ตอนที่ 1019 มีบางอย่างเกิดขึ้นกับสองพี่น้อง
ตอนที่ 1019 มีบางอย่างเกิดขึ้นกับสองพี่น้อง
โฆษณาหลู่ไช่ของร้านไป่หลี่เซียงที่หลินม่ายสั่งการไปได้ออกอากาศทางโทรทัศน์ในวันที่ 28 เดือน 12 ทางจันทรคติ
ในโฆษณาเผยรูปภาพน่าอร่อยของหลู่ไช่ร้านไป่หลี่เซียง แล้วยังมีเสียงบรรยายว่าส่วนผสมทั้งหมดมาจากฟาร์มของเราเอง
ฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปตามคำบรรยาย ปรากฏภาพฟาร์มขนาดใหญ่ภายใต้ท้องฟ้าสดใส
ภายในฟาร์มเพาะพันธุ์ เกษตรกรทั้งหมดแต่งกายสะอาดสะอ้าน และปฏิบัติงานอย่างเป็นระเบียบ
เสียงพากย์ : รับประกันคุณภาพ ให้กับผู้บริโภคทุกท่านเพลิดเพลินไปกับอาหารรสเลิศ
แน่นอนว่าโฆษณานี้สร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่าผู้รับชมเป็นวงกว้าง
ประชาชนภายในประเทศเคยเห็นชาวนาแต่งกายสะอาดสะอ้านตั้งแต่เมื่อไหร่?
ทั้งสะอาด และมีระเบียบแบบแผน ล้ำหน้าราวกับอยู่ในยุคแห่งอนาคต
จู่ ๆ ผู้ชมจำนวนมากก็รู้สึกไว้วางใจสินค้าเกษตรจากฟาร์มของหลินม่าย
เช้าวันรุ่งขึ้น ประชาชนจำนวนมากแห่กันไปที่ร้านไป่หลี่เซียงเพื่อซื้อหลู่ไช่ และเวลานี้เองยอดขายของไป่หลี่เซียงพุ่งทะยานขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอดขายของร้านหลู่ไช่เชาห่าวชือกลับบางเบาลงมาก ใบหน้าของเจียงเทากลายเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ
เหลืออีกสองวันจะถึงเทศกาลปีใหม่ และบริษัทก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำอีกต่อไป
หลินม่ายคิดจะใช้เวลากับตัวเองในวันหยุดยาวนี้ และวางแผนว่าจะใช้เวลาว่างหนึ่งวันเพื่อโชว์ฝีมือการทำอาหารเย็นในวันส่งท้ายปีเก่า
แต่ขณะเธอกำลังพักผ่อนได้ครึ่งวัน สหพันธ์สตรีที่จัดการกับแม่เลี้ยงของเสี่ยวเฉิงและเสี่ยวซิ่วก็โทรมาหาเธอ โดยบอกกล่าวว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับสองพี่น้องคู่นี้
หลินม่ายจิตใจหล่นวูบ “หวังย่าหลินคนนั้นทำร้ายเด็กอีกแล้วเหรอ? หล่อนคิดกระทำผิดจนเป็นนิสัยแล้วหรือเปล่าคะ? ให้ตำรวจจำคุกหล่อนหลาย ๆ ปีไปเลย!”
กลุ่มสหพันธ์สตรีกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มันร้ายแรงยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เสี่ยวเฉิงกำลังเข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลผู่จี้ คุณรีบมาที่นี่ก่อนเถอะค่ะ”
หลินม่ายสวมเสื้อขนเป็ดก่อนจะรีบออกไปที่โรงพยาบาลผู่จี้ทันที
ผู้นำของสหพันธ์สตรีและเสี่ยวซิ่วที่กำลังหวาดกลัวนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องผ่าตัด ทั้งสองเฝ้ารอเสี่ยวเฉิงอย่างกระวนกระวาย
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ทั้งสองหันศีรษะไปพร้อมกัน
ทันทีที่เสี่ยวซิ่วเห็นว่าเป็นหลินม่ายเข้ามา หล่อนก็วิ่งเข้าหาพร้อมร้องไห้อย่างหนัก “น้าหลิน พี่ชายถูกพ่อทุบตี เลือดออกเต็มตัวเขาเลย”
หลินม่ายอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังหวาดกลัวและบนร่างกายเต็มไปด้วยใบไม้และกิ่งไม้มากมาย “เสี่ยวซิ่ว ไม่ต้องร้องนะ น้าอยู่นี่แล้ว”
เสี่ยวซิ่วได้รับการปลอบโยนสักครู่หล่อนก็หยุดร้องไห้ เวลานี้หลินม่ายจึงหันไปถามคนจากสหพันธ์สตรีว่าเกิดอะไรขึ้น
กลุ่มสหพันธ์สตรีเล่าว่า เมื่อเช้าหลี่เม่าและภรรยาพาลูกสองคนไปที่ภูเขาเฟิ่งหวง พวกเขาคิดขึ้นไปที่นั่นเพื่อเก็บสมุนไพรต่าง ๆ ลงมาขาย
เขาบอกว่านี่คือการหาเงินเพื่อซื้อเสื้อผ้าและขนมให้กับพี่น้องเสี่ยวเฉิงในปีใหม่นี้ และหลังจากปีใหม่นี้ผ่านไป พวกเขาจะส่งเสี่ยวเฉิงเข้าเรียน
ภูเขาเฟิ่งหวงเป็นสถานที่เดียวในเจียงเฉิงที่มีความสูงเกือบห้าสิบเมตร และมันเต็มไปด้วยสมุนไพรจีนมากมาย
จุดเด่นของภูเขาลูกนี้ไม่เพียงแต่สูงชันเท่านั้น แต่อีกด้านหนึ่งสูงชันแทบจะเป็นแนวดิ่งจากบนลงล่าง และนักเก็บสมุนไพรที่ขึ้นไปที่นั่นส่วนใหญ่แล้วจะตกลงมาตาย
หลี่เม่าและภรรยาต้องการผลักเด็กสองคนให้หล่นจากยอดเขาลงไปตาย และจัดฉากว่าทั้งหมดนี้คืออุบัติเหตุ
เพราะหลินม่ายร่วมมือกับกลุ่มสหพันธ์สตรีและเจ้าหน้าที่ข้างถนนเพื่อส่งพี่น้องเสี่ยวเฉิงกลับบ้าน และยังบอกกล่าวกับหวังย่าหลิงไว้ว่าให้ปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดี ไม่อย่างนั้นหล่อนจะถูกจำคุก
หวังย่าหลิงจึงใจดีกับพวกเขา และหลี่เม่าผู้เป็นบิดาก็ใจดีกับพวกเขาเช่นกัน
หลี่เม่าเป็นสุนัขรับใช้ให้กับหวังย่าหลิง เขาทำทุกอย่างที่หวังย่าหลิงบอกให้ทำ
ส่วนเสี่ยวซิ่วเด็กเกินไปและไม่เข้าใจอะไรเลย
แม้เสี่ยวเฉิงจะค่อนข้างมีประสบการณ์และผ่านโลกมากพอควร แต่เขาก็ยังเป็นเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบ
เมื่อเห็นว่าพ่อและแม่เลี้ยงใจดีกับตนและน้องสาว เขาจึงคิดว่าสหพันธ์สตรีและเจ้าหน้าที่ข้างถนนปราบปรามแม่เลี้ยงได้แล้ว จึงผ่อนคลายการระวังตัวลง
พ่อและแม่เลี้ยงพาสองพี่น้องไปที่ภูเขาเฟิ่งหวง และเขาตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ความคิดของเขาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ตราบใดที่บิดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี เขาก็ยินดีทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว
และเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น หลี่เม่าจึงแสร้งทำตัวเป็นแขกมาจากแดนไกลเพื่อเปิดห้องพักแถวนี้ก่อนหนึ่งคืน
ห้องนี้เล็กเกินกว่าจะรองรับคนได้ทั้งหมด พี่ชายและน้องสาวจึงถูกจัดให้นอนในโรงแรมใกล้ ๆ
นี่คือการจัดฉากว่าเสี่ยวเฉิงหนีออกจากบ้านพร้อมกับน้องสาว และเมื่อไปวิ่งเล่นบนภูเขาเฟิ่งหวง พวกเขาก็ตกเขาตาย
เสี่ยวเฉิงพาน้องสาวเดินตามบิดา ก่อนจะถูกหลอกให้ขึ้นภูเขาเฟิ่งหวง
เมื่อเห็นว่าพ่อและแม่เลี้ยงของพวกเขาพาขึ้นไปบนภูเขาที่ทั้งสูงและชัน เขานึกระวังตัวขึ้นมาก่อนจะปฏิเสธที่จะไปต่อ
แต่ความสูงที่ผ่านพ้นมามากกว่า 20 เมตรแล้ว แน่นอนว่ามันเพียงพอที่จะฆ่าพี่ชายและน้องสาวคู่นี้ได้
ขณะที่หลี่เม่าคิดผลักเสี่ยวซิ่วเพราะต้องการให้เด็กหญิงตายก่อน เสี่ยวเฉิงเข้ามาคว้าเอวของเขาไว้และบอกให้น้องสาววิ่งหนีไป
พ่อและลูกชายต่อสู้กัน เสี่ยวเฉิงยังเด็กมากจึงไม่สามารถต่อสู้กับเรี่ยวแรงของผู้เป็นพ่อได้
ผู้เป็นพ่ออุ้มเขาขึ้น คิดจะโยนลูกชายลงจากเขา หากไม่มีกิ่งไม้ขวางเอาไว้ เขาก็คงตายไปแล้ว
ตอนนี้เมื่อพ่อโยนลูกชายเสร็จ จึงคิดกลับมาฆ่าลูกสาว
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ลงมือ นักเก็บสมุนไพรหลายคนก็ได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดใจของเสี่ยวซิ่ว ก่อนจะตะโกนขึ้นว่า “ฆาตกร”
หลี่เม่าและภรรยาตื่นตระหนกจนรีบวิ่งลงจากภูเขา
แต่เพราะหลี่เม่าก้าวขาพลาด เขาจึงตกเขา ก่อนจะกลายเป็นอัมพาต
เสี่ยวเฉิงถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโดยนักเก็บสมุนไพรใจดีที่เข้าช่วยเหลือ และขอให้โรงพยาบาลช่วยโทรแจ้งตำรวจ
เวลานั้นเสี่ยวเฉิงยังมีสติอยู่บ้าง เขาบอกตำรวจที่มาถึงให้ติดต่อกับสหพันธ์สตรี จากนั้นตำรวจจึงติดต่อมา และหลินม่ายจึงได้ทราบเรื่อง
หลินม่ายยิ่งได้ยินยิ่งอึดอัดใจ วันนี้คือวันส่งท้ายปีเก่า หลี่เม่าและภรรยากลับแว้งกัดเหมือนงูพิษ ไม่คิดจะให้พี่ชายและน้องสาวคู่นี้มีชีวิตอยู่ต่อไป อำมหิตเกินไปแล้ว!
เสี่ยวเฉิงถูกเข็นออกมาหลังผ่านไปสองชั่วโมง
หลินม่ายอุ้มเสี่ยวซิ่วขึ้นมาหาพี่ชายของหล่อนด้วยกัน
เมื่อเสี่ยวซิ่วเห็นว่าศีรษะของเสี่ยวเฉิงถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าก็อซสีขาว ร่างกายเต็มไปด้วยเฝือกดาม หล่อนก็ร้องไห้ออกมาก่อนจะถามหลินม่ายว่า “คุณน้า พี่ชายของหนูจะตายไหมคะ?”
หลินม่ายปิดปากเธอทันที “อย่าพูดจาแบบนี้! พี่ชายของเธอแค่ได้รับบาดเจ็บ เดี๋ยวเขาก็หาย”
หัวหน้าศัลยแพทย์บอกกล่าวกับหลินม่ายว่าอาการของเสี่ยวเฉิงค่อนข้างสาหัส
ไม่เพียงแต่ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกเท่านั้น แต่ยังต้องผ่าตัดตับด้วย
แต่สุดท้ายแล้วหลังจากพ้นสภาวะติดเชื้อไป เขาจะค่อย ๆ ดีขึ้น เพราะเขายังเป็นเด็ก และสามารถฟื้นฟูร่างกายกลับคืนได้เร็ว
กำลังใจของเสี่ยวเฉิงค่อนข้างดีมาก สุดท้ายแล้วเขาก็ตื่นขึ้นในช่วงบ่าย
หลินม่ายโล่งใจมากและต้องการพาเสี่ยวซิ่วกลับไปที่บ้านด้วย
แต่เสี่ยวซิ่วยืนกรานจะอยู่กับพี่ชายของหล่อน พยาบาลจึงเดินออกจากห้องผู้ป่วยหนักและบอกหล่อนว่าพี่ชายขอให้หล่อนกลับบ้านไปกับหลินม่าย เพราะอย่างนี้เด็กหญิงตัวน้อยจึงยอมกลับบ้านไปพร้อมหลินม่าย
คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และเสี่ยวเหวินตื่นตระหนกมากหลังจากรู้ว่าสองพี่น้องต้องเผชิญหน้ากับอะไร เมื่อถึงเวลามื้อเย็น ทุกคนจึงผลัดกันตักอาหารใส่ชามของเสี่ยวซิ่ว
เสี่ยวมู่ตงเลียนแบบการกระทำของผู้ใหญ่ และตักอาหารดี ๆ ให้กับเสี่ยวซิ่วบ้าง
เสี่ยวซิ่วกินอย่างมีความสุข ทว่าหลังผ่านไปสองคำ หล่อนก็ร้องไห้โฮออกมา
หลินม่ายถามว่า “เสี่ยวซิ่ว ร้องไห้ทำไมจ๊ะ? ไม่ชอบอาหารพวกนี้เหรอ? เธออยากกินอะไรเดี๋ยวน้าไปทำให้”
เสี่ยวซิ่วส่ายหัว “หนูชอบกินค่ะ พี่ชายก็ชอบเหมือนกัน แต่เขากลับกินไม่ได้ เพราะต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ฮือๆๆ”
หลินม่ายเช็ดน้ำตาให้สาวน้อยก่อนจะกล่าวปลอบโยน “หลังพี่ชายเธอออกจากโรงพยาบาล น้าจะเตรียมของอร่อยให้เขาเองจ้ะ”
เสี่ยวซิ่วจึงกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นคือวันส่งท้ายปีเก่า เสี่ยวซิ่วต้องการไปหาพี่ชายที่โรงพยาบาลทันทีที่ตื่นในตอนเช้า
หลินม่ายหยิบเงินหลายสิบหยวนให้กับเสี่ยวเหวิน ก่อนจะบอกกล่าวให้เขาพาเสี่ยวซิ่วไปกินมื้อเช้าข้างนอก ก่อนจะพาไปโรงพยาบาลเพื่อไปพบพี่ชาย แล้วค่อยไปเดินตลาดที่ถนนเจียงฮั่นเพื่อซื้อชุดต้อนรับปีใหม่ให้หล่อน
เสื้อผ้าที่เสี่ยวซิ่วสวมใส่ตอนนี้ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนขาดรุ่ย
เสี่ยวเหวินรับเงิน ก่อนจะจับมือเสี่ยวซิ่วแล้วพาเดินออกจากบ้าน จากนั้นก็เห็นโต้วโต้วสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เวลานี้เขาจึงหยุดฝีเท้าลง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นังแม่เลี้ยงสภาพเป็นไงบ้าง ตกเขาตายไปหรือยัง แต่ถ้ามีชีวิตอยู่ก็อย่ามีชีวิตแบบอยู่ดีกินดีเลย อำมหิตคิดฆ่าเด็กเล็กๆ สองคนได้ลงคอขนาดนี้
น้องถั่วมาทำอะไรคะ บ้านนี้เขาไม่รับเธอนานแล้วนะ
ไหหม่า(海馬)