บทที่ 516 ตอนพิเศษ เสี่ยวเป่าในวัยเติบใหญ่
บทที่ 516 ตอนพิเศษ เสี่ยวเป่าในวัยเติบใหญ่
เสี่ยวเป่าอายุย่างเข้าสิบหกปี ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหนก็ล้วนเป็นที่สนใจของผู้คน
เหตุเพราะนางเป็นองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียว จึงกลายเป็นที่รักใคร่หวงแหนของฮ่องเต้และบรรดาองค์ชาย ผู้ใดก็อยากแต่งกับนาง
ด้วยเหตุนี้คนทั้งตระกูลหนานกงจึงยิ่งเป็นกังวล เพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยวเป่าถูกชายชั่วหลอกเอา ทั้งพี่ชายและท่านอาของนางต่างผลัดเปลี่ยนแวะเวียนมาเล่าเรื่องผู้ชายที่ชอบใช้คำพูดน่าประทับใจมาหลอกลวงผู้คนเพื่อเตือนใจนาง ทั้งจริงบ้าง แต่งขึ้นมาเองบ้างก็มี
เนื้อหาหลัก ๆ คือคำพูดผู้ชายล้วนเชื่อถือไม่ได้ อย่าเชื่อคำพูดหวาน ๆ คนพวกนั้นเด็ดขาด!
เยว่หลี “ถูกต้องที่สุด!”
เขารีบเอ่ยสำทับเสียงดังลั่น
แต่… เรื่องที่เขารู้มาน่ากลัวกว่านั้นเยอะ
แค่ก… เนื่องจากเขาได้อ่านนิยายในห้องสมุดของเสี่ยวเป่า เมื่อเทียบกับชายชั่วที่ชอบใช้คำหวานล่อลวงผู้หญิง หวังฮุบสมบัติแล้วนั้น ในนิยายน่ากลัวยิ่งกว่านั้นหลายเท่า
พระเอกอยากได้หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไตของนางเอก ดูดเลือดนางเอกก็ยังมี…
สรุปคืออันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เหล่าพี่ชายได้ยินเช่นนั้นถึงกับตกใจอ้าปากค้าง
“มีคนเช่นนั้นด้วยหรือ”
เยว่หลีทำหน้าจริงจัง “ย่อมมีแน่นอน ในโลกที่ข้าเคยอยู่ ความรู้เรื่องการรักษาก้าวหน้ามาก หากอวัยวะภายในเสียหายหรือไม่ทำงานแล้ว ก็สามารถผ่าตัดเอาอวัยวะของผู้อื่นมาใส่แทนได้”
เหล่าพี่ชายทิ้งตัวโอดครวญ เป็นห่วงยิ่งกว่าเดิมอีก
“บ้าไปแล้วแน่ ๆ”
“ทุเรศสิ้นดี”
“โชคดีที่เสี่ยวเป่าไม่ได้อยู่ที่โลกนั้นแล้ว เกิดนางถูกหลอกขึ้นมาจะทำอย่างไร”
เสี่ยวเป่า : …
“นั่นมันก็แค่นิยาย”
นางไม่ได้โง่ถึงขนาดยอมทุกอย่างเพื่อความรักหรอกนะ
แต่เยว่หลีไม่เห็นด้วย “ไม่ใช่ว่านิยายเขียนมาจากเรื่องจริงหรอกหรือ โลกกว้างออกปานนั้น อาจเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นที่ใดสักแห่งอย่างแน่นอน”
เหล่าพี่ชายพยักหน้าเห็นด้วย “ฉะนั้นบุรุษไว้ใจไม่ได้ ยกเว้นเสด็จพ่อและพวกพี่”
พูดถึงตรงนี้ คนทั้งหลายก็หันไปมองเยว่หลี
เยว่หลีหันซ้ายมองขวา “???”
“ทำไมหรือ”
“จะว่าไปแล้ว เจ้าเองก็ไม่ใช่ทั้งพ่อและพี่ชายของนางนี่นา”
เยว่หลีนั่งตัวตรง ฉีกยิ้มอ่อนน้อมถ่อมตนให้
“พวกเจ้าจะมาเหมารวมข้าด้วยได้อย่างไร ข้าไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ”
ประโยคนี้เหมือนเขากำลังด่าตัวเอง แต่… ที่เขาพูดมันก็ถูก
เยว่หลีไม่ใช่มนุษย์จริง ๆ มนุษย์อันใดกันจะถูกฟ้าผ่าตั้งหลายครั้งกลับยังมีชีวิตรอดมากระโดดโลดเต้นไปมา
พอบอกไปอย่างนี้ เหล่าพี่ชายก็ไม่รู้จะหาคำพูดใดมาแย้ง
วันนี้เสี่ยวเป่าและเหล่าพี่ชายมารวมตัวกันที่งานเทศกาล จึงได้พบปะผู้คนมากมาย
ล้วนแล้วแต่เป็นคุณชายรูปงามมากหน้าหลายตา รวมถึงบัณฑิตที่ได้คะแนนสูงสุดสามอันดับแรก พวกเขาล้วนเป็นชายหนุ่มรูปงามมีความสามารถ
ผู้ที่สอบได้อันดับต้น ๆ ล้วนเป็นชายหนุ่มอายุน้อย และได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ
ไม่รู้ว่าพวกเขารู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเป่าจะมางานเทศกาลกับพี่ชาย แต่ละคนแสร้งทำเป็นบังเอิญ ทั้งที่มาดักรออยู่ก่อนแล้ว
หากจะถามหาสาเหตุแล้วละก็… พี่น้องทุกคนต่างมองหนานกงฉีจวินเป็นตาเดียว!
“เพราะท่านคนเดียวเลย ดื่มไม่เก่งก็อย่าดื่มเยอะนักสิ! แล้วเราจะเดินเที่ยวชมงานแบบสงบสุขได้อย่างไร!”
ใช่แล้วละ ต้นเหตุก็คือหนานกงฉีจวินเมาแล้วหลุดปากบอกความลับอย่างไรเล่า
“จริงด้วย ๆ ข้าเห็นด้วยกับท่านอาหญิงเล็ก!”
เมื่อใดที่มีชายหนุ่มแต่งตัวดีเข้ามา พวกเขาต่างได้รับสายตากดดันจากเจ้าตัวเล็กทั้งหลาย
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางคนที่กล้าหาญเป็นพิเศษ ก้าวออกมาบอกความในใจต่อหน้าเสี่ยวเป่า
“ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง กระหม่อมคุณชายสามจากจวนอันกั๋วกง นามว่า xxx กระหม่อมชื่นชอบท่านมาก ชอบที่สุด ชอบ…”
ยังไม่ทันพูดจบ เยว่หลีก็หยิบก้อนหินใกล้มือปาใส่คนผู้นั้น ก่อนจะทำท่าปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดอย่างใจเย็น
“ผอมบางเหลือทน คนนี้ไม่ผ่าน”
แน่นอนว่าเหล่าพี่ชายเห็นด้วยทุกประการ ซ้ำยังเอาแต่จ้องชายผู้นั้นด้วยสายตาขุ่นเคือง
เสี่ยวเป่า : …
ชีวิตนี้นางจะได้ออกเรือนหรือไม่
แม้นางจะไม่ได้รีบร้อนอยากแต่งงาน แต่… จะให้นางครองตัวเป็นโสด เป็นสาวเทื้อไปตลอดชีวิตเลยหรือ
แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกเยว่หลีและเหล่าพี่ชายกีดกันออกไปจากเสี่ยวเป่า ไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นได้มีโอกาสใกล้ชิดเสี่ยวเป่าเลยแม้แต่น้อย!
สิบหกก็แล้ว สิบเจ็ดก็แล้ว สิบแปดก็ยังไม่มีวี่แวว…
สำหรับคนในยุคนี้ อายุของเสี่ยวเป่าเลยวัยออกเรือนมานานแล้ว ฉะนั้นต่อให้เป็นคนในราชวงศ์ก็หนีไม่พ้นคำครหา ข่าวลือมากมายเริ่มแพร่กระจายออกไปข้างนอก
เสี่ยวเป่าไม่สนใจ แต่ท่านพ่อ พี่ชาย และหลานชายของนางใส่ใจเป็นพิเศษ
เสี่ยวเป่าสังเกตเห็นว่าบางครั้งพี่ชายก็มาพร้อมท่าทางหัวเสีย บางทีหลานชายก็กลับมาพร้อมรอยแผล เห็นได้ชัดว่าออกไปต่อยตีมา
“พวกเจ้าออกไปต่อยตีมาอีกแล้วหรือ”
เสี่ยวเป่ามองพวกเขาอย่างขบขัน บีบแก้มหลานชายตัวน้อยด้วยความเอ็นดู ใจนางเป็นทุกข์แต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้
หลานชายตัวน้อยทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“ท่านอาหญิงห้ามแต่งงาน! ท่านเป็นของเรา!”
คนที่อายุน้อยที่สุดกอดเสี่ยวเป่าไม่ยอมปล่อย “ท่านอาหญิงรอให้เสี่ยวสือโตก่อน เสี่ยวสือจะแต่งงานกับท่านอาหญิง!”
พอได้ยินคำพูดไร้เดียงสาจากเหล่าหลานชาย เสี่ยวเป่าก็ยกยิ้มพลางกอดพวกเขาเอาไว้
วันนี้นางไม่ใช่เด็กหญิงตัวเตี้ยและอ้วนท้วนอีกต่อไป
ใบหน้าเรียวงาม ดวงตาดุจคลื่นใสไหลริน คิ้วโค้งดั่งเขาทอดยาว ริมฝีปากแดงระเรื่อ เส้นผมดำขลับยาวสลวย ผิวขาวผ่องนุ่มชุ่มชื้นดูสุขภาพดี นิสัยใจดีอ่อนโยน แต่ก็มีความสุขุมสง่างามสมกับเป็นองค์หญิง
ความงามของนางอยู่ในช่วงผลิบานเช่นเดียวกับดอกพุดตานบานสะพรั่ง แม้แต่จิตรกรที่มีฝีมือที่สุดยังไม่สามารถถ่ายทอดความงามของนางลงบนภาพวาดได้สักเสี้ยว
ด้วยเหตุนี้ แม้จะต้องถูกคนตระกูลหนานกงทุบตี พวกเขาก็ยังพยายามแสดงความรักต่อนางอย่างกล้าหาญ
แต่ก็ต้องพบจุดจบที่น่าผิดหวัง
เสี่ยวเป่ารำคาญมาก นับตั้งแต่อายุสิบเจ็ด นางก็แทบไม่ก้าวขาออกจากพระราชวังเลย
ตอนนี้นางสิบเก้าแล้ว และจะครบยี่สิบหลังวันข้ามปี แต่ดูเหมือนว่าตั้งแต่ย่างเข้าสิบแปด รูปลักษณ์ของนางก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเลย
แต่มันก็แค่เวลาสองปี คงบอกชัด ๆ ไม่ได้หรอกว่าเปลี่ยนหรือไม่
“อาแต่งกับเจ้าไม่ได้หรอก”
“เพราะเหตุใด!”
เด็กน้อยได้ยินก็เริ่มวิตก
เสี่ยวเป่ายิ้มให้เสี่ยวสือก่อนจะใช้นิ้วเรียวเคาะปลายจมูกเขา
“เพราะอามีหลานชายตัวน้อยตั้งหลายคน เจ้าคิดว่าอาควรแต่งกับใครดี”
เสี่ยวสือกวาดตามองเหล่าพี่ชาย แล้วกล่าวอย่างมั่นใจ “ข้าเด็กสุด พวกพี่ชายต้องเสียสละให้ข้า!”
จากนั้นเขาก็ถูกพี่ ๆ ทุบตี
ในที่นี้มีผู้ใดมิใช่หลานของท่านอาหญิงบ้าง ไยพวกข้าต้องเสียสละให้เจ้า
เสี่ยวเป่าได้แต่หัวเราะหลาน ๆ
พี่ชายนางแต่งงานกันหมดแล้ว ทั้งยังมีหลานตัวน้อยให้นางมากมาย
เสี่ยวเป่าเริ่มเป็นกังวล นางมีหลานชายมากเกินไปแล้ว พลันรู้สึกอยากมีหลานสาวเหมือนคนอื่นเขาบ้าง
ราชวงศ์นี้ถูกสาปหรือไร ลูกหลานที่เกิดมาคนแล้วคนเล่าล้วนแล้วแต่เป็นชาย
ไม่ใช่แค่เสี่ยวเป่าคนเดียวที่เป็นกังวล เหล่าพี่ชายของนางก็กังวลเช่นกัน
ส่วนหนานกงสือเยวียนปวดใจหนักกว่าเดิม
ต้องคอยจับเจ้าหลานชายตัวน้อยทั้งหลายใส่กระด้งยัดเข้าสำนักศึกษา ไม่ให้มาก่อกวน
แต่เรื่องที่ทำให้เขาหนักใจกว่าก็คือเรื่องการแต่งงานของบุตรสาว
อีกไม่นานเสี่ยวเป่าก็จะยี่สิบแล้ว หนานกงสือเยวียนยื้อไว้นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เขาไม่อยากปล่อยบุตรสาวสุดที่รักออกจากอ้อมอก แต่เขาก็ไม่สามารถรั้งนางให้อยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตได้ ไม่เช่นนั้นบุตรสาวของเขาจะถูกผู้อื่นนินทาว่าร้ายเอาได้
เขาจึงตัดสินใจเชิญชายหนุ่มรูปงามมีความสามารถจากทุกสารทิศมาเข้าร่วมงานคัดเลือกราชบุตรเขย
ทันทีข่าวแพร่สะพัด ทั้งดินแดนจงหยวนและทุ่งหญ้าพลันสั่นสะเทือน
ไม่เพียงแค่ชายหนุ่มจากจงหยวนและทุ่งหญ้าเท่านั้น แม้แต่อาณาจักรน้อยใหญ่ยังรีบส่งองค์รัชทายาทของตนมาเข้าร่วม
ปัจจุบันต้าเซี่ยเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด ในฐานะองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของต้าเซี่ย ทุกคนต่างรู้กันดีว่าฮ่องเต้ต้าเซี่ยรักนางมากเพียงใด แล้วจะมีสิ่งใดดีไปกว่าการได้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับต้าเซี่ย
ไม่นานหลังจากข่าวถูกเผยแพร่ ผู้คนในเมืองต้าเซี่ยก็มักจะได้เห็นชายหนุ่มรูปงามสวมเสื้อผ้าหลากหลายแบบ สีผิว สีผม และสีตาแตกต่างกัน เดินขวักไขว่ไปตามท้องถนนในเมืองหลวง นับเป็นภาพที่เจริญหูเจริญตายิ่งนัก
………………………………………