แม่ปากร้ายยุค​ 80 960 ทวงสินสอดทองหมั้นคืน

ตอนที่ 960 ทวงสินสอดทองหมั้นคืน

ตอนที่ 960 ทวงสินสอดทองหมั้นคืน

ตอนที่ 960 ทวงสินสอดทองหมั้นคืน

วันที่แปดของปีใหม่ทางจันทรคติเป็นวันแห่งความสุขของโจวฉายอวิ๋น

แต่เมื่อหล่อนแต่งงาน ทั้งพ่อแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้กลับไม่มีใครมาร่วมงานสักคน

หลินม่ายไม่ได้ถามโจวฉายอวิ๋น แต่เธอก็พอจะคาดเดาเหตุผลได้

เพราะโจวฉายอวิ๋นแต่งงานโดยที่พ่อโจวแม่โจว พี่ชายและพี่สะใภ้ไม่ได้รับทรัพย์สินทั้งหมดเข้าครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงตัดความสัมพันธ์กับโจวฉายอวิ๋นทันที

เป็นเรื่องน่าเบื่อมากที่ญาติมักจะทำเช่นนี้

โชคดีที่เพื่อนบางคนรวมทั้งหลินม่ายและหลี่หมิงเฉิงมาร่วมงานแต่งงานของโจวฉายอวิ๋น เพราะเหตุนี้หล่อนจึงไม่ค่อยทุกข์ใจนัก

หลินม่ายจับมือโจวฉายอวิ๋นพร้อมบอกกล่าวว่าหลังจากนี้พวกเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน

หากครอบครัวของสามีทำผิดต่อหล่อน ให้มาหาเธอทันที เธอจะคอยช่วยเหลือ

หลินม่ายไม่มีวันลืม… วันนั้นที่เธอต้องแยกออกจากบ้านตระกูลอู๋ท่ามกลางลมแรงและหิมะตกหนัก

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนผลักไสเธอออกจากบ้านพร้อมโยนเธอลงไปในกองหิมะหนาวเหน็บ โจวฉายอวิ๋นเป็นคนมอบเงินทั้งหมดให้เธอใช้ชีวิตต่อไป และเธอจะไม่มีวันลืมความเมตตานี้เด็ดขาด

เมื่อโจวฉายอวิ๋นได้ยินอย่างนั้น หล่อนก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

ในยุคของพวกเขาไม่มีธรรมเนียมการร้องไห้ในวันแต่งงาน ในวันแต่งงานจะต้องมีเพียงความสุขเท่านั้น

แต่เจ้าสาวกลับหลั่งน้ำตาในวันแต่งงานเสียแล้ว

หลินม่ายบอกกล่าวโจวฉายอวิ๋นว่าอย่าร้องไห้ เพราะเดี๋ยวเครื่องสำอางบนใบหน้าจะเลอะ เช่นนี้จะกลายเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในงานไม่ได้

ขณะที่เดินไปส่งโจวฉายอวิ๋นขึ้นรถ หลินม่ายบอกกล่าวกับหงตั่งเชิงในฐานะครอบครัวของฝ่ายเจ้าบ่าวว่าเขาจะต้องดูแลหล่อนให้ดี มิฉะนั้นเธอจะไม่มีวันปล่อยเขามีความสุขแน่นอน

คราวนี้หลินม่ายกลับมาที่เมืองเจียงเฉิงตามลำพัง เธอไม่มีเวลาจะพูดคุยกับหลี่หมิงเฉิงเรื่องสินสอดก่อนหน้า

หลินม่ายจึงใช้ประโยชน์จากการดื่มสุรามงคลในงานของโจวฉายอวิ๋นเพื่อสอบถาม

หลี่หมิงเฉิงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “เฮ้อ! อย่าพูดถึงมันเลย ฉันยังไม่ได้ทวงคืนมาเลย”

หลินม่ายถามต่อ “นายยังไม่ได้ทำตามที่ฉันบอกเหรอ?”

“ฉันก็อยากจะทำ แต่ปัญหาคือตอนนี้อยู่ในช่วงวันหยุดเทศกาลฉลองฤดูใบไม้ผลิ หน่วยงานของว่านเสียนปิดทำการ ฉันเลยยังไม่ได้เข้าไปพูดคุยกับพวกเขา”

หลินม่ายครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้นว่า “หลังจบงานเลี้ยง ฉันจะไปขอสินสอดคืนกับนาย”

หลังจบงานเลี้ยง หลินม่ายพาหลี่หมิงเฉิงไปที่บ้านตระกูลว่านเพื่อขอสินสอดคืน

ทันทีที่เดินออกจากประตูโรงแรม พวกเขาเห็นเพื่อนร่วมงานหลายคนของหลี่หมิงเฉิงในฟาร์มผักฝูตัวตัวกำลังยืนรออยู่

หลี่หมิงเฉิงพูดขึ้นว่า “พวกเขาจะไปช่วยเราด้วย”

หลินม่ายไม่พูดอะไร คนทั้งกลุ่มขับรถไปยังหมู่บ้านที่ว่านเสียนอาศัยอยู่

เพื่อนบ้านละแวกนั้นเห็นพวกเขามาอีกครั้ง ทั้งหมดก็รีบยกนิ้วชี้ “ดูนั่นสิ พวกเขามาขอสินสอดคืนอีกแล้ว”

เพื่อนบ้านหลายคนเริ่มถอนหายใจ “อ้อยเข้าปากช้างแล้ว จะขอคืนได้ยังไงเล่า?”

หลินม่ายและคนทั้งกลุ่มหยุดยืนหน้าประตูของครอบครัวว่าน พวกเขาเคาะประตูอยู่นานและไม่ได้รับเสียงตอบรับใด ๆ

หลี่หมิงเฉิงคาดเดา “บางทีครอบครัวของพวกเขาอาจจะไปพบญาติ”

เวลานี้ประตูของบ้านฝั่งตรงข้ามเปิดออก ป้าคนหนึ่งโผล่ออกมาครึ่งตัวก่อนจะตะโกนว่า “มาหาตระกูลว่านเหรอ? พวกเขาทั้งหมดอยู่ในบ้านนั่นแหละ ฉันเห็นว่าพวกเขาไปซื้อของและเพิ่งกลับมา ให้ฉันเดา แปดในสิบพวกเขาแสร้งทำเป็นว่าไม่มีใครอยู่เมื่อเห็นว่าพวกคุณมาพบ”

เพราะครอบครัวฝั่งตรงข้ามมีเรื่องบาดหมางกับแม่ว่าน

ทันทีที่เห็นว่านเสียนผู้ไม่ต่างจากรองเท้าขาดแต่ยังสามารถได้แต่งงานกับหลี่หมิงเฉิงผู้เป็นเจ้าของบ้านหลายหลัง หล่อนก็รู้สึกอิจฉาจนแทบจะตัวสั่น

ต่อมาหล่อนเห็นว่านเสียนถูกหลี่หมิงเฉิงยกเลิกงานแต่งงาน วันนั้นหล่อนยิ่งมีความสุขมาก

และต่อมาหล่อนได้ทราบว่าสินสอดกว่าห้าพันหยวน และทรัพย์สินจำนวนมากนั้นไม่ได้ถูกส่งคืนให้กับหลี่หมิงเฉิง หล่อนก็รู้สึกหงุดหงิดอีกครั้ง

สินสอดและทรัพย์สินตั้งมากมาย รวมแล้วอาจไม่ถึงหมื่น แต่ก็มากกว่าเจ็ดหรือแปดพันหยวน

ป้าที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้ามไม่ต้องการเห็นตระกูลว่านเสวยสุข เมื่อเห็นหลี่หมิงเฉิงพาคนมาขอสินสอดกลับคืน และว่านเสียนแสร้งทำไม่อยู่บ้าน จึงเกรงว่าหลี่หมิงเฉิงจะกลับไปก่อน เลยรีบออกมาบอกกล่าวเช่นนี้

หลินม่ายกล่าวขอบคุณป้าพร้อมหยิบเงินออกมาห้าสิบหยวน ก่อนจะขอหยิบยืมกะละมังเล็ก ๆ กับเศษกระดาษจากป้าคนนั้น

เธอบอกให้หลี่หมิงเฉิงเผากระดาษในกาละมังนี้เพื่อสร้างควัน

หลี่หมิงเฉิงถามออกมาอย่างสับสน “เราจะทำอย่างนี้ไปทำไมเหรอ?”

หลินม่ายไม่คิดอธิบายให้คนโง่เขลาอย่างอีกฝ่ายฟังนัก แต่เพราะเขาเป็นคนที่ปฏิบัติกับตัวตนในชาติที่แล้วของเธออย่างดี เธอจึงต้องช่วยเหลือเขา

หลินม่ายพูดต่อ “ทำตามที่ฉันบอกเถอะน่า คิดว่าฉันจะทำร้ายนายหรือไง?”

หลี่หมิงเฉิงไตร่ตรอง ก่อนจะทำตามที่เธอบอก

ไม่กี่นาทีต่อมา ทางเดินเต็มไปด้วยควันไฟ

หลินม่ายบอกกล่าวให้หลี่หมิงเฉิงพัดควันไปทางประตูบ้านของตระกูลว่าน

จากนั้นเธอตะโกนเสียงดัง “ไฟไหม้ ไฟไหม้ รีบดับไฟเร็ว!”

เพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นเข้าใจทันที

พวกเขาร้องตะโกนด้วยเช่นกัน “ไฟไหม้ ไฟไหม้!”

ในวันแต่งงานของลูกสาว อีกฝ่ายกลับขอเพิ่มเติมค่าสินสอดในวันนั้น การทำเช่นนี้หลายคนมักรู้สึกไม่ยินดี

นอกจากนี้เมื่อครั้งที่หลี่หมิงเฉิงมาขอสินสอดทั้งหมดคืน แม่ว่านไม่คืนเงินให้แถมยังดุด่าหลี่หมิงเฉิงอย่างป่าเถื่อน ทำให้เพื่อนบ้านยิ่งไม่ชอบใจพวกเขามากขึ้น

แต่ด้วยไม่อยากมีปัญหา ทุกคนจึงทำได้เพียงนินทาเรื่องนี้อย่างลับ ๆ

ตอนนี้พวกเขาช่วยกันตะโกนเพราะต้องการช่วยเหลือหลี่หมิงเฉิง

ทันทีที่เห็นหลินม่ายและพรรคพวกเข้ามาในหมู่บ้านของว่านเสียน พวกเขามองดูจากหน้าต่างและบอกกล่าวกับครอบครัวของตน

แม่ว่านมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าหลินม่ายมาที่นี่ด้วย หล่อนก็นึกกังวลเล็กน้อยก่อนจะบอกให้ทุกคนเงียบ และห้ามส่งเสียงเด็ดขาด

เพื่อให้หลินม่ายคิดว่าไม่มีใครอยู่บ้าน พวกเขาจะกลับไปเองหลังจากเคาะประตูสักครู่หนึ่ง

แต่ไม่มีใครคิดว่าป้าตรงข้ามบ้านจะหักหลังพวกเขาอย่างเลือดเย็น

เวลานี้ทั้งสามคนในครอบครัวของว่านเสียนกำลังสาปแช่งป้าบ้านตรงข้ามอย่างแผ่วเบา แต่เวลานี้พวกเขากลับได้ยินเสียงหลินม่ายตะโกนว่า “ไฟไหม้!”

ว่านเสียนลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปพูดกับพ่อแม่ของตนว่า “พ่อ แม่ รีบหนีเร็วเข้า! ถ้าไฟลามมาถึงประตู พวกเราหนีไม่ได้แน่”

แม่ว่านยังคงสงบก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “จะวิ่งหนีทำไม? ทั้งหมดเป็นอุบายของนังตัวน้อยแซ่หลินแน่นอน มันต้องการให้เราเปิดประตู เราจะไม่หลงกลเด็ดขาด!”

ว่านเสียนนั่งลงทั้งที่ในใจร้อนรนนั่งไม่ติดที่

ขณะนั้นเพื่อนบ้านเริ่มตะโกนว่ามีไฟไหม้ ว่านเสียนลุกขึ้นอีกครั้งก่อนจะพูดว่า “แม่! ฉันว่าไฟไหม้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นทุกคนจะตะโกนแบบนี้ทำไม?”

แม่ว่านเริ่มลังเล

หากเป็นหลินม่ายตะโกนเพียงคนเดียว หล่อนย่อมไม่เชื่อว่ามีไฟไหม้จริง ๆ

แต่เวลานี้เพื่อนบ้านเหล่านั้นร้องตะโกนว่ามีไฟไหม้ มันจึงค่อนข้างเป็นไปได้สูงว่าเกิดไฟไหม้จริง ๆ

เพราะเพื่อนบ้านเหล่านั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องช่วยหลินม่ายโกหก

ขณะหล่อนลังเลว่าจะเปิดประตูหรือไม่ ว่านเสียนก็ชี้ไปยังกลุ่มควันที่หลุดลอดเข้ามาผ่านรอยแยกของประตูแล้วยืนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก “แม่! ไฟไหม้จริง ๆ ไฟไหม้!”

แม่ว่านไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป หล่อนเปิดประตูออกทันที

ก่อนที่จะทันได้เห็นสถานการณ์ภายนอก หลี่หมิงเฉิงและผองเพื่อนก็บุกเข้ามาภายในบ้านอย่างรวดเร็ว

แม่ว่านถึงกับตื่นตระหนก “ใครเชิญให้พวกคุณเข้ามา ออกไปเร็วเข้า!”

หลินม่ายเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย “ฉันไม่ได้บุกรุกบ้านของพวกคุณ แต่ฉันมีห้องอยู่ในตึกหลังนี้ด้วย”

แม่ว่านถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

หลินม่ายกล่าวช้า ๆ “ในเมื่อป้าว่านไม่ยอมให้เราเข้าไปคุยในบ้าน อย่างนั้นเราก็จะไม่เข้าไปคุยเรื่องสินสอดในบ้าน เราจะคุยกันที่ทางเดินนี้แทน”

ทั้งครอบครัวของว่านเสียนไม่ต้องการพูดคุยเรื่องนี้ พวกเขาอยากหลบอยู่ในบ้าน

หลินม่ายก้าวไปด้านหน้าก่อนจะปิดประตูห้องของตระกูลว่านเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเข้าไปด้านใน

คนตระกูลว่านทั้งสามคนรีบไปที่ห้องอื่นทันที

หลี่หมิงเฉิงตามมาก่อนจะปิดประตูห้องอื่นจนเกิดเสียงดังโครมคราม

เพื่อนหลายคนของเขาเริ่มขวางประตูเพื่อไม่ให้ตระกูลว่านคิดหาห้องหลบซ่อนตัวได้

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเข้าบ้านของตัวเองแล้ว แม่ว่านก็จะคิดจะไปซ่อนตัวที่บ้านญาติสักวันสองวันแทน

แต่หน้าประตูเวลานี้เต็มไปด้วยเพื่อนบ้านที่กำลังรับชมสิ่งน่าสนใจ พวกเขาจึงไม่สามารถออกไปได้

สีหน้าของแม่ว่านกลายเป็นหดหู่ก่อนจะพูดกับหลินม่ายว่า “คิดว่าจะเอาสินสอดทั้งหมดคืนไปได้เหรอ? ฉันว่าเธอกำลังฝันเฟื่องซะมากกว่า”

หล่อนชี้หลี่หมิงเฉิงก่อนจะพูดว่า “เขาเป็นคนยกเลิกงานแต่งงานกับตระกูลว่าน และพวกเรายังไม่ได้ขอค่าเสียหายจากพวกคุณเลย แต่คุณกลับกล้าหาญมาขอสินสอดคืนจากพวกเราเหรอ? นี่คือวิธีการของคนพาลหรือเปล่า!”

หลินม่ายตะคอกกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วการที่คุณนั่งลงบนพื้นและขอเงินเพิ่มในวันแต่งงานมันไม่ใช่การทำลายงานแต่งหรือไง? เห็นชัดว่าคุณคิดกลั่นแกล้งผู้อื่น และไม่ยินดีที่จะคืนสินสอดทองหมั้นเหล่านั้น เป็นคุณที่ยกเลิกงานแต่งงาน!”

เธอหันไปพูดกับหลี่หมิงเฉิง “ไปเชิญหัวหน้าระดับสูงของหน่วยงานที่ว่านเสียนทำงานอยู่มา เชิญอัยการจากศาลด้วย แล้วก็คณะกรรมการของหมู่บ้านนี้ และนักข่าวจากสื่อสำนักพิมพ์ต่าง ๆ เชิญพวกเขาทั้งหมดในนามของฉัน เราจะให้สื่อกับหัวหน้า และสหายในศาลของฉันตัดสินว่าสินสอดทั้งหมดสมควรถูกคืนให้หรือไม่ ถ้าพวกเขาตัดสินว่าไม่ เราค่อยยินยอม”

หลี่หมิงเฉิงหันหลังและกำลังจะออกไป แต่แม่ว่านคว้าตัวเขาไว้ก่อนจะกล่าวว่า “หมิงเฉิง ถ้ามีอะไรก็คุยกันดีๆ ได้นะ”

หล่อนไม่ได้โง่เขลา หากตนยึดเอาสินสอดและทรัพย์สินสำหรับงานแต่งงานเอาไว้และไม่ส่งคืนให้กับหลี่หมิงเฉิง พวกหล่อนทั้งหมดจะเป็นคนผิดทันที

อีกทั้งหากหัวหน้าของว่านเสียน และคนจากศาล รวมถึงสื่อมาถึงที่นี่เมื่อใด จะไม่มีใครยืนเคียงข้างพวกเขาเด็ดขาด

คนเหล่านั้นจะบีบบังคับให้ตระกูลว่านคืนสินสอดทองหมั้นทั้งหมดให้กับหลี่หมิงเฉิง แต่หล่อนไม่ยินดีที่จะคืนของเหล่านี้กลับไป

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ทวงของๆ ตัวเองคืนมาให้ได้นะ อย่าให้สุนัขพวกนี้เอาไปกินเด็ดขาด แม่ว่านนี่น่ารำคาญมาก สงสัยจริงว่าอยู่มาจนปูนนี้ได้ไงโดยไม่โดนเพื่อนบ้านรุมกระทืบตาย

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80

แม่ปากร้ายยุค​ 80

Score 10
Status: Completed
หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset