ตอนที่ 773 ช่วยเหลือได้สำเร็จ
พอฉินมู่ปิงนึกถึงเรื่องที่สายลับมารายงานบอกว่าในวันที่ซูหลีเกิดเรื่องนั้น สาวใช้ข้างกายนางที่ชื่อไป๋ฉินได้เดินทางไปบ้านสกุลลู่
เรื่องนี้เดิมทีมแปลกพิกลพอแล้ว ทำไมจู่ๆ ครอบครัวนั้นถึงได้เข้าเมืองหลวงได้พอดิบพอดีในเวลานี้
ทางฝั่งเจียงซีนั้นยังมีพวกผู้ใหญ่บ้านมาด้วย แต่เจียงซีที่อยู่ไกลออกไปนับพันลี้จะรู้ได้อย่างไรว่าซูหลีเกิดเรื่อง? แล้วเหตุใดถึงได้เร่งรุดมาถึงที่นี่ในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้?
แต่ละเรื่องที่ประเดประดังเข้ามาล้วนแต่ทำให้คนตกอกตกใจอย่างยิ่ง
ซึ่งนั่นก็จริงอยู่ ทุกเรื่องที่ซูหลีทำเป็นเรื่องที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง เพียงแค่เรื่องเหล่านี้นางก็ไม่สมควรให้ตายแล้ว ทว่าการที่นางจะรอดชีวิตนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะขับนางออกจากราชสำนักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถึงขนาดที่ว่าฉินมู่ปิงยังยอมรับการลงมือของบ้านสกุลป๋าย หากสามารถบีบซูหลีให้ออกจากราชสำนักไปได้ อันที่จริงก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ขาดคนฉลาดเช่นนี้ไปคนหนึ่ง เรื่องที่เขาจะทำก็อาจจะง่ายยิ่งขึ้น
แต่ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าตอนที่ซูหลีเพิ่งมาถึงเมืองหลวง นางคาดการณ์ได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ถึงขั้นเหลือทางรอดที่สมบูรณ์เช่นนี้ไว้ให้ตัวเอง
คนผู้นี้…
ในฐานะที่เป็นคู่ต่อสู้ คนเช่นนี้น่ากลัวจนเกินไปแล้ว
ฉินมู่ปิงไม่เชื่อเลยจริงๆ ว่าตาเฒ่าที่วันๆ รู้แต่เรื่องการรบของสกุลลู่ สามารถเล่นงานเหล่าบัณฑิตที่มีความรู้ได้หมดจดเช่นนี้
เป็นไปไม่ได้!
แต่หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ซูหลีคนนี้ก็ชวนหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“นายท่าน จะให้ส่งคนบางส่วนไปจัดการซูหลี…” ลุงเฉิงยกมือขึ้นแล้วปาดคอตนเอง
“ไม่ได้” ฉินมู่ปิงปฏิเสธทันทีอย่างไม่ลังเล
กระทั่งตัวเขาเองยังตกใจในความเด็ดเดี่ยวของตนเอง
หลังจากที่นิ่งไปชั่วขณะ ฉินมู่ปิงก็ได้สติรีบอธิบาย “ตอนนี้ชื่อเสียงของนางก็โด่งดังมากแล้ว จะจัดการนางนั้นง่ายนิดเดียว แต่เกรงว่าผลที่ได้จะกลับตาลปัตร”
ลุงเฉิงคิดถึงพวกอาณาประชาราษฎร์ที่ไปโห่ร้องอยู่หน้าวังหลวง หน้าก็เปลี่ยนสีเล็กน้อย
“ค่อยคิดวิธีอื่นกันเถอะ”
“ขอรับ!” ลุงเฉิงที่หมกมุ่นกับการสังหารซูหลีอย่างยิ่ง ตอนนี้กลับตกปากรับคำฉินมู่ปิงอย่างง่ายดาย
อย่างอื่นอาจยังไม่ต้องพูดถึง หากซูหลีไม่ใช่ขุนนางกังฉินที่จงรักภักดีจริงๆ เหตุการณ์ดังเช่นในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
ปลูกผลอะไรย่อมได้อย่างนั้น ยังดีที่การทุ่มเทของนางแต่ละครั้งไม่สูญเปล่า
อย่างน้อยๆ คนที่ได้รับบุญคุณจากนางล้วนแต่ยินดีถวายชีวิตให้นาง
ฉินมู่ปิงรู้ดีอย่างยิ่ง การมาถึงคนเหล่านี้ซูหลีย่อมต้องปลุกกระแสภายในด้วย แต่หากตัวนางเองไม่ได้ควรค่าให้คนติดตาม และภักดีแล้วละก็…
ต่อให้นางรับปากจะให้ผลประโยชน์มากมายกว่านี้ก็คงไม่มีภาพเหตุการณ์เช่นในวันนี้
นางซื่อตรงต่อคนอื่น คนอื่นจึงปฏิบัติต่อนางเช่นเดียวกัน
ฉินมู่ปิงชะงักนิ่งไปชั่วครู่ ในแววตาซับซ้อนอย่างยิ่ง
……
ในเวลาเดียวกันที่ด้านนอกคุก
“ใต้เท้าซู เชิญ” เปรียบไปแล้ววันที่ส่งซูหลีมา ความเคารพนบนอบที่โจวเว่ยมีต่อนางก็ดูจะมากขึ้นหลายส่วน
ซูหลีเดินออกจากคุกหลวง บนร่างคลุมชุดคลุมสีอ่อน ใบหน้านางออกจะซีดเผือดน้อยๆ
ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมในคุกหลวงจะดีมาก แต่ไม่ได้เจอแสงอาทิตย์หลายวันใบหน้าก็อิดโรยอยู่ไม่น้อย
แต่นี่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อนาง ซูหลีค้อมศีรษะให้โจวเว่ยและเอ่ย “ขอบคุณใต้เท้าโจวที่ดูแลข้ามาหลายวันนี้”
“ใต้เท้าซูพูดเกินไปแล้ว โจวเว่ยรับไว้มิได้!” ทันทีที่โจวเว่ยได้ยิน ก็รีบร้อนเอ่ยออกมา
ซูหลีเห็นเช่นนี้จึงไม่พูดอะไรกับเขาต่ออีก
ตอนที่ 774 ขอขอบคุณบุญคุณอันใหญ่หลวงของทุกท่านด้วย!
นางเพียงแต่หันศีรษะมองชุยตานที่มารับนางพลางเอ่ย
“ไปกันเถอะ ออกนอกวังกัน”
ชุยตานนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะรับคำ “ขอรับ”
พูดพลางสาวเท้าเดินขึ้นไปรับมือซูหลีประคองนางขึ้นรถม้า
“คุณ…คุณหนู ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?” ทันทีที่ขึ้นบนรถม้าทั้งไป๋ฉินและเย่ว์ลั่วของกรูเข้ามารุมและมองนางอย่างห่วงใย
ใบหน้าซูหลีเพียงแค่ออกจะซีดเผือดน้อยๆ เท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก พูดไปแล้วนางอยู่ในคุกก็กินดีอยู่ดี จะเป็นอะไรได้
นางจึงเพียงแค่ส่ายศีรษะและเอ่ย “พวกเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ทันทีที่เอ่ยปากพูดนางก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับตนเอง แต่กลับเป็นห่วงเป็นใยสาวใช้ทั้งสองของตน จึงพลอยทำให้เย่ว์ลั่วที่ติดตามนางได้ไม่นานนัก ขอบตาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้
ซูหลีเป็นคนเช่นนี้ทำให้คนยินยอมพร้อมใจรับใช้นางโดยไม่รู้ตัว นางไม่เคยวางแผนอะไร แต่กลับปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความจริงใจ
“พวกเราจะเป็นอะไรได้ แต่ท่าน…ข้าว่าท่านผอมลงไป” ไป๋ฉินเม้มปากและร้องไห้ออกมา
“ร้องไห้อะไร ข้าก็ยังแข็งแรงดีอยู่นี่ไม่ใช่หรือ? เอาเถอะน่า อย่าเสียใจเลย ข้าอยู่ในนั้น ใต้เท้าโจวก็ดูแลข้าเป็นอย่างดี ไม่เดือดร้อนอะไรเลย” ซูหลีปลอบพลางยิ้มละไม
ใบหน้านางเต็มไปด้วยอ่อนโยน
น้อยครั้งนักที่นางจะเป็นเช่นนี้ เหมือนว่าวันเวลาในคุกได้ทำให้นางสุขุมลงไปมาก
ไป๋ฉินเห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจ นางมักรู้สึกว่านายน้อยของตนเอง ไม่ถูกสิ คุณหนูของตนเองนั้น ถูกสภาพแวดล้อมบีบบังคับให้ต้องโตขึ้นในระยะเวลาอันสั้น
“ไม่เป็นไร เรื่องคราวนี้เจ้าทำได้ดีมาก” ซูหลีนึกถึงจดหมายที่นางเขียนให้ไป๋ฉิน ในใจก็กระดากอายเล็กน้อย
ตอนนางอยู่ที่เจียงซี มักจะออกไปพูดคุยเสวนากับพวกชาวบ้าน เข้าใจสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา เพื่อจะได้วางแผนรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม
ชาวบ้านที่นั่นล้วนแต่ชอบนางกันทั้งสิ้น มีครอบครัวหนึ่งในบรรดาคนพวกนั้นที่คุกเข่าอย่างซาบซึ้งทันทีที่เห็นนาง
ตอนนั้นนางจำได้ว่า บ้านหลังนั้นมีลูกสาวหนึ่งคนที่เพิ่งจะอายุ 7 ขวบ ตอนเห็นนางนั้นใบหน้าน้อยๆ แดงก่ำดูตื่นเต้นอย่างมาก นางจึงมอบหยกประจำตัวของนางให้เด็กน้อยคนนั้นไป
ก่อนจะกลับเข้าเมืองหลวงซูหลีก็เดาไว้ว่าน่าจะเกิดเรื่องขึ้นแน่
นางจึงจำเป็นต้องเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง ขอท่านแม่ทัพลู่และบรรดาพี่ๆ ของลู่เหมียนเหมียนแห่งสกุลลู่ ให้พวกเขาไปค้นหาคนที่รู้จักนางในเจียงซี ด้วยเพราะความซาบซึ้งใจครานั้น คนเหล่านี้ย่อมต้องรับปากว่าจะช่วยนาง
หากไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ซูหลีย่อมไม่มีทางลากพวกชาวบ้านบริสุทธิ์เหล่านี้เข้ามายุ่งแน่
แต่นางก็ไร้ซึ่งหนทางใดแล้วจริงๆ
นางต้องมีชีวิตอยู่ต่อ นางยังมีเรื่อง่ต้องทำอีกมากที่ยังไม่ได้ทำ
“นายน้อย…คุณหนูถึงแล้วขอรับ” รถม้าหยุดลง นางได้ยินเสียงคนจอแจด้านนอกลอดผ่านรถม้าเข้ามา
ซูหลีชะงักไป รวบรวมสติแล้วเดินลงจากรถม้า
ทันทีที่นางปรากฏกายขึ้น เพราะรูปโฉมที่งามโดดเด่นสะดุดตาจึงตกเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนมากรอบๆ บริเวณทันที
“เอ๊ะ? ใต้เท้าซู!” เสียงตะโกนโหวกเหวกจากคนจำนางได้
รถม้าคันนี้ก็โดนพวกชาวบ้านที่ตื้นตันในบุญคุณนางล้อมเอาไว้ทันที
“คุณหนู!” ชุยตานขมวดคิ้ว ต้องการจะขวางซูหลีให้ห่างจากคนเหล่านี้ แต่ซูหลีส่ายศีรษะ แล้วเดินออกไป
นางชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นกลุ่มคนตรงหน้า จากนั้นก็ประสานมือเข้าหากันและคุกเข่าลงต่อหน้าคนเหล่านั้นทันที!
ทันใดนั้นเอง รอบบริเวณก็ตกอยู่ในความเงียบ
ทุกคนจ้องมาที่นางเป็นตาเดียว
“ซูหลี!” เสียงซูหลีสั่นพร่าและติดขัด “ขอขอบคุณบุญคุณอันใหญ่หลวงของทุกท่าน!”
น้ำเสียงทอดยาวเจือไปด้วยความตื้นตันอย่างเหลือคณา!