กลิ่นอายของไป๋หลีกวาดไปทั้งเหนือใต้ออกตก ลุกฮือขึ้นถึงชั้นเมฆ แมลงสัตว์ร้ายรอบๆเกิดความแตกตื่น เพราะท้ายที่สุดแล้ว กลิ่นอายของจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B ที่ปรากฏขึ้น มันไม่เหมือนกับกลิ่นอายของแมลงสัตว์ร้าย ทั้งสองแตกต่างกัน
“กี๊ กี๊!”
“จี๊ด จี๊ด จี๊ด!”
บังเกิดเสียงร้องระงมด้วยความตื่นตระหนก แต่ในบรรดาเสียงเหล่านั้น กลับมีเสียงของมนุษย์ปะปนมาด้วย
ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังสมาธิ กวาดสำรวจออกไป และชนเข้ากับคนกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้แข็งแกร่งอย่างพอสมควร มีเลเวล B หนึ่งคน ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำ และผู้ใช้พลังเลเวล C อีกสี่คน ทั้งหมดกำลังเคลื่อนที่ผ่านป่าลึก
เนื่องจากกำลังเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ว หากให้เอ่ยปากสนทนาคงลำบาก พวกเขาเลยใช้พลังสมาธิสื่อสารกัน แล้วบังเอิญพลังสมาธิของฉินเฟิงไปกระทบเข้าพอดี
“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าพื้นที่แถบนี้ถูกกวาดล้างแล้วหรอกหรือ? ทำไมถึงมีกลิ่นอายของเลเวล B อยู่อีก แล้วกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ คาดว่าคงเป็นระดับจักรพรรดิ!”
“แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนไม่ใช่กลิ่นอายของแมลงสัตว์ร้ายเลย”
“เป็นไปได้ไหมว่ามีรอยแยกมิติปรากฏขึ้น”
“เรื่องนั้นคงไม่มีใครตอบได้ แต่ถ้าสัตว์ร้ายเลเวล B โผล่ออกมาจริงๆ คงต้องให้บอสชินระเป็นคนจัดการ”
“บ้าเอ๊ย! ฐานเพิ่งก่อตั้งได้แค่ครึ่งเดือน ฉันไม่อยากย้ายที่อีกแล้วนะ น่ารำคาญจริง ขอให้ครั้งนี้มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญทีเถอะ”
จากนั้นก็สนทนาสัพเพเหระ บ่นด่าว่าตอนนี้ฐานมีสภาพแย่แค่ไหน พวกมันพูดคุยกระทั่งเรื่องการตายของติหรังและคนอื่นๆ
เมื่อรับฟังถึงจุดนี้ ฉินเฟิงทราบได้ทันทีว่าพวกมันเป็นใคร
สมาชิกกลุ่มปีศาจชินระ!
ก่อนเกิดใหม่ ฉินเฟิงเคยอ่านข้อมูลกลุ่มชินระผ่านตา ในช่วงเวลานั้น กลุ่มปีศาจชินระครอบครองสมุนไพรวิญญาณแบบเดียวกันกับดอกไม้หยาดน้ำตา มีคุณสมบัติช่วยขับไล่แมลงสัตว์ร้าย ทำให้พวกเขาสามารถตั้งฐานในลุ่มน้ำตู่ซานซึ่งเกลื่อนไปด้วยแมลงหนาแน่นได้ และตำแหน่งที่พวกเขาตั้งฐาน ยังกลายเป็นเขตการค้าระหว่าง 2 พื้นที่ของตู่ซานกับหัวเซี่ย ทั้งในอนาคตยังสามารถตั้งเป็นพื้นที่ปกครองส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม นั่นคือเรื่องของอนาคต อิงตามเวลาปัจจุบัน อย่างน้อยสิ่งที่เล่ามาจะเกิดขึ้นในอีกห้าหกปีให้หลัง
สำหรับกลุ่มชินระในตอนนี้ สามารถเรียกได้ว่ายังอยู่ในสภาวะตัวอ่อน
ถึงจะกล่าวว่าเป็นแค่ตัวอ่อน แต่กองกำลังมืดของพวกมันมีหัวหน้าเป็นถึงผู้ใช้พลังเลเวล A ดังนั้นถือว่าทรงพลังมากอยู่ดี
“ไม่คิดเลยว่าจู่ๆจะเจอพวกมัน คำกล่าวที่ว่าโลกกลม ศัตรูมักเดินชนกันโดยบังเอิญคงเป็นเรื่องจริง” พลังสมาธิของฉินเฟิงตรึงลงบนคนเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็ระดมรูนมืด ปกคลุมทั้งตนเองและไป๋หลี กลิ่นอายของทั้งสอง ค่อยๆจางหายไป
สมาชิกกลุ่มปีศาจชินระก็สัมผัสได้เช่นกัน ว่ากลิ่นอายระดับจักรพรรดิเลเวล B ค่อยๆหายไป แต่ถึงกระนั้น พวกมันก็คงค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ที่นี่อย่างระมัดระวัง แต่หลังจากกวาดมองไปรอบๆ ก็ไม่พบกับความผิดปกติใดๆ
“บางทีมันอาจจะหายไปแล้ว” ผู้ใช้พลังเลเวล B เอ่ยขึ้น
คนอื่นๆพอได้ฟังค่อยถอนหายใจโล่งอก
“คุณต้องการอยู่ที่นี่เพื่อสำรวจสถานการณ์ก่อนไหม?”
“ไม่จำเป็น กลับกันเถอะ”
“ตกลง กลับไปดื่มกัน”
หลังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย พวกเขาก็พบว่าไม่มีอะไร เลยเตรียมเดินทางกลับ
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ทราบก็คือ เบื้องหลังพวกเขา ปรากฏคนสองคนในเงามืด
–เป็นฉินเฟิงกับไป๋หลี!
“กลุ่มปีศาจชินระ ถ้าตามไปฆ่าพวกมัน ไม่แน่ว่าอาจได้รับสมบัติดีๆติดไม้ติดมือกลับมามากมาย” เดิมฉินเฟิงก็มีความคิดนี้อยู่แล้ว และในเมื่อมีศัตรูคอยนำทางถึงที่ ฉินเฟิงเลยตัดสินใจว่าจะกำจัดพวกมันซะตอนนี้เลย
แต่สักพัก ฉินเฟิงก็หันมามองไป๋หลีแล้วเอ่ยถาม “ถ้าชินระปรากฏตัวขึ้น เธอสามารถกำจัดมันได้ไหม?”
“นั่นไม่น่าจะมีปัญหา เพราะตอนนี้ฉันยกระดับขึ้นเป็นเลเวล B แล้ว น่าจะสามารถรับมือกับผู้ใช้พลังเลเวล A ระดับสามัญได้”
แน่นอน หากอีกฝ่ายเป็นการดำรงอยู่ระดับลูกรักของพระเจ้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไป๋หลีคงสู้ไม่ได้ เพราะสถานะลูกรักของพระเจ้ามิใช่ไก่กา ในหมื่นจะปรากฏสักหนึ่ง ดังนั้นเป็นตัวตนที่แข็งแกร่ง
ติหรังที่เคยสู้กับฉินเฟิงก็เป็นลูกรักของพระเจ้าเช่นกัน แต่น่าเสียดาย แม้พลังของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่มากพอที่จะต่อกรกับฉินเฟิง สุดท้ายต้องจบชีวิตลง
ฉินเฟิง “เรื่องนั้นไม่น่ามีปัญหา เพราะชินระเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล A ถึงกำลังภายในของเขาจะแข็งแกร่ง เพราะเกิดจากการฝึกฝนวิชามารอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ถ้าให้พูดถึงประสิทธิภาพการต่อสู้จริงๆ ไม่น่าจะแข็งแกร่งในระดับลูกรักของพระเจ้า”
ความแข็งแกร่งของผู้ใช้พลังเลเวล A น่ะมากพอที่จะข่มขวัญผู้คน อย่างในตู่ซาน ที่แน่ๆไม่มีใครกล้าแตะต้องชินระ
แต่ฉินเฟิงกล้า!
“แมลงในตู่ซานนี้ถูกฆ่าไปมากแล้ว ฉันก็พอรู้สถานการณ์ และกำลังคิดจะจากไปพอดี แต่ในเมื่อบังเอิญเจอฐานกลุ่มชินระ งั้นก็ขอกวาดล้างมันก่อน แล้วพวกเราค่อยจากไป”
“อื้ม เอาตามที่รักว่าเลย!” ไป๋หลีกล่าว
“งั้นไปกันเถอะ”
ฉินเฟิงไม่เริ่มสนทนาอะไรอีก เขากับไป๋หลีซ่อนตัวอย่างเงียบๆ ไล่ตามสมาชิกกลุ่มชินระท่ามกลางความมืดมิด
สมาชิกทั้งห้าคนเหล่านี้มิได้อ่อนแอ แต่ยังไม่ถึงขั้นตรวจพบการดำรงอยู่ของฉินเฟิงในเงามืด ไม่นานพวกเขาก็ผ่านพื้นที่อันตราย
ต้นไม้เริ่มปกคลุมหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ภูมิประเทศของที่นี่ ไม่ได้ถูกระบุเอาไว้บนแผนที่ขนาดเล็กที่จัดทำขึ้นโดยเมืองกลางตู่ซาน
ฉินเฟิงกับไป๋หลีไม่ทิ้งรอยเท้าใดๆเอาไว้ ภายใต้การปกคลุมของท้องฟ้ายามค่ำคืน พื้นดินมีสภาพเป็นหนองน้ำที่มีใบไม้กองเป็นชั้นๆ ยังไม่พอ ยังมีพวกแมลงและสัตว์ร้ายมากมายอาศัยอยู่ภายใน ยิ่งเป็นช่วงกลางดึก ยุงดูดเลือดฝูงใหญ่ออกหากิน ลอยอยู่เหนือหนองน้ำ
คนของกลุ่มปีศาจชินระเดินเหินอย่างคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่ารู้จักภูมิประเทศแถบนี้เป็นอย่างดี และดูเหมือนว่าพวกเขาจะพกสมุนไพรวิญญาณที่เคยอธิบายไปติดตัวมาด้วย ดังนั้นสามารถป้องกันการโจมตีของแมลงสัตว์ร้ายได้
ไม่นาน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทุ่งกว้างที่เป็นพื้นดินแข็ง ปรากฏต้นไม้สูงใหญ่ หอคอยรักษาการณ์และกำแพงไม้ก่อตัวเป็นป้อมปราการขนาดเล็ก คล้ายถูกจัดตั้งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ
ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องลอบติดตามคนเหล่านั้นอีก ภายใต้การปกคลุมของอบิลิตี้มืด ฉินเฟิงเดินผ่านยามเฝ้าประตู เดินเข้าสู่หมู่บ้านโดยตรง
พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออกไปตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้ดึงดูดความสนใจของฝูงชน
แต่สถานการณ์หมู่บ้านแห่งนี้ หลังจากที่กวาดพลังสมาธิสำรวจอย่างรอบคอบ ฉินเฟิงต้องสูดหายใจลึก
เพราะสิ่งที่เขาค้นพบ คือการดำรงอยู่ของผู้ใช้พลังเลเวล C มากกว่า 300 คน มีเลเวล B ถึง 7 คน นอกจากนั้นเป็นกระท่อมหรูหราสามชั้น ที่ฉินเฟิงไม่ได้กวาดเข้าไปตรวจสอบ แต่สัญชาตญาณของฉินเฟิงรับรู้ได้ ว่าภายในกระท่อมนั่น คือชินระ!
ฉินเฟิงเริ่มตื่นตัว แม้จะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่ามาถึงก็จะเจอกับที่พักของชินระจริงๆ นอกจากสมาชิกกลุ่มชินระแล้ว ยังมีพวกทาสบางคนอาศัยอยู่เช่นกัน พวกทาสทั้งถูกทุบถูกตี ถูกกดขี่ให้ทำอาหารและเผาฟืนไฟ หรือแม้กระทั่งถูกกระทำชำเราเรื่องน่าอับอาย
ท่ามกลางความมืดมิด ชายบางคนกำลังระบายกำลังอันเหลือล้นของตน ภายในค่าย สามารถได้ยินถึงเสียงกรีดร้องครวญครางของหญิงสาว
ช่างเป็นสถานที่ไร้ศีลธรรมและมืดมน หน้าผากของฉินเฟิงเริ่มเกิดริ้วรอยยับย่น
“ทางนั้นสินะ?”
พลังสมาธิของฉินเฟิง ตรึงลงบนร่างของผู้ใช้พลังเลเวล B คนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
อีกฝ่ายเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ ความแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ บ้านกระท่อมไม้ที่อาศัยก็ค่อนข้างหรูหรา เวลานี้เขาอยู่บนเตียง กำลังรุกคืบขึ้นคร่อมหญิงสาว ทุ่มเทสมาธิทั้งกายใจ จนไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ ว่าบนหน้าต่างที่เขาเปิดทิ้งไว้ มีเงาดำวูบผ่านเข้ามา
จวบจนห้องนอนกระพริบไหวด้วยแสงสีเงิน ชายคนนั้นถึงค่อยตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่กว่าจะรู้ตัว วิสัยทัศน์ของเขาก็กลายเป็นมืดมัวไปแล้ว
เทคนิคมิติเอกเทศ!
นี่คืออบิลิตี้มิติของไป๋หลี ปัจจุบัน บ้านทั้งหลังได้กลายสภาพเป็นมิติคู่ขนาน มีสภาพไม่ต่างจากเขตแดนลับ ไม่ว่าจะเกิดการต่อสู้แบบไหนขึ้น ก็จะไม่มีใครล่วงรู้!
ช่วงเวลานี้เอง ฉินเฟิงได้มาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังของอีกฝ่าย ง้างฝ่ามือเยื้องสุดแขนด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์
“มังกรตะปบ!”