แม่ปากร้ายยุค​ 80 1020 เป็นลมหน้าประตูบ้าน

ตอนที่ 1020 เป็นลมหน้าประตูบ้าน

ตอนที่ 1020 เป็นลมหน้าประตูบ้าน

ตอนที่ 1020 เป็นลมหน้าประตูบ้าน

โต้วโต้วเคยเจอกับเสี่ยวเหวินและเสี่ยวซิ่วมาก่อนหน้านี้แล้ว

ทันทีที่หล่อนเห็นเสี่ยวซิ่วเดินออกมาด้วย แววอิจฉาก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ก่อนจะเปล่งเสียงน่าสงสาร “พี่เสี่ยวเหวิน”

เสี่ยวเหวินมองหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะถามว่า “นี่วันส่งท้ายปีเก่า ทำไมเธอถึงไม่อยู่บ้าน”

โต้วโต้วเริ่มร้องไห้ ก่อนจะกล่าวถึงความผิดพลาดของตัวเอง

“แม่ของฉันไม่ดีกับฉันเลย ชอบขอให้ฉันทำนั่นนี่ตลอดเวลา และลูกพี่ลูกน้องก็ยังร่วมมือกับน้องชายทั้งสองคนเพื่อรังแกฉันด้วย ฉันอยากกลับมาอยู่ด้วย พี่เสี่ยวเหวินช่วยพูดกับแม่หน่อยได้ไหม?”

แววตาของเสี่ยวเหวินเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ถ้าเธอมีความสุขกับแม่ของตัวเอง คงจะไม่คิดชายตามองพวกเราสินะ กระทั่งทักทายคุณปู่คุณย่าเธอยังไม่คิดสนใจเลยไม่ใช่เหรอ?”

หลังจากโต้วโต้วจากไปแล้ว คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางต้องจมอยู่กับความโศกเศร้าเป็นเวลานาน

แม้ผู้เฒ่าทั้งสองไม่พูด แต่เสี่ยวเหวินก็รู้ดีว่าพวกเขายังคงคิดถึงโต้วโต้วอยู่บ้าง

ไม่ว่าโต้วโต้วจะนิสัยแย่แค่ไหน แต่หล่อนคือเด็กน้อยที่สามีภรรยาชราคู่นั้นเอาอกเอาใจเสมอมา

ด้วยเหตุนี้ เสี่ยวเหวินถึงกับยอมลอบเขียนจดหมายถึงโต้วโต้ว โดยบอกให้หล่อนเขียนจดหมายส่งถึงคุณปู่คุณย่าบ้าง แต่โต้วโต้วไม่เคยตอบกลับมาสักครั้ง

เสี่ยวเหวินจึงเลิกสนใจโต้วโต้วนับจากวันนั้น และไม่เคยเขียนจดหมายถึงหล่อนอีกเลย

โต้วโต้วร้องไห้ก่อนจะอธิบายว่าหล่อนไม่ได้รับจดหมายที่เขาเขียนถึง ถ้าหล่อนได้รับจริง หล่อนจะเขียนตอบกลับแน่นอน และไม่มีวันละเลยที่จะเขียนถึงคุณปู่คุณย่า

เสี่ยวเหวินแค่นเสียงเย็นชา “พอแล้วล่ะ ถึงเธอจะไม่ได้รับจดหมายที่ฉันส่งไป แต่คราวนั้นเธอก็โทรหาคุณน้าเพื่อโกงค่ารักษาพยาบาล โทรเข้ามาที่บ้านเป็นสิบครั้ง แล้วทำไมถึงไม่คิดอยากจะทักทายคุณปู่กับคุณย่าบ้างล่ะ?”

โต้วโต้วไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งได้ เวลานี้หล่อนยิ่งร้องไห้หนักขึ้น “พี่เสี่ยวเหวิน ฉันรู้ความผิดตัวเองแล้ว ยกโทษให้ฉันเถอะนะ? ช่วยเรียกคุณป้าออกมาคุยกับฉันหน่อยเถอะ”

เสี่ยวเหวินเมินเฉยและบอกกล่าวให้หล่อนออกห่างจากประตูหน้าบ้าน

โต้วโต้วทำตัวน่าสงสารก่อนจะถอยห่างออกไปอย่างเชื่อฟัง

เสี่ยวเหวินเปิดประตูพาเสี่ยวซิ่วออกมา จากนั้นจึงปิดประตูและพาเสี่ยวซิ่วจากไป

โต้วโต้วร้องไห้เสียงดังไล่หลัง เพราะเสี่ยวเหวินไม่คิดช่วยเหลือหล่อนสักนิด

หล่อนสำนึกผิดแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่คิดช่วยเหลือหล่อนอีก!

เสี่ยวเหวินพาเสี่ยวซิ่วไปที่ร้านเกี๊ยว ก่อนจะซื้อเกี๊ยวสองชาม และแป้งทอดอีกเล็กน้อย

เสี่ยวซิ่วตัวเล็ก แต่ก็มีความอยากอาหารค่อนข้างมาก หล่อนกินเกี๊ยวและแป้งทอดนี้ได้จนหมด

แต่หล่อนก็กินเกี๊ยวเพียงครึ่งเดียว ก่อนจะหยุดกิน และเลิกแตะต้องทุกอย่าง

เสี่ยวเหวินถามขึ้นว่า “ทำไมไม่กินต่อล่ะ?”

เสี่ยวซิ่วกล่าวเสียงเล็ก “หนูอยากกินกับพี่ชาย”

เสี่ยวเหวินจึงบอกว่าพี่ชายของหล่อนเพิ่งได้รับการผ่าตัด และเขายังกินข้าวไม่ได้ ต้องใช้เวลาสองถึงสามวันหลังจากนี้ เด็กหญิงตัวน้อยจึงกินอาหารตรงหน้าจนหมด

เสี่ยวเหวินพาหล่อนไปพบพี่ชายที่โรงพยาบาล ทั้งคู่อยู่ที่โรงพยาบาลจนถึงสิบโมงเช้า

จากนั้นเขาก็พาเสี่ยวซิ่วไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ตามคำบอกกล่าวของหลินม่าย

บนถนนเจียงฮั่นในวันส่งท้ายปีเก่ายังมีแผงลอยตั้งริมทางประปราย และสินค้าก็มีราคาแพงมาก

เสี่ยวเหวินนึกคิดในใจ แทนที่จะซื้อสินค้าราคาแพงบนแผงลอยเหล่านี้ เขาควรจะเอาเงินไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าจะดีกว่า

หลังจากซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เสี่ยวซิ่ว เขาก็ให้หล่อนสวมใส่มันทันที

นี่คือวันส่งท้ายปีเก่า และเสื้อผ้าของเสี่ยวซิ่วขาดรุ่งริ่งค่อนข้างน่าสงสารมาก

พวกเขาทั้งสองกลับบ้านด้วยกัน เมื่อมาถึงบ้าน เสี่ยวเหวินก็เห็นว่าโต้วโต้วยังไม่จากไป เขาจึงกล่าวคำอย่างใจเย็น “กลับไปสักทีเถอะ ฉันไม่มีทางเรียกคุณน้าให้มาพบเธอแน่นอน”

โต้วโต้วหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง

หล่อนรู้อยู่แก่ใจว่าแม้เสี่ยวเหวินจะช่วยเหลือ แต่หลินม่ายก็ไม่มีวันเห็นใจหล่อนแน่นอน

หน้าต่างในห้องครัวหันไปทางลานหน้าบ้าน หล่อนเห็นชัดว่าหลินม่ายกำลังยุ่งอยู่ในครัว แล้วหลินม่ายจะไม่เห็นหล่อนได้อย่างไร?

หลินม่ายไม่คิดจะออกมา ซึ่งชัดเจนแล้วว่าไม่ได้อยากพบเจอหล่อน

แต่โต้วโต้วไม่คิดจะจากไป หล่อนยังคงพยายามอีกครั้ง

หล่อนไม่เชื่อว่าหลินม่ายจะยอมให้เด็กที่เป็นโรคหัวใจยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวนอกบ้านเช่นนี้

แม้จะได้รับการผ่าตัดหัวใจแล้ว แต่หล่อนก็ยังต้องดูแลร่างกายให้ดี เพราะไข้หวัดจะส่งผลต่ออาการเจ็บป่วยของหล่อนได้

ตราบใดที่หลินม่ายยอมรับหล่อนอีกครั้ง หล่อนจะร่วมมือกับหรงจี้เหมยเพื่อกำจัดตงตง

ถึงเวลานั้นหล่อนจะกลายเป็นลูกคนเดียวของหลินม่าย และหลินม่ายจะไม่มีวันทิ้งหล่อน และหล่อนจะกลับไปมีชีวิตเช่นเจ้าหญิงตัวน้อยอีกครั้ง

เสี่ยวเหวินเห็นโต้วโต้วยืนนิ่ง เขาจึงเลิกสนใจ ก่อนจะปล่อยให้หล่อนทำตามใจ หากหล่อนคิดจะอดทนกับความเหน็บหนาวนี้ คนที่ทุกข์ทรมานก็คือหล่อน

เสี่ยวเหวินพาเสี่ยวซิ่วเข้าไปในบ้าน และเห็นว่าหลินม่ายกำลังเตรียมอาหารวันส่งท้ายปีเก่าในครัว เขาพับแขนเสื้อก่อนจะเดินเข้าไปช่วยเหลือ

แต่ขณะที่เขากำลังปอกกระเทียมก็มีเสียงคนตะโกนอยู่นอกบ้านว่า “มีใครอยู่ข้างในหรือเปล่า? มีเด็กเป็นลมอยู่ที่หน้าบ้านพวกคุณ!”

หลินม่ายตอบ “มาแล้ว!”

เธอรีบออกจากบ้านทันที ที่ด้านนอกประตู โต้วโต้วถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา และเพื่อนบ้านอีกหลายคน

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่รู้ว่าโต้วโต้วเป็นลูกสาวของหลินม่าย แต่เพื่อนบ้านรู้ดี

เพื่อนบ้านเห็นโต้วโต้วน้ำหนักลดไปมาก และยังสวมใส่เสื้อผ้าสกปรก เขาถามขึ้นมาด้วยความสับสน “เสี่ยวหลิน ทำไมโต้วโต้วถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ?”

หลินม่ายส่ายศีรษะ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หล่อนออกไปจากบ้านของเราและกลับไปอยู่กับแม่ของหล่อนนานแล้ว”

ทุกคนตกตะลึง

นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ หลินม่ายไม่เคยพูดกับใครว่าเธอรับเลี้ยงโต้วโต้ว พวกเขาจึงคิดเสมอว่าโต้วโต้วคือลูกสาวแท้ ๆ ของหลินม่าย

เพื่อรบ้านพูดต่อว่า “ถึงโต้วโต้วจะกลับไปหาพ่อแม่ตามสายเลือดแล้ว แต่คุณก็ยังต้องดูแลหล่อน เพราะหล่อนเป็นลมหมดสติที่หน้าบ้านของคุณ”

หลินม่ายพยักหน้า “ค่ะ”

ต่อหน้าคนอื่น เธอไม่สามารถเพิกเฉยต่อโต้วโต้วได้

โลกจะเห็นอกเห็นใจผู้ที่อ่อนแอเท่านั้น แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไร้เหตุผล แต่ก็ยังมีคนที่คิดยืนเคียงข้างคนอ่อนแอกว่า ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่โต้วโต้วเป็นเด็กด้วย

หลินม่ายกำลังจะอุ้มโต้วโต้วขึ้นมา ฟางจั๋วหรานก็เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเดินทาง

เพราะคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางร้องขอเขาไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นฟางจั๋วหรานจึงทำงานล่วงเวลาก่อนที่จะถึงสิ้นปี เพื่อแลกกับการไม่ทำงานในช่วงปีใหม่

เขาขึ้นเครื่องบินตั้งแต่เช้าตรู่ของวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อบินกลับมาที่เจียงเฉิง ทั้งหมดนี้เพื่อฉลองเทศกาลวันส่งท้ายปีกับครอบครัว

ทันทีที่เดินมาถึงบ้านของตัวเอง เขาเห็นภาพตรงหน้าทันที

เขาไม่ได้ถามอะไร ก่อนจะส่งกระเป๋าเดินทางให้เสี่ยวเหวินแล้วพูดกับหลินม่ายว่า “ส่งเด็กมาให้ผมเถอะครับ”

หลินม่ายให้โต้วโต้วกับเขา ก่อนจะกล่าวขอบคุณเพื่อนบ้านและผู้สัญจรไปมา ก่อนที่ทั้งครอบครัวจะเข้าไปในลานบ้าน

เพื่อนบ้านทั้งหมดแยกย้ายกันไป และพูดคุยกันเล็กน้อย

อย่างเช่นว่าหลินม่ายมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว จึงไม่อยากเลี้ยงลูกสาวบุญธรรมต่อไป

อีกทั้งยังมีคำพูดที่ว่าลูกสาวบุญธรรมของพวกเขามีชีวิตย่ำแย่ แต่หลินม่ายก็ยังไม่ดูแล ถึงขนาดปล่อยปะละเลยอย่างสมบูรณ์

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางกำลังเล่นกับเสี่ยวซิ่วและเสี่ยวมู่ตง ทันทีที่เห็นฟางจั๋วหรานเข้ามาพร้อมกับโต้วโต้วในอ้อมแขน พวกเขาถามทันที “โต้วโต้วเป็นอะไร?”

“มีไข้ครับ” ฟางจั๋วหรานตอบกลับ ขณะเขาอุ้มโต้วโต้วเขาเห็นว่าใบหน้าของเธอแดงผิดปกติ และอุณหภูมิร่างกายก็ค่อนข้างสูงไม่น้อย

เขาผละจากการดื่มชาทันที และบอกให้เสี่ยวเหวินไปหยิบหูฟังในห้องของเขาเพื่อจะมาตรวจอาการเบื้องต้นของโต้วโต้ว

โชคดีที่มันไม่เป็นปัญหากับโรคหัวใจ

ฟางจั๋วหรานขอกุญแจรถกับหลินม่าย เขาต้องการพาโต้วโต้วไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดยาลดไข้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้มันกระทบต่ออาการป่วยของหล่อน

หลินม่ายหยิบกุญแจรถให้เขา

ฟางจั๋วหรานอุ้มโต้วโต้วขึ้นมาก่อนจะถามว่า “หลังจากรักษาโต้วโต้วแล้ว เราจะส่งเธอกลับบ้านเลยไหม?”

คุณย่าฟางกล่าวออกมาอย่างห่วงใย “ฉีดยาเข็มเดียวไม่หายหรอก ค่อยส่งหล่อนกลับหลังจากหายดีแล้วเถอะ แม่ในสายเลือดของหล่อนไม่คิดจะสนใจความเป็นความตายของลูกเลยหรือไง? โรคนี้มันไม่สามารถหายขาดได้ ถ้าส่งหล่อนกลับไปแล้วเป็นโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาอีกล่ะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เล่นบทเหยื่อซะแล้วน้องถั่วเน่า แล้วก็ได้ผลซะด้วย แต่ดูแล้วไม่น่าจะได้อยู่บ้านแม่บุญธรรมอย่างที่คิดนะ ฉีดยาเสร็จน่าจะโดนส่งกลับมาบ้านแม่ตัวเอง

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80

แม่ปากร้ายยุค​ 80

Score 10
Status: Completed
หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset