ตอนที่ 961 ได้รับสินสอดทองหมั้นคืน
ตอนที่ 961 ได้รับสินสอดทองหมั้นคืน
เป็นเรื่องหาพบได้ยากที่หลี่หมิงเฉิงจะฉลาดขึ้นมา เขากล่าวกับแม่ว่านด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าอยากให้ผมอยู่ต่อ ก็คืนของขวัญหมั้นทั้งหมดมา รวมถึงทองสามอย่าง และอื่น ๆ ด้วยครับ”
ทันทีที่เขาพูดจบ น้องชายว่านเสียนก็ตะโกนขึ้นว่า “ไม่ได้ แม่บอกว่าจะให้สินสอดพวกนี้กับฉันเพื่อให้ฉันแต่งงานกับภรรยา!”
เพื่อนบ้านโดยรอบอดไม่ได้ที่จะเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
แม่ว่านหน้าแดงก่ำ เวลานี้หล่อนกระทุ้งไหล่ลูกชายสุดที่รักสองสามครั้งก่อนจะพูดว่า “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว!”
แน่นอนว่าชายคนนี้ร้องไห้ราวกับถูกฆ่า นับตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยถูกตีหรือดุด่ามาก่อน แต่วันนี้แม้จะถูกกระทุ้งเบา ๆ แต่สำหรับเขาก็ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย
แม่ว่านหันมาต่อรองกับหลี่หมิงเฉิงท่ามกล่างเสียงร้องไห้ของลูกชายที่คล้ายกับหมูถูกเชือด
“เธอเป็นคนยกเลิกงานหมั้นในวันแต่งงาน ทั้งหมดทำให้ว่านเสียนต้องขายหน้า ฉันสามารถคืนสินสอดให้ได้แค่ครึ่งเดียว”
หลินม่ายกลัวว่าหลี่หมิงเฉิงจะเห็นด้วย เธอก้าวไปด้านหน้าแล้วพูดว่า “หมิงเฉิง ไปเรียกคนมาตามที่ฉันบอก!”
เวลานี้แม่ว่านโกรธจัด “เธอไม่ต้องมายุ่งเรื่องของเสี่ยวหลี่กับตระกูลว่าน!”
ถ้าหลินม่ายไม่เข้ามายุ่ง การเกลี้ยกล่อมหลี่หมิงเฉิงก็คงเป็นเรื่องง่ายดาย
แม่ว่านนึกเกลียดชังหลินม่ายเข้ากระดูกดำ
ใบหน้าของหลี่หมิงเฉิงกลายเป็นเย็นชา “มีสิทธิ์อะไรถึงดุด่าม่ายจื่อ งั้นเราอย่าคุยกันเลย ไปคุยกันในศาลแล้วกัน”
คนธรรมดายังไม่ต้องการจะไปศาล นับประสาอะไรกับแม่ว่านที่เสียเปรียบ แน่นอนว่าหล่อนไม่ต้องการไปศาล
หากผลการตัดสินของศาลไม่เป็นผลดี หล่อนจะยิ่งสูญเสียมากกว่าเดิม
น้ำเสียงของแม่ว่านอ่อนลงเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับหลินม่าย “ชื่อเสียงของลูกสาวฉันถูกทำลายแล้ว อย่างน้อยควรชดเชยให้กับฉันบ้าง สินสอดเหล่านี้ไม่สามารถคืนให้ทั้งหมดได้”
หลินม่ายเย้ยหยัน “ชื่อเสียงของว่านเสียนถูกทำลายเพราะคุณเป็นคนเรียกร้องเองไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ลงมาเปิดประตูขอเงินเพิ่ม หล่อนก็คงได้แต่งงานอย่างราบรื่นไปแล้ว”
ท่ามกลางเพื่อนบ้านที่กำลังรับชมความสนุกสนาน พวกเขาตะโกนขึ้นว่า “ลูกสาวคนโตของคุณฉาวโฉ่มาตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานแล้วมั้ง!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างสนุกสนาน
เวลานี้ภายในตระกูลว่าน แม้แต่น้องชายของว่านเสียนที่เพิ่งอยู่ในชั้นประถมหกยังเผยสีหน้าลำบากใจ
แม้ทุกคนจะรู้เรื่องที่ว่านเสียนเป็นรองเท้าผุพัง ตราบใดที่ไม่มีใครพูดมันต่อหน้า พวกเขาก็ไม่คิดสนใจ
แต่การถูกเย้ยหยันในที่สาธารณะ ต่อให้พวกเขาจะมองโลกในแง่ดีขนาดไหน ก็ยังรู้สึกอับอายอยู่ดี
เวลานี้สีหน้าของพ่อว่านทำให้แม่ว่านเริ่มลำบากใจแล้ว
ไม่ใช่เพราะนังโง่ผู้นี้หรือที่สนับสนุนให้ว่านเสียนใช้ร่างกายเพื่อจับเพื่อนร่วมชั้นผู้ร่ำรวย? ไม่อย่างนั้นลูกสาวที่ดีของเขาจะกลายเป็นสิ่งของมีตำหนิได้อย่างไร!
ยิ่งพ่อว่านนึกถึงเรื่องนี้เท่าใด เขายิ่งโกรธมากเท่านั้น เวลานี้เขาตะคอกใส่แม่ว่านว่า “คืนสินสอดทองหมั้นทั้งหมดไปเดี๋ยวนี้!”
เขาไม่อยากให้เพื่อนบ้านในละแวกนี้รับชมละครลิงในบ้านของตนต่อไป
แม้ว่าแม่ว่านจะไม่ยินดี แต่เมื่อสามีพูดออกมาอย่างนั้น หล่อนก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
เพราะส่วนใหญ่แล้วหล่อนเป็นคนตัดสินใจเรื่องราวต่าง ๆ ในครอบครัว แต่เมื่อพ่อว่านตัดสินใจเมื่อใด นั่นถือว่าเป็นจุดสิ้นสุด หล่อนต้องทำตาม มิฉะนั้นจะถูกทุบตีภายหลัง
หลินม่ายกล่าวเตือน “ไม่ใช่แค่สินสอดเจ้าสาวเท่านั้น แต่ยังมีค่าธรรมเนียมสามพันหยวน เครื่องทองสามอย่าง เสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้าสำหรับแต่งงานของว่านเสียนด้วย”
หลี่หมิงเฉิงกล่าวเสริม “รวมทั้งทีวีและตู้เย็นที่ฉันซื้อให้ว่านเสียนเพื่อทำให้มีหน้ามีตาด้วย”
หลินม่ายหันมองเขาด้วยใบหน้าว่างเปล่า นี่เขายังซื้อทีวีกับตู้เย็นให้ว่านเสียนด้วยเหรอ
เมื่อแม่ว่านคิดว่าจะต้องคายทุกสิ่งอย่างออกจากปาก หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะตะโกน “พวกคุณทำมากเกินไปแล้ว เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องนุ่งห่มต่าง ๆ เป็นพวกคุณที่ซื้อให้เอง! การขอคืนเช่นนี้น่าอายเกินไป!”
“อยากได้ของของตัวเองคืน ไม่เห็นต้องอายตรงไหน” หลินม่ายกล่าวออกไป
ขณะพูดอย่างนั้น แม่ว่านก็เปิดประตูห้องของตัวเอง
แต่จู่ ๆ ว่านเสียนก็คว้าข้อมือหลี่หมิงเฉิง “หมิงเฉิง ฉันจะแต่งงานกับคุณวันนี้แหละ แค่นี้คุณก็ไม่อยากได้สินสอดคืนแล้วใช่ไหม?”
หล่อนต้องการแต่งงานกับหลี่หมิงเฉิง ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ปฏิบัติต่อหล่อนราวกับสิ่งของมีตำหนิ แต่เขายังปฏิบัติต่อหล่อนอย่างดี ไม่มีผู้ชายคนไหนใจกว้างได้เท่าเขาอีกแล้ว
หลี่หมิงเฉิงดึงมือกลับ “มันสายเกินไปแล้ว!”
เวลานี้แววตาของแม่ว่านเปล่งประกาย หล่อนผลักว่านเสียนเข้าหาหลี่หมิงเฉิงทันที “จะสายเกินไปได้อย่างไร เธอยังไม่ได้แต่งงาน ว่านเสียนก็ยังไม่ได้แต่งงาน ยังมีเวลาแก้ไข!”
“แต่ฉัน…”
หลินม่ายลอบด่าหลี่หมิงเฉิงในใจว่าโง่เขลาเสียจริง เขาคิดจะบอกแม่ว่านงั้นเหรอว่าเขาหมั้นหมายกับคนอื่นแล้ว?
ถ้าเขาบอกออกไป แม่ว่านคงจะเฉยเมยและยินดีด้วยซ้ำ
กลายเป็นแม่ว่านที่จะใช้เหตุผลนี้โยนความผิดทั้งหมดให้กับหลี่หมิงเฉิงทันที
ท้ายที่สุด หลี่หมิงเฉิงจะกลายเป็นคนผิดทั้งที่ถูก และเขาจะไม่ได้รับสินสอดใด ๆ คืนทั้งสิ้น
หลินม่ายรีบกล่าวขัดจังหวะ “ครอบครัวของเราไม่ต้องการกลับมาที่นี่อีกแล้ว!”
ว่านเสียนหันมองหลี่หมิงเฉิงพร้อมสายตาอ้อนวอน “คุณจะใจร้ายกับฉันเหรอ?”
หลี่หมิงเฉิงกล่าวจริงจัง “ก็เป็นคุณที่ใจร้ายกันก่อนไม่ใช่เหรอ? คุณกับแม่บังคับให้ผมต้องจ่ายค่าผ่านทาง”
“ฉันไม่ต้องการอะไรแล้ว ฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น! ตอนนี้ฉันแค่อยากจะแต่งงานกับคุณ”
หลินม่ายกล่าวขึ้น “ไม่มียาสำหรับความเสียใจ และจะไม่มีการหันหลังกลับทั้งนั้น หยุดร้องไห้ซะ”
ท้ายที่สุด พ่อว่านพูดขึ้นว่าเงินสินสอด ค่าธรรมเนียม ทองคำ ทีวี ตู้เย็น ทั้งหมดจะถูกคืนให้
แต่สิ่งเดียวที่ไม่สามารถคืนได้คือเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้าที่ซื้อให้กับว่านเสียนแล้ว สุดท้ายมันเป็นเรื่องยากที่ว่านเสียนจะหาสามีใหม่อีกครั้ง อย่างน้อยก็ละเว้นให้หล่อนบ้าง
แม้จะต้องให้จ่ายเงินคืนหลายร้อยหยวนเพื่อซื้อรองเท้า เสื้อผ้า และถุงเท้าให้ว่านเสียน พ่อว่านก็ยังยินดีกว่าที่จะคืนทุกอย่างไป เมื่อได้ฟังอย่างนั้นแล้วหลินม่ายรู้สึกเห็นด้วย
แม่ว่านร้องไห้ราวกับในครอบครัวมีคนตาย แต่ก็ยังยื่นของทุกสิ่งอย่างคืนให้ตามคำบอกกล่าวของพ่อว่าน
เมื่อหลินม่ายกำลังจะจากไป เธอก็หันมาพูดกับว่านเสียนสองสามคำโดยบอกว่าอย่าเชื่อฟังแม่ว่านให้มากนัก หากหล่อนเชื่อฟังแต่คำพูดแม่ของตัวเอง ในอนาคตหล่อนจะต้องทุกข์ทรมาน
เมื่อกำลังจะขนเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านกลับ หลินม่ายพบว่าทีวีเป็นยี่ห้อเซิ่งซื่อ ตู้เย็นก็ด้วยเช่นกัน
เธอหันไปถามหลี่หมิงเฉิงด้วยความประหลาดใจ “ตู้เย็นนี้ผลิตในโรงงานของจั๋วเยวี่ย?”
หลีหมิงเฉิงพยักหน้ารับ
หลังจากกลับถึงบ้าน หลินม่ายโทรหาฟางจั๋วเยวี่ยและถามว่าเขาเริ่มผลิตตู้เย็นตั้งแต่เมื่อไร
ฟางจั๋วเยวี่ยตอบกลับ “ผมเริ่มทำการวิจัยตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว และเริ่มเข้าไลน์ผลิตตอนเดือนกันยายนปีนี้น่ะครับ”
“นายมีเงินด้วยเหรอ ไม่เห็นมายืมเงินฉันเลย”
หลินม่ายพยักหน้า “ทำงานหนักเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าลืมใส่ใจสุขภาพตัวเองด้วย”
ฟางจั๋วเยวี่ยยกยิ้ม “ตอนนี้ผมมีครอบครัวแล้ว แน่นอนว่าผมจะดูแลร่างกายนี้อย่างดีเลยล่ะ”
เพราะหลินม่ายตัดสินใจจะเป็นญาติฝ่ายเจ้าสาวให้กับโจวฉายอวิ๋น เธอจึงยังต้องอยู่ในเมืองเจียงเฉิงอีกสองวันเพื่อรอโจวฉายอวิ๋นกลับบ้าน
ระหว่างรอโจวฉายอวิ๋นกลับบ้าน หลินม่ายก็ไม่ได้อยู่เฉย เธอออกไปอวยพรปีใหม่ให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวที่เกี่ยวข้องกันทางธรุกิจ
ในหนึ่งวันเธอเดินทางไปมากมายหลายที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
โจวฉายอวิ๋นและสามีกลับมาที่บ้านพักของหลินม่าย
พวกเขาเตรียมของขวัญมาด้วยมากมาย ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์ภายในท้องถิ่นจากบ้านเกิดของเขา
เธออุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “พี่ซื้อของพวกนี้กลับมาที่บ้านเหรอ?”
โจวฉายอวิ๋นพยักหน้า “คุณปู่ฟางกับคุณย่าฟางคงไม่ขาดเรื่องอาหารเสริมคุณภาพสูง และพวกเราไม่สามารถจ่ายมันได้ เราเลยซื้อผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นของเราเองเพื่อมอบให้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง เผื่อพวกเขาจะพอกินได้บ้างสองสามคำ”
เห็นโจวฉายอวิ๋นดูโศกเศร้าเล็กน้อย หลินม่ายพาหล่อนเข้าครัวและใช้เหตุผลว่าจะไปทำอาหารด้วยกัน จากนั้นก็ถามออกไปเสียงแผ่ว “เสี่ยวหงปฏิบัติกับพี่ไม่ดีเหรอ?”
โจวฉายอวิ๋นก้มศีรษะปอกกระเทียม “ไม่ใช่หรอก”
“แล้วทำไมดูเศร้า ๆ ล่ะ?”
โจวฉายอวิ๋นบอกว่า พ่อแม่ พี่ชายและพี่สะใภ้มาหาหล่อนเมื่อวานนี้ โดยบอกให้หล่อนรับหลานชายไปเลี้ยงดู
พวกเขาบอกว่าสามีภรรยาหากไม่มีลูก จะยากลำบากตอนแก่ชรา จึงสมควรรับหลานมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมจะได้ไม่ยากลำบากไร้คนเลี้ยงดู
โจวฉายอวิ๋นสบถด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเขาน่ะเหรอคิดเป็นห่วงฉัน? พวกเขาแค่กลัวว่าทรัพย์สมบัติของฉันทั้งหมดจะเป็นของตระกูลหงมากกว่า”
หลินม่ายถอนหายใจหลังได้ยินเรื่องราว ทุกครอบครัวมักจะมีเล่ห์เหลี่ยมที่พบเจอได้ยาก
เช่นเดียวกับครอบครัวพวกเขา มีเพียงไม่กี่ครอบครัวที่รักใคร่ปรองดอง นอกนั้นมักจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งไม่รู้จบสิ้น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โลภมากลาภหายน่ะป้าเข้าใจไหม ลูกสาวก็ขายไม่ออก สินสอดก็ต้องคืน
ไหหม่า(海馬)