มีคนค้นหาภาพของซูหลีจนพบ และถือไว้ในมือ
“นี่!…” ซูหลียื่นมือออกไป อยากที่จะขัดขวางพวกเขาไว้
“พรืด! นี่เจ้าวาดอะไรออกมากัน” คิดไม่ถึงว่าจะไม่ทันเสียแล้ว เจียงไห่นำภาพของซูหลีคลี่เปิดออกแล้ววางบนโต๊ะกลม จากนั้นเรียกคนอื่นเข้ามาดูภาพวาดของซูหลี
ซูหลีถึงกับกุมขมับ นางเพียงว่างไม่มีอะไรทำ จึงอยากวาดของสิ่งนั้นออกมา เพื่อสร้างความสุขให้กับทุกคน!
“นี่คืออะไร?!” คิดไม่ถึงว่าภาพของสิ่งนั้นจะสามารถดึงดูดความสนใจของฉินมู่ปิงได้ เขามองภาพที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างละเอียด เมื่อมองไปที่ดวงตาของซูหลี ก็พบว่ามีความแปลกประหลาดเจือปนอยู่
“นี่เจ้าภาพดอกเหมยที่เจ้าวาดออกมาหรือซูหลี นี่สายตาของเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ดอกเหมยมีลักษณะเช่นนี้เสียที่ไหนกัน!” หวงฮ่าวชี้ไปที่ของสิ่งนั้นบนภาพวาด และพูดเย้ยซูหลี
ซูหลียกมุมปากขึ้น เพราะเหตุนี้นางถึงอยากจะขัดขวางพวกเขาไว้ เดิมนางไม่ได้วาดภาพดอกเหมยอะไรนั่น
“ของสิ่งนี้เรียกว่าอะไร” จี้ฉินมองของสิ่งนั้นอย่างละเอียดปราดหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดใจเกินจะเปรียบเปรย เขาจ้องมองที่ของเล่นชิ้นนั้นและถามซูหลีประโยคหนึ่ง
ซูหลีเห็นว่าในเมื่อพวกเขาก็เห็นภาพนี้กันหมดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก นางหยุดชะงักไปครู่หนึ่งและเอ่ยขึ้นว่า “นี่เรียกว่าเก้าอี้รถเข็น”
มิผิด เมื่อครู่ที่นางใช้เวลาไปนานมาก ทั้งยังให้คนหาพู่กันวาดภาพที่เล็กละเอียดที่สุดมาให้นาง ก็เพื่อวาดภาพเก้าอี้รถเข็น
…แรงบันดาลใจได้มาจากขาที่หกล้มจนบาดเจ็บของนาง!
ของสิ่งนี้ในชาติที่แล้วเป็นอุปกรณ์ในยุคปัจจุบันที่นางคุ้นเคยมากที่สุด แต่ก่อนบิดาของนางเปิดโรงงานเก้าอี้รถเข็น จากที่นางเห็นผ่านตาบ่อยๆ ทำให้นางพอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ นางจึงไม่ครุ่นคิดให้วุ่นวายอะไรอีก พลันวาดภาพของสิ่งนี้ลงไป ที่นี่ไม่มีของสิ่งนี้ นางถึงเขียนวัสดุที่สามารถทดแทนได้ ทว่าจะสามารถสร้างขึ้นมาได้หรือไม่ ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
แน่นอนว่าไม่สามารถเลียนแบบเก้าอี้รถเข็นในยุคปัจจุบันออกมาได้ แม้ราชวงศ์ต้าโจวจะพัฒนาถึงเพียงใด ก็ตามเทคโนโลยีของยุคปัจจุบันไม่ทัน
ทว่าหากใช้วัสดุทดแทนประเภทเดียวกัน ปรับเปลี่ยนเป็นล้อไม้ ส่วนเบาะที่รองนั่งเปลี่ยนเป็นหนังเสือหรือไม้แดง ซูหลีรู้สึกว่าพอจะเป็นไปได้ ดังนั้นนางจึงลองวาดออกมาดู
นางเตรียมนำภาพนี้กลับไปหาช่างไม้ยอดฝีมือลองทำของสิ่งนี้ออกมา คิดไม่ถึงว่าเจียงไห่ผู้ปากมากผู้นี้จะพูดให้นางต้องนำภาพนี้ออกมาก่อน
“เก้าอี้รถเข็น!” หลังจากจี้ฉินได้ยินชื่อนี้แล้ว กลับผงกศีรษะ ชื่อนี้ช่างเหมาะสมจริงๆ พวก ใต้เก้าอี้ตัวนี้ประกอบไปด้วยล้อสองข้าง เช่นนั้นก็ไม่เรียกว่าเก้าอี้รถเข็นหรือ
“ของสิ่งนี้ออกแบบเพื่อคนที่แข้งขาไม่สะดวกอย่างข้า ทว่าข้าไม่ได้เป็นคนออกแบบ ข้าเพียงแค่เคยเห็นครั้งหนึ่ง ข้าอยากที่จะหาช่างไม้มาลองดูว่าจะสามารถสร้างออกมาได้สำเร็จหรือไม่!” ซูหลีแบะปากอธิบาย
“ถ้าหากว่ามีของสิ่งนี้ ผู้ที่แข้งขาเดินเหินไม่สะดวกจะสามารถเคลื่อนไหวได้เองดังใจคิดหรือไม่” ผู้ที่มีความสนใจกับของสิ่งนี้ที่สุดกลับเป็นฉินมู่ปิงผู้นั้น
ฉินมู่ปิงจับกระดาษภาพวาดแน่น ใบหน้าฉายแววดีใจและแปลกใจอย่างยากจะได้เห็น อารมณ์ขณะเขามองเห็นภาพนี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ซูหลีเห็นดังนั้นจึงชะงักไปครู่หนึ่ง พลันหรี่ตามองที่เขา
เดี๋ยวก่อน…หากนางจำไม่ผิด บิดาของฉินมู่ปิงจิ้งหนานอ๋องดูเหมือนขาทั้งสองข้างจะใช้งานไม่ได้ และนอนติดเตียงมาตลอดหลายปี!
สีหน้าของซูหลีพลันเปลี่ยนไป หากของที่จู่ๆ นางก็คิดได้สิ่งนี้สามารถสร้างออกมาได้ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นข่าวดีเป็นอย่างมากสำหรับจิ้งหนานอ๋อง!
นี่…
ภาพที่นางวาดตามอำเภอใจ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมากขนาดนั้น!
ซูหลีเห็นดังนั้นจึงลังเลใจอยู่แวบหนึ่ง และผงกศีรษะจากนั้นก็ส่ายศีรษะไปมา
“ไม่สามารถกล่าวได้ว่าเคลื่อนไหวได้ดั่งใจคิด ทว่า…”