มิยากิน่ะ ไม่อร่อยสักนิด ตอนที่ 2
อยากมีแฟน
แฟนที่แสนดี แฟนที่ไม่นอกใจ
แฟนจ๋า แฟนจ๋า แฟนจ๋า
มาเที่ยวคาราโอเกะหลังเลิกเรียน อูมินะที่เอาแต่พูดคำว่า “แฟน”ออกมารัว ๆ อย่างกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งค่ามาให้พูดได้แค่คำเดียว
และนี่คือผลลัพธ์ของการที่รู้ว่าคนใดคนหนึ่งในกลุ่มมีแฟน อูมินะที่เลิกกับแฟนเมื่อตอนเดือนมกราคมก็กลายเป็นหุ่นยนต์ที่เอาแต่อยากมีแฟนไปแล้ว อูมินะที่เป็นแบบนี้นั้นมันน่ารำคาญ อุส่าห์ดูละครสุดแสนน่าเบื่อมาทั้งที แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์ในวันนี้เท่าไหร่เลย
「ดีจังเลยน้า ฮะซึกิป๊อปนี่นะ」
อูมินะทำหน้ายิ้มและพูดชื่อฉันขึ้นมา
ป๊อป
ปัญหาไม่ใช่เรื่องที่คำที่เธอพูดมามันจริงหรือเปล่า
เพราะคำตอบที่ต้องพูดออกไปมันถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว「อูมินะป๊อปกว่าอีก」ราวกับว่าถูกเรียกร้องให้ตอบกลับไปแบบนั้นในระดับที่ไม่ถึงกับยอมรับหรือปฏิเสธมากเกินไป
เด็กผู้หญิงก็เหมือนกับเค้กที่มีครีมสดและผลไม้หลากสีตกแต่งอยู่ก็จริง แต่รสชาติอาจไม่หวานเหมือนที่เห็น แม้ภายนอกจะดูน่าอร่อยขนาดไหน แต่พอกินเข้าไปแล้วกลับกลายเป็นพิษเองก็มี เพราะแบบนั้น เลยพูดถึงอูมินะที่ตัดคำว่าป๊อปออกในระดับที่ไม่ถึงกับว่าเหน็บแหนม
แต่อูมินะที่ดูเหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีกลับไม่ยอมรับ
「นี่ ตอนวันวาเลนไทน์น่ะ ฮะซึกิกลับไปก่อนนี่ นั่นน่ะ แอบไปเจอใครมาใช่ไหมล่ะ? อีดะเหรอ? หรือว่าซาซากิ?」
「ก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วนี่ว่าไม่ใช่น่ะ ก็แค่โดนครอบครัวเรียกกลับเฉย ๆ ถ้ามีแฟนจริง ๆ ป่านนี้คงบอกอูมินะเป็นคนแรกแล้วล่ะ」
เพราะโดนมิยากิเรียกตอนวันวาเลนไทน์เลยกลับไว วันถัดมาเลยโดนพวกอูมินะสงสัยว่าแอบไปหาแฟนมารึเปล่า ถึงแม้ว่าควรจะแก้ความเข้าใจผิดนั้นก็เถอะ แต่คงเป็นการทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเปล่า ๆ
อูมินะเองก็ไม่ใช่เด็กนิสัยเสียอะไร
เวลาที่ฉันมีเรื่องกลุ้มใจก็คอยเป็นห่วงแถมคอยให้กำลังใจด้วย จะมีก็แค่อารมณ์เหวี่ยงหนักกว่าชาวบ้านเค้าก็เท่านั้น
แต่ว่า การรักษาระดับอารมณ์ของเธอนั้นแหละคือเรื่องที่ลำบาก
ในกลุ่มของพวกเรา 4 คน คนนึงก็จู๋จี๋กับแฟน คนนึงก็โดนอูมินะจัดการจนกลายเป็นศพไปแล้ว พอเป็นแบบนั้น ก็เหลือเพียงแค่ฉันที่ต้องคอยรักษาอารมณ์ของอูมินะคนเดียว
ใช่ เป็นเรื่องที่น่ารำคาญเป็นบ้าเลย
สถานการณ์แบบนี้ ถ้าโดนมิยากิเรียกตัวไปก็คงดี
แม้จะอ้างเหตุผลที่เหมาะ ๆ แล้วปลีกตัวออกไปได้ก็จริง แต่ถ้ามีธุระที่ต้องทำก็จะปลีกตัวไปได้ง่ายกว่า
แต่ว่า ที่ผ่าน ๆ มาก็แทบจะไม่เคยโดนเธอเรียกตัวไปติดต่อกันเลย แถมไม่เคยติดต่ออะไรมาด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว กว่าจะโดนเธอเรียกไปอีกครั้งก็อาทิตย์หน้านู่นเลย ในวันนั้นก็ทำการบ้านให้เธอ จากนั้นก็กินอาหารที่แลดูเสียสุขภาพด้วยกัน รวมทั้งอาทิตย์ถัด ๆ ไปก็เหมือนกัน กินอาหารที่ดูเสียสุขภาพด้วยกัน มิยากิไม่เคยพูดว่าจะทำอาหารเย็นออกมาอีกเลย
เพราะงั้น วันนี้ทันทีที่เห็นข้อความเรียกให้ไปหาก็ออกจากร้านหนังสือแล้วไปซูเปอร์ ซื้อเนื้อไก่และไปหามิยากิที่ห้อง
เครื่องเคียงสำหรับข้าวกล่อง
อย่างอื่นเองก็คิดว่าเป็นพวกของแช่แข็งสำหรับทำอาหารเย็นกับพวกราเมงกระป๋อง
ยิ่งไปกว่านั้น อยากจะเห็นใบหน้าของมิยากิว่าจะแสดงสีหน้าแบบไหนให้เห็นในตอนที่ฉันทำในสิ่งที่เธอไม่ได้สั่ง เดิมทีแล้วฉันไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจกับคำพูดที่เธอบอกว่าอยากเห็นหน้าไม่ชอบใจของฉันด้วยสิ
ไม่ว่าจะทำอาหารที่บ้านตัวเอง หรือทำที่บ้านของมิยากิก็เหมือนกันนั่นแหละ
เพราะงั้น ฉันจึงเอาวัตถุดิบทำอาหารเย็นไปที่ห้องของมิยากิด้วย
「ไปหาพวกอิบารากิซังมางั้นเหรอ?」
หลังจากที่มิยากิเอาเงิน 5,000 เยนยื่นให้ก็ถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงกลับมาช้า
「เปล่านะ อ่ะนี่ เอาไปเก็บในตู้เย็นให้หน่อยสิ」
ฉันรับเงิน 5,000 เยนมาและเอาถุงซูเปอร์ส่งให้มิยากิ
「อะไรล่ะเนี่ย?」
「วัตถุดิบทำคาราอะเกะ」
「แล้วทำไมต้องเอาของพวกนี้มาด้วยล่ะ」
「เพราะฉันจะทำอาหารเย็นที่นี่ไงล่ะ」
「ฉันไม่ได้สั่งสักหน่อย」
มิยากิแสดงสีหน้าไม่พอใจให้เห็น
ต้องทำตามคำสั่งของเธอ
ถึงจะสัญญากันไว้แบบนั้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้สัญญาไว้ว่าห้ามทำอาหารเย็นที่ห้องนี้ แถมช่วงเวลาก่อนที่จะโดนสั่งก็สามารถทำอะไรก็ได้ เพราะงั้นเธอไม่สามารถตำหนิฉันที่จะมาทำอาหารเย็นที่ห้องวันนี้ได้หรอก
มิยากิเองก็คงเข้าใจเรื่องนี้จึงไม่ได้พูดห้ามอะไร ทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้วไม่พอใจใส่เท่านั้น
ถึงแม้จะคิดว่าตัวเองไม่ได้ชอบเห็นคนอื่นทำหน้าไม่พอใจก็ตาม แต่ว่าท่าทางของมิยากิที่ไม่พอใจเวลาเห็นฉันทำในสิ่งที่เธอไม่ได้สั่งนั้นมันกลับน่าสนใจดี
「ถึงจะบอกว่าไม่ให้ทำก็ตาม แต่ฉันอยากตอบแทนเรื่องที่เลี้ยงมื้อเย็นมาตลอดน่ะ ยิ่งกว่านั้น นาน ๆ ทีก็อยากกินอาหารที่จริง ๆ จัง ๆ ด้วยสิ」
พอบอกเหตุผลที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ ก็เอาถุงยื่นให้เธออีกครั้ง แต่มิยากิก็ไม่รับ
「เอาไปเก็บเองสิ」
ตอบกลับมาอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นก็ออกจากห้องที่อุ่นขึ้นจากพัดลมฮีทเตอร์และมุ่งหน้าไปที่ครัว ฉันถอดเสื้อโค้ทกับเสื้อเบรสเซอร์ออกและเดินตามเธอไป ทันทีที่เดินถือถุงซูเปอร์เข้าไปในครัวก็เจอเข้ากับตู้เย็นขนาดยักษ์ตั้งอยู่
ครอบครัวกี่คนกันล่ะเนี่ย
คิดเช่นนั้นพร้อมกับเปิดตู้สี่เหลี่ยมใหญ่ยักษ์ แต่ภายในตู้นั้นแทบจะว่างเปล่าต่างจากขนาดที่ใหญ่โตของมัน
「ตู้นี้มันแทบจะไม่มีอะไรเลยนี่นา มีแค่น้ำผลไม้เองนี่ จะไม่แย่เอาหรอ?」
「ไม่แย่หรอก」
เสียงทุ้มต่ำประกาศกร้าวออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติ
ก็นะ บ่นเรื่องตู้เย็นของบ้านคนอื่นไปมันก็ยังไงอยู่
ฉันเอาวัตถุดิบใส่ตู้เย็นอย่างเงียบ ๆ พอหยิบของใส่จนของใกล้หมดถุง ก็หยิบแป้งมันกับแป้งมันฝรั่งออกมาและถามมิยากิ
「วันนี้จะสั่งอะไรเหรอ?」
「อะไรก็ได้สักอย่างแหละมั้ง?」
「ถ้าเอาไว้ทีหลังได้ ก็คิดว่าจะทำคาราอาเกะก่อนน่ะ」
「ยังคิดไม่ออกด้วยสิ ทำตามใจชอบเถอะ」
มิยากิพูดอย่างขอไปทีและกำลังจะเดินออกจากครัว
「เดี๋ยวสิ หั่นกะหล่ำปลีให้หน่อย」
หยิบกะหล่ำปลีออกมาจากตู้เย็นและยื่นให้มิยากิ
「ฉันเหรอ?」
「นอกจากมิยากิจะมีใครอีกล่ะ?」
「เซ็นไดซังบอกว่าจะทำนี่ ก็ทำเองให้หมดสิ」
「หรือว่า.. ซอยกะหล่ำไม่เป็นเหรอ?」
พอฉันถามในขณะที่กำลังล้างมีดกับเขียงอยู่ ก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ตอบกลับมา
「ทำก็ได้」
สรุปเธอซอยกะหล่ำเป็นหรือไม่เป็นกันแน่
ถึงจะไม่รู้ก็เถอะ แต่มิยากิก็เอากะหล่ำปลีวางบนเขียง
ส่วนฉันที่อยู่ข้าง ๆ ก็ขูดขิงและใส่โชยุกับสาเกลงไป ฉันไม่ชอบกระเทียมก็เลยไม่ใส่ จากนั้นก็ใส่เนื้อไก่ที่หั่นเป็นขนาดพอเหมาะลงไปในส่วนผสมทั้งหมดแล้วคลุกให้เข้ากัน
ทันใดนั้น ก็กังวลเกี่ยวกับมิยากิที่อยู่ข้าง ๆ จึงหันไปมอง แทนที่จะบอกว่ากำลังหั่นกะหล่ำปลี ดูเหมือนว่าเธอกำลังหั่นนิ้วตัวเองมากกว่า เวอร์ขนาดนั้นเลยแหละ ซึ่งมันทำให้ฉันรู้ว่าฉันได้เอามีดให้คนที่ไม่ควรถือมีดเข้าให้แล้ว
「มิยากิ เดี๋ยวหยุดก่อน แบบนั้นมันไม่อันตรายไปหน่อยหรอ」
「ตรงไหน?」
「มือไง มือน่ะ ! ทำมือให้เหมือนแมวสิ」
「มือเหมือนแมวคืออะไรเหรอ」
「ไม่ใช่ว่าก่อนหน้าบอกว่าจะฝึกทำอาหารหรอกเหรอ?」
เอามือซ้ายงอนิ้วแล้วกดลงบนของที่จะหั่น
มันควรเรียนมาแบบนี้สิ
แต่ว่ามิยากิกลับใช้ปลายนิ้วจับกะหล่ำปลีแทน น่ากลัว
「จำไม่เห็นได้เลย」
มิยากิพูดจบก็วางมีดลง
จากนั้น กะหล่ำปลีที่แทนจะเรียกว่าซอย เรียกว่าหั่นเป็นชิ้นซะมากกว่ากระจายอยู่เต็มเขียง
「วิธีหั่นแบบนั้น คงได้หั่นมือตัวเองมากกว่าหั่นกะหล่ำแล้ว แถมจับมีดห่างเกินไปอีก」
ถ้าบอกว่าเธอเหวี่ยงมีดลงมาก็ดูจะพูดเกินไปหน่อย แต่เธอหั่นสูงกว่าปกติไปค่อนข้างมาก
「เซ็นไดซังบ่นยุบยิบอะไรไม่รู้หนวกหู」
「อ๊าา โถ่เอ๊ย มิยากิไปอยู่ตรงนู้นเลย」
แค่มองอย่างเดียวก็รู้สึกเสียวแทนแล้ว
หลังจากนี้ทำเองหมดเลยดีกว่า
แต่ว่า เธอยังไม่ยอมแพ้
「เดี๋ยวทำเองน่าปล่อยฉันทำไปเถอะ」
เสียงมีดหั่นกะหล่ำปลีลงบนเขียงดังตึก
คำร้องขอของฉันไม่เป็นผล
ต่อให้คร่ำครวญสักเท่าไหร่ ก็ย้อนกลับไปก่อนหน้าใช้เธอหั่นไม่ได้แล้ว สุดท้าย ฉันก็เอาไก่คลุกด้วยส่วนผสมของแป้งทั้งสองด้วยความประหม่า
ฉับ
ฉับบ
มีเสียงที่ไม่เหมือนกับหั่นกะหล่ำปลีดังขึ้นหลายครั้ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องเบา ๆ ของมิยากิ
「เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?」
ไม่มีเสียงตอบรับ
「มิยากิ?」
พอมองไปยังมือของเธอ ก็เห็นกะหล่ำปลีสีเขียวที่มีสีแดงผสมอยู่
「เดี๋ยวสิมิยากิ เลือดออกอยู่นี่ ถ้าโดนบาดก็รีบบอกให้เร็วกว่านี้สิ」
พอล้างแป้งที่ติดอยู่กับมือออกก็คว้าไปที่ข้อมือของมิยากิ แต่ตอนที่พยายามเอามือของเธอไปล้างน้ำตรงก๊อกน้ำที่เปิดทิ้งไว้ เธอก็ดันปิดน้ำก่อนซะงั้น
「ในตอนแบบนี้น่ะ ไม่ใช่ว่าต้องเลียนิ้วที่โดนบาดหรอกเหรอ?」
「อ่านมังงะเยอะไปแล้ว เลียไปแผลก็ไม่หายหรอก สู้ไปล้างแผลแล้วพันผ้าพันแผลดีกว่า」
「แล้วฆ่าเชื้อล่ะ?」
「การฆ่าเชื้อมันจะทำให้แผลหายช้าลง แล้วผ้าพันแผลอยู่ไหน? ถ้าไม่มี ให้ฉันเอามาให้มั้ย?」
จากที่ดู แผลไม่ลึกเท่าไหร่
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเลือดไหลซึมออกมาจากนิ้วชี้จนเกือบจะหยดลงพื้นแล้ว
ล้างน้ำเปล่า แล้วก็พันแผล
จากนั้นก็ไล่มิยากิออกไปจากครัว
ทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดนี้มันควรเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดายแท้ ๆ แต่มิยากิกลับขัดขวางไม่ยอมให้ฉันทำอะไรสักอย่าง
「เลียฆ่าเชื้อให้หน่อยสิ」
พูดจบเธอก็ยื่นนิ้วที่โดนบาดมาข้างหน้าฉัน
「เลือดออกด้วยสิ เลียไปก็ฆ่าเชื้อไม่ได้หรอก」
「เป็นคำสั่งน่ะ」
「….อย่าบอกว่าตั้งใจหั่นนิ้วตัวเองน่ะ?」
「จะบ้าเหรอ」
เธอสั่งคำสั่งที่ไม่มีทางขัดขืดได้ออกมาในขณะที่ยื่นนิ้วมาด้านหน้าฉัน
สีแดง เลือดสีแดงกำลังไหลออกมาจากนิ้วของเธอ
แค่มองเฉย ๆ ก็รู้สึกถึงรสเหล็กกระจายไปทั่วปาก
「มิยากิซัง เร็ว ๆ สิ」
ถึงแม้จะเคยเลียเลือดตัวเองก็จริง แต่เลือดของคนอื่นน่ะไม่เคยหรอก
เลือดของคนอื่นนั้นมันจะรสชาติเหมือนของตัวเองรึเปล่านั้น
ณ ตอนนี้ ฉันได้รู้คำตอบนั้นแล้ว