านะ」
นานาเสะยังคงเงียบ จ้องมองมาที่ผมตรงๆ เธอไม่พูดอะไร จนผมเริ่มกังวลว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
สักพัก นานาเสะที่ถูกแสงอาทิตย์ย้อมเป็นสีส้ม ก็ยิ้มออกมา
「ซางาระคุง ใจดีจัง」
หัวใจผมแทบหยุดเต้น เมื่อสบตาเธอ
ถ้าเก็บภาพนานาเสะในตอนนี้ไว้ คงชนะการประกวดดาวมหา’ลัยได้สบายๆ ผมคิดแบบนั้น รอยยิ้มของเธอน่ารักมาก
หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ก็เหลือเวลาอีกเพียงอาทิตย์เดียวก่อนจะถึงงานวัฒนธรรม
ผมหยุดมือที่กำลังขยับดินสอกด แล้วหยิบสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เลื่อนหน้าจอ เปิดหน้าแรกของเว็บค้นหา เพื่อจะหาความหมายของคำที่ไม่เข้าใจ
สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ที่สะดวกมาก แต่ข้อเสียคือมันทำให้เสียสมาธิ
ผมนอนกลิ้งไปบนเสื่อทาทามิ นึกขึ้นได้ว่า ช่วงนี้คงเริ่มเปิดโหวตการประกวดดาวมหา’ลัยแล้ว ผมพิมพ์ [ประกวดดาวมหา’ลัย ริวเซย์คัง] ลงในช่องค้นหา เว็บพิเศษสำหรับการประกวดดาวมหา’ลัยของมหา’ลัยเราก็ขึ้นมาเป็นอันดับแรก
พอเปิดเข้าไป ก็เห็นตัวอักษร [กำลังเปิดโหวตทาง WEB!] เด่นหราอยู่ พอดูรายชื่อผู้เข้าประกวด ก็เห็นรูปถ่ายและประวัติของผู้หญิงเรียงกันยาว ผมไม่ได้จะปฏิเสธไปซะหมด แต่การตัดสินผู้หญิงจากรูปร่างหน้าตามันก็ดูล้าสมัยไปหน่อย
ผมเลื่อนหน้าจอลงมา ก็เจอผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตา
จากห้องข้างๆ มีเสียงผู้ชายผู้หญิงกำลังเถียงกันว่า 「ทำไมไม่เข้าใจกันบ้าง」 「ถ้าไม่พูดออกมา ก็กังวลนะ」 ช่วงนี้นานาเสะติดละครรัก ที่ฉายทุกวันพฤหัสตอน 4 ทุ่ม ทุกอาทิตย์พอถึงตอนนี้ ผมก็จะได้ยินบทสนทนาไร้สาระ จนตอนนี้ ผมจำเรื่องย่อได้หมดแล้ว
พวกเขาคิดเล็กคิดน้อย ทำร้ายกัน พอแยกจากกัน สุดท้ายก็กลับมาหากัน นานาเสะเคยพูดอย่างตื่นเต้นว่า 「มันจี๊ดๆ แล้วก็ คิ้วท์ๆ ดี!」 แต่ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงได้ทุ่มเทพลังงานไปกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่ไร้ประโยชน์แบบนั้น
นานาเสะในสมาร์ทโฟน กำลังยิ้มหวาน เป็นผู้หญิงที่สวยจนใครๆ ก็ต้องมอง แต่ตอนนี้ ผู้หญิงที่กำลังตั้งใจดูละครอยู่ในห้องข้างๆ คือสาวจืดจางในชุดวอร์ม
ใต้รูปมีเขียนชื่อและประวัติสั้นๆ นานาเสะ ฮารุโกะ เกิดวันที่ 3 พฤษภาคม ราศีพฤษภ กรุ๊ปเลือด A งานอดิเรกคืออ่านหนังสือและช็อปปิ้ง ความสามารถพิเศษคือ ท่องชื่อจักรพรรดิในอดีตได้ทั้งหมด ผู้ชายในอุดมคติคือ คนที่อ่อนโยนและจริงจัง คติประจำใจคือ ความซื่อสัตย์
“…สมกับเป็นนานาเสะ”
ผมเผลอหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสิ่งที่เธอเขียน เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ที่เขียนเรื่องเต้น โยคะ หรือจัดดอกไม้ ของเธอก็ดูจะโดดออกมา
เมื่อแตะที่รูปในหน้าแสดงรายชื่อผู้เข้าประกวด จะสามารถโหวตได้ โดยไม่สามารถโหวตซ้ำได้ ที่หน้าแรก มีข้อความเขียนไว้ว่า
[กรุณาโหวตให้กับผู้เข้าประกวดที่คุณคิดว่าดูดีที่สุด!]
ผมมองดูรูปที่เรียงราย แล้วก็คิดว่า ถ้าจะให้เลือกผู้หญิงที่สวยที่สุดในนี้ คงเป็นคำถามที่ยาก เพราะความสวยเป็นเรื่องของมุมมอง ไม่มีเกณฑ์ตายตัว
…แต่ ถ้าถามว่า สำหรับผมแล้วใครดูดีที่สุด ก็คงตอบได้ไม่ยาก
ผมใช้นิ้วชี้แตะที่รูปของนานาเสะ ทันทีที่เห็นข้อความ [ขอบคุณที่โหวต!] ผมก็โยนมือถือทิ้งไป มันหล่นกระแทกพื้นเสื่อ
“…ทำอะไรอยู่เนี่ย ฉัน…”
ในห้องข้างๆ มีเสียงเพลงบัลลาดดังแว่วมา ดูเหมือนว่าละครจะจบแล้ว
คงจะมีฉากที่พระเอกนางเอกกอดกัน แล้วพระเอกก็พูดว่า “สำหรับฉัน เธอสวยที่สุดในโลก”
ไร้สาระชะมัด ผมหัวเราะเยาะ
「กรี๊ด! ดูนั่นสิ」 「ว้าว น่ารักจัง!」
ผู้หญิงสองคนวิ่งมาหาผมอย่างตื่นเต้น ถ้าเป็นคนหล่อๆ แบบโฮวโจวก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คงเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่จะได้เจออะไรแบบนี้
「นี่ โบกมือให้หน่อยสิ」
คินามิพูด ผมก็เลยลองขยับแขนอย่างเก้ๆ กังๆ มีเสียงกรี๊ด 「น่ารัก!」 ดังขึ้น
「นี่ๆ ขอถ่ายรูปได้ไหม?」
「ได้เลยครับ」
คินามิตอบแทนผม ผู้หญิงสองคนนั้นมายืนข้างๆ ผม แล้วก็เอาตัวมาแนบชิด สัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่ม แอบเสียดายนิดหน่อย พอถ่ายเสร็จ พวกเธอก็พูดว่า 「ลาก่อนนะ คุณแพนด้า」 แล้วก็ผลัดกันลูบหัวผม
「นี่ๆ คุณผู้หญิง ไก่ย่างไหมครับ! ขายอยู่ตรงหน้าลานสนามหญ้านะ!」
วันนี้เป็นวันแรกของงานวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยริวเซย์
มีร้านค้ามากมายตั้งอยู่ตามที่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัย มีเสียงตะโกนว่า 「อร่อยนะ」 「ถูกนะ」 「มีสาวๆ น่ารักด้วยนะ」 ดังอยู่ทั่ว คนที่มางานไม่ได้มีแค่นักศึกษาในมหา’ลัย แต่ยังมีทั้งครอบครัวที่พาลูกเล็กๆ มา กลุ่มนักเรียนม.ปลายที่ใส่ชุดนักเรียน และผู้ชายวัยกลางคนที่ใส่รองเท้าแตะ
ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ผมกลับต้องมาใส่ชุดแพนด้า ยืนเรียกลูกค้า
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน ผมที่ได้รับหน้าที่ให้เป็นคนขายของ ก็ถูกนานาเสะลากมาที่ห้องวิจัยตั้งแต่ 7 โมงเช้า
ไม่รู้ว่าใครเอามา แต่ตรงมุมห้องวิจัย มีชุดแพนด้าวางอยู่ ผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์ และมันก็เป็นจริง
สุโด้ชูหัวแพนด้าขึ้น แล้วประกาศกร้าว
「หนุ่มๆ ทั้งหลาย มานี่! เป่ายิ้งฉุบ ใครแพ้ต้องใส่ชุดนี้แล้วไปเป็นคนขายนะ!」
…เดี๋ยวสิ ผมขอปฏิเสธ
เป็นเรื่องแปลก ดวงผมมักจะไม่ดีในเรื่องแบบนี้ ผมมักจะเป็นคนที่จั่วได้ไพ่โจ๊กเกอร์เสมอ ตอนสมัยม.ต้น เวลาที่ต้องเป่ายิ้งฉุบแบ่งเวรทำความสะอาด ผมก็แพ้ตลอด ได้ทำความสะอาดห้องน้ำทุกที
ก่อนที่ผมจะทันได้โวยวายว่า “ทำไมไม่หาวิธีอื่น” สุโด้ก็ชูมือขวาขึ้น แล้วตะโกน
「เอาล่ะนะ! ยั้ง ยิง…」
ฉุบ ผมออกค้อน ส่วนคนอื่นๆ ออกกระดาษ
「เอาล่ะ ซางาระแพ้คนเดียว! ฝากด้วยนะ」
สุโด้พูดแล้วยัดหัวแพนด้าใส่มือผม ผมรับมาแบบงงๆ แล้วก็โวยวาย 「เดี๋ยวๆ!」
「เดี๋ยวก่อน ไก่ย่าง ทำไมต้องเป็นแพนด้า มันแปลกๆ นะ」
「จะสนใจเรื่องนั้นทำไม? เด่นๆ เข้าไว้! ผู้ชายคิดเล็กคิดน้อย ไม่ป๊อปนะ!」
ให้ตายสิ ผมไม่มีทางเถียงชนะผู้หญิงคนนี้ อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้อยากจะป๊อปอะไร ระหว่างที่กำลังพูดไม่ออก โฮวโจวก็เข้ามาช่วย
「ซางาระ ถ้าไม่อยากทำ เดี๋ยวฉันทำเอง」
หมอนี่เป็นคนดีจริงๆ นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว นิสัยยังดีอีก แบบนี้มันจะสมบูรณ์แบบเกินไปแล้ว ถ้าไม่มีจุดอ่อนอย่างเช่น เป็นโรคน้ำกัดเท้า โลกนี้คงไม่ยุติธรรม
ระหว่างที่กำลังจะอ้าปากพูดว่า “ฝากด้วย” เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงก็ดังขึ้น
「ไม่เอา! อย่าบดบังความหล่อของโฮวโจวคุงนะ!」
พวกผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังผม แล้วพูดกันเสียงดัง
「ซางาระคุง! ทำได้อยู่แล้ว! ฉันอยากเห็นซางาระคุงใส่ชุดแพนด้า!」
「ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง! แค่ยืนเงียบๆ ก็พอ!」
เวลาผู้หญิงสามัคคีกันนี่น่ากลัวจริงๆ สุดท้ายผมก็โดนบังคับให้ใส่ชุดแพนด้า โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรม
「อ๊ะฮ่าฮ่า! น่ารักสุดๆ! ไม่เข้ากันเลย!」
สุโด้ชี้มาที่ผมแล้วหัวเราะลั่น ทั้งๆ ที่เป็นคนบังคับให้ใส่ แต่กลับมาหัวเราะเยาะแบบนี้ หมายความว่าไง ระหว่างที่ผมกำลังหงุดหงิดในชุดแพนด้า นานาเสะก็วิ่งมาหา เธอทำหน้าดีใจสุดๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูไร้เดียงสา
「ว้าว ซางาระคุงน่ารักจัง! เดี๋ยวมาถ่ายรูปด้วยกันนะ!」
…เฮ้อ ก็เอาเถอะ อดทนแค่วันนี้วันเดียว
และแล้ว ผมก็ต้องมาเป็นคนขายในชุดแพนด้า
ถึงจะบอกว่าเป็นคนขาย แต่สิ่งที่ผมทำก็แค่ ถือป้ายแล้วเดินไปเดินมา มีแค่คินามิที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่เป็นคนพูด ตอนแรกผมก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงอยากมาเดินกับผม แต่ก็เข้าใจแล้วว่า เขาแค่อยากใช้ผมเป็นข้ออ้างเพื่อคุยกับผู้หญิง ดูสิ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เขาชวนคุยแต่กับผู้หญิงวัยรุ่น
「อะนี่ ซางาระ」
ระหว่างที่กำลังพักอยู่หลังตึกเรียน คินามิก็ยื่นขวดน้ำแร่มาให้
「ดื่มสิ ข้างในนั้น ร้อนใช่ไหมล่ะ」
หายใจคล่องขึ้น ผมเลยถอนหายใจออกมา คินามิแกะห่อขนมปังรูปเมล่อน แล้วยื่นให้ ดูเป็นคนใส่ใจรายละเอียดเหมือนกันนะ ผมเลยดื่มน้ำตาม
อ่า รอดตายแล้ว
ลมเย็นๆ พัดผ่านแก้มที่ชื้นเหงื่อ รู้สึกสบายตัว ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เหมือนกับว่าร่างกายต้องการออกซิเจน จู่ๆ คินามิก็พูดขึ้น
「นี่ ซางาระ เรื่องของนานาเสะน่ะ…」
อีกแล้วเหรอ ผมรู้สึกเหนื่อยใจ
ช่วงนี้ผมใช้เวลาอยู่กับนานาเสะมากขึ้น ทำให้ถูกคนอื่นเข้าใจผิดบ่อยขึ้น ผมตั้งท่า เตรียมจะปฏิเสธให้ชัดเจน แต่คำพูดของคินามิกลับผิดคาด
「จริงๆ แล้วนะ ตอนปิดเทอมฤดูร้อน ฉันสารภาพรักกับนานาเสะไปแล้วล่ะ」
ผมเผลอพ่นน้ำแร่ออกมา จู่ๆ ก็มาพูดอะไรเนี่ย หมอนี่
「สะ… สารภาพ… เอ๊ะ? นายเหรอ? กับ…นานาเสะ?」
คินามิหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน 「สกปรกอ่ะ」 ทั้งๆ ที่ผมกำลังสับสน
ผมรู้ว่าคินามิสนใจนานาเสะอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะสารภาพรักไปแล้ว นานาเสะเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย
「แล้ว… คบ… กันอยู่เหรอ?」
สำหรับนานาเสะที่อยากใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างสดใส ผู้ชายที่ร่าเริงและดูดีอย่างคินามิ ก็ใกล้เคียงกับคำว่าแฟนในอุดมคติ เมื่อก่อนนานาเสะบอกว่าไม่ค่อยชอบคินามิ แต่ไม่แน่ เธออาจจะเปลี่ยนใจ แล้วคบกันโดยที่ผมไม่รู้ก็ได้
「เปล่า โดนปฏิเสธ」
คินามิตอบหน้านิ่ง อ๊ะ เหรอ ค่อยยังชั่ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ เดี๋ยวนะ ทำไมผมต้องรู้สึกโล่งอกด้วย
「คิดว่าน่าจะไปได้สวยซะอีก」
ถึงคินามิจะพูดแบบนั้น แต่ก็ดูไม่เหมือนจะช็อคอะไร คงเพราะผ่านมา 2 เดือน ตั้งแต่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว อาจจะทำใจได้แล้วก็ได้
「นานาเสะ มีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอ」
「จะไปรู้ได้ไง」
「ซางาระ สนิทกับนานาเสะนี่นา」
「ไม่รู้」
ผมไม่รู้อะไรเลย เลยตอบไปตามความจริง คินามิพูดอย่างผิดหวัง 「งั้นเหรอ」
「แต่ว่า นานาเสะสุดยอดไปเลยนะ ผ่านเข้ารอบการประกวดดาวมหา’ลัยด้วย」
「อืม… ใช่」
「ว่าแต่ซางาระ ได้โหวตให้ใครหรือเปล่า?」
เรื่องนั้น ขอใช้สิทธิ์ไม่พูดถึง ผมไม่ตอบ แล้วพูดว่า 「หมดเวลาพักแล้ว」 พร้อมกับสวมหัวแพนด้า
******
งานวันที่หนึ่งของงานวัฒนธรรม ช่วงบ่าย ฉันกับซัจจังช่วยกันเรียกลูกค้า
กลิ่นหอมๆ ของไก่ย่างโชยออกมาจากแผง ไม่ได้ทำอะไรมาก แค่เอาไก่ย่างแช่แข็งที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับร้านอาหารมาละลาย ทาซอส แล้วก็ย่าง อย่างที่ซางาระคุงพูด “ขายเอากำไรชัดๆ” แต่เพราะทำเลที่อยู่ตรงกลางลานสนามหญ้าพอดี เลยขายดี
「สุโด้ง นานาเสะ ถ้าว่าง จะไปเดินเล่นแถวนี้ก็ได้นะ」
โทริอิคุง เพื่อนร่วมกลุ่มสัมมนาเดียวกัน พูดขึ้นมาขณะที่กำลังย่างไก่อยู่ โทริอิคุงถูกเลือกให้ทำหน้าที่ย่างไก่ เพียงเพราะตัวอักษรคันจิของชื่อ แต่เขาก็ย่างไก่อย่างตั้งใจโดยไม่ปริปากบ่น
「ถือโอกาสชวนลูกค้ามาด้วยล่ะ! ซางาระกับคินามิ หายไปเลย สองคนนั้น แอบอู้แหงๆ」
พอได้ยินโทริอิคุงพูด ฉันก็นึกถึงซางาระคุงที่ใส่ชุดแพนด้า แค่คิดถึงว่าภายใต้ชุดนั้นเขาจะทำหน้าตายังไง ก็ตลกแล้ว เดี๋ยวต้องขอถ่ายรูปคู่ด้วยหน่อย
「โอเค! งั้นฝากด้วยนะ! มีอะไรก็ติดต่อมานะ」
「ขอบคุณนะ โทริอิคุง ฝากด้วยนะ」
「โอเค ไปเถอะ!」
พวกเราเดินเคียงคู่กันไปตามทางที่โทริอิคุงมองส่งมา
ท้องฟ้าสดใส ตัดกับสีแดงเหลืองของใบไม้ ตามทางเดิน มีซุ้มต่างๆ ตั้งเรียงราย ตรงหน้าลานน้ำพุ มีชมรมเต้นกำลังโชว์เต้นบีบอย
บนเวทีกลางลานสนามหญ้า กำลังมีการแข่งขันตอบปัญหา พอนักเรียนที่เข้าแข่งขันตอบผิด ก็จะมีน้ำปริมาณมากตกลงมา เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม มันเป็นยังไงกันนะ
มีเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานดังอยู่ทั่ว พอได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่เหมือนทุกวัน ก็รู้สึกตื่นเต้น
「ฮารุโกะ ดูสนุกจังเลยนะ」
「อืม สนุกสิ!」
งานวัฒนธรรมตอนอยู่ม.ปลาย ฉันเอาแต่เตรียมงานอยู่เงียบๆ จะได้ไม่เกะกะคนอื่น พอถึงวันงานก็หมกตัวอยู่ที่ห้องสมุด นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ร่วมงานเทศกาลแบบนี้
ฉันเผลอกระโดด ซัจจังก็หัวเราะแล้วพูดว่า 「ฉันชอบฮารุโกะที่เป็นแบบนี้จัง」
「ฉันเองก็ตื่นเต้นกับประกวดดาวมหา’ลัยตอนเย็น! ผ่านเข้ารอบได้เนี่ย ฮารุโกะนี่สุดยอดจริงๆเลยนะ」
ซัจจังพูดแล้วยิ้มอย่างภูมิใจ พอถูกพูดแบบนี้ ความจริงที่ฉันเกือบลืมไปแล้ว ก็แล่นเข้ามาในหัว แล้วก็ปวดท้องขึ้นมา
ฉันผ่านเข้ารอบการประกวดดาวมหา’ลัยอย่างปาฏิหาริย์ แล้วเย็นวันนี้ ฉันต้องขึ้นเวทีประกวดรอบจริง
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ ฉันไม่มีทางสู้ “ของจริง” ที่เป็นสาวงามตามธรรมชาติได้ ถ้าจะมีอะไรที่พอจะชมตัวเองได้ ก็คงมีแค่ฝีมือการแต่งหน้าที่หลอกลวงคนอื่นได้ เรื่องนี้ฉันค่อนข้างมั่นใจ
「ฉันภูมิใจในตัวเธอจริงๆ ฮารุโกะของฉันน่ารักที่สุด!」
ซัจจังดูจะดีใจยิ่งกว่าฉันที่ผ่านเข้ารอบ ฉันคิดมาตลอด แต่ซัจจังประเมินค่าฉันสูงไป นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “อวยเพื่อน” ใช่ไหมนะ
…แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็กำลังหลอกลวงซัจจัง เพื่อนที่ฉันรักที่สุด
ตอนนั้นเอง มีผู้หญิงสองคนเดินสวนมา พวกเธอมองมาที่ฉัน ฉันก็เลยหันไปมอง แล้วก็เห็นพวกเธอกำลังซุบซิบกัน รู้สึกไม่ค่อยดี
「นานาเสะ… เห็นว่าจะลงประกวดดาวมหา’ลัยล่ะ」
「โห มั่นใจจัง…」 「ก็ไม่ได้…สวยอะไรขนาดนั้น…」
ฉันพอจะเดาได้ว่าพวกเธอคุยอะไรกัน พวกเธอน่าจะอยู่ปีเดียวกับฉัน คณะเศรษฐศาสตร์ เคยอยู่กลุ่มเดียวกันตอนงานเลี้ยงปฐมนิเทศ
เสียง 「ก็ไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น」 ที่แว่วมา เหมือนเป็นหนามแหลมแทงใจ ความมั่นใจที่พยายามสร้าง หดหายไปในพริบตา
「อะไรกัน นิสัยเสีย! อยากพูดอะไร ก็พูดตรงๆ สิ」
พอซัจจังตะโกน พวกเธอก็รีบเดินหนีไป ซัจจังตบหลังฉันเบาๆ เหมือนจะปลอบ
「อย่าไปสนใจเลย อ๊ะ กินทาโกะยากิกันไหม? ได้ตั๋วฟรีมาจากโฮวโจวคุงน่ะ」
「อืม!」
ฉันกับซัจจังเดินไปที่ร้านทาโกะยากิ ตรงตึก 2 เป็นร้านของชมรมฟุตซอลที่โฮวโจวคุงอยู่
โฮวโจวคุงถือป้ายโฆษณาใหญ่ๆ คุยอะไรบางอย่างกับผู้หญิงข้างๆ พอเห็นซัจจัง เขาก็หยุดคุย ตาโตด้วยความดีใจ
「โอ๊ะ ซัจจัง! มาแล้วเหรอ」
「อืม ขอทาโกะยากิหน่อย แถมด้วยนะ」
「ได้เลย คนสวยขอ แถมให้ก็ได้ ซาโตชิ! ทาโกะยากิ ขอพิเศษ!」
โฮวโจวคุงพูดแล้วยื่นทาโกะยากิในถุงใสมาให้ ทาโกะยากิอัดแน่นในถุง โรยสาหร่ายกับปลาโอแห้ง
「ขอบคุณนะ โฮวโจวคุง」
「ไม่เป็นไร ขอโทษนะ ที่ไปช่วยไม่ได้」
「นั่นสิ ซางาระน่ะ โดนจับใส่ชุดแพนด้า」
「พรุ่งนี้ฉันใส่บ้างดีกว่า แพนด้า」
「นายจะปิดหน้าหล่อๆ ไปทำไม นั่นเป็นข้อดีอย่างเดียวของนายนะ」
ฉันมองสองคนคุยกัน ก็คิดว่าเหมาะกันดี ว่าแต่ สองคนนี้จะไม่คบกันเหรอ ถ้าซัจจังมีแฟน ก็คงเหงานิดหน่อย
หลังจากนั้น พวกเราก็เดินดูร้านค้า แวะซื้อน้ำทาปิโอก้า แล้วก็ไม่ลืมตะโกน 「เชิญชิมไก่ย่าง ขายอยู่ตรงหน้าลาน!」 เป็นครั้งคราว
ระหว่างเดินสวนกับคนอื่น เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดว่า 「แพนด้าเมื่อกี้น่ารักจัง」 ฉันเผลอหยุดเดิน พร้อมกับที่ซัจจังร้อง 「อ๊ะ」
「ฮารุโกะ นั่นไง เจอซางาระแล้ว」
「เอ๊ะ ไหน?」
ฉันมองไปตามที่ซัจจังชี้ เห็นแพนด้ายักษ์ถูกล้อมรอบด้วยเด็ก ม.ปลาย
หนึ่งในนั้น กอดแพนด้า ดูเหมือนแพนด้าจะดีใจ แน่นอนว่ามองไม่เห็นหน้า
…อืม ดูสนุกสนานกันดี
「ไม่เข้าไปทักหน่อยเหรอ?」
「ไม่เป็นไร! ดูเหมือนกำลังยุ่ง」
ฉันตอบ ดูดชานมไข่มุก ไข่มุกที่อยู่ก้นแก้ว ดูดไม่ขึ้น หงุดหงิด
「อ๊ะ ฮารุโกะ หน้าโรงยิม จะมีการแสดงของชมรมเต้น นามิจังบอกว่าจะขึ้นแสดง ไปดูกัน!」
ฉันตอบ 「อืม」 บีบแก้วชานมไข่มุกจนบู้บี้ โยนลงถังขยะ หันหลัง พยายามไม่มองไปทางแพนด้า รีบเดินออกไป
******
เดินวนไปวนมาอยู่ประมาณครึ่งวัน ผมที่อยู่ในชุดแพนด้า รู้สึกเหนื่อยจนแทบขาดใจ
เพิ่งจะรู้ว่า แค่ใส่ชุดมาสคอตเดินไปมาเฉยๆ ก็เหนื่อยขนาดนี้ ทั้งร้อน ทั้งอึดอัด แถมยังเคลื่อนไหวลำบาก ผมไม่เคยทำงานพิเศษที่ต้องใส่ชุดแบบนี้มาก่อน และคิดว่าคงจะไม่มีวันทำตลอดไปด้วย
คินามิที่ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจกับผู้หญิงแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ เลยขอตัวแยกออกไป ปล่อยให้ผมกลายเป็นแพนด้าจรจัด ถือป้ายยืนเคว้งอยู่คนเดียว กลับเลยตอนนี้ จะได้ไหมนะ?
ระหว่างที่กำลังยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมก็เห็นนานาเสะที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบอยู่ตรงหน้าลานน้ำพุ
ตอนที่เห็นเธออยู่กับสุโด้ตอนกลางวัน เธอยังดูร่าเริง กระโดดโลดเต้นอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พอมองใกล้ๆ มือขวากับเท้าขวาก็ยังก้าวออกมาพร้อมกัน ยัยนั่น ไหวหรือเปล่า
「นานาเสะ」
เพราะอยู่ในชุด เสียงที่ออกมาเลยอู้อี้ นานาเสะหันมา สีหน้าของเธอดูเป็นกังวลเหมือนกับเด็กหลงทาง
「อยู่คนเดียวเหรอ? แล้วสุโด้ล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ」
「ใกล้จะถึงเวลาประกวดดาวมหา’ลัยแล้ว ต้องไปเตรียมตัวน่ะ」
นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาแล้วเหรอ ผมเงยหน้ามองนาฬิกาเรือนใหญ่ตรงตึก 1 ตอนนี้เป็นเวลา 15:30 น. การประกวดดาวมหา’ลัยที่นานาเสะจะเข้าร่วม จะเริ่มตอน 16:00 น.
「เดี๋ยวฉันจะไปแต่งตัว แล้วก็เติมเครื่องสำอาง อย่างน้อยก็ขอให้พอดูได้…」
นานาเสะพูดแล้วก็ก้มหน้า เธอดูประหม่ามาก กำปั้นเล็กๆ สั่นระริก หน้าก็ดูซีด
「ไหว… หรือเปล่า?」
ผมนึกเป็นห่วง เลยถามออกไป นานาเสะยิ้มเจื่อนๆ 「อืม」 หรือที่จริงอาจจะแค่ยกมุมปากขึ้นข้างเดียว ดูยังไงก็ไม่น่าจะไหว แต่ผมเป็นคนประเภทที่พูดปลอบใครไม่เป็น
ผมไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่ยืนเงียบๆ นานาเสะก็ค่อยๆ พูดขึ้นมา
「คือว่า… ซางาระคุง ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม」
「อยู่ที่ว่าเรื่องอะไร」
「ชะ…ช่วยพูดว่า “น่ารัก” ให้ฟังหน่อย… ได้ไหม?」
ผมตกตะลึงกับคำขอที่แปลกประหลาดของนานาเสะ อะไรเนี่ย งงไปหมดแล้ว
「ทะ… ทำไม?」
「ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น! ฉันรู้ว่าตัวเองกำลังพูดเรื่องน่าอายอยู่!」
นานาเสะเอามือปิดหน้า แล้วก็โวยวาย ดูท่าทางจะสติแตก
「คะ… คือ คำพูดอะไรประมาณนี้… ถ้าได้ยินคำว่า “น่ารัก” มันก็จะรู้สึกอุ่นใจ… รู้สึกว่า จะมีกำลังใจขึ้นมา!」
「ไม่เข้าใจ ปกติ… สุโด้หรือคนอื่นๆ ก็พูดกันอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ」
ผมได้ยินสุโด้ชมว่านานาเสะน่ารักอยู่บ่อยๆ คินามิเองก็เหมือนกัน ไม่ว่าใครก็ชมว่านานาเสะน่ารัก ไม่เห็นต้องให้ผมพูดเลย
นานาเสะก้มหน้า เอามือจับชายเสื้อตัวเอง แล้วพึมพำ
「ก็… คนที่รู้ “ตัวตนที่เเท้จริง” ของฉัน มีแค่ซางาระคุงคนเดียวนี่นา…」
…อ๋อ อย่างนี้นี่เอง
สรุปแล้วนานาเสะ อยากจะให้ผมยอมรับใน “ตัวตนที่แท้จริง” ของเธอ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ก็ถือว่า มีแค่ผมที่ทำแบบนั้นได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็พอจะช่วยได้อยู่ แค่พูดออกไป ไม่ได้ลำบากอะไร
ผมสูดหายใจเข้าสั้นๆ
「นะ…」
นานาเสะจ้องมองมาที่ผม เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง คำพูดติดอยู่ในลำคอ ทำไมพูดไม่ออก แค่คำคำเดียว ทำไมถึงได้พูดยาก
「นะ… นะ… น่ารัก… เธอน่ารักนะ」
ในที่สุดผมก็เค้นเสียงออกมา มันสั่นจนน่าเกลียด ใบหน้ารู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างประหลาด ดีแล้วที่ใส่หัวแพนด้าอยู่
นานาเสะจับมือผมทั้งสองข้างที่สวมถุงมือหนาๆ แล้วยิ้ม
「ขอบคุณนะ ซางาระคุง รู้สึกเหมือน… มีกำลังใจขึ้นมาแล้ว」
「อืม…」
「งั้น ฉันไปก่อนนะ」
นานาเสะพูด ตบแก้มตัวเองเบาๆ แล้วเดินจากไปอย่างมั่นคง
ผมยืนอยู่คนเดียว พยายามที่จะทำให้ใบหน้าที่ร้อนผ่าว เย็นลง รู้สึกว่ามีเหงื่อแปลกๆ ไหลออกมาทั่วร่างกาย อ่า ไม่ควรทำอะไรที่ไม่ถนัดเลยจริงๆ
ระหว่างที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น คินามิก็กลับมา
「อ้าว ซางาระ ยืนทำอะไรอยู่?」
「เอ่อ… เปล่า ไม่มีอะไร」
ผมตอบ พยายามทำตัวปกติ คินามิเหลือบมองสมาร์ทวอทช์ที่ข้อมือ
「นี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้ว ซางาระ จะกลับเลยไหม? เห็นบอกว่ามีงานพิเศษตอนกลางคืนนี่」
ดูเหมือนเขาจะจำที่ผมพูดได้ คิดว่าเขาเป็นคนใส่ใจกว่าที่คิด วันนี้ได้ใช้เวลาร่วมกันครึ่งวัน ก็พอจะรู้ว่า ทำไมเขาถึงมีเพื่อนเยอะ เขามักจะชวนคุย แม้แต่กับคนเงียบๆ อย่างผม
จริงสิ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้เวลากับคนอื่นในมหา’ลัยนานขนาดนี้ เมื่อเช้าก็เหมือนกัน ไม่เคยคุยกับคนในกลุ่มสัมมนามากขนาดนี้มาก่อน
…ความโดดเดี่ยวอันแสนสบายที่ผมเคยสัมผัส ในรั้วมหา’ลัย บางที อาจจะไม่ใช่แค่นานาเสะคนเดียวที่เข้ามา
ผมรู้สึก อึดอัด แปลกๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก กำลังคืบคลานเข้ามา
「จริงสิ ใกล้จะถึงเวลาประกวดดาวมหา’ลัยแล้ว นานาเสะบอกว่าจะใส่ชุดเดรสแขนกุดด้วย ปกติไม่ค่อยโชว์อะไรแบบนี้ หาดูยากนะเนี่ย! ต้องดูให้ได้!」
คินามิพูดอย่างตื่นเต้น ผมหันหลังกลับ โดยไม่สนใจสายตาของเขา
「แล้ว ซางาระ จะเอายังไง」
ผมนิ่งคิด จริงๆ แล้วก็เหนื่อยมาก เพราะต้องเดินไปเดินมาในชุดมาสคอต วันนี้ยังมีกะดึก ปกติแล้วก็ควรรีบกลับไปนอน
…แต่ว่า
ผมนึกถึงหน้านานาเสะเมื่อครู่ สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล ตอนที่จ้องมองมาที่ผม ถึงผมจะอยู่ที่นั่น ก็คงไม่มีความหมายอะไร แต่ผมก็ไม่อยากกลับไปนอนตอนนี้
「…ไป」
พอผมตอบ คินามิก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย 「หืมมมมม」 อะไรของหมอนี่ ผมไม่ได้อยากเห็นเธอใส่ชุดแบบนั้นสักหน่อย