ตอนที่ 15 ภัยคุกคามตัวใหม่
“จะว่าไป ที่จู่ๆก็หยุดไปเนี่ย มีอะไรเหรอ?”
“ค็อกพิต…นี่คือ ห้องควบคุม เดส”
รูดี้ชี้ไปที่ประตูที่อยู่ข้างๆ
“ถ้างั้นก็น่าจะรีบบอกก่อนสิยะ”
รูดี้ยักไหล่ให้กับการตบมุขของนาโอมิ
“ถ้างั้นก็ โย่ยโชะ! เดส”
เมื่อรูดี้ออกแรงเปิดประตูออกมา แสงสว่างจ้าก็ส่องเข้ามาทำให้ตาของพวกเขาพร่ามัวไปชั่วขณะ
เมื่อตาของพวกเขาเริ่มชินกับความสว่าง รูดี้ก็มองดูรอบๆค็อกพิต
มันมีขนาดพอๆกับสนามเทนนิส และมีแผงควบคุมตั้งเป็นแถว ในจุดที่ๆนั้งของลูกเรือเคยอยู่ แต่พวกมันมีร่องรอยความเสียหายไปซะทุกอัน
ดูแล้วเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาน้ำฝนและโคลนได้ไหลผ่านมาทางรูรั่ว ทำให้มันมีทุ่งดอกไม้ขนาดย่อมๆบานอยู่กลางห้อง และปล่อยกลิ่นหวานเอียนๆโชยไปในอากาศ
ซากปรักหักพังของอารยะธรรมและธรรมชาติ พื้นที่ๆทั้งสองสิ่งที่ตรงกันข้านี้ผสมผสานเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดภาพของโลกพิศวงที่ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็นมัน
ถ้ามันสภาพมันยำแย่ขนาดนี้การจะกู้ข้อมูลคงไม่ต้องพูดถึงแล้วละ
เมื่อเห็นสภาพของ ค็อกพิต รูดี้ก็ยอมแพ้ที่จะพยายามหาข้อมูล
นาโอมิที่กำลังเชยชม ค็อกพิตอยู่นั้น จู่ๆก็บิดจมูกของเธอเมื่อรู้สึกถึงกลิ่นที่ไม่ควรจะมีอยู่ในที่แบบนี้
“รูดี้!”
“อะไรเหรอ?”
“ไม่รู้สึกว่าได้กลิ่นอะไรหน่อยเหรอ?”
รูดี้เริ่มเลียนแบบนาโอมิและบิดจมูกของเขาเพื่อดมกลิ่น แล้วพบว่าที่ปนมากับกลิ่นหวานๆของดอกไม้นั้นมันมีกลิ่นสาปของสัตว์ป่าอยู่ด้วย
“….มาดาระ?”
“จะบอกว่า มันมีตัวที่2อยู่งั้นเหรอ”
นาโอมิขมวดคิ้วและเริ่มที่จะท่องคาถาเงียบๆ
ข้างๆเธอ รูดี้สลับตาซ้ายของเขาเป็นโหมด เทอรโมกราฟ แล้วมองไปรอบๆค็อกพิต
” “……….” “
เมื่อทั้งคู่พบว่ามันไม่มีอะไรอยู่ในห้องหลังจากใช้ความสามารถของแต่ละคนตรวจจับไปรอบๆ พวกเขาก็เริ่มที่จะลดระดับความระวังตัวลง
“ดูเหมือนว่าจะไม่มี มาดาระ อีกตัวนะ บางทีมันอาจอาศัยอยู่ในห้องนี้ เลยยังมีกลิ่นของมันหลงเหลืออยู่ก็เป็นได้”
รูดี้พยักหน้าให้นาโอมิ แล้วปล่อยมือจากด้ามดาบสั้นที่เขาพกมา
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะรู้ว่าไม่มี มาดาระ อยู่ในห้อง แต่พวกเขาก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กับกลางห้องอย่าระมัดระวัง
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจุดที่ได้รับแสงแดดมากที่สุด ดอกไม้เหล่านั้นจึงบานอย่างเต็มที่ และที่นั่นเองก็มีรูขนาดใหญ่ที่ถูกกอหญ้าบดบังอยู่บนพื้น
“ดูเหมือนว่า มาดาระ มันจะเข้าไปในตัวยานจาดทางนี้ เดส”
“ในตอนที่ไม่มีใครเข้ามาในตัวยาน ดุท่าว่ามันจะใช้ทางนี้เพื่อออกไปหาของกินสินะ”
“ถ้าที่นี่เป็นรังของมัน ก็เป็นไปได้ว่านี่จะเป็นทางลัด นาโอมิอาศัยอยู่ใกล้ๆกับที่นี่ด้วย โชคดีมากเลยนะที่ยังปลอดภัยอยู่ เดส”
“ถึงจะบอกว่าใกล้ๆแต่เอาจริงๆแล้วมันก็ค่อนข้างไกลจากที่นี่อยู่พอสมควรเลยนะ แล้วดูเหมือนว่าจะอยู่นอกเขตการล่าของมันด้วย ว่าแต่ เราจะเอายังไงต่อล่ะ?”
นาโอมิเหลือบมองไปที่รูดี้ ส่วนเขาก็กำลังขมวดคิ้วและจ้องมองลงไปในรูบนพื้น
“ผมรู้สึกสังหรใจว่ามันมีอะไรผิดปรกติ เพราะงั้นผมจะเข้าไปดู เดส”
“ถ้างั้นก็ช่วยรอเดี๋ยวนะ”
นาโอมิหยุดรูดี้ที่กำลังจะเข้าไปในรูบนพื้น เธอหลับตาลงและเริ่มใช้งานเวทมนต์ของเธอ
“….บางที ในนั้นอาจจะมี มาดาระ อยู่อีกตัวนะ”
“มาดาระ..แน่ใจเหรอ?เดส”
“เคยเล่าให้ฟังแล้วใช่ไหมว่าเวทมนต์ใช้กับ มาดาระ ไม่ได้น่ะ เมื่อตะกี้นี้ฉันส่งเวทย์สำรวจเข้าไปในนั้นแล้วเจอว่ามันมีอยู่จุดที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีอะไรอยู่ แล้วลักษณะเฉพาะตัวแบบนี้ มันหมายความว่ามีสัตว์อสูรที่ไม่สามารถโจมตีด้วยเวทมนต์ได้อยู่ยังไงล่ะ แต่ว่านะ…..”
“แต่ อะไรเหรอ?”
“ฉันไม่รู้ว่ามันหลับอยู่หรือตายไปแล้ว เพราะมันไม่ขยับเลยสักนิด มาดาระที่ฉันรู้จักมันมีประสาทดมกลิ่นที่ไวมาก ที่แม้ว่าจะอยู่ไกลออกไปในยานลำนี้แต่มันก็สามารถได้กลิ่นของเหยื่อที่เข้ามาแล้วจะเข้าจู่โจมทันที”
รูดี้พยักหน้าเมื่อเข้าใจถึงเรื่องที่นาโอมิพูดถึง
เมื่อตอนที่เขาเข้ามาในตัวยาน มาดาระก็เข้ามาหา ทั้งๆที่เพิ่งเดินไปได้แค่ครู่เดียว และเริ่มต่อสู้กัน นั่นต้องเป็นเพราะมันมีประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นที่เฉียบคมมาก และสัมผัสได้ถึงรู้ดีทันทีที่เขาเข้ามาแน่ๆ
“เวทมนต์ใช้กับ มาดาระ ไม่ได้ นาโอมิ รออยู่ที่นี่ละกัน เดส”
“ไม่นะ ฉันจะไปด้วย มันก็จริงที่ใช้เวทมนต์กับมันตรงๆไม่ได้ แต่มันก็ยังมีบางอย่างที่ฉันทำได้อยู่”
นาโอมิส่ายหัวแล้วบอกว่าไม่ต้องห่วง
“แบบนั้นถ้าตายขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ เดส”
พอพูดจบรูดี้ก็กระโดดลงไปในรู
นาโอมิที่โดนทิ้งไว้คนเดียวก็ยักไหล่ให้กับคำพูดของรูดี้แล้วตามเขาลงไป
รูที่พวกเขาเข้ามานั้นนำไปสู่ท่อระบายอากาศที่ใหญ่พอจะให้คนผ่านไปได้ เมื่อเขาเดินไปตามท่อก็เจอเข้ากับประตูของช่องระบายอากาศที่แตกออกมาอยู่บนพื้น
ทั้งคู่หยักหน้าให้กันแล้วโดดลงไป
สถานที่ๆพวกเขาเข้าไปนั้นรูดีคิดว่ามันจะจะเป็นห้องเก็บของ มันกว้างพอๆกับสนามบาสเก็ตบอล และตรงกลางห้องก็มีรังไหมที่ปรกคลุมด้วยเส้นใยหนาๆ
“อะไรละนั่น…”
นาโอมิหรี่ตาลงและเริ่มระวังตัวเมื่อเห็นรังไหม สถานที่ๆรังไหมตั้งอยู่มันตรงกับพิกัดที่การแสดงผลของเวทมนต์หายไป
รังไหมนั้นมีขนาดประมาณ4เมตร มันมีเส้นใยเชื่อมโยงลงมาจากทั้งเพดาน พื้น และกำแพง แขวนมันไว้กลางอากาศ
และตรงจุดศูนย์กลางของรังไหมนั้น มันมีแสงสีแดงอันน่าขนลุก ที่กระพริบเป็นจังหวะราวกับหัวใจเต้น
“ระวังตัวด้วย มันมีกลิ่นอันตรายโชยออกมาเลย เดส”
รูดี้ยืนในท่าเตรียมพร้อมแล้วชักดาบสั้นออกมาถือไว้
“หรือว่านี่จะเป็นลูกของเจ้า มาดาระที่กำลังจะเกิดมางั้นเหรอ!?”
“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมัน ผมจึงไม่รู้อะไรมากนัก แต่ผมเคยได้ยินมาว่า สิ่งมีชีวิตสำหรับการรบนั้นไม่มีความสามารถในการสืบพันธุ์”
สิ่งมีชีวิตสำหรับการรบนั้นตกยุคไปตั้งแต่ก่อนที่รูดี้จะเกิดมาซะอีก เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีใครใช้งานมันในสงครามอีกแล้ว และรูดี้เองก็ไม่มีความรู้ในรายละเอียดของพวกมัน
“แม้แต่ตอนนี้เองเจ้ารังไหมนั้นก็ไม่ได้ถูกตรวจจับโดยเวทมนต์ของฉัน แต่ถึงอย่างนั้นตามที่ฉันเห็น มันดูเหมือนว่าเจ้ารังไหมนั้นมันกำลังดูดกลืนมานาจากอากาศอยู่เลย”
“ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมันดูดมานา จ๊วบๆ เลยทำให้มันไม่โดนตรวจจับหรอกเหรอ เดส?”
วิธีพูดแบบแปลกๆของรูดี้ที่ให้นาโอมิรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ถ้างั้น แล้วคิดว่ามานาที่โดนมันดูด จ๊วบๆ จะไปอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“………..”
“ดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของเจ้าสิ่งมีชีวิตในรังไหมนั้นจะรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่มาจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่เข้ามาในห้องทั้งสองคน มันจึงเริ่มที่จะขยับตัว แสดงให้เห็นว่ามันกำลังตื่นขึ้นมา”
*(TLnote : _:(´ཀ‘_)⌒):_ จบกิจกรรมสักที…เผาเงินไปกว่า 300ล้านได้ )