ตอนที่ 1108 ภายในงานแต่งงาน
……….
ตอนที่ 1108 ภายในงานแต่งงาน
โต้วโต้วรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นเสี่ยวเหวินกลับมาจากข้างนอกพร้อมกับคุณปู่คนหนึ่งด้วยท่าทางกระตือรือร้น
โต้วโต้วไม่รู้จักปู่คนนั้น แต่ได้ยินเสี่ยวเหวินเรียกเขาว่าคุณปู่ฝู
หลังจากที่ไม่ได้เจอกันสองถึงสามเดือน พี่ชายเสี่ยวเหวินก็สูงขึ้น หล่อขึ้น และมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ
โต้วโต้วนึกเสียใจ หากหล่อนยังคงเป็นลูกสาวของพ่อฟางและแม่หลิน หล่อนก็คงไปเรียนต่อต่างประเทศได้เช่นกัน และคงมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้
แต่โลกนี้ไม่มีคำว่า ถ้าหาก
วันนี้หล่อนมีความสุขมากแล้วที่ได้เห็นทุกคนที่อยากเจอ
หล่อนแอบดูทุกคน และจากไปอย่างลับ ๆ
หล่อนไม่ต้องการให้หลินม่ายรู้ว่าตนอยู่ที่นี่ เพราะกลัวว่าหลินม่ายจะเข้าใจผิดคิดว่าหล่อนเข้ามาวุ่นวายกับครอบครัวอีก
หล่อนจะไม่ทำเช่นนั้น อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับชีวิตนี้
การไม่รบกวนครอบครัวของคุณแม่หลินเป็นเพียงความกตัญญูที่หล่อนสามารถแสดงออกได้ โต้วโต้วคิดว่าหล่อนคงจะไม่ได้เจอแม่หลินและคนอื่น ๆ ไปอีกหลายปี
แต่เมื่อหล่อนแวะมาวันนี้ หล่อนก็ได้ยินเสียงพูดที่ดังฟังชัดของคุณปู่ฟางจากสนามหญ้า
โต้วโต้วคิดว่าตนหูแว่วไป แต่เมื่อแอบมองผ่านช่องว่างในประตูลานบ้าน หล่อนก็เห็นคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจริง ๆ และตื่นเต้นมากจนแทบหัวใจวายตาย
ตอนนี้หล่อนเห็นหลินม่าย น้องชายตัวเล็ก และเด็กหญิงสี่พี่น้อง มันทำให้หล่อนตื่นเต้นยิ่งขึ้น
หล่อนมองเด็กหญิงสี่พี่น้องด้วยความอิจฉา
เด็กทั้งสี่คนคงเป็นเด็กยากจน จึงได้รับความช่วยเหลือจากแม่หลินและพ่อฟาง
พลางคิดว่า ตอนนั้นที่แม่หลินรับอุปถัมภ์หล่อนคงเป็นเพราะความสงสาร
ช่างเป็นแม่ที่แสนดีเหลือเกิน แต่เป็นหล่อนเองที่เดินทางผิด
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และคนอื่น ๆ เห็นครอบครัวทั้งสามของหลินม่ายกลับมาพร้อมเด็กหญิงสี่คน พวกเขาจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
หลินม่ายเล่าให้ผู้เฒ่าทั้งสามฟังถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า
คุณย่าฟางดุปู่ย่าของเด็กหญิงว่าพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ และถามว่าซิ่วหลิงกับแม่ของหล่อนเป็นอย่างไรบ้าง อาการของพวกเขาอันตรายถึงชีวิตหรือไม่
หลินม่ายบอกว่าเธอและสามีไปโรงพยาบาลเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์และกลับมาหลังจากทราบผล พวกเขายังไม่ทราบอาการของซิ่วหลิง และรู้เพียงแค่ว่าแม่ของซิ่วหลิงสบายดี
เธอวางแผนที่จะพาเด็กหญิงทั้งสี่ไปโรงพยาบาลพร้อมกับฟางจั๋วหรานหลังกินอาหารเย็น เมื่อถึงเวลานั้น การผ่าตัดของซิ่วหลิงคงใกล้เสร็จสิ้นแล้ว และคงทราบอาการของหล่อน
คุณย่าฟางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย
หลังอาหารเย็นก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว
ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายพาเด็กหญิงทั้งสี่ไปโรงพยาบาล
ซิ่วหลิงเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัด และถูกผลักเข้าไปในห้องผู้ป่วย
สำหรับการผ่าตัดเอาม้ามออก ตราบใดที่สุขภาพของผู้ป่วยไม่ย่ำแย่เป็นพิเศษ ก็ไม่จำเป็นต้องดูอาการในห้องฉุกเฉินต่อ ดังนั้นซิ่วหลิงจึงพักรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยทั่วไป
ฟางจั๋วหรานและภรรยาพาลูกสาวทั้งสี่ไปเยี่ยมผู้เป็นแม่
อย่างไรก็ตามยาสลบที่ซิ่วหลิงได้รับยังไม่หมดฤทธิ์
หลินม่ายนำอาหารเย็นมาให้แม่ของซิ่วหลิง และขอให้อีกฝ่ายกินขณะที่ยังร้อน
ทั้งคู่ไปหาศัลยแพทย์เพื่อสอบถามเกี่ยวกับอาการของซิ่วหลิง และรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าซิ่วหลิงรอดพ้นจากขีดอันตราย
ฟางจั๋วหรานบอกแม่ของซิ่วหลิงว่า หลินม่ายกำลังตั้งครรภ์และจำเป็นต้องดูแลทารกในครรภ์ ดังนั้นจึงไม่สามารถอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน เขาบอกลาและขอตัวกลับไป นอกจากนี้ยังพาเด็กหญิงสี่พี่น้องกลับไปนอนค้างคืนที่บ้านด้วย
แม่ของซิ่วหลิงกล่าวด้วยความเสียใจ “ม่ายจื่อกำลังท้อง แล้วยังต้องมากังวลเกี่ยวกับครอบครัวเราอีก”
นางตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ปล่อยให้ฟางจั๋วหรานและภรรยาต้องดูแลเด็กหญิงทั้งสี่ โดยบอกว่าพี่สาวคนโตสามารถดูแลน้อง ๆ ที่เหลือได้
สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือช่วยพาเด็กทั้งสี่คนกลับบ้าน
หลินม่ายและสามีจึงขับรถไปส่งเด็กหญิงทั้งสี่ถึงบ้าน
ซิ่วหลิงเช่าบ้านสองหลังในลานกว้าง หลังหนึ่งสำหรับลูก ๆ ของหล่อน ส่วนอีกหลังสำหรับหล่อนและแม่
มีเตาขนาดเล็กอยู่ในห้องของเด็ก และมีไฟกำลังลุกโชนเพื่อให้บ้านอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
ฟางจั๋วหรานมองเตาขนาดเล็ก จากนั้นมองไปทางหน้าต่างที่ปิดอยู่
เขาถามพี่สาวคนโตด้วยสีหน้าจริงจัง “ครอบครัวของเธออยู่กันแบบนี้มาโดยตลอดเลยเหรอ?”
พี่สาวพยักหน้ารับด้วยความเขินอาย
ฟางจั๋วหรานไม่ได้พูดอะไร เขาเดินออกจากบ้านและซื้อขวดน้ำร้อนสองขวดกลับมาด้วย
เขาเติมน้ำร้อนจากน้ำลงในขวดน้ำร้อนและวางไว้ใต้ผ้าห่ม จากนั้นปล่อยให้เด็กหญิงทั้งสี่ใช้ขวดน้ำร้อนเพื่อรักษาความอบอุ่น
จากนั้นเขาก็ดับเตาแล้วจากไปพร้อมกับหลินม่าย
พวกหล่อนปิดประตูและหน้าต่างนอนตลอดทั้งคืนโดยที่ยังจุดเตา มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ไม่ทนทุกข์ทรมานจากพิษคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นเวลานาน
แต่การเดินไปตามแม่น้ำบ่อย ๆ ไม่ได้หมายความว่าเท้าจะไม่เปียก
ฟางจั๋วหรานไม่สามารถปล่อยให้พวกหล่อนเสี่ยงชีวิตอีกต่อไป เขาจึงออกไปซื้อขวดน้ำร้อนและดับไฟบนเตา
หลังจากออกจากบ้านของซิ่วหลิง หลินม่ายโทรหาเสิ่นเสี่ยวผิงและสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับซิ่วหลิงว่า ทำไมอดีตแม่สามีและครอบครัวถึงได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกก่อนกำหนด
ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เสิ่นเสี่ยวผิงรู้สึกประหลาดใจมาก “พวกเขาออกจากคุกแล้วเหรอคะ ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ตั้งแต่ฉันได้รับเงินที่พวกเขาปล้นกลับคืนมา และส่งพวกเขาเข้าคุก ฉันก็ไม่เคยสนใจพวกเขาอีกเลย ฉันจะตรวจสอบและรายงานให้ทราบในวันพรุ่งนี้นะคะ”
หลินม่ายพูด “พรุ่งนี้เป็นวันปีใหม่ เธอและครอบครัวเฉลิมฉลองวันหยุดด้วยกันเถอะ อย่ากังวลถึงเรื่องนี้เลย ฉันจะตรวจสอบด้วยตัวเอง”
หลินม่ายคิดว่า บางทีซิ่วหลิงอาจรู้เหตุผลที่แท้จริง เธอจึงจะไปถามอีกฝ่ายในวันพรุ่งนี้
ถ้าแม้แต่ซิ่วหลิงก็ไม่ทราบเหตุผล เธอคงจะโทรไปถามผู้คุมเรือนจำที่ซึ่งอดีตแม่สามีของซิ่วหลิงกำลังรับโทษอยู่ และเธอจะได้ทราบเหตุผลอย่างแน่นอน
ในวันที่ 1 มกราคม ทั้งครอบครัว รวมถึงปู่ฝาง ย่าฝาง และลุงฝูต่างก็แต่งตัวไปร่วมงานแต่งงานของคุณพ่อไป๋
สำหรับพ่อไป๋ งานแต่งงานครั้งนี้เป็นงานแต่งงานครั้งที่สอง แต่สำหรับเผิงอันน่า มันเป็นการแต่งงานครั้งแรกของหล่อน
เด็กสาวตัวเล็กไม่ดูหมิ่นที่เขาเป็นชายชราที่เคยหย่าร้างและยืนกรานที่จะแต่งงานด้วย พ่อไป๋จึงไม่กล้าทำผิดต่อหล่อน งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างอลังการมาก โดยมีโต๊ะจัดเลี้ยงหลายสิบโต๊ะ
พ่อไป๋เชิญญาติทุกคนจากครอบครัวของเผิงอันน่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขณะที่หลินม่ายกำลังกินข้าว เธอได้ยินแม่ของเผิงอันน่าที่นั่งโต๊ะถัดไปพูดกับญาติว่าเรื่องนี้น่ารำคาญมาก หล่อนมีลูกสาวสวยและมีความสามารถขนาดนี้ แต่กลับต้องมาแต่งงานกับพ่อม่าย
แม้ว่าแม่ของเผิงอันน่าจะยอมให้ทั้งสองแต่งงานกัน แต่หล่อนก็ยังไม่ชอบพ่อไป๋ในทุก ๆ เรื่อง
หลินม่ายคิดว่า มันคงเป็นเรื่องยากที่พ่อไป๋จะเงยหน้าเผชิญหน้ากับแม่ยายในอนาคต
แต่แม่จะไม่สามารถเผชิญหน้ากับแม่ยายได้ การแต่งงานกับหญิงมากความสามารถเช่นนี้ก็คุ้มค่าแล้ว
ขณะที่แขกทุกคนกำลังร่วมรับประทานอาหาร จู่ ๆ แม่ไป๋ก็เดินเข้ามา
วันนี้หล่อนแต่งตัวอย่างประณีตมาก โดยทำผมแต่งหน้าเบา ๆ สวมเครื่องประดับสีทอง และโค้ตขนสัตว์สีแดงเข้มใหม่เอี่ยม จับคู่กับกระโปรงทำด้วยผ้าขนสัตว์และรองเท้าบูตหนัง
ชุดนี้โดดเด่นไม่ด้อยไปกว่าเจ้าสาวเลย ยกเว้นว่าหล่อนจะแก่กว่าเท่านั้น
พี่น้องไป๋เหยียน ไป๋ลู่ และไป๋เซี่ยต่างก็กังวล แม่ไป๋แต่งตัวแบบนี้ มันเห็นได้ชัดว่าหล่อนมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา
พ่อไป๋และไป๋เซี่ยรีบเดินไปหาแม่ไป๋ในทันที
ไป๋เซี่ยหยุดแม่ไป๋ที่กำลังเดินเข้ามาและขอร้องว่า “แม่ครับ วันนี้เป็นวันมงคลสมรสของพ่อ แม่ช่วยหยุดสร้างปัญหาได้ไหม หลังจากผ่านวันนี้ไป ผมจะไม่ห้ามหากแม่จะทำอะไร”
พ่อไป๋อารมณ์เสียเช่นกัน “ซินอี๋ ปล่อยไปสักวันเถอะ”
แม่ไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา ฉันมาเพื่อให้ของขวัญแก่คุณเท่านั้น”
จากนั้นหล่อนก็หยิบเงินสามร้อยหยวนออกจากกระเป๋าและส่งให้พ่อไป๋ “ขอให้คุณมีความสุขนะคะ”
เมื่อเห็นว่าพ่อไป๋ปฏิเสธที่จะรับเงิน หล่อนก็วางเงินสามร้อยหยวนไว้ในมือของเขา ก่อนหันหลังเดินจากไป
น้ำตาสองสายไหลรินจากดวงตา เรื่องราวระหว่างหล่อนและพ่อไป๋ไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว แล้วหัวใจของหล่อนจะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร?
แต่สถานการณ์ทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้ล้วนเกิดจากตัวหล่อนเอง หล่อนจะโทษใครได้?
หากหล่อนยังคงรักพ่อไป๋อยู่ การปล่อยเขาไปคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักใครสักคน
พ่อไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเดินตามแม่ไป๋และเอ่ยคำเบาว่า “อยู่รองานเลี้ยงก่อนค่อยไปสิ”
แม่ไป๋ส่ายหัว “ไม่ล่ะค่ะ”
หล่อนอยู่ต่อไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถห้ามน้ำตาตัวเอง
หลินม่ายและคนอื่น ๆ โล่งใจเมื่อเห็นว่าแม่ไป๋เดินออกจากงาน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มีคนต้องการลอบกัดม่ายจื่อลับหลังงั้นเหรอ ถึงได้ปล่อยครอบครัวนรกนี่ออกคุกก่อนกำหนด?
โล่งใจจัง นึกว่าจะมีฉากตบเจ้าสาวกลางงานแต่งแล้วเสียอีก
ไหหม่า(海馬)