แม่ปากร้ายยุค​ 80 1106 ถูกตีบนถนน

ตอนที่ 1106 ถูกตีบนถนน

ตอนที่ 1106 ถูกตีบนถนน

……….

ตอนที่ 1106 ถูกตีบนถนน

หลังเทศกาลคริสต์มาสในสหรัฐอเมริกา ทั้งครอบครัวก็เดินทางกลับมาที่จีนเพื่อร่วมงานแต่งงานของพ่อไป๋ และลุงฝูก็กลับมากับทุกคนด้วย

คนกลุ่มหนึ่งมาถึงสนามบินนิวยอร์ก ขณะที่พวกเขากำลังผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัย ชายผิวดำตัวใหญ่ที่เดินอยู่ข้างหน้าหลินม่ายก็เดินโซเซด้วยเหตุผลบางอย่างและเริ่มเอนตัวล้มมาทางด้านหลัง

ขณะที่ชายผิวดำที่มีรูปร่างคล้ายหอคอยเหล็กกำลังจะล้มลงมา หลินม่ายกำลังแสดงหนังสือเดินทางต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา

ฟางจั๋วหรานที่ตามมาทีหลังรีบโอบกอดเธอไว้และขยับไปปกป้องเธอ เขารับแรงกระแทกจากชายคนนั้นอย่างกล้าหาญ

ในพริบตาเดียว ฟางจั๋วหรานก็ถูกกระแทกอย่างแรงจนบั้นส่วนเอวของเขาแทบร้าว

เอวคงบิดไปแล้ว

ชายคนนั้นพูดขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฟางจั๋วหรานขอข้อมูลติดต่อของอีกฝ่ายและวางแผนที่จะขอค่ารักษาพยาบาลเมื่อเขากลับมา

ขอโทษก็ส่วนขอโทษ อีกฝ่ายชนจนเขาได้รับบาดเจ็บ ก็ต้องชดใช้ค่ารักษาพยาบาล

ในสหรัฐอเมริกา ความเห็นใจเป็นเรื่องของความเห็นใจ ส่วนเงินก็เป็นเรื่องของเงิน แทบไม่ต้องพูดถึงว่าฟางจั๋วหรานไม่ได้มีความเห็นใจให้กับชายผิวดำคนนี้เลย

หลินม่ายถามฟางจั๋วหรานว่าเป็นอะไรมากหรือไม่หากอาการแย่มาก เขาควรไปตรวจอาการบาดเจ็บก่อน และเลื่อนตารางการบินออกไป

คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และลุงฝูต่างก็พูดอย่างเดียวกัน

ฟางจั๋วหรานบิดเอวสองถึงสามครั้งเพื่อตรวจสอบดู แม้ว่าเอวของเขาจะปวด แต่ก็พอทนได้

เขาวางแผนที่จะรับการรักษาในฮ่องกงหากอาการแย่ลง เนื่องจากมีแพทย์เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อจำนวนมากในฮ่องกง

ชายผู้ก่อเหตุเฝ้าดูครอบครัวของหลินม่ายหายตัวไปในช่องตรวจสอบความปลอดภัย จากนั้นจึงหันหลังและเดินไปที่มุมหนึ่ง

เมื่อชายผิวดำคนนั้นเดินเข้าไปในมุมอับ เขาเห็นโคอิซึมิ คานาโกะซ่อนตัวอยู่

ชายผิวดำยื่นมือออกไป “คุณผู้หญิง กรุณาจ่ายเงินมา ขอบคุณ”

โคอิซึมิ คานาโกะพูดอย่างเย็นชา “คุณทำไม่สำเร็จ แล้วยังกล้ามาเรียกเก็บเงินจากฉันอีกเหรอ?”

ชายผิวดำพูดด้วยความโกรธ “แต่ผมได้ทำตามข้อตกลงไปแล้ว คุณก็ต้องจ่ายค่าจ้างมาไม่ใช่หรือไง?”

โคอิซึมิ คานาโกะคิดอยู่พักหนึ่งแล้วมอบเงินให้กับชายผิวดำ

ที่หล่อนยอมให้ เพราะกลัวว่าชายผิวดำจะไปหาฟางจั๋วหรานและหักหลังหล่อน

หากฟางจั๋วหรานรู้ว่าหล่อนต้องการลอบทำร้ายหลินม่าย ไม่เพียงเขาจะยิ่งเกลียดหล่อน แต่อาจจะตอบโต้กลับด้วยซ้ำ

หลังจากมาถึงฮ่องกง หลินม่ายพาฟางจั๋วหรานไปรักษาอาการบาดเจ็บที่หลัง

แม้ว่าจะใช้เวลาหนึ่งหรือสองวัน แต่อาการบาดเจ็บก็ไม่ร้ายแรง แพทย์อาวุโสได้จัดกระดูกของฟางจั๋วหรานให้ตรง สั่งยาทารอยฟกช้ำเล็กน้อยแล้วปล่อยเขาไป

เนื่องจากไปฮ่องกงเพื่อรับการรักษา พยาบาลสั่งให้พักผ่อน 1 วัน เมื่อกลับมายังปักกิ่งก็ตรงกับวันที่ 30 แล้ว

วันรุ่งขึ้น หลินม่ายขอให้ฟางจั๋วหรานพักผ่อนที่บ้าน ส่วนเธอจะไปบ้านพ่อไป๋เพื่อดูว่าสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้างไหม

ฟางจั๋วหรานไม่อยากปล่อยให้เธอไปคนเดียวและยืนกรานจะติดตามไปด้วย

ทั้งคู่พาเสี่ยวตงตงไปที่บ้านพ่อไป๋ เวลานี้ไป๋เซี่ยลางานกลับบ้านเพื่อร่วมงานแต่งงานของพ่อไป๋เช่นกัน

พ่อและลูกชาย รวมทั้งไป๋ลู่ต่างแสดงการต้อนรับอย่างอบอุ่นต่อการมาถึงของหลินม่ายและครอบครัวของเธอ

หลินม่ายแอบถามไป๋ลู่ว่า พ่อไป๋กำลังจะแต่งงาน แล้วแม่ไป๋มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?

แม้ว่าพ่อไป๋จะบอกหลินม่ายว่า แม่ไป๋เปลี่ยนไปมาก และสนับสนุนการแต่งงานใหม่ของเขา

แม่ไป๋อาจคิดว่าพ่อไป๋ไม่ได้จะแต่งงานใหม่ จึงอาจแสร้งทำเป็นมีน้ำใจ

แต่หากพ่อไป๋กำลังจะแต่งงานใหม่จริง ๆ แม่ไป๋อาจเลิกแสร้งทำเป็นเช่นนั้น

หลินม่ายยังคงกังวลเล็กน้อยว่าแม่ไป๋อาจลงมือทำบางอย่างเพื่อทำลายงานแต่งงาน

หล่อนรักพ่อไป๋มาก และยังมีบุคลิกสุดขั้ว

เมื่อพ่อไป๋แต่งงานใหม่ หลินม่ายกลัวว่ามันจะสร้างความบอบช้ำทางใจให้แม่ไป๋ จนมาสร้างความวุ่นวายที่งาน

แต่ไป๋ลู่ตอบเธอว่า แม่ไป๋เป็นปกติดีและจะไม่ทำลายงานแต่งงานของพ่อไป๋แน่นอน และขอให้เธอวางใจ

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านพ่อไป๋ ทุกคนก็คุยกันสักพักก่อนจะแยกย้ายกันไป

หลินม่ายนั่งแท็กซี่พาฟางจั๋วหรานและลูกชายไปยังร้านค้าของซิ่วหลิงที่ขายโร่วเจียโหมว

หากเธอต้องการเปิดร้านโร่วเจียโหมวในสหรัฐอเมริกา เธอต้องขอให้ซิ่วหลิงเป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิค และต้องการถามว่าอีกฝ่ายเต็มใจหรือไม่

เธอพาฟางจั๋วหรานและลูกชายไปด้วย เพราะอยากให้พวกเขาได้ลิ้มลองโร่วเจียโหมวของซิ่วหลิง ซึ่งมันอร่อยมาก!

ก่อนที่รถจะขับไปที่แผงขายของซิ่วหลิง คนกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันเพื่อชมความสนุกสนาน

เสียงกรีดร้องของผู้หญิง เสียงร้องไห้ของเด็ก ๆ พร้อมเสียงผู้ชายทุบตีและสาปแช่งดังมาจากกลางวงล้อม

ใบหน้าของหลินม่ายแข็งค้าง หลังจากหยุดรถ เธอรีบเปิดประตูลงไปทันที

เธอตะโกนบอกฝูงชน “ทุกคนโปรดหลีกทางให้ฉันที่เป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ด้วย”

ทันใดนั้นฝูงชนก็แยกออกจากกัน

ฟางจั๋วหรานอุ้มเสี่ยวตงตงขณะเดินไปปกป้องเธออย่างระมัดระวัง

หลินม่ายเห็นว่าแผงลอยของซิ่วหลิงถูกทำลายจนกลายเป็นเศษซาก

ซิ่วหลิงและแม่ถูกผลักจนล้มอยู่บนพื้น ขณะถูกอดีตพ่อสามีและอดีตน้องสามีทั้งสองทุบตีอย่างดุเดือด

อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงออกคำสั่งสามีและลูกชายสองคนที่อยู่ด้านข้าง “ทุบพวกมันให้ตาย! ทุบตีนังสารเลวสองคนนี้ให้หนัก จนกว่าพวกมันจะยอมมอบเงินทั้งหมดอย่างเชื่อฟัง!”

ลูกสาวคนโตของซิ่วหลิงกอดน้องสาวคนเล็กไว้แน่น เด็กสองคนนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพลางร้องไห้อย่างขมขื่น และขอร้องให้คุณย่าปล่อยแม่และยายไป

ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ครอบครัวของอดีตสามีซิ่วหลิง แต่ไม่มีใครคิดริเริ่มช่วยเหลือครอบครัวของซิ่วหลิงเลย

เมื่อเห็นว่าซิ่วหลิงถูกทุบตีจนอาเจียนเป็นเลือด หลินม่ายรีบตะโกนเสียงดัง “หยุดให้หมดทุกคนเลยนะ!”

พ่อ ลูกชาย และอดีตแม่สามีของซิ่วหลิงต่างก็หยุด ก่อนหันมามองหลินม่ายเป็นตาเดียว

เมื่ออดีตแม่สามีของซิ่วหลิงเห็นว่าเป็นหลินม่าย นางก็พูดด้วยความโกรธ “ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นคุณหลิน ฉันไม่ได้ติดหนี้อะไรคุณ ดังนั้นคุณไม่มีสิทธิ์มาควบคุมสิ่งที่เราทำ”

จากนั้นสั่งสามีและลูกชายสองคนอย่างดุเดือด “ตีพวกมันต่อไป!”

พ่อและลูกชายต่างก็ลังเล

อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงเห็นแบบนั้นก็เดือดดาล ก่อนตะโกนใส่ลูกชายด้วยเอง “อะไร! แกไม่ต้องการเงินไปแต่งกับภรรยาหรือไง?”

จากนั้นลูกชายทั้งสองก็ทุบตีซิ่วหลิงและลูกสาวของหล่อนต่อไป อดีตพ่อสามีครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะเข้าร่วมด้วย

เมื่อหลินม่ายเห็นว่าเธอหยุดคนเหล่านี้ไม่ได้ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาตำรวจ

อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงหันมามองด้วยสีหน้ามืดมน

นางกัดฟันและคว้าโทรศัพท์ในมือของหลินม่าย “ฉันแค่ขอเงินลูกสะใภ้ ทำไมถึงต้องทำจมูกยืดยาวโทรแจ้งตำรวจด้วย? หล่อนคลอดลูกชายโดยไม่มีรูทวารหรือยังไง!”

นี่เป็นคำสาปแช่งที่มีอารยธรรมที่สุดจากปากหญิงชราหนังเหนียว

หากหลินม่ายเป็นคนธรรมดา นางคงด่าออกไปรุนแรงยิ่งกว่านี้ ในแบบที่คำเรียกอวัยวะสืบพันธุ์ปลิวว่อนไปทั่วทุกหนแห่ง!

แต่หลินม่ายไม่ใช่คนธรรมดา หญิงชราจึงไม่กล้าประมาทเกินไป

ฟางจั๋วหรานเตะหญิงชราออกไปก่อนที่ปลายนิ้วของอดีตแม่สามีของหรงซิ่วหลิงจะแตะต้องตัวหลินม่าย

ภรรยาของเขากำลังตั้งท้อง แล้วจะปล่อยให้เธอถูกหญิงชราโจมตีได้อย่างไร?

อดีตแม่สามีของซิ่วหลิงนอนอยู่บนพื้นร้องไห้และตะโกนทันที “มันทำร้ายฉัน มันทำร้ายฉัน!”

กลุ่มฝูงชนไม่มีใครเห็นใจนาง และพวกเขาต่างก็ชมการแสดงของนางด้วยสายตาที่เย็นชา

มีเพียงพ่ออดีตสามีและลูกชายทั้งสองเท่านั้นที่ต้องการเอาชนะฟางจั๋วหราน

ทว่าหลินม่ายยืนอยู่ใกล้ ๆ ทุกคนจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

หลินม่ายเป็นคนสั่งให้ลูกน้องของเธอส่งพวกเขาเข้าไปนอนในคุก

พวกเขาหวาดกลัวจนแทบหมดสติ และไม่กล้ายั่วยุเธอ หรือแม้แต่ฟางจั๋วหราน

ผู้ชายคนนั้นน่าเกรงขามมาก และเกรงว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองได้

พ่ออดีตสามีและลูกชายทั้งสองไม่ต่างจากแม่อดีตสามี พวกเขาทำได้เพียงพ่นคำ “มันเป็นเรื่องในครอบครัว แล้วใครจะทำไม?”

สักพักตำรวจมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ฟางจั๋วหรานพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนาย “ส่งผู้บาดเจ็บสองคนที่อยู่บนพื้นไปโรงพยาบาลโดยเร็วเถอะครับ ผมคิดว่าอาการของพวกหล่อนแย่มาก”

เมื่อตำรวจทั้งสองเห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง จึงรีบยืมโทรศัพท์ของหลินม่ายเพื่อต่อสายหมายเลขฉุกเฉิน 120

ระหว่างรอสาย 120 ฟางจั๋วหรานเห็นว่าแม่ของซิ่วหลิงหัวแตกและมีเลือดออก จำเป็นต้องได้รับการปฐมพยาบาล

จากนั้นเขาก็ตรวจร่างกายซิ่วหลิงอีกครั้ง

หลังจากการตรวจสอบ ใบหน้าของฟางจั๋วหรานมืดมนอย่างน่ากลัว เขาเงยหน้าขึ้นและพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสอง “ผมสงสัยว่าม้ามของผู้หญิงคนนี้จะแตก หล่อนต้องถูกส่งไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการช่วยเหลือ”

เมื่อแม่ของซิ่วหลิงได้ยินดังนั้น นางก็ตกใจจนเป็นลมหมดสติ

พี่สาวน้องสาวรีบวิ่งไปข้างหน้าร้องไห้และบอกให้คุณยายตื่น

เด็กหญิงตัวเล็กในอ้อมแขนของหญิงชราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่สาวทั้งสองร้องไห้ หล่อนก็อ้าปากที่ไร้ฟันเพื่อร้องไห้เสียงดัง

ซิ่วหลิงซึ่งนอนอยู่บนพื้นกำลังจะตาย กังวลมากจนอยากจะคลานไปหาแม่สูงอายุของเธอ แต่ฟางจั๋วหรานก็หยุดหล่อนไว้ก่อน

“คุณอย่าเพิ่งขยับ ร่างกายของคุณได้รับบาดเจ็บสาหัส และคุณต้องรอดไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นลูกสาวทั้งสี่ของคุณจะทำอย่างไร?”

ซิ่วหลิงล้มตัวลงนอนบนพื้น และมองดูแม่สูงอายุของหล่อนอย่างกังวล

ตำรวจเพิ่งสอบสวนว่าใครทุบตีซิ่วหลิงและหญิงชรา ผู้พบเห็นทุกคนชี้ให้เห็นว่าเป็นอดีตแม่สามีของซิ่วหลิงที่สั่งให้สามีและลูกชายสองคนทุบตีครอบครัวซิ่วหลิง อย่างไรก็ตามอดีตแม่สามีกลับปฏิเสธเสียงแข็ง

เมื่อได้ยินฟางจั๋วหรานพูดว่าม้ามของซิ่วหลิงแตก นางก็พูดด้วยความตื่นตระหนก “ฉันเพิ่งทุบตีนังนั่นสองสามครั้ง ม้ามของนางนั่นจะแตกได้อย่างไร? นี่มันใส่ร้ายกันไม่ใช่เหรอ?”

นางไม่ได้สังเกตเลยว่าตำรวจและฝูงชนกำลังมองนางอย่างแปลกประหลาด

นางตบหน้าอกและชี้ไปที่ฟางจั๋วหรานพร้อมบ่นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ “เขาเตะหน้าอกของฉันเมื่อกี้ ฉันเจ็บหน้าอกมากเลย โอ๊ย ฉันคงทนไม่ได้ ๆ”

หลังจากนั้นนางก็นอนราบลงพื้นและแสร้งทำเป็นลม

อดีตพ่อสามีของซิ่วหลิงและลูกชายทั้งสองเริ่มแสดงละครร่วมกัน พวกเขาทั้งหมดเข้ามารุมล้อมฟางจั๋วหรานและบอกว่าชายคนนี้เตะหญิงชราจนแทบอาเจียนเป็นเลือด แล้วเรียกร้องขอให้เขาชดใช้ด้วยชีวิต

เจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกน “พวกคุณหยุดเดี๋ยวนี้!”

จากนั้นพ่อและลูกชายก็ปล่อยมือออกด้วยความกลัว และขอร้องให้ตำรวจเรียกร้องความยุติธรรมให้พวกเขา

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พอเถอะสาว ยิ่งทำแบบนี้พี่หมอยิ่งเกลียดเธอนะ

ทุบตีคนปางตายขนาดนี้ จงนอนคุกแบบขังลืมอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80

แม่ปากร้ายยุค​ 80

Score 10
Status: Completed
หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset