ตอนที่ 739 ไม่กินยาก็ออกไปข้างนอก
ซูหลีเชื่อว่าหากพวกเขาส่งกำลังทหารออกไป ฉินเย่หานจะต้องยินยอมปรองดองเป็นพี่น้องและอาหลานที่ดีกับพวกเขาอย่างแน่นอน
บัดนี้เป็นเช่นนี้ก็มีความนัยที่ลึกซึ้งอย่างอื่นมากมายแล้ว
“ซื่อจื่อโปรดวางใจเถิด” นางนั่งนิ่งชั่งน้ำหนักในใจ ผ่านไปพักหนึ่งถึงได้เอ่ยว่า “หากฮ่องเต้ทรงตรัสออกมา ข้าจะต้องนำเรื่องนี้บอกซื่อจื่อล่วงหน้า”
ฉินมู่ปิงเห็นนางแทบจะไม่ได้ลังเลใจอะไร และตอบตกลงในทันที ใบหน้ากลับดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง
ดูเหมือนว่า ก่อนหน้านี้ที่ซูหลีตอบรับเขา คงจะแค่ตอบรับส่งๆ เท่านั้น
“เพียงแต่…” ซูหลีกลับพลันเอ่ยขึ้นว่า “ซื่อจื่อกับฮ่องเต้เป็นคนครอบครัวเดียวกัน อย่างไรก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของราชสำนัก หากฝ่าบาททรงมิเอ่ยออกมาอย่างเปิดเผย ข้าคงจะถามได้ยาก ในข้อนี้หวังว่าซื่อจื่อจะเข้าใจ”
ฉินมู่ปิงได้ยินดังนั้นจึงอดมองนางปราดหนึ่งมิได้
ทว่าเมื่อเห็นดวงตาคู่งามจ้องมองตนเองแล้ว หัวใจกลับรู้สึกวูบไหวในทันที
นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ซูหลีใช้ความพยายามจำนวนมากและไม่เสียดายที่ต้องเป็นอริกับสกุลป๋าย อีกทั้งยังสามารถดำเนินมาถึงวันนี้แล้ว แน่นอนว่านางไม่อยากทำลายอนาคตของตนเองอย่างง่ายดาย
หากนางไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่ตอบรับในทันที เกรงว่าฉินมู่ปิงจะไม่เชื่อใจนาง ทว่าหลังจากเวลานี้ที่นางพูดประโยคนี้เสริมเข้าไป
ฉินมู่ปิงกลับรู้สึกว่านางเป็นคนที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจได้
เมื่อคิดดังนั้นฉินมู่ปิงจึงผงกศีรษะแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ใต้เท้าซูไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้ากับเสด็จพ่อนั้นเป็นคนที่รู้เหตุรู้ผล แน่นอนว่าไม่มีทางบีบบังคับและสร้างความลำบากใจให้กับผู้อื่น…”
“ก๊อกๆๆ”
“นายท่าน!” เสียงเคาะประตูดังจากด้านนอก คำพูดของฉินมู่ปิงก็หยุดชะงักในทันที
สีหน้าของฉินมู่ปิงเข้มขึ้น เขาเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็นว่า “มีเรื่องอะไร”
เขาพูดจบ จู๋ซย่าก็ผลักประตูและรีบเข้ามาด้านใน ในเวลานี้เขาแทบไม่สนใจทางด้านซูหลีเลย เขาเพียงเข้าไปใกล้ข้างใบหูของฉินมู่ปิง แล้วพูดกระซิบสองสามประโยค
เสียงพูดของพวกเขาทั้งสองคนเบามาก ซูหลีแทบจะไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
นางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
หลักการที่ว่ายิ่งรู้มากก็ยิ่งตายเร็ว นี่เป็นสิ่งซูหลีเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งดี
อีกทั้งเรื่องภายในราชสำนัก นางไม่อยากจะเข้าไปยุ่งภายในนั้นด้วย
ดังนั้นหลังจากที่จู๋ซย่าเข้ามา ซูหลีก็แค่ยกจอกชาบนโต๊ะและหันศีรษะไปทางด้านนอกหน้าต่าง
เมื่อเห็นนางเฉลียวฉลาดเช่นนี้ ดวงตาที่ฉินมู่ปิงจับจ้องหน้าซูหลีอยู่นั้นทอไปด้วยประกายเเห่งความชื่นชม
เพียงแต่เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน การดื่มชาในวันนี้ เขาไม่อาจอยู่ต่อเป็นเพื่อนซูหลีได้แล้ว
หลังจากจู๋ซย่าพูดจบ ก็โค้งคำนับและเดินออกไป
“ใต้เท้าซู ในจวนของข้ามีเรื่องต้องไปจัดการเกรงว่าคงต้องขอตัวออกไปก่อนแล้ว วันนี้…” ฉินมู่ปิงลุกขึ้นและกล่าวลาซูหลี
ซูหลีเห็นดังนั้นก็ปัดมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเอ่ยว่า “ซื่อจื่อรีบไปจัดการเรื่องเถิด ไม่ต้องสนใจข้า”
เมื่อเห็นว่าซูหลีไม่ได้ใส่ใจ ฉินมู่ปิงก็ผงกศีรษะให้นางเบาๆ จากนั้นรีบก้าวเท้าเดินออกไป
ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องรีบเร่งจริงๆ ทว่าก็ดีที่วันนี้เขาเอ่ยคำพูดที่เขาอยากจะพูดกับซูหลีออกมาหมดแล้ว
ซูหลีนั่งจิบน้ำชาอยู่เงียบๆ และน้ำชาก็ไหลรินลงไปในลำคอนาง ทว่าทันใดนั้นนางรู้สึกว่าน้ำชากลับสามารถลงไปภายในลำคอได้อย่างลื่นไหล เหมือนกับไม่มีอะไรขวางกั้นเอาไว้เลยสักนิด
ซูหลีตะลึงงัน นางยื่นมือขึ้นลูบที่คอหอยของตนเองอย่างอดไม่ได้ จากนั้นพลันหวนคิดถึงเรื่องที่นางกับฉินเย่หานกระทำกันเมื่อคืน…
ประสิทธิผลของยาปลอมตัวสลายไปตั้งนานแล้ว!
สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปทันที หมู่นี้นับวันนางยิ่งประมาทเลินเล่อเกินไปแล้ว ถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ยังดีคนที่นางมาหาคือ ฉินมู่ปิง หากเป็นคนอื่นแล้วละก็!
ตอนที่ 740 ยาแก้ไข้ธรรมดา
เกรงว่าหากวันนี้นางเผยพิรุธวันนี้ คงจะถึงแก่ความตายได้!
ซูหลีรู้สึกตกใจ แต่ยังดีที่นางพกยาปลอมตัวติดตัวมาตลอด วันนี้แค่กินยาเข้าไปก็ไม่ใช่ไม่ได้
เมื่อคิดเช่นนี้นางก็หยิบยาออกมายังไม่ทันได้กินยาพลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
“นายน้อยของพวกเจ้าอยู่ด้านในหรือไม่” คิดไม่ถึงว่านางเพิ่งจะหยิบขวดกระเบื้องออกมา ก็ได้ยินเสียงคนจากด้านนอกดังขึ้นเสียก่อน
เสียงของคนผู้นี้เป็นเสียงที่คุ้นเคยมาก ซูหลีได้ยินแล้วจึงหยุดสิ่งที่ทำอยู่ในมือลงครู่หนึ่ง
ในเวลานี้เอง คนผู้นั้นก็เปิดประตูและเดินเข้ามา
“พี่ซู บังเอิญอะไรขนาดนี้!” ทันทีที่เซี่ยอวี่เสียนเข้ามาก็เห็นว่าซูหลีนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียว ทว่าบนโต๊ะมีจอกชาสองจอกวางไว้ จอกชาที่วางอยู่ฝั่งตรงข้ามซูหลีนั้นยังมีไอร้อนอยู่เลย ทว่าตรงข้ามนั้นกลับไร้ร่องรอยของคนผู้นั้นแล้ว
เซี่ยอวี่เสียนเพียงกวาดตามองปราดหนึ่ง คล้ายกับมิได้ใส่ใจมิปาน เขาเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของซูหลีแล้วยังฉีกยิ้มบางให้ แล้วเอ่ยว่า
“พี่ซู นี่น่าสนใจจริงๆ ออกมาดื่มชาคนเดียวหรือ”
จู่ๆ เขาก็เข้ามาที่นี่ นี่เป็นสิ่งที่นางนึกไม่ถึง ทว่ายังถือเป็นเรื่องปกติ
ฉินมู่ปิงออกไปแล้ว ไป๋ฉินยังคงรออยู่ด้านนอก และรับรู้ดีว่านางอยู่ภายในห้องคนเดียว เซี่ยอวี่เสียนมีความสัมพันธ์อันดีกับซูหลีมาตลอด ป๋ายถานจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องรั้งตัวเซี่ยอวี่เสียนเอาไว้
“เดิมไม่ได้มาคนเดียว ทว่าคนที่มาด้วยนั้นมีเรื่องต้องไปทำอย่างกะทันหัน จึงกลับกลายเป็นอยู่คนเดียวแล้ว” ซูหลีเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นเขาจึงรู้สึกโล่งใจ นางยิ้มให้กับเขาเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าพี่เซี่ยก็มาคนเดียวนี่นา เช่นนั้นพวกเราก็มานั่งโต๊ะตัวเดียวกันดีกว่า!” ซูหลีปรายตามองและพบว่าข้างกายเซี่ยอวี่เสียนมีเพียงเด็กรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น และไม่มีผู้ใดติดตามมาอีก มีความประหลาดใจพาดผ่านในดวงตาของนาง จากนั้นจึงส่งเสียงเหนี่ยวรั้งให้เซี่ยอวี่เสียนอยู่ต่อ
“จะว่าไปก็บังเอิญนัก เดิมวันนี้ข้านัดกับสหายเอาไว้ที่นี่ ทว่าสหายของข้าบอกว่ามีธุระ ไม่สามารถมาที่นี่ได้ ข้าเตรียมจะกลับไปพอดี ก็เห็นสาวรับใช้ของเจ้าเสียก่อน” เซี่ยอวี่เสียนได้ยินนางกล่าวเชิญดังนั้นก็เดินเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับนาง
“เช่นนั้นเป็นโชคชะตาที่ดี แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้นัดหมายกัน ทว่าสหายของเราล้วนกลับไปแล้ว ดังนั้นสามารถนั่งโต๊ะเดียวกันได้พอดี!” ซูหลีหัวเราะร่า จากนั้นจึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์เข้ามา นางสั่งให้เขาเก็บอาหารบนโต๊ะออกไป และสั่งน้ำชากาใหม่
เสี่ยวเอ้อร์ถามว่าต้องการสั่งชาอะไร ซูหลีก็ไม่สนใจนัก จึงเป็นเซี่ยอวี่เสียนที่สั่งชาปี้หลัวชุนมากาหนึ่ง
หลังจากเสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้นออกไปแล้ว บรรยากาศภายในห้องก็เงียบสนิท
“นี่คือสิ่งใดกัน” หลังจากเซี่ยอวี่เสียนนั่งลง เมื่อเห็นขวดกระเบื้องใบเล็กที่ซูหลีวางไว้บนโต๊ะ จึงถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“อ้อ เมื่อวานข้าตกน้ำที่อุทยานหลวง จึงมีไข้เล็กน้อย นี่ก็คือยาแก้ไข” ซูหลีมองไปตามสายตาของเขา และหยุดอยู่ที่ยาปลอมตัวของตน
นางกะพริบตาเล็กน้อย จากนั้นจึงตอบด้วยคำพูดประโยคนี้
และเป็นเพราะเซี่ยอวี่เสียนถามขึ้น นางจึงเทยาเม็ดหนึ่งลงบนฝ่ามือ จากนั้นป้อนเข้าปากและกลืนลงไป
นี่ไม่ใช่เพราะนางไม่จริงใช่ ทว่าเรื่องที่นางปลอมตัวเป็นบุรุษเป็นเรื่องสำคัญมาก
หากต่อไปเรื่องนี้ถูกเปิดเผย สำหรับฮ่องเต้กับฉินมู่ปิงนั้นยังดี ทว่าเซี่ยอวี่เสียนนั้นเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง หากทราบเรื่องนี้แล้ว เกรงว่าจะสร้างความลำบากให้แก่เขา
ดังนั้นซูหลีถึงโกหกว่า นี่เป็นยาแก้ไข้
อย่างไรเซี่ยอวี่เสียนก็ทราบเรื่องที่ซูหลีตกน้ำที่อุทยานหลวง บัดนี้ชื่อเสียงของซูหลีนั้นโด่งดัง ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็เป็นที่สนใจของผู้คน นับประสาอะไรกับเรื่องตกน้ำในเขตพื้นที่ของวังหลวงกัน