ตอนที่ 623 ใจกล้าโดยแท้!
สัญชาตญาณของสตรีทำให้ในเวลานี้ซูหลีอยากจะยกมือขึ้นปิดหน้าอกของตนตามจิตใต้สำนึก
คิดไม่ถึง ทันทีที่นางยกมือขึ้น ก็พบว่าตนได้สวมชุดลำลองเอาไว้บนร่างแล้ว
อีกทั้ง…
ภายใต้ชุดลำลองกลับโล่งโจ้ง ผ้าที่นางใช้พันหน้าอกอยู่ดีๆ ก็หายไปแล้ว!
นี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งระคนตกใจมาก!
ซูหลีรู้สึกตกใจในทันที และกระเด้งลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว ทว่าร่างกายที่ถูกคนใช้งานมาทั้งคืน จะทนความทรมานนี้ได้เสียที่ไหน นางพยายามจะลุกขึ้นก็ล้มลงไปอย่างช้าๆ ในทันที
“โอ๊ย!” ซูหลีทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนต้องส่งเสียงร้องออกมา และในเวลานี้เองสติสัมปชัญญะของนางก็กลับคืนมาในที่สุด
ความเจ็บปวดอย่างแปลกประหลาดบนร่าง โดยเฉพาะบริเวณนั้นที่ทั้งปวดทั้งเมื่อย นะ นี่…
“ตื่นแล้วหรือ” ฉินเย่หานกวาดตามองนางปราดหนึ่ง ใบหน้าฉายแววเย็นยะเยือกออกมา
ซูหลีถูกสีหน้าเย็นชาของเขาทำให้ตกใจ นางกอดร่างของตนเองอย่างสั่นสะท้าน
ไม่ใช่กระมัง!?
ใครก็ได้ช่วยบอกนางที นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เหตุใดทันทีที่นางตื่นขึ้นถึงมาปรากฏตัวบนเตียงฉินเย่หานได้ อีกทั้งร่างกายยัง…
ซูหลีไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว ชาติที่แล้วนางก็แต่งงานแล้ว แน่นอนว่าเพราะร่างกายของนางไม่แข็งแรง ยามใช้ชีวิตฉันสามีภรรยากับเสิ่นฉางชิงยังไม่รู้สึกทรมานเช่นนี้
ทว่าเรื่องที่ควรรู้ นางก็รู้ดี ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนางก็เคยเป็นคนศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดมาก่อน อยู่ในที่ซึ่งมีการพัฒนาทางอินเทอร์เน็ต มีการเปิดกว้างในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แม้นางจะไม่เคยเรื่องอย่างว่ามาก่อน แต่ก็เคยได้ยินมาบ้าง
จึงพอจะรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้คืออะไร
ทว่า!
แม้จะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่นี่…
“ฮะ ฮ่องเต้!” ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของซูหลีซีดเผือด ในเวลานี้นางไม่สนใจแม้กระทั่งปัญหาความบริสุทธิ์ของตนเอง นางเพียงพยายามทนต่อความเจ็บปวดคุกเข่าลงที่ด้านหน้าฉินเย่หาน
ทันทีที่นางเอ่ยปาก น้ำเสียงมีความแหบแห้งอย่างบอกไม่ถูก ทว่ายิ่งกว่านั้นคือน้ำเสียงอ่อนหวานที่ฉินเย่หานไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่ถือว่าเป็นเสียงของสตรีคนหนึ่ง
ฉินเย่หานกวาดตามองนางด้วยสายตาเรียบเฉย กลับเห็นเพียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของนาง คล้ายกับนางรู้สึกว่าน้ำเสียงของตนเองเปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด จึงใช้มือจับที่ลำคอของตน
ซูหลีสามารถมั่นใจว่าประสิทธิภาพของยาปลอมตัวของนางไม่น่าหมดอายุ ทว่าในเวลานี้กลับหมดฤทธิ์เสียแล้ว หลังจากที่นางลูบที่ลำคอของตนเอง ก็พบว่าลำคอของตนเองโล่งโจ้ง ลูกกระเดือกที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยกลับหายไปในชั่วพริบตา!
สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นฉุกคิดได้ว่า ยาปลอมตัวนี้มีผลข้างเคียง นั่นก็คือนางไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับบุรุษได้ เพราะหลังจากที่มีความสัมพันธ์กับบุรุษ ประสิทธิผลของยาจะจางหายไปโดยปริยาย ทำให้การปลอมตัวทั้งหมดของนางหายไป
ทว่าปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น ปัญหาก็คือ…
ไม่ว่าจะมียาปลอมตัวหรือไม่ ตัวตนการเป็นสตรีในเวลานี้ของนางได้ถูกเปิดเผยแล้ว!
นางกับฮ่องเต้ทำอะไรต่อมิอะไรกันแล้ว ฮ่องเต้จะทรงไม่สามารถรับรู้ว่านางเป็นสตรีได้อย่างไร!?
ในเวลานี้ซูหลีแทบอยากจะตบหน้าตนเองสักฉาด
ใครให้เจ้าดื่มสุรา!
ใครให้เจ้าดื่มสุรา!
ทุกอย่างในเวลานี้ อย่าว่าแต่เรื่องปิดซ่อนตัวตนเลย แม้แต่ความบริสุทธิ์ของตนเองก็ถูกชดใช้หมดแล้ว!
บัดนี้นางกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ทว่าบริเวณนั้นยังรู้สึกเจ็บปวด นางพอจะรู้ว่าเมื่อคืนฉินเย่หานคงกินนางไปหลายต่อหลายครา
ซูหลีพูดอะไรไม่ออก…
ส่งตัวมาให้ผู้อื่นกินจนเกลี้ยง เสร็จแล้วต้องคุกเข่ายอมรับผิด เรื่องโชคร้ายประเภทนี้ยังสามารถหล่นทับบนตัวนางอีก!
ในเวลานี้นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรถึงจะดี
จะถามฉินเย่หาน!? ไม่ นางไม่กล้า…
โขกศีรษะยอมรับผิด นางกลัวศีรษะหลุดออกจากบ่า
นี่!
“ซูหลี เจ้าช่างใจกล้าโดยแท้” ในขณะที่สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปมาอย่างต่อเนื่อง พลันได้ยินฉินเย่หานเอ่ยประโยคที่เย็นยะเยือกเช่นนี้ออกมา
“ฮ่องเต้!” สีหน้าของซูหลีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางรีบเงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้อย่างรีบร้อน อยากจะพูดอธิบายอะไรออกมา
ตอนที่ 624 ไม่มีวิธีการอื่นอีกแล้ว
“กะ กระหม่อม…” ซูหลีคุกเข่าลงบนพื้นอยู่นาน ทว่ากลับไม่พูดอะไรออกมาสักประโยค
นี่จะให้นางอธิบายอย่างไร
“ถ่ายทอดคำสั่งของเราออกไป” คิดไม่ถึงว่าฉินเย่หานดูเหมือนจะไม่ให้โอกาสนางเลยแม้แต่น้อย ซูหลีแหงนศีรษะขึ้นอย่างรวดเร็ว นางมองเขาด้วยสายตายากจะบรรยาย
เป็นเพราะการเคลื่อนตัวไปมาของนาง ทั้งร่างนางสวมเพียงเสื้อคลุมชุดเดียว จากมุมมองของฉินเย่หานสามารถเห็นส่วนโค้งส่วนเว้าของร่างซูหลี สายตาของเขาจึงลุ่มลึกขึ้น เขากวาดตามองซูหลีปราดหนึ่งและเอ่ยว่า
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป รับซูหลีเข้าวัง แต่งตั้งเป็นหลีผิน[1]” ฉินเย่หานพูดจบก็สาวเท้าเดินออกไปทันที ด้านข้างมีขันทีผู้คล่องแคล่วหยิบเสื้อคลุมมังกรและรีบบรรจงสวมให้แก่เขา
“ฝ่าบาท ทรงมิอาจกระทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!” สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก นางไม่อาจเข้ามาอยู่ภายในวังหลังได้ แม้นางจะทราบดีว่า นี่เป็นวิธีการจัดการดีต่อนางที่สุดแล้ว
ฮ่องเต้ทรงมิกล่าวโทษที่โกหกจักรพรรดิ ในทางกลับกันยังแต่งตั้งให้นางอยู่ในตำแหน่งผิน ทรงแต่งตั้งให้กับสตรีนอกวังคนหนึ่งเช่นนี้ โดยเฉพาะสตรีผู้นี้เป็นสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษไปสอบขุนนาง อีกทั้งยังสอบได้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
ฮ่องเต้มิทรงลงโทษนาง นี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เลวแล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องที่ทรงตรัสว่าจะแต่งตั้งอะไรนั่น!
ทว่า เรื่องนี้ล้วนเป็นเรื่องดีต่อสตรีผู้อื่นเท่านั้น ซูหลีมิเคยคิดที่จะเข้าไปอยู่ในวังหลวงมาก่อน หากนางมีความคิดเช่นนี้แล้วละก็ เช่นนั้นเรื่องที่ควรทำตั้งแต่ตอนแรกก็คือ วางแผนหาวิธีใกล้ชิดกับฮ่องเต้ มิใช่เดินอ้อมเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังเสียเวลาไปสอบเข้าราชการอะไรอีก
ทว่าคำพูดนี้ นางรู้ดีว่ามิอาจพูดออกไปตามตรงได้
หากเอ่ยคำพูดนี้ออกไป เกรงว่าชีวิตน้อยๆ ของนางคงจะรักษาเอาไว้ต่อไปไม่ได้
“ทำไมรึ” หลังจากคำพูดประโยคนั้นของนาง บรรยากาศภายในตำหนักอวิ๋นซินก็ต่ำลงจนถึงขีดสุด ในน้ำเสียงของฉินเย่หานมีความหนาวเหน็บแฝงอยู่ ทำให้ซูหลีอดที่จะตัวสั่นงกๆ มิได้
ทว่านางรู้ดีว่า หากไม่เอ่ยในตอนนี้ รอจนฮ่องเต้ถ่ายทอดพระราชโองการนี้อย่างเป็นทางการ ชีวิตนางคงจะจบเห่แล้ว
“…กะ กระหม่อมอยากจะตอบแทนบุญคุณของราชสำนัก เพื่อตอบแทนบุญคุณของฝ่าบาท เรื่องการเข้าวังหลัง หากกระหม่อมเข้าไปอยู่ในวังหลัง เกรงว่า…” ในการจ้องมองด้วยสายตาเย็นยะเย็นของฉินเย่หาน ทำให้น้ำเสียงของซูหลียิ่งเล็กและเบาลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดแทบจะไม่ได้ยินเสียงของนางเลย
“เข้ามาอยู่ในวังหลังของเรา ยังทำให้เจ้าลำบากใจมากนักหรือ” ฉินเย่หานแค่นยิ้มเย็นออกมา บรรยากาศภายในมีความหนาวเย็นแผ่ซ่านระลอกหนึ่ง อีกทั้งยังมีกลิ่นอายความอำมหิตเผยออกมาอีก
ซูหลีหดคอลง นางทราบดีว่าปัญหานี้หากตอบได้ไม่ดีนัก ศีรษะของนางคงจะหลุดออกจากบ่า!
“ฝ่าบาท มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!” ซูหลีเอ่ยโต้แย้งอย่างรวดเร็ว นางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เรื่องของโรคระบาดคราก่อน ฝ่าบาทก็ทรงเห็นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
นางเอ่ยถึงเรื่องโรคระบาด ฉินเย่หานกวาดสายตาเยียบเย็นมองนาง ทว่าใบหน้าของเขายังไร้ซึ่งความรู้สึก ทำให้ผู้อื่นไม่อาจมองเขาออก
“กระหม่อมมีดวงชะตาเช่นนี้ ศึกษาวิชาแพทย์มาทั้งชีวิต อีกทั้งยังมีความสนใจในเรื่องราชการของทั้งแคว้นต้าโจว กระหม่อมต้องการตอบแทนราชสำนัก ไม่ใช่ต้องการล่วงเกิน กระหม่อมทราบดีว่า โทษที่กระหม่อมต้องได้รับคือโทษประหารชีวิต เพียงแค่เรื่องที่เป็นสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษไปสอบขุนนาง นี่ก็สามารถทำให้ศีรษะของกระหม่อมหลุดออกมาจากบ่าได้แล้ว ทว่าทูลฝ่าบาท…”
ซูหลีเอ่ยถึงตรงนี้ ทันใดนั้นนางก็แหงนศีรษะขึ้น ภายในดวงตางามรูปดอกท้อคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายแวววาว ในชั่วพริบตานี้ ทำให้คนไม่กล้าที่จะสบตานางโดยตรง
ฉินเย่หานมองนางโดยไม่มีการตำหนิหรือชื่นชมใดๆ
“ฝ่าบาทก็ทรงทราบดี ในราชวงศ์ต้าโจวสตรีไม่สามารถเป็นขุนนางได้ ในเมื่อสตรีที่ได้รับตำแหน่งขุนนางหญิงล้วนมิอาจหารือราชกิจได้ กระหม่อมก็ไม่มีวิธีการอื่นอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ดังนั้นเจ้ายังกระทำเพื่อคุณธรรมหรือ”
——
[1] ผิน (嫔) เป็นตำแหน่งนางสนมของฮ่องเต้ ซึ่งยศผินมีศักดิ์รองลงมาจากยศเฟย (妃)