แม่ปากร้ายยุค​ 80 1105 ขับไล่ผู้บุกรุกออกไป

ตอนที่ 1105 ขับไล่ผู้บุกรุกออกไป

ตอนที่ 1105 ขับไล่ผู้บุกรุกออกไป

……….

ตอนที่ 1105 ขับไล่ผู้บุกรุกออกไป

ในตอนเที่ยงของวันคริสต์มาสอีฟ เคอจื่อฉิงโทรมาเชิญหลินม่ายและครอบครัวให้มารับประทานอาหารเย็นมื้อใหญ่ที่บ้านของเธอ

หลินม่ายกล่าวอย่างลังเล “ในวันคริสต์มาสอีฟ เธอกับสามีไม่ได้อยู่กับพ่อแม่สามีเหรอ?”

ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา วันคริสต์มาสอีฟเป็นวันหยุดที่สำคัญ

“ถึงจะอยากไปก็ไปไม่ได้ คู่สามีภรรยาสูงอายุพากันไปเที่ยวสนุกที่ไหนสักแห่ง”

หลินม่ายตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและถามด้วยความสับสน “เธอไม่ได้บอกเหรอว่าพ่อเลี้ยงของอาเฟิงมีสุขภาพไม่ดี และนั่นคือสาเหตุที่เขาเรียกอาเฟิงกลับไปที่สหรัฐอเมริกาเพื่อรับมรดกธุรกิจของครอบครัว? ทำไมชายชราถึงยังแข็งแรงถึงขนาดออกไปเที่ยวเล่นล่ะ?”

เคอจื่อฉิงที่อยู่ปลายสายถอนหายใจ “โอ๊ย ช่างมันเถอะ อดีตนั้นเจ็บปวดเกินกว่าจะมองย้อนกลับไป ฉันกับอาเฟิงถูกหลอกให้กลับมาอเมริกา ทันทีที่เรามาถึง พ่อสามีของฉันก็กลายเป็นเถ้าแก่ ส่วนอาเฟิงกลายเป็นเครื่องมือทำเงิน”

หลินม่ายพูดไม่ออก หลังจากนั้นไม่นานจึงพูดขึ้นว่า “แค่หลอกให้กลับมาเอง ยังไงทรัพย์สินก็เป็นของเธอและสามีอยู่แล้ว”

“ถูกต้อง” เคอจื่อฉิงบ่น “เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่สามีของฉันได้เขียนพินัยกรรมไว้แล้ว โดยบอกว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของอาเฟิง แต่หลานชายและหลานสาวของพ่อสามี รวมถึงญาติคนอื่นต่างก็พยายามขัดขวางและปฏิเสธที่จะยอมรับมัน พวกเขาบอกว่าอาเฟิงและพ่อสามีไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด อาเฟิงจึงไม่คู่ควรที่จะสืบทอดทรัพย์สินของครอบครัว บางครั้งพวกเขาก็วิ่งไปหาพ่อสามีและโวยวายใหญ่โต โดยบอกว่าเขามอบมรดกให้กับอาเฟิงที่เป็นคนนอก นั่นเป็นเหมือนกันไม่เคารพบรรพบุรุษ”

หลินม่ายถอนหายใจ “ทุกครอบครัวมีคัมภีร์ของตัวเองที่ยากจะท่อง บางทีพวกเขาเดินทางออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงคนเหล่านี้หรือเปล่า”

เคอจื่อฉิงตกตะลึงเล็กน้อย “นั่นมีความเป็นไปได้มาก”

งานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านของเคอจื่อฉิงถูกกำหนดไว้ที่หกโมงเย็น หลินม่ายและสามีกำลังจะพาทั้งครอบครัวออกไปตอนห้าโมงเย็น

ฟางจั๋วหรานเห็นว่าลุงฝูไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เขาจึงขอให้อีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปที่บ้านของเคอจื่อฉิงด้วยกัน

ตอนแรกลุงฝูปฏิเสธที่จะไปด้วย แต่ทั้งครอบครัวยืนกรานให้เขาไป

ในที่สุด ลุงฝูก็ตามครอบครัวออกไป

อาหารค่ำวันคริสต์มาสอีฟของครอบครัวเคอจื่อฉิงประกอบด้วยไก่งวงย่าง หมูหันย่าง พุดดิ้งคริสต์มาส โพเลนต้าย่าง…

มีอาหารอร่อยมากมาย แต่หลินม่ายกลับไม่เจริญอาหารมากนัก

โดยเฉพาะไก่งวงย่างนั้นไม่ได้อร่อยอย่างที่คิด เนื้อของมันแห้งเกินไป!

ทุกคนคุยกันอย่างมีความสุขขณะรับประทานอาหาร

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ข้างนอก ก่อนที่กลุ่มคนที่โกรธเกรี้ยวจะบุกเข้ามา

มีทั้งเชื้อชาติผสมและใบหน้าแบบเอเชีย

พ่อบ้านและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองถึงสามวิ่งกลับเข้ามา

พ่อบ้านพูดด้วยความกลัว “นายน้อย พวกเขาบุกเข้ามาอย่างอุกอาจ แต่ด้วยจำนวนคนที่มากเกินไป เราจึงหยุดพวกเขาไม่ได้”

เฉินเฟิงโบกมืออย่างใจเย็น เพื่อเป็นสัญญาณให้พวกเขาจากไป

พ่อบ้านและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างก้าวถอยหลัง แต่ก่อนจะหนีออกไป พวกเขาเหลือบมองเฉินเฟิงด้วยความกังวล และพบเพียงดวงตาอันแน่วแน่ของนายน้อย

เฉินเฟิงถามกลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเฉยเมย “พวกแกคิดจะทำอะไรถึงได้บุกเข้ามาในบ้านของฉันในวันคริสต์มาสอีฟ?”

“เราบอกไปแล้ว หลบไปให้พ้นซะ!” ชายคนหนึ่งในวัยสามสิบมองเฉินเฟิงด้วยความเกลียดชัง ราวกับว่าเฉินเฟิงไปข่มขืนแม่ของเขา

เฉินเฟิงถอดผ้าเช็ดปากออกจากคอของเขา โยนมันลงบนโต๊ะอาหาร จากนั้นจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้

การแสดงออกของเฉินเฟิงดูดุร้ายมาก ประกอบกับความจริงที่ว่าเน็คไทของเขาอยู่ในมือของเฉินเฟิง ชายคนนั้นก็หายใจไม่ออกและหวาดกลัวทันที

ชายคนนั้นหน้าซีดและพูดตะกุกตะกัก “ผะ ผะ ผะ… ผมหมายถึง คุณไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับลุงของผม ดังนั้นคุณไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดมรดกของเขา”

“ใช่แล้ว! คุณและครอบครัวออกไปจากที่นี่ซะ!”

คนหนึ่งเป็นผู้นำ คนอื่น ๆ เริ่มใช้คำพูดบีบบังคับเฉินเฟิง ภรรยา และลูก ๆ ของพวกเขาออกไปจากที่นี่

เคอจื่อฉิงรู้สึกทุกข์ในเมื่อเห็นคนจำนวนมากพยายามบีบบังคับเฉินเฟิง

หล่อนเป็นคนเดียวที่สามารถรังแกผู้ชายคนนี้ได้ หากคนอื่น ๆ ชี้หน้าเขาต่อหน้าหล่อน เท่ากับว่าคนพวกนั้นกำลังรนหาที่ตาย

เคอจื่อฉิงตบโต๊ะและยืนขึ้น “กฎหมายไม่ได้กำหนดว่าคุณไม่สามารถรับมรดกทรัพย์สินของครอบครัวได้หากไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เราได้รับมรดกแล้ว คุณทำอะไรกับเราได้บ้าง? ถ้าเราไม่ย้ายออกจากคฤหาสน์นี้ คุณจะทำอะไรเราได้งั้นเหรอ?”

เฉินเฟิงโบกมือให้เคอจื่อฉิง “อย่าใช้เหตุผลกับสัตว์ร้ายเหล่านี้ ถ้าพวกเขาเป็นคนมีสติปัญญา พวกเขาจะไม่มาที่บ้านของเราเพื่อสร้างปัญหา”

ขั้นแรกเขาขอให้พี่เลี้ยงของครอบครัวพาลูกทั้งสาม รวมถึงเสี่ยวเหวินและตงตงไปเล่นที่ชั้นสาม และบอกพวกเขาว่าห้ามออกมา เว้นแต่หนึ่งในผู้ปกครองจะอนุญาต

พี่เลี้ยงเด็กหลายคนที่บ้านดำเนินการทันที

เสี่ยวมู่ตงไม่อยากจากไป เขากอดขาของหลินม่ายไว้แน่นพลางเงยใบหน้าเล็กขึ้นมอง “หม่าม้า ผมอยากอยู่ด้วย”

เขาหันจับมือฟางจั๋วหราน “ผมอยากอยู่กับป่าป๊าด้วย”

หลินม่ายคิดว่า เฉินเฟิงต้องการให้เด็ก ๆ ออกไปก่อน เพื่อที่จะจัดการกับญาติเหล่านี้โดยไม่ต้องกังวล

ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร และไม่ควรทิ้งเด็กไว้ให้เห็นเหตุการณ์เลวร้าย

เธอพูดกับหนูน้อยน้ำเสียงอ่อนโยน “นี่ เราต้องช่วยลุงเฉินจัดการอะไรบางอย่าง แค่ติดตามพี่เสี่ยวเหวินและต้าเป่าออกไปเล่นสักพัก แล้วค่อยกลับมาหาพ่อกับแม่นะ”

ทั้งต้าเป่าและเอ้อร์เป่ามาช่วยดึงหนูน้อยออกไป เสี่ยวเหวินเองก็พยายามพูดเกลี้ยกล่อมเจ้าตัวเล็ก ในท้ายที่สุดหนูน้อยจึงยอมติดตามเสี่ยวเหวินและคนอื่น ๆ

เมื่อญาติเห็นเช่นนี้ พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู

เฉินเฟิงบอกกับเคอจื่อฉิง “ขึ้นไปชั้นบนแล้วเอาปืนของผมออกมา”

นี่คือจะเปิดศึกกันแล้วเหรอ?

ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายหันมามองหน้ากัน

เคอจื่อฉิงไม่ขยับและถามอย่างสงสัย “คุณอยากให้ฉันไปเอาปืนมาทำไม?”

“ผมบอกให้ไปเอา ก็ไปเอามาเถอะ” เฉินเฟิงซึ่งมักจะก้มหน้าให้ภรรยาเสมอ กลับกล่าวคำอย่างน่าเกรงขาม

เคอจื่อฉิงวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อนำปืนออกมา

หลินม่ายไม่อยากทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต

หากมีการต่อสู้เกิดขึ้นจริง อาจมีผู้เสียชีวิต

และหากเฉินเฟิงทำร้ายผู้อื่น เขาจะต้องติดคุก

เธอไม่อยากเห็นคนอื่นทำร้ายเฉินเฟิงเช่นกัน

หลินม่ายอดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อม “อาเฟิง อย่าหุนหันพลันแล่นเลย”

คนที่มาสร้างปัญหาล้วนแต่เป็นญาติห่าง ๆ ของพ่อเลี้ยงเฉินเฟิง

ในวันคริสต์มาสอีฟปีนี้ พวกเขาไม่พบแม่และพ่อเลี้ยงของเฉินเฟิง ดังนั้นพวกเขาจึงรวมตัวกันกลุ่มใหญ่และบุกมาที่บ้านของเฉินเฟิงเพื่อก่อปัญหา

การแย่งชิงมรดกกลับมานั้นเป็นเรื่องรอง อย่างไรก็ตามทั้งเขาและพ่อเลี้ยงรู้สึกไม่สบายใจที่ต้องถูกรบกวนทั้งปี

และแม้ว่าชายแซ่ถังจะยกมรดกครอบครัวให้เฉินเฟิงแล้ว แต่อย่างน้อยเขาก็ควรแบ่งให้เครือญาติที่มีความเกี่ยวข้องกับเขาทางสายเลือดโดยตรง

แต่ชายแซ่ถังไม่ได้ทำการกุศล และไม่ได้มอบเงินสักหยวนเดียวให้พวกเขา

ช่วงวันหยุดนี้ หากไม่รวมกลุ่มก่อปัญหาให้อีกฝ่าย แล้วจะระงับความขุ่นเคืองในใจได้อย่างไร?

พวกเขายังมีความหวังเล็ก ๆ ว่าพ่อเลี้ยงของเฉินเฟิงจะทนปัญหาไม่ไหว ในท้ายที่สุดเขาอาจจะเปลี่ยนใจและยอมแบ่งปันทรัพย์สินของครอบครัวบางส่วนก็ได้?

แม้จะเป็นส่วนแบ่งเล็กน้อย แต่ก็ช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า

ก่อนหน้านี้ เมื่อญาติห่าง ๆ เหล่านั้นเห็นว่าเฉินเฟิงกำลังจะหยิบปืน ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลงและขาของพวกเขาก็สั่นเทาด้วยความกลัว

พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าเฉินเฟิงเคยเกี่ยวข้องกับโลกใต้ดินของประเทศจีนก่อนที่จะมาสหรัฐอเมริกา

ทุกคนกลัวว่าเขาจะหุนหันพลันแล่นและกราดกระสุนยิงใส่พวกเขาทั้งหมด

แต่พวกเขาลังเลที่จะจากไปเช่นนี้ ดังนั้นจึงพูดตะกุกตะกักตามคำพูดของหลินม่าย และพยายามแนะนำให้ชายหนุ่มอย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่น

นอกจากนี้ยังพูดถึงด้วยว่า การฆาตกรรมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเขาอาจต้องถูกจำคุกตลอดชีวิต

แต่ใบหน้าของเฉินเฟิงหมองหม่นและไม่ยอมฟังคำพูดของใครทั้งนั้น

แม้ว่าปัจจุบันเคอจื่อฉิงจะน้ำหนักขึ้น แต่หล่อนก็เคยเป็นนักกีฬาระดับชาติและเคลื่อนไหวเร็วมาก หล่อนใช้เวลาเพียงสองนาทีในการนำปืนกลมือมาให้เฉินเฟิง

เมื่อญาติเหล่านั้นเห็น พวกเขาต่างพากันหวาดกลัวจนอยากวิ่งหนีออกไปทันที

ทันใดนั้นก็ได้ยินเคอจื่อฉิงพูดกับเฉินเฟิงจากด้านหลังว่า “แค่ทำให้พวกเขากลัวด้วยปืน แต่อย่าทำร้ายใครเลย”

ญาติทั้งหมดหยุดชะงัก

มันเป็นเพียงการข่มขู่ให้กลัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรถอยหนีอย่างง่ายดาย มิฉะนั้น เฉินเฟิงจะไม่กลัวว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาอีกในอนาคต

เฉินเฟิงถือปืนกลมือในมือข้างหนึ่งและสั่งกลุ่มญาติด้วยเสียงเย็นชา “ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้!”

ชายคนหนึ่งในวัยห้าสิบปีอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเมื่อเห็นท่าทางเดือดดาลของเฉินเฟิง

เด็กคนนี้เคยเป็นอันธพาล และแย่กว่าพ่อเลี้ยงของเขาเสียอีก

พวกเขาเคยไปที่บ้านพ่อเลี้ยงเพื่อก่อปัญหา แต่พ่อเลี้ยงของเขามีความสุขุมกว่าเขามาก

พวกเขาสามารถสร้างความยุ่งยากให้อีกฝ่ายมากมาย จะกิน ดื่ม หรือเล่นสนุกในบ้าน มันก็ไม่ได้ส่งกระทบใด ๆ

แต่หากพวกเขากล้าลงมือ พ่อเลี้ยงของเฉินเฟิงจะแจ้งตำรวจเพื่อจับกุมพวกเขา

ท้ายที่สุดแล้ว ครอบครัวของพวกเขามีธุรกิจขนาดใหญ่ ดังนั้นนอกจากจะวุ่นวายแล้ว พวกเขาไม่กล้าทำอะไรสุดโต่งเกินไป

พูดตามตรง พวกเขาไปที่บ้านของพ่อเลี้ยงเฉินเฟิงเพื่อก่อปัญหาในช่วงวันหยุดหลายครั้ง แต่หลังจากเวลาผ่านไป พวกเขาเกือบจะยอมแพ้ไปแฃล้ว

ทุกครั้งที่พวกเขาเจอทางตัน มันก็แค่เจ็บหรือคัน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรเช่นกัน

เฉินเฟิงกลัวว่าคนเหล่านี้จะสร้างปัญหาในบ้านของเขา และนี่คือจุดอ่อนของเขา

จากนั้นพวกเขายืนกรานที่จะสร้างปัญหาในบ้านของเฉินเฟิง โดยบังคับให้เฉินเฟิงแบ่งทรัพย์สินบางส่วนให้พวกเขา

ชายชราอ้วนท้วนในวัยห้าสิบปีมองดูเฉินเฟิงอย่างเย่อหยิ่ง “เว้นแต่นายจะยอมให้พ่อเลี้ยงปรับเปลี่ยนเจตจำนงและแบ่งปันทรัพย์สินให้พวกเราครึ่งหนึ่ง เราจะไม่มารบกวนนายนับจากนี้เป็นต้นไป”

ญาติคนอื่น ๆ พูดย้ำสิ่งเดียวกัน

ทันใดนั้น เฉินเฟิงก็ยิงกระสุนใส่เท้าของชายวัยห้าสิบ ทำให้เขากระโดดไปรอบ ๆ เหมือนตัวตลก

ญาติคนอื่น ๆ ตกใจจนวิ่งหนีออกไปข้างนอก

หลินม่ายและคนอื่น ๆ ในบ้านตกใจไม่ต่างกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าเฉินเฟิงจะลั่นกระสุน

แต่เฉินเฟิงพยายามไล่ตามอีกฝ่ายพลางลั่นกระสุนจากปืนในมืออย่างต่อเนื่อง

กระสุนแต่ละนัดไม่ได้โดนจุดตายของญาติเหล่านั้น แต่เกือบโดนเท้าของพวกเขา

ญาติเหล่านั้นสาวเท้าวิ่งเร็วยิ่งขึ้น ในเวลานี้พวกเขานึกบ่นในใจว่าพ่อแม่ได้ให้กำเนิดพวกเขาพร้อมกับขาสั้น ๆ ไร้ประโยชน์

เฉินเฟิงลั่นกระสุนและพูดอย่างเย็นชา “พวกแกลืมไปแล้วหรือว่ามีกฎหมายในอเมริกาที่เจ้าของบ้านสามารถยิงใครก็ตามที่บุกเข้าไปในบ้านเป็นการส่วนตัวได้ พวกแกบุกเข้าไปในบ้านของฉัน ฉันบอกให้ออกไปดี ๆ แล้ว แต่พวกแกก็ไม่ยอมไป ดังนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องรับโทษใด ๆ แม้ว่าจะยิงพวกแกเป็นรูพรุน”

เมื่อหลินม่ายและคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็ไม่ได้ไล่ตามเพื่อห้ามเฉินเฟิงอีกต่อไป

เขาแค่กำลังปกป้องตัวเอง

ญาติเหล่านั้นไม่ลืมกฎหมายดังกล่าว แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าเฉินเฟิงจะโหดร้ายและกล้าลงมือทำร้ายพวกเขาจริง ๆ เขาไม่สนเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นญาติ และยังไล่เหมือนหมูเหมือนหมา

กลุ่มคนทั้งกลุ่มหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

เฉินเฟิงหันกลับมาพูดกับทุกคนอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไรแล้ว เรามาทานอาหารค่ำกันต่อเถอะ”

ทุกคนต่างเคยประสบกับพายุในชีวิต พวกเขาจึงยังคงรักษาความสุขุม และรอให้พี่เลี้ยงพาเด็ก ๆ ออกมา จากนั้นสองครอบครัวก็รับประทานอาหารค่ำต่อ

หลินม่ายคิดว่าญาติของเฉินเฟิงได้ประสบกับความหวาดกลัวอย่างมากในคืนนี้แล้ว ในอนาคตพวกเขาคงไม่กล้าบุกมาที่บ้านเฉินเฟิงเพื่อก่อปัญหาอีก

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

พี่เฟิงยังไม่ทิ้งลายความโหดนะคะ อย่าได้ท้าทายอำนาจพี่แกเด็ดขาด

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80

แม่ปากร้ายยุค​ 80

Score 10
Status: Completed
หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset