ตอนที่ 1016 กิจกรรมสาธารณประโยชน์
ตอนที่ 1016 กิจกรรมสาธารณประโยชน์
แม้หรงจี้เหมยจะพร่ำบอกว่าหลินม่ายไม่ต้องการโต้วโต้วอีกแล้ว แต่แท้จริงคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงคำขู่ให้โต้วโต้วตกใจเพื่อควบคุมเด็กน้อยได้
หล่อนยังคงกังวลว่าหลินม่ายจะรับโต้วโต้วกลับไป หากเกิดเรื่องนี้ขึ้น หลินม่ายจะต้องลงมือจัดการหล่อนอย่างเด็ดขาด ดังนั้นหล่อนจึงยังต้องควบคุมและจับตาดูโต้วโต้วอย่างใกล้ชิดเสมอ
หลังเห็นว่าโต้วโต้วออกไป หล่อนก็รีบแอบตามหลังไปเงียบงัน
ก่อนเห็นว่าโต้วโต้วยืนอยู่ข้างนอกลานบ้านของหลินม่ายและมองเข้าไปอย่างกระตือรือร้น กระนั้นก็ไม่กล้าติดต่อกับหลินม่าย นี่ทำให้หัวใจหรงจี้เหมยแทบหล่นลงมาอยู่ตาตุ่ม
หล่อนรีบไปดึงตัวโต้วโต้วเดินกลับบ้าน “ลูกอยากกลับไปบ้านแม่หลินอีกครั้งหรือ?”
โต้วโต้วตอบกลับเสียงเบา “ไม่อยากค่ะ หนูแค่เดินผ่าน จึงลองมองเข้าไปข้างในเท่านั้น”
หรงจี้เหมยรู้ว่าอีกฝ่ายปิดบังความจริง “ถ้าลูกอยากกลับไป น้องชายของลูกจะต้องหายไปก่อน เมื่อนั้นหลินม่ายจึงจะยอมพาลูกกลับบ้านอีกครั้ง”
หลังรับฟังสิ่งนี้ โต้วโต้วก็ไม่ได้พูดสิ่งใด หลังจากเงียบเพียงครู่ หล่อนก็กระซิบถามว่า “หนูจะทำให้น้องชายหายไปได้อย่างไร?”
หรงจี้เหมยมองไปรอบ ๆ แม้ว่าจะมีผู้คนเดินไปมาบนถนน แต่ก็ไม่มีใครสนใจพวกหล่อนสองแม่ลูก
แต่หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว หล่อนก็ยังไม่กล้าบอกเกี่ยวกับแผนการ จึงตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “เราจะคุยเรื่องนี้ก็ต่อเมื่อลูกกลับไปบ้านแม่หลินได้แล้วเท่านั้น”
โต้วโต้วอยากกลับไปยังบ้านตระกูลฟาง จึงถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้น “แล้วหนูจะกลับไปบ้านแม่หลินได้ยังไง?”
“ไปขอร้องหล่อนสิ จะทำอะไรได้อีก?”
“หนูขอร้องแล้ว แต่แม่หลินกลับเมินเฉย…” โต้วโต้วเผยสีหน้าเศร้า
“ไปขอร้องใหม่สิ!”
…
ในช่วงเย็น หลังครอบครัวรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ก็นั่งบนโซฟาเพื่อดูข่าวภาคค่ำ
หลังจากดูข่าวระดับชาติ พวกเขาก็เปลี่ยนมาดูข่าวท้องถิ่นมณฑลหูเป่ย
ข่าวท้องถิ่นข่าวหนึ่งดึงดูดความสนใจของหลินม่ายและคุณปู่ฟาง
รายงานข่าวครอบคลุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าเวลาสิบโมงเช้า ลูกค้าที่ซื้อโทรทัศน์ยี่ห้อไฉ่หงและตู้เย็นยี่ห้อเจียนจวินที่มีปัญหาด้านคุณภาพจากฉวินกวงพลาซ่า ได้ออกมารวมตัวกันที่ทางเข้าพลาซ่าเพื่อขอคำชี้แจงจากทางห้าง
พวกเขาเรียกร้องให้ทางห้างและผู้ผลิตปฏิบัติตามสัญญารับประกันการคืนของหรือเปลี่ยนสินค้าภายใน 15 วันสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีปัญหา
เหตุการณ์โกลาหลดังกล่าวดึงดูดความสนใจของนักข่าวจำนวนมากให้มาสัมภาษณ์ผู้เสียหาย
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่จากสำนักอุตสาหกรรมและการพาณิชย์มาถึง ฉวินกวงพลาซ่าจึงได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติตามสัญญาภายในสามวัน มิฉะนั้นห้างสรรพสินค้าจะต้องปิดตัวชั่วคราวเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง
ในที่สุดบุคคลที่รับผิดชอบฉวินกวงพลาซ่าออกมารับปากว่าจะปฏิบัติตาม ลูกค้าที่มาประท้วงจึงค่อย ๆ แยกย้ายกันไป
มุมปากของหลินม่ายยกขึ้นเล็กน้อย จินฉี่คังจัดการเรื่องนี้ได้ยอดเยี่ยมไปเลย!
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนต่อสายหาจินฉี่คังและขอให้เขาประสานงานกับโรงงานเซิงซื่อ เธอแนะนำว่าให้เริ่มวันมะรืนเป็นต้นไป พวกเขาควรให้บริการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรีเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันที่ซิงกวงพลาซ่า เพื่อช่วยเหลือชาวเมือง
จินฉี่คังต้องการคัดค้านโดยสัญชาตญาณ แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจเจตนาของหลินม่าย
หลังจากวางสายหลินม่าย เขาก็กดหมายเลขโทรศัพท์ของฟางจั๋วเยวี่ยและหารือกับเขาเกี่ยวกับงานการกุศลสำหรับการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
ในช่วงบ่ายของวันนั้น จินฉี่คังได้ส่งผู้คนไปแจกใบปลิวเพื่อป่าวประกาศเกี่ยวกับการกุศลการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า
กิจกรรมซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการกุศลถูกจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 วัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 17.00 น. ของทุกวัน โดยมีช่วงพักกลางวันสำหรับอาสาสมัครตั้งแต่เวลา 12.00 น. ถึง 13.00 น.
ทว่าตั้งแต่วันแรกของกิจกรรมการกุศล ประชาชนกลับพากันนำเครื่องใช้ในครัวเรือนมาซ่อมแซมตั้งแต่เวลาแปดโมงเช้า
เวลาเก้าโมงเช้า อาสาสมัครเดินทางเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ซ่อมและอะไหล่
อาสาสมัครเหล่านี้ล้วนเป็นช่างเทคนิคและพนักงานแผนกบำรุงรักษาหลังการขายของโรงงานเซิงซื่อ
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอาสาสมัคร แต่ความจริงทางโรงงานได้จัดเตรียมค่าล่วงเวลาไว้แล้ว
ต่อให้ผู้คนยินดีเป็นอาสาสมัครในช่วงเวลาปกติ แต่เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ ครัวเรือนส่วนใหญ่จะยุ่งอยู่กับการเตรียมงานเฉลิมฉลอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาอาสาสมัคร
หากไม่มีค่าตอบแทนเป็นเงิน กิจกรรมการกุศลนี้คงไม่สามารถดำเนินไปได้
ช่างเทคนิคและพนักงานบำรุงรักษาหลังการขายของโรงงานเซิงซื่อมีทักษะมาก พวกเขาสามารถค้นพบปัญหาและซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ผู้คนพอใจกับสิ่งนี้มาก
เมื่อถึงเวลาเที่ยง หลินม่ายก็เข้ามาตรวจสอบ
กลุ่มแกนนำที่รับผิดชอบงานการกุศลนี้กำลังถือโทรโข่งเพื่อแจ้งให้อาสาสมัครทุกคนไปรับประทานอาหารที่โรงอาหารของห้างสรรพสินค้า
ประชาชนส่วนใหญ่ที่มาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้ามีเหตุผลมาก พวกเขาอดทนรอให้อาสาสมัครรับประทานอาหารกลางวันจนเสร็จก่อนกลับมาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่อ
แต่มีหญิงชราคนหนึ่งยืนกรานให้อาสาสมัครซ่อมตู้เย็นของนางก่อนออกไปกินข้าว
นางอ้างเหตุผลว่า “สามีและฉันต่างก็มีอายุราว 70 ถึง 80ปีทั้งคู่ ในที่สุดก็ถึงคิวของเรา แต่ตอนนี้พวกคุณกลับปล่อยเราไว้และไปกินข้าว พวกคุณเคยคิดบ้างไหมว่า คนแก่แบบเราจะทนหนาวได้ไหม? ถ้าป่วยเป็นหวัดใครจะรับผิดชอบ?”
หลินม่ายคิดในใจ หากวันหนึ่งเธอกลายเป็นคนแบบหญิงชราคนนี้ ใครก็ได้โปรดทุบตีเธอให้ตายไปซะ!
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้สูงอายุบางคนถึงมีน้ำใจมากขึ้นเมื่อแก่ตัวลง ขณะที่บางคนกลับเห็นแก่ตัวมากขึ้น ใช้อายุตัวเองเป็นข้ออ้าง และหวังว่าทุกคนจะหมุนรอบตัวพวกเขาตลอดเวลา
ฝ่ายรับผิดชอบที่บอกให้อาสาสมัครไปกินข้าวเที่ยงเดินมาหาหญิงชราแล้วพูดว่า “คุณยาย คุณยายกับคุณตาไปนั่งพักรอในห้างสรรพสินค้าของเราสักพักนะครับ ส่วนตู้เย็นของคุณ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเราจะคอยดูแล ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าของจะสูญหายนะครับ”
แต่หญิงชรายังคงปฏิเสธที่จะปล่อยอาสาสมัครไป และยืนกรานให้ซ่อมตู้เย็นก่อนแล้วค่อยไปรับประทานข้าวเที่ยง
ฝ่ายรับผิดชอบค่อนข้างหงุดหงิด แต่ก็ไม่กล้าพูดจารุนแรงกับหญิงชรา เพราะเกรงว่าอาจส่งผลเสีย
หลินม่ายเรียกฝ่ายรับผิดชอบมาและพูดกับเขาว่า “ไม่ต้องพยายามเอาใจหญิงชราคนนั้นหรอก”
ฝ่ายรับผิดชอบรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและพูดว่า “ถ้าหญิงชราคนนั้นสร้างปัญหา มันอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของซิงกวงพลาซ่าและโรงงานเซิงซื่อได้”
หลินม่ายตอบ “แต่เราไม่อาจตามใจหล่อนได้ หากสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์เราด้วยเหตุนี้ เราอาจต้องยกเลิกงานการกุศลและปล่อยให้พวกเขาเผชิญกับผลที่ตามมาเอง แม้ว่าจะมีผลกระทบเชิงลบบ้าง แต่ตราบใดที่เรารักษาการบริการที่ดีและผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงไว้ สิ่งเหล่านี้จะเลือนหายไปเองตามกาลเวลา”
ฝ่ายรับผิดชอบรับคำสั่งและกลับไปหาหญิงชรา เขาพูดกับอาสาสมัครที่ถูกหญิงชรารั้งไว้ว่า “ไปกินข้าวเที่ยงเถอะ วันนี้ทุกคนจะได้รับน่องไก่คนละน่องด้วย”
เมื่อหญิงชราเห็นอาสาสมัครออกไป นางก็โกรธมากและชี้หน้าฝ่ายรับผิดชอบ “นี่คือสิ่งที่คุณปฏิบัติต่อลูกค้าในฐานะผู้บริโภคงั้นหรือ?”
นางหันหน้าไปยุยงคนอื่นที่มาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทันที “นี่มันกิจกรรมสาธารณประโยชน์เสียที่ไหน ที่แท้ก็ทำเพื่อชื่อเสียงชัด ๆ คราวหน้าพวกเราไม่ต้องมาซิงกวงพลาซ่าเพื่อซื้อของอะไรอีกแล้วนะ!”
ฝ่ายรับผิดชอบหนุ่มมองตู้เย็นยี่ห้อเจียนจวินของหญิงชราซึ่งค่อนข้างเก่า แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผู้ผลิตตู้เย็นของคุณไม่มีการรับประกันสินค้า แม้แต่คุณก็ยังไม่กล้าเอาไปซ่อมเองด้วยซ้ำ ซิงกวงพลาซ่าและโรงงานเซิงซื่อของเราได้เชิญอาสาสมัครมาทำกิจกรรมการกุศล พวกเขาซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่คุณไม่ได้ปฏิบัติต่ออาสาสมัครเหล่านั้นเหมือนเป็นมนุษย์เลยด้วยซ้ำ ในเมื่อคุณไม่รู้จักเคารพผู้อื่น เราก็จะไม่ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณ”
หญิงชราโวยวายใหญ่โต ด้วยการกล่าวหาว่าซิงกวงพลาซ่ากลับคำพูด
ฝ่ายรับผิดชอบหนุ่มหันไปพูดกับประชาชนที่ต้องการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรีว่า “พวกเราอาสาสมัครต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน คนเหล่านี้ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรีตลอดช่วงเช้า และมีเวลากินข้าวเที่ยงเพียงหนึ่งชั่วโมง ขอให้พี่น้องทุกคนโปรดเข้าใจและให้ความร่วมมือด้วยนะครับ หากทุกคนไม่เข้าใจและไม่ให้ความร่วมมือ เราจะไม่ทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่อหลังจากเสร็จสิ้นในวันนี้ เราไม่อยากทำดีแต่ยังต้องทนทุกข์ ทำน้อยผิดน้อย ทำมากผิดมาก”
ประชาชนเกือบทั้งหมดแสดงการสนับสนุนซิงกวงพลาซ่า และช่วยกันประณามหญิงชราสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ฝ่ายรับผิดชอบหนุ่มไม่มีเวลากินข้าวด้วยซ้ำ เขาป่าวประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่าหากพลเมืองคนใดก่อความวุ่นวายโดยไม่มีเหตุผล อาสาสมัครมีสิทธิ์ปฏิเสธการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรีแก่คนผู้นั้น
หนึ่งชั่วโมงต่อมา อาสาสมัครทั้งหมดได้รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขากลับเข้าประจำการและทำสาธารณประโยชน์ต่อไป
หญิงชรายังคงคาดหวังว่าจะมีอาสาสมัครมาซ่อมตู้เย็นของนางฟรี แต่เวลานั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองนายมาขอให้ย้ายตู้เย็นของนางไปไว้ด้านข้าง
หญิงชราปฏิเสธเสียงแข็งและเข้าขัดขวาง จากนั้นก็ทะเลาะวิวาทกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองอย่างดุเดือด
ไม่นานจินฉี่คังก็เข้ามาและพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าคุณต้องการให้เราซ่อมตู้เย็นฟรี ก่อนอื่นคุณต้องขอโทษสหายอาสาสมัครของเรา แล้วสัญญาว่าจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนั้นอีกในอนาคต”
หญิงชราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของจินฉี่คัง
จากนั้นจินฉี่คังจึงขอให้อาสาสมัครซ่อมตู้เย็นของนาง
จินฉี่คังพูดกับหญิงชรา “เราจะไม่ถือโทษคุณในครั้งนี้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนที่จะมีประกาศเตือน มิฉะนั้นเราจะไม่ให้โอกาสคุณอีกครั้ง”
หลังจากจินฉี่คังจากไป สามีของหญิงชราก็วิพากษ์วิจารณ์ภรรยาตัวเอง “คุณทำตัวเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ทุกคนต้องฟังคุณ ทุกคนต้องยอมจำนนต่อคุณ ตอนนี้เห็นแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นยังไง กว่าจะรู้ตัวก็โดนเด็กมันถอนหงอกซะแล้ว”
หญิงชราเดือดดาลอยู่ก่อนแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของสามี นางก็ระเบิดโทสะออกมาและดุด่าเขาเพื่อระบายความโกรธที่อัดอั้นในใจ
หลินม่ายมองดูอยู่ข้างสนามโดยพูดอะไรไม่ออก หากเธอเกิดมาเป็นผู้ชาย เธอคงเลือกที่จะเป็นโสดไปตลอดชีวิต ดีกว่าต้องแต่งงานกับผู้หญิงไร้เหตุผลแบบนี้
ขณะที่หลินม่ายกำลังมองดูคู่สามีภรรยาเฒ่ากำลังทะเลาะกัน ประธานหวงและลูกน้องของเขาก็จ้องมองไปที่ซิงกวงพลาซ่าจากด้านในรถ
เมื่อซิงกวงพลาซ่าและโรงงานเซิงซื่อร่วมมือกันจัดตั้งกิจกรรมสาธารณประโยชน์สำหรับการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรี ประธานหวงก็เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของหลินม่ายในการทำสิ่งนี้
สิ่งนี้ไม่เพียงสร้างชื่อเสียงดีงามแก่ซิงกวงพลาซ่าและโรงงานเซิงซื่อ ขณะเดียวกันก็บ่อนทำลายฉวินกวงพลาซ่า รวมไปถึงผู้ผลิตยี่ห้อไฉ่หงและยี่ห้อเจียนจวิน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่สองราย
กลยุทธ์การโฆษณาของเธอค่อนข้างทรงพลัง แต่ก็ทำให้เธอไม่เป็นที่นิยมในหมู่คนแวดวงเดียวกัน
ครั้นเห็นหญิงชราก่อความวุ่นวาย ประธานหวงนึกดีใจและอยากเห็นละครสนุก ๆ ทว่าซิงกวงพลาซ่ากลับแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ประธานหวงไม่พอใจและสั่งลูกน้องของตนว่า “หาทางทำให้ซิงกวงพลาซ่าล่มจมให้ได้”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คิดเหรอว่าม่ายจื่อจะยอมรับน้องถั่วกลับมา กับแม่ตัวเองยังตัดขาดแบบไม่เผาผีมาแล้ว
เป็นการเหยียบหน้าคู่แข่งได้ทรงพลังและเจ็บแสบมากค่ะ อยากจะตีเสมอต้องพยายามหน่อยนะ
ไหหม่า(海馬)