ตอนที่ 1146 แข่งขันนัดแรก
……….
ตอนที่ 1146 แข่งขันนัดแรก
ผู้อำนวยการคนใหม่นึกว่าหลินม่ายจะไม่ยอมตอบตกลง
แทบไม่ต้องพูดถึงตัวตนของหลินม่ายในฐานะผู้บริหารสูงสุดแห่งบริษัทกุยตัน เธอจะยอมลดตัวมาแข่งขันเพียงเพื่อเป็นพิธีกรดำเนินรายการทำอาหารยอดนิยมธรรมดา ๆ ได้อย่างไร ทว่าเธอกลับยอมตกลง
ผู้อำนวยการสถานีคนใหม่ดีใจมาก จึงโทรกลับไปหากู่อีอวิ๋นอีกครั้ง และขอให้หล่อนไปยังห้องทำงานของเขา เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญจะพูดกับหล่อน
กู่อีอวิ๋นเป็นหนึ่งในสองพิธีกรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดโดยเลียนแบบรายการอาหารของหลินม่าย
นับตั้งแต่ที่สถานีโทรทัศน์แมนฮัตตันซื้อสถานีโทรทัศน์ขนาดเล็กที่หลินม่ายทำงานอยู่ กู่อีอวิ๋นก็ได้ยินมาว่ารายการอาหารของสถานีโทรทัศน์ทั้งสองแห่งถูกรวมเข้าด้วยกัน ดังนั้นหนึ่งในสองพิธีกรจึงต้องถูกกำจัด
ขณะที่กู่อีอวิ๋นเดินไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการ หล่อนคาดเดาอย่างไม่สบายใจว่า ผู้อำนวยการเรียกหล่อนเข้าไปเพื่อขอให้ออกเป็นแน่
ระหว่างหล่อนกับหลินม่าย คนที่ควรรักษาและควรที่ให้ออกนั้นชัดเจนอยู่แล้ว มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่ไม่สามารถตัดสินได้อย่างถูกต้อง
เมื่อมาถึงห้องผู้อำนวยการสถานี กู่อีอวิ๋นก็ถามตรงประเด็น “ผู้อำนวยการเรียกฉันมาที่นี่เพราะเรื่องเลือกพิธีกรรายการหรือคะ?”
ผู้อำนวยการพยักหน้าและตอบว่าใช่ ก่อนจะพูดสิ่งที่เขาพูดกับหลินม่ายก่อนหน้านี้กับกู่อีอวิ๋นอีกครั้ง
เขายักไหล่และพูดว่า “ผมแค่คิดว่า การแข่งขันเป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุดสำหรับคุณและคุณหลิน”
กู่อีอวิ๋นนิ่งเงียบ
หล่อนเป็นแม่ครัวที่ดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าแข่งขันกับใคร
หล่อนมีประสบการณ์ด้านอาหารจีนในระดับสูงมากเมื่อเทียบกับชาวตะวันตก และแม้จะเทียบกับชาวเอเชียส่วนใหญ่แล้ว ก็ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะหล่อนได้
แต่หากเปรียบเทียบกับหลินม่าย… พูดตามตรง หล่อนแทบไม่มีโอกาสชนะได้เลย
แม้กู่อีอวิ๋นจะไม่เคยชิมอาหารฝีมือหลินม่ายเป็นการส่วนตัว แต่ก็เคยลิ้มรสอาหารทุกประเภทในร้านที่หลินม่ายเป็นเจ้าของ
ต่อให้อาหารรสเลิศหลายอย่างจะถูกจัดเตรียมอย่างลับ ๆ ในครัวกลางโดยที่หลินม่ายไม่ได้เป็นคนทำ แต่รสชาติกลับน่าทึ่งมากจนหล่อนไม่สามารถเลียนแบบได้
ถ้าหลินม่ายทำอาหารอันโอชะเหล่านั้นด้วยตัวเอง มันจะต้องอร่อยกว่าอย่างแน่นอน
รสชาติของอาหารที่หล่อนปรุงเองเทียบไม่ได้กับอาหารที่ผลิตสม่ำเสมอจากครัวส่วนกลางของหลินม่าย แทบไม่ต้องพูดถึงการเปรียบเทียบรสชาติกับอาหารที่หลินม่ายปรุงเอง แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยไม่ใช่หรือไง?
เมื่อเห็นว่ากู่อีอวิ๋นนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ผู้อำนวยการก็ขมวดคิ้วและถามว่า “คุณกู่ คุณอยากยอมแพ้ไหมครับ?”
กู่อีอวิ๋นคิดอยู่พักหนึ่งและตอบว่า “ไม่ค่ะ ฉันยอมรับคำท้า”
หากไม่สู้ย่อมต้องแพ้แน่นอน แต่ถ้าสู้ก็อาจมีโอกาสชนะ
ผู้กำกับคนใหม่ดีดนิ้วอย่างตื่นเต้น “มันเป็นการตัดสินใจที่ดีมากครับ”
หลังจากที่อาผู่รู้ว่าหลินม่ายกำลังจะแข่งขันกับกู่อีอวิ๋น เขาก็เอาแต่บ่นว่าเธอถูกผู้อำนวยการสถานีคนใหม่หลอก
ตราบใดที่เธอยืนกรานให้เขาเลือกเก็บเธอ หรือจะให้เธอไป
ท้ายที่สุดผู้อำนวยการสถานีจะต้องเลือกเธออย่างแน่นอน หากอยากเก็บกู่อีอวิ๋นไว้ เขาจะให้มีการแข่งขันได้อย่างไร?
อย่างไรหลินม่ายก็โด่งดังมากแล้ว และไม่สนใจการได้รับเงินเดือน ผู้อำนวยการสถานีจะต้องเลือกเก็บเธออย่างไม่ต้องสงสัย
หากเธอพลาดพลั้งและแพ้ให้กับกู่อีอวิ๋นผู้ที่เลียนแบบเธอ แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
หลินม่ายถามเขากลับ “การรักษาหน้าสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
สถานีโทรทัศน์เตรียมการมาครึ่งเดือนแล้ว และการแข่งขันระหว่างหลินม่ายกับกู่อีอวิ๋นก็ได้เริ่มต้นขึ้นในที่สุด
ในวันแข่งขันนัดแรก น้าถูช่วยเข็นรถเข็นของหลินม่ายเข้าไปในสตูดิโอ
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วสองเดือน แต่ขาที่ได้รับบาดเจ็บของเธอยังคงสามารถเคลื่อนไหวได้เพียงวันละหนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น
หลินม่ายจะไม่ลงเดินเว้นแต่เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากเธอต้องการใช้เวลาที่จำกัดเหล่านั้นในการทำอาหารอันโอชะ
ทีมงานของรายการวางจานกระเบื้องขนาดใหญ่พร้อมฝาปิดจำนวน 6 ใบไว้หน้าเวที โดยมีส่วนผสมที่แตกต่างกันวางอยู่ในจานกระเบื้องแต่ละใบ
เช่นเดียวกับการปิดตาเปิดกล่อง ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองต้องสุ่มเลือกจานกระเบื้องและปรุงอาหารอร่อยตามวัตถุดิบที่ตนเองได้รับ
หลังจากที่พร้อม กรรมการมืออาชีพ 6 คนและผู้ชมที่โชคดี 6 คนจะได้ชิมและร่วมโหวต ใครก็ตามที่ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะการแข่งขันนัดแรก
กู่อีอวิ๋นเลือกจานกระเบื้องอย่างประหม่า โดยไม่รู้ว่าจานกระเบื้องใดที่มีส่วนผสมที่ดีที่สุดสำหรับหล่อน
หล่อนเดินไปมาสองครั้ง และพบว่าหลินม่ายยังไม่เดินมาเลือก จึงหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสับสน
หลินม่ายยิ้มให้หล่อน ก่อนขอให้น้าถูไปนำจานกระเบื้องมาให้เธอ
น้าถูทำตามคำพูด และเดินไปหยิบจานกระเบื้องพร้อมวัตถุดิบมาให้
เมื่อหลินม่ายเปิดฝาที่ครอบจาน กู่อีอวิ๋นที่กำลังประหม่าก็แทบหยุดหายใจ
หล่อนกลัวว่าจานที่หลินม่ายเลือกจะเป็นของดี และเต็มไปด้วยวัตถุดิบที่ดี
หากเป็นเช่นนั้น หล่อนคงตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมากในการแข่งขันนี้
เมื่อหลินม่ายเปิดฝาครอบออก กู่อีอวิ๋นชะเง้อไปมองวัตถุดิบในจาน และในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
กู่อีอวิ๋นรู้สึกดีใจ
ชาวตะวันตกให้ตายอย่างไรก็ไม่กินเครื่องในสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเลือด แต่วัตถุดิบที่หลินม่ายได้รับล้วนเป็นเครื่องในเป็ดและเลือดเป็ดเท่านั้น
ต่อให้ไม่ว่าหลินม่ายจะมีมือวิเศษทำอาหารได้อร่อยแค่ไหน มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่ผู้ตัดสินและผู้ชมที่โชคดีที่จะกล้าลิ้มลองมัน
ในเมื่อไม่กล้าชิม แล้วจะให้คะแนนเธอได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าหลินม่ายถูกกำหนดให้แพ้ในการแข่งขันนี้ โดยมีเงื่อนไขว่าเธอไม่สามารถแสดงอาการผิดปกติ
ทว่าหลินม่ายพึงพอใจกับวัตถุดิบของเธอมาก
ส่วนผสมนี้เหมาะสำหรับการทำซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ด
บังเอิญเธอได้กินซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดตอนที่ไปหนานจิงเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว เธอและเจ้าของแผงริมถนนจึงพูดคุยกันถึงวิธีทำซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ด ซึ่งมีประโยชน์มากในตอนนี้
กู่อีอวิ๋นมองไปที่จานกระเบื้องขนาดใหญ่ที่เหลือซึ่งมีฝาปิดอยู่และคิดกับตัวเอง ไม่ว่าส่วนผสมทั้งห้าที่เหลือจะแย่แค่ไหน มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่าส่วนผสมของหลินม่ายแล้ว
หล่อนเลือกหยิบมาจานหนึ่ง และค่อย ๆ เปิดฝาด้วยความประหม่า
ภายในมีทั้งอกไก่ แตงกวา แครอท ถั่วลิสง และส่วนผสมอื่น ๆ
แม้ว่าส่วนผสมนี้จะธรรมดา แต่มันก็ดีกว่าส่วนผสมที่น่าขยะแขยงของหลินม่ายหลายเท่าตัว
กู่อีอวิ๋นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตัดสินใจทำไก่ผัดพิทักษ์วัง
หล่อนทำรายการอาหารมาหลายปีแล้ว และรู้ดีว่าอาหารจีนอันดับหนึ่งในหมู่ชาวตะวันตกคือไก่ผัดพิทักษ์วัง อีกทั้งหล่อนยังทำอาหารจานนี้เก่งอีกด้วย
หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว ไก่ผัดพิทักษ์วังของกู่อีอวิ๋นก็ถูกนำออกจากหม้อและเสิร์ฟใส่จาน
ทีมงานแบ่งอาหารของหล่อนออกเป็นสิบสองส่วนทันที โดยมอบให้กรรมการมืออาชีพหกคนและผู้ดูที่โชคดีหกคนได้ชิม
ไก่ผัดพิทักษ์วังของกู่อีอวิ๋นมีรสชาติอร่อยมาก
มีทั้งความนุ่มของอกไก่ ความกรอบของแตงกวาและแครอท และความมันของถั่วลิสง
กรรมการทั้งมืออาชีพและไม่ใช่มืออาชีพกินเข้าไปล้วนออกปากชมไม่หยุด ในเวลานี้หลินม่ายยังคงทำซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ด และยังไม่ทราบว่าผลจะเป็นอย่างไร
กรรมการทั้งมืออาชีพและไม่ใช่มืออาชีพ 12 คนรอนานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่ซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดของหลินม่ายจะพร้อมเสิร์ฟในที่สุด
การทำซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดที่ต้องใช้เวลานานที่สุดคือ การต้มซุปโครงกระดูกเป็ด
ตราบใดที่ซุปเป็ดถูกเคี่ยวอยู่ ก็จะทำให้ซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดสุกได้อย่างรวดเร็ว
ทีมงานตักซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดใส่ 12 ชามเล็ก และนำไปให้กรรมการแต่ละคน
กรรมการทั้ง 12 คนต่างมองดูซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดที่ถูกวางไว้ให้ตรงหน้า
แม้สีของมันจะดูไม่น่ากินเพียงใด แต่เลือดเป็ดที่ดูเหมือนเต้าหู้อ่อนก็ดูไม่น่ารังเกียจเลย
แต่เมื่อคิดว่ามันทำจากเลือด กรรมการก็พบว่ามันยากเย็นที่จะต้องลิ้มลองรสชาติ
ทว่ากลิ่นหอมของเลือดเป็ดนึ่งและซุปวุ้นเส้นยังอบอวลใต้จมูก กระทั่งทำให้นิ้วพวกเขากระตุก
ขณะที่กรรมการทั้งมืออาชีพและไม่ใช่มืออาชีพกำลังทะเลาะกับตัวเองว่า พวกเขาต้องการชิมซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดของหลินม่ายหรือไม่ กรรมการที่เป็นผู้ชมสองคนไม่สามารถต้านทานกลิ่นหอมของซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดได้อีกต่อไป และตักขึ้นมาชิม
หลังจากลิ้มรส พวกเขาก็หยุดกินไม่ได้อีกเลย ภายใต้สายตาของทุกคน พวกเขากินซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดจนหมดชามอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่หลินม่ายได้ปรุงซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดในหม้อขนาดใหญ่ จึงไม่มีปัญหาเมื่อกรรมกรขอเพิ่มอีกชาม
เมื่อทีมงานวางซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดต่อหน้ากรรมการทั้งสอง กรรมการทั้งสองก็หยิบชามขึ้นมากินอย่างตะกละตะกลาม ราวกับพวกเขาไม่ได้กินอาหารมาแล้วกว่าแปดร้อยปี
ท่าทางการรับประทานนอย่างเอร็ดอร่อยของพวกเขาทำให้กรรมการคนอื่น ๆ ไม่สามารถต้านทานกลิ่นหอมของซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดได้อีกต่อไป พวกเขารวบรวมความกล้าที่จะตักซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดในส่วนของตนเองและใส่เข้าปาก
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารับประทานอาหารที่ทำจากเลือด พวกเขากังวลมาก โดยไม่สามารถจินตนาการได้ว่ารสชาติของมันจะพิลึกพิลั่นขนาดไหน
แต่หลังจากกัดไปเพียงสองครั้ง ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ไม่คิดว่าเต้าหู้ที่ทำจากเลือดเป็ดจะอร่อยขนาดนี้ มันนุ่ม สดชื่น ละลายในปาก
หัวใจเป็ดนุ่มเหนียว กึ๋นเป็ดและไส้เป็ดกรอบล้วนอร่อยมากเช่นกัน
วุ้นเส้นโปร่งแสงเหมือนไหมน้ำแข็งและลื่นในปาก เป็นสัมผัสที่น่าสนใจมาก
หลังจากที่กรรมการทั้ง 12 คนชิมซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดของหลินม่ายเสร็จแล้ว พวกเขาก็เข้าสู่ช่วงลงคะแนน
แม้หลินม่ายจะกังวลเล็กน้อย แต่โดยรวมเธอยังรักษาความสุขุมดังเดิม
แต่กู่อีอวิ๋นแทบไม่กล้าหายใจอีกต่อไป ขณะกำลังรอผลการลงคะแนนอย่างใจจดใจจ่อ
แม้ว่ากรรมการจะแสดงความประหลาดใจเมื่อได้ชิมซุปวุ้นเส้นเลือดเป็ดของหลินม่ายเมื่อครู่ ซึ่งกู่อีอวิ๋นได้เห็นการแสดงที่น่าทึ่งทั้งหมด แต่กรรมการก็กล่าวชมไก่ผัดพิทักษ์วังของหล่อนเช่นกัน กู่อีอวิ๋นไม่เชื่อว่าตนจะไม่มีความหวังในการชนะครั้งนี้เสียทีเดียว
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตัดสินใจยากเหมือนกันนะ แต่ถ้าให้ดูจากวัตถุดิบม่ายจื่อก็มีแววได้อยู่ต่อล่ะ ทำของไม่น่ากินให้กลายเป็นของอร่อยขึ้นมาได้ก็ต้องใช้ฝีมือมากนะ
ไหหม่า(海馬)