บทที่ 482 สังหรณ์ใจไม่ดีเลย
บทที่ 482 สังหรณ์ใจไม่ดีเลย
เสี่ยวเป่าโกรธมากจนแก้มพองเป็นปลาปักเป้า
แต่อานั่วซือหาได้รับรู้ไม่ เสี่ยวเป่าโกรธอยู่นานแล้ว เขาก็ยังไม่สังเกตเห็น
เสี่ยวเป่า “…”
นางจึงทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง
วันคืนที่ไร้ท่านพ่อและพี่ชายข้างกายช่างเลวร้ายเหลือทน นางคิดถึงพวกเขาที่สุดเลย!
เสี่ยวเป่าถอนหายใจ นมผงที่ชงมาหมดแล้ว จึงหยิบเนื้อวัวแห้งมาเคี้ยวเล่น
หนาวเหลือเกิน ก่อกองไฟคราวหน้า เห็นทีนางคงต้องหาทางทำเตาอุ่นมือชั่วคราวไว้ใช้เสียแล้ว!
ในขณะที่นางกำลังตั้งใจเคี้ยวเนื้อในปาก จู่ ๆ มือหนึ่งข้างก็ยื่นมาหานางอีกหน
เสี่ยวเป่า : …น่าจับหักคอเสียนี่!
ถึงไม่เต็มใจ แต่นางก็ยังยอมยื่นให้อีกฝ่ายไปหนึ่งชิ้น
นางไม่ใช่คนขี้เหนียว แต่นางโกรธเขาอยู่!
เขากินอาหารของนางไปตั้งเยอะ แต่พอนางโกรธ กลับไม่คิดจะง้อด้วยซ้ำ ตอนนี้ยังมาขอของกินหน้าตาเฉย
หลังจากนั่งอยู่บนหลังฉางเมามาเกือบทั้งวัน เสี่ยวเป่าเริ่มเบื่อจึงเริ่มขยับยุกยิก หันซ้ายมองขวาหาเรื่องคุยกับอีกคนแก้เบื่อ
“อานั่วซือ เราจะไปที่ใดกันหรือ”
เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ นัยน์ตาสีม่วงทอดยาวไปข้างหน้า
“กลับเผ่า”
เสี่ยวเป่า “เจ้ารู้จักเผ่าฉางเซิงเทียนหรือไม่”
“รู้”
เสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง ในที่สุดนางก็ได้ข่าวคราวของเผ่าฉางเซิงเทียนแล้ว!
“เช่นนั้นเจ้าเป็นชาวเผ่าฉางเซิงเทียนหรือ ข้าเคยได้ยินมาว่าชาวเผ่าฉางเซิงเทียนฝึกสัตว์ร้ายยักษ์ให้เชื่องได้ เจ้านี่คือสัตว์ร้ายยักษ์ที่เจ้าฝึกให้เชื่อง!”
แม้ว่าอานั่วซือไม่ตอบ แต่เขาก็พยักหน้า
“เจ้าเป็นชาวเผ่าฉางเซิงเทียนจริงด้วย!”
อานั่วซือ “นั่งดี ๆ!”
เขาเอ่ยเตือนเสียงดุ
เสี่ยวเป่าดีใจอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องย้ายสายตามองตามอีกคนไป
ทันใดนั้นอานั่วซือก็ลุกยืน ฝูงหมาป่ายักษ์ที่วิ่งตามสัตว์ร้ายมาอย่างเกียจคร้านก็หูตั้งขึ้นทันที
สัตว์ร้ายยักษ์หยุดวิ่งกะทันหัน
พริบตาต่อมา อานั่วซือก็กระโดดลงจากหลังของมัน พุ่งตัวไปข้างหน้ารวดเร็วราวลูกธนู
“กรร!”
ท่ามกลางทุ่งหิมะเงียบสงบ กลุ่มคนสวมชุดหนังสัตว์พุ่งตัวออกมาจากที่ซ่อน อาวุธที่พวกเขาถืออยู่มุ่งเข้าหาอานั่วซืออย่างรวดเร็ว แทบไม่มีเวลาให้ตั้งตัว
อานั่วซือคว้าด้ามหอกที่พุ่งเข้ามาด้วยมือเปล่า แล้วดีดตัวขึ้นกลางอากาศ เพื่อถีบคนที่กำลังวิ่งเข้ามาหากระเด็นไกลหลายจั้ง ก่อนจะตามไปคว้าผมยาวสลวยของสองคนนั้นเหวี่ยงออกไป ตอนนี้เขาดูโหดเหี้ยมราวกับสัตว์ร้าย ตะครุบคนซ้ายขวามาขย้ำอย่างไร้ปรานี สีหน้าดุร้ายเหมือนหมาป่าแยกเขี้ยว
หมาป่ายักษ์ที่วิ่งตามมาข้างหลัง รีบพุ่งตัวเข้าช่วยจัดการคนที่เหลือ
“อานั่วซือ แน่จริงเจ้าก็สู้กับเราเพียงลำพังสิ สั่งให้หมาป่าพวกนี้กลับไปซะ!”
ชายที่ถูกหมาป่ายักษ์ตัวหนึ่งตรึงไว้พยายามดิ้นพร้อมตะโกนท้าอานั่วซือเสียงดัง
เสี่ยวเป่าฟังภาษาที่พวกเขาพูดไม่ออก มันคล้ายกับภาษาเผ่าเทียนกู่น่า แต่สำเนียงเหมือนจะแตกต่างกันเล็กน้อย
อานั่วซือบีบคอคนที่อยู่ใต้ร่างไว้แน่น นัยน์ตาสีม่วงหรี่ลงเป็นเส้นตรง ดวงตาแข็งกร้าวแฝงด้วยความดุร้าย เพียงสบตา ผู้คนเป็นต้องสั่นสะท้าน
คนผู้นั้นตัวสั่นเทา เริ่มร้องขอความเมตตา
อานั่วซือเม้มปากแน่น ปล่อยมือจากคนตรงหน้าด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ก่อนจะเตะร่างบนพื้นออกไปให้พ้นทาง
อานั่วซือมองชายที่กำลังดิ้นรนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะต่อยเข้าที่หน้าคนผู้นั้นจนเลือดกำเดาไหล
เสียงร้องโหยหวนเพราะความเจ็บปวดดังก้อง
“อานั่วซือ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายข้า ข้าจะให้ท่านปู่ไล่เจ้าออกจากเผ่า!”
คนผู้นั้นแม้เจ็บตัวอยู่ก็มิวายตะโกนข่มขู่อานั่วซือไม่หยุด
อานั่วซือเบะปากก่อนจะเตะเขาอีกหน แต่มิใช่การเตะเบาเหมือนก่อนหน้า เพราะคราวนี้อีกฝ่ายกระเด็นไปไกลเป็นจั้ง
“คู่ต๋า! อานั่วซือ เจ้าทำร้ายคู่ต๋าเช่นนี้ หัวหน้าเผ่าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
อานั่วซือสะบัดผมที่ยุ่งเล็กน้อยกลับเข้าที่ น่ารำคาญเสียจริง
มีสัตว์ร้ายยักษ์อย่างฉางเมามากกว่าหนึ่งตัวและหมาป่ายักษ์อีกหลายตัว กลับไปคราวนี้ เขาควรจะโค่นหัวหน้าเผ่าแล้วขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าเสียเองดีหรือไม่!
อานั่วซือผู้แข็งแกร่งไม่ชอบให้ผู้ใดมาเหยียบหัวแล้วชี้นิ้วสั่ง
หรือเขาควรจัดการเผ่านั้นให้ราบคาบไปเลยดี?
ไม่สิ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ตาเฒ่า ยังอยู่ที่นั่น เขารักเผ่านั้นมากด้วย
อานั่วซือถอนหายใจเฮือกใหญ่ เรียกฝูงหมาป่ายักษ์กลับมา ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังสัตว์ร้ายยักษ์ที่เสี่ยวเป่านั่งอยู่ด้วยความคล่องแคล่ว
“พวกเขาเป็นผู้ใด”
ดูเหมือนจะมีความแค้นกับอานั่วซือมากทีเดียว
อานั่วซือ “พวกขยะไร้ประโยชน์ โง่เง่า”
หันมาตอบเสี่ยวเป่าแล้ว เขาก็หันกลับไปพูดกับคนพวกนั้นด้วยภาษาเผ่า
พรรคพวกของคู่ต๋าจ้องเขาเป็นตาเดียว
รังสีอำมหิตอานุภาพแรงกล้าเสียจนเสี่ยวเป่าสัมผัสได้
โชคดีที่นอกจากดวงตาของนางแล้ว ส่วนที่เหลือของร่างกายถูกเจ้าฉางเมาบังไว้จนมิด สายตามาดร้ายแหลมคมประดุจมีดของคนพวกนั้นจึงมิอาจทิ่มแทงนางได้
อานั่วซือจากไปพร้อมกับสัตว์ร้ายยักษ์และหมาป่า
ไม่มีผู้ใดกล้าขวางเขาไว้ ได้แต่ใช้สายตาเคียดแค้นชิงชังแฝงด้วยความหวาดกลัวมองตามหลังเขาไป
จากคนพวกนั้นได้ไกลประมาณหนึ่ง เสี่ยวเป่าถึงเอ่ยถามอีกครั้ง “คนพวกนั้นอยู่เผ่าเดียวกันกับเจ้าหรือ ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าเหมือนจะแย่มาก”
ไม่ใช่แค่แย่ เรียกว่าพร้อมหันปลายดาบเข้าหากัน อย่างนี้มันศัตรูแล้ว
อานั่วซือพยักหน้า
เสี่ยวเป่า “เจ้าพึ่งจะบอกกับข้าว่าเป็นชาวเผ่าฉางเซิงเทียนมิใช่หรือ”
“อืม”
เสี่ยวเป่าตาเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ หากยามนี้ไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วย นางคงเท้าเอวหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นแล้ว
โชคดีอะไรเช่นนี้ แม้นางจะพลัดหลงจากคนอื่น ๆ ทว่านางก็ยังมาพบคนในเผ่าฉางเซิงเทียน นางคือราชาแห่งดาวนำโชค!
เพื่อไม่ให้ตนเองตื่นเต้นจนออกนอกหน้า เสี่ยวเป่าจึงเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามถึงเรื่องอื่น
“ในเมื่อคนพวกนั้นเป็นคนในเผ่าเจ้า เช่นนั้นพวกเขาจะไม่เอาเรื่องวันนี้กลับไปฟ้องหัวหน้าเผ่าเพื่อกลั่นแกล้งเจ้าหรอกหรือ”
“คงอย่างนั้น”
อานั่วซือตอบอย่างไม่ลังเล
เสี่ยวเป่า “…”
สังหรณ์ใจไม่ดีเลย หรือนางคิดมากไปเอง