วันนี้เองมิยากิก็เอาเงิน 5,000 เยนให้ฉัน ตอนที่ 1
ฉันหยิบนิตยสารที่มีตัวอักษรระยิบระยับ จากชั้นวางที่มีหนังสือไอดอลและนางแบบอยู่บนปกเรียงรายอยู่
เล่มที่อูมินะพูดถึง คงจะอันนี้สินะ
ที่รู้สึกไม่มั่นใจ เพราะฉันฟังมาแค่นิดหน่อยเท่านั้น
ก็แหม มันแบบว่านั่นไง
ฉันจ้องไปยังนิตยสารที่อยู่บนมือ
หัวพาดเรื่องวิธีเลือกเสื้อผ้ายังพอว่า แต่พวกหัวข้อเสื้อผ้าใส่แล้วป๊อปในหมู่เด็กผู้ชายงี้ วิธีขัดเกลาตนเองงี้ มีแต่เรื่องที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเรื่อง
ไม่ว่าจะดูยังไง ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบสักนิด
แทนที่จะใส่ชุดที่ใส่แล้วเป็นที่นิยม ใส่ชุดที่อยากใส่ดีกว่า ในส่วนขัดเกลาวิธีแต่งตัวค่อยทำหลังจากนั้นก็ยังได้ ยิ่งกว่านั้น ฉันชอบหนังสือที่ทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่านิตยาสารแฟชั่นกิ๊งก๊องพวกนี้ซะอีก
แต่ว่า การที่ต้องมาอ่านนิตยสารที่ถืออยู่ในมือตอนนี้นั้น มันเป็นส่วนหนึ่งในการคุยกับเพื่อน ๆ และด้วยเงินที่ได้มาทุกเดือนก็เหลือ ๆ พอจะซื้ออยู่แล้ว
ในการจะอยู่ในโรงเรียนให้ได้อย่างราบรื่นนั้น ต้องใช้สมองด้วย อย่างในห้องที่อยู่ตอนนี้นั้น ต้องทำให้อิบารากิ อูมินะอารมณ์ดีอยู่เสมอ ไม่สิ พูดแบบนั้นมันเกินไปหน่อย แต่จำเป็นต้องพูดคุยในหัวข้อเดียวกับที่เธอสนใจอยู่ มันสำคัญระดับนั้นแหละ
อูมินะเป็นคนที่สะดุดตา และเป็นชนชั้นสูงของเหล่าเพื่อน ๆ ที่หัวไม่ค่อยเก่ง หล่อนเป็นคนที่โกรธง่ายและอารมณ์ร้อน หากมีปากเสียงกับเธอล่ะก็ จะเป็นอะไรที่น่ารำคาญสุด ๆ แต่ตราบเท่าที่ไม่ไปทำให้เธออารมณ์เสีย ก็จะสามารถใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อย่างสบายใจ
ด้วยเหตุนี้ การที่ต้องมาซื้อนิตยสารเล่มนี้ตามหล่อน ถ้าจะให้พูดแบบคนโตแล้ว มันก็คือ’ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น’นั่นแหละ
มีคนบอกว่าฉันเป็นคนที่ชอบใจดีกับทุกคนอยู่หรอก แต่ฉันคิดว่าก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ คำพวกนั้นมันก็เหมือนน้อยใจปนอิจฉาเท่านั้น แค่ฟังผ่าน ๆ ไปก็พอ
ไหน ๆ ฉันก็มาถึงร้านหนังสือแล้ว ฉันมองไปรอบ ๆ จากนั้นก็หยิบนิยายข้างบนนิตยสาร 1 เล่ม แล้วตรงไปที่จ่ายเงิน ต่อคิวแปปนึงแล้วยื่นหนังสือเพื่อคิดเงิน
พันกว่าเยน
ตัวเลขโชว์บนเครื่องคิดเงิน จากนั้นฉันก็หากระเป๋าตังในกระเป๋า
「อาเระ ?」
กระเป๋าตัง กระเป๋าตัง
กระเป๋าตังที่ควรจะมีอยู่นั้น หายไปแล้ว
เมื่อเช้า จำได้ว่าเอาโทรศัพท์ยัดกระเป๋ามาอยู่นะ
แล้วกระเป๋าตังล่ะ?
ต่อให้หาดีแล้วก็หาไม่เจอ
อาจจะลืมไว้ที่โรงเรียนล่ะมั้ง
ไม่สิ บางทีอาจจะลืมไว้ที่บ้านมากกว่า
จำไม่ได้ว่าหยิบใส่กระเป๋าเลยสักนิด
พอเหลือบมองพี่สาวแคชเชียร์ เธอก็ทำหน้าสงสัยมองกลับมา
แย่แล้วสิ ถ้าไม่รีบจ่ายล่ะก็
「อ่า- เอ่อ- คือว่า」
ถึงแม้จะดูไม่ดีก็เถอะ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคืนหนังสือไป
「ขอคืน-」
「นี่ค่ะ」
「เอ๊ะ?」
ก่อนที่ฉันจะบอกว่าขอคืนหนังสือ ก็มีมือจากข้างหลังยื่นมาวางแบงค์ 5,000 เยน 1 ใบลงบนถาดเรียบร้อยแล้ว
「เซ็นไดซัง ใช้นี่สิ」
พอหันหลังกลับไปมอง ก็เจอเด็กผู้หญิงคนนึงที่ใส่ชุดเดียวกันกับฉันยืนอยู่ข้างหลัง
ยิ่งกว่านั้น ไม่ใช่ใครที่ไหน
ถึงจะไม่เคยคุยด้วยก็ตาม แต่เป็นใบหน้าที่เห็นอยู่ทุกวัน
「……มิยากิ ใช่มั้ยนะ?」
คิดว่า น่าจะถูกอยู่นะ
ด้วยความที่ต้องเป็นคนที่คอยเอาใจใส่ทุกคน อย่างน้อยเรื่องชื่อทุกคนในห้องก็ต้องจำได้อยู่แล้ว แม้จะไม่ถึงขั้นจำชื่อหลังได้ก็เถอะ
「ใช้เงินนี้จ่ายเถอะ」
เธอบอกให้ใช้เงินนี้จ่ายโดยที่ไม่ได้ตอบกลับมาว่าชื่อถูกหรือไม่ถูก
「ไม่เป็นไรหรอก จะให้ใช้เงินนี่ก็ยังไง ๆ อยู่」
「ไม่ต้องคิดมากหรอก」
ต้องคิดมากอยู่แล้วสิ
เพราะไม่ใช่คนที่สนิทกันขนาดที่จะขอยืมเงินด้วยสิ อีกอย่าง เดิมทีแล้วก็เป็นคนที่ไม่ชอบการยืม หรือให้ยืมอยู่แล้ว ยิ่งเป็นการยืมเงินเพื่อซื้อนิตยสารเพื่อไปคุยกับคนอื่นด้วยแล้วยิ่งไม่ได้ไปใหญ่
「ไม่เอาหรอก อะนี่ คืน」
ฉันหยิบเงินจากบนถาด คืนให้มิยากิ ทันใดนั้น เงิน 5,000 เยนก็กลับไปอยู่บนถาดอีกครั้ง
「เอ่อ จ่ายค่าสินค้าด้วยเงินนี้เลยใช่ไหมคะ」
ฉันเห็นหน้าที่ลำบากใจของคุณพนักงานได้อย่างชัดเจน
「ค่ะ รบกวนด้วยค่ะ」
คนที่ตอบคือมิยากิ
แต่ว่า ของที่ไม่อยากยืม มันก็ไม่อยากยืมนี่
ฉันที่กำลังจะหยิบเงินคืนมา คุณพนักงานที่มือไวกว่า ก็เก็บเงินนั้นไปคิดตังเรียบร้อย
สุดท้าย ก็ได้นิตยสาร นิยาย และแบงค์ 1,000 เยน 3 ใบ กับเหรียญอีกนิดหน่อยมาอยู่ในมือแทน
「มิยากิ ขอบคุณนะ เหมือนว่าจะลืมเอากระเป๋าตังมาน่ะ ช่วยไว้พอดีเลย」
ถัดมาจากเคาท์เตอร์คิดเงินเล็กน้อย ก็ขอบคุณมิยากิ
ถึงแม้จะถูกเมินเรื่องที่ไม่อยากยืมเงินคนอื่นก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังมีความรู้สึกที่ต้องก้มหัวขอบคุณแม้จะ่ไม่เต็มใจก็ตาม
เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเธอคือมิยากิจริง ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่ได้แย้งเรื่องชื่อกลับมา
「อะนี่ เงินทอน ในส่วนที่ใช้ไป เดี๋ยวคืนให้พรุ่งนี้นะ」
ฉันยื่นเงินที่ได้จากคุณพนักงานให้มิยากิ แต่เธอก็ไม่ได้รับเอาไว้
「ไม่ต้องคืนก็ได้นะ เงินทอนเองก็เอาไปได้เลย」
พูดปุ๊บ เธอก็หันหลังเดินออกไป
「เอ๊ะ เดี๋ยวสิ แบบนี้มันลำบากใจนะ」
「ฉันไม่ต้องการจริง ๆ เซ็นได้ซังเอาไปได้เลย」
「ไม่เอาหรอก ฉันจะคืน」
「งั้นก็วางทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ」
「ทิ้งเนี่ยนะ นี่มันเงินเลยนะ!?」
ฉันคว้าไปจับไหล่ของมิยากิที่กำลังรีบเดิน
ถึงแม้จะไม่รู้เพราะว่าไม่เคยคุยกันที่โรงเรียนก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าในหัวของมิยากิจะมีน็อตอยู่ประมาณ 2-3 ตัวแหละมั้ง ก็ดูสิ คนปกติที่ไหนเค้ามีความคิดที่จะทิ้งเงินบ้าง เดิมทีแล้ว มีแต่คนใหญ่คนโตระดับประธานบริษัทเท่านั้นแหละที่จะบอกว่าไม่เอาเงินทอน ไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายแบบนี้
ยิ่งกว่านั้น การที่โดนคิดว่าเป็นคนประเภทที่พอโดนบอกว่า ‘เอาเงินทอนไปสิ’ แล้วจะตอบว่า ‘ค่ะ ได้ค่ะ’ แบบนั้นแล้วยิ่งน่าโมโห
「อา งั้นเอางี้ เอาเป็นว่าเงินทอนนี้ ถือว่าฉันยืมมาด้วยเลยละกัน เพราะงั้นเดี๋ยวจะคืนให้พรุ่งนี้ทั้งหมดทีเดียว」
ความจริงอยากจะวีนใส่ตรงนี้อยู่หรอก แต่อดทนเอาไว้
ถ้าโดนเอาไปพูดที่โรงเรียนว่าโดนเซ็นไดตะคอกใส่มา ภาพลักษณ์จะไม่ดีเอา
「อันนั้นก็ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องคืนก็ได้」
เธอจับมือฉันออก แล้วเดินจากไป
เดินออกจากประตูอัตโนมัติ แล้วออกไปข้างนอก
ฉันตามหลังเธอไปแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
「ฉันจะคืนให้ รวมกับเงินทอนแล้ว 5,000 เยน เดี๋ยวให้ที่โรงเรียนนะ」
「ถ้างั้น ก็ทำงานมาในส่วนของ 5,000 เยนสิ」
ความคิดที่ว่าจะคืนเงินให้บินไปในพริบตา ขาฉันหยุดเดินโดยอัตโนมัติ
「เอ๊ะ? ทำงาน?」
「ก่อนอื่น ก็มาที่บ้านฉัน」
มิยากิที่เดินอย่างรีบ ๆ ก็หยุดแล้วหันมามองฉัน
「อะ-เอ๊ะ เดี๋ยว ๆ ก็บอกว่าจะคืนให้พรุ่งนี้ไง」
「ถ้าไม่ตามมา ก็รับเงินนั้นไปเถอะ」
และมิยากิก็หันหลังให้ฉัน
นี่มันอะไรเนี่ย
ยัยนี่เป็นบ้าอะไรกันแน่
ฉันสาปส่งมิยากิอยู่ในใจ
ไม่ได้อยากได้ทั้งเงิน 5,000 เยน หรือทำงานทั้งนั้น
แต่ว่า ถ้าไม่ทำงานตามที่มิยากิบอกมา หล่อนก็จะกลับไปทั้ง ๆ อย่างนั้นแน่นอน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนแท้ ๆ ต่อให้เอาเงิน 5,000 เยนไปยัดไว้ใต้โต๊ะเธอ ก็คงจะไม่รับแน่นอน
เป็นคนที่น่ารำคาญจริง ๆ
ฉันถอนหายใจแล้วมองท้องฟ้าที่โดนเมฆปกคลุมไปทั่ว เพราะฤดูฝนผ่านไปแล้ว ฉันก็เลยไม่ได้พกร่มมาด้วย พอถอนหายใจอีกครั้ง มิยากิก็พูดขึ้น
「ที่บ้านฉันมีร่มอยู่นะ」
「อ๋า โถ่เอ้ย บ้านอยู่ไหนล่ะ? ใกล้ ๆ นี้เหรอ?」
ฉันไม่อยากให้มีข่าวลือว่าฉันเอาเงินจากมิยากิมา 5,000 เยน หรือ ข่าวลือว่าตะคอกใส่มิยากิแล้วยัดเงินคืนอะไรพวกนั้นด้วย
งั้นวันนี้ก็คงมีแต่ต้องทำงานให้มิยากิเท่านั้นแล้วล่ะ
ฉันเดินตามหลังมิยากิไปทั้ง ๆ ที่รู้สึกไม่สบอารมณ์