บทที่ 475 หมอผีเทียนกู่น่า
บทที่ 475 หมอผีเทียนกู่น่า
ขณะนี้เสี่ยวเป่าได้ติดตามชาวเผ่าเทียนกู่น่าไปยังภูเขาหิมะ
ยิ่งเข้าใกล้ภูเขาหิมะมากเท่าใดอากาศยิ่งหนาวเหน็บ ทว่ายามราตรีเสี่ยวเป่าไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อยยามหลับใหลในกระโจมนอนชั่วคราว
อย่างไรเสียนางก็มีเตาผิงตั้งสองตัว รอบกายรายล้อมด้วยขนหนาจนไม่รู้สึกหนาวแม้อยู่ท่ามกลางหิมะก็ตาม
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เสี่ยวเป่าก็ได้เห็นถึงความอันตรายบนทุ่งหญ้าอย่างแท้จริง
บนทุ่งหญ้ามีหมาในและสัตว์ดุร้ายอื่น ๆ กระทั่งโจรคนเถื่อนก็มีมากเป็นพิเศษ
กลุ่มของพวกเขาขนของมามากมายเพียงนี้ ย่อมดึงดูดให้เหล่าคนโลภมาแย่งชิง
ทว่านักรบเผ่าเทียนกู่น่าก็ไม่ใช่สัตว์กินพืชแต่อย่างใด
คืนแรกพวกเขาพบเข้ากับฝูงหมาใน
ทว่าหมาในเหล่านั้นไม่อาจเอาสิ่งใดไปจากเผ่าเทียนกู่น่าได้แม้แต่น้อย ทั้งยังต้องทิ้งร่างเพื่อนในฝูงไว้อีกหลายตัวพลอยโดนย่างกินเป็นอาหาร
วันที่สองพวกเขาก็ถูกโจมตีอีกครั้ง
นอกจากสองคนที่ทิ้งเอาไว้ปกป้องเสี่ยวเป่าแล้ว คนที่เหลือก็เข้าต่อสู้กับเหล่าโจร
ต่อหน้าชาวเทียนกู่น่าที่แข็งแกร่งประหนึ่งมัจจุราช พวกโจรถูกจัดการอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายก็แตกพ่าย
ตอนแรกเสี่ยวเป่ายังคงหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นก็เริ่มชินชาขึ้นเรื่อย ๆ
การออกมาฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านนอกนับว่าจำเป็นมากจริง ๆ
“ใกล้ถึงแล้วหรือ”
การเดินทางบนเส้นทางขึ้นเขาอันขรุขระ สิ่งที่จำเป็นต้องใช้คือม้า ไม่มีทางที่รถม้าจะเข้าไปได้
เพื่อลดน้ำหนักที่ม้าต้องแบกรับ ชาวเทียนกู่น่าเลยลงจากหลังม้าแล้วเดินเท้า ด้านหลังพวกเขายังแบกสัมภาระอยู่อีกไม่น้อย
เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนหลังเฮยอู๋ฉาง
ตอนนี้นางอายุสิบปีแล้ว สูงขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย แต่เฮยอู๋ฉางยังสามารถให้นางขี่หลังเดินไปมาได้อย่างไร้ปัญหาใด
“ใกล้ถึงแล้ว”
ข้ามภูเขาป่าไม้ ผ่านทุ่งหญ้าราบสูง สุดท้ายก็เข้าสู่ภูเขาหิมะ
ตลอดเส้นทางล้วนยากลำบากเป็นอย่างมาก แต่เสี่ยวเป่าก็ไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย นางมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก
แม่นางน้อยนุ่มนิ่มงดงามผิวพรรณบอบบาง มองเพียงแวบแรกก็ทราบว่าไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมเลวร้ายเช่นนี้
ทว่าความมุ่งมั่นของนางนั้นเกินกว่าความคาดหมายของทุกคน
ชาวเทียนกู่น่าทำใจไว้แล้วว่าคุณหนูหนานกงจะต้องทนไม่ไหวจนร้องไห้ออกมา อย่างไรเสียทุกคนต่างก็เห็นว่านางตอนอยู่ในเมืองหน้าด่านต้าเซี่ยนั้นใช้ชีวิตสะดวกสบายเพียงใด
“คุณหนูหนานกง ให้พวกข้าช่วยแบกท่านเดินทางจะดีกว่า”
เสี่ยวเป่าส่ายหน้า นางไม่ได้ขี่หลังเฮยไป๋อู๋ฉางตลอดเวลา บนเส้นทางบางช่วงเสือทั้งสองเพียงแค่เดินด้วยตัวเองก็ลำบากแล้ว ชาวเทียนกู่น่าหลายคนจึงต้องการจะช่วยเหลือนาง
“ข้าไม่เป็นอันใด ตลอดทางส่วนใหญ่ล้วนขี่เฮยไป๋อู๋ฉาง ข้าเพียงเดินครู่เดียวไม่เหนื่อยเลย”
นอกจากนี้บนหลังพวกเขาต่างแบกของเอาไว้ หากเพิ่มนางไปอีกจะเป็นภาระเกิน
สองชั่วยามถัดมา เสี่ยวเป่าสัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บของภูเขาหิมะ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเผ่าเทียนกู่น่า
เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่บนหลังเสือห่อตัวเองแน่น พ้นจากใบหน้าที่ถูกคลุมมีเพียงดวงตาคู่งาม
เทียบกับที่นี่แล้ว ฤดูหนาวในเมืองหน้าด่านนับว่าไม่ได้หนาวมากจริง ๆ
นางได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจ
ต่อจากนั้นก็เป็นเสียงสนทนาภาษาเผ่าเทียนกู่น่า เสี่ยวเป่าสามารถเข้าใจได้เพียงคำทั่วไปบางคำ
เช่น นักรบ สินค้า และนมผง
อาจกำลังชมพวกเขาก็เป็นได้ เสี่ยวเป่าที่ห่อตัวเองเสียกลมคิดขึ้นมา
หนาวเกินไปแล้ว นางอยากกลับ แต่เมื่อคิดถึงยาที่ท่านพ่อต้องการ ดวงตาของเสี่ยวเป่าพลันทอประกายมุ่งมั่นเป็นพิเศษ
หากท่านพ่อยังคงลากออกไปเช่นนี้ปีแล้วปีเล่า ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าใดจึงจะสามารถหาพบ
อีกทั้งส่งคนไปอย่างไรก็ไม่เจอ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องการลองดูด้วยตัวเอง
เสี่ยวเป่าปลอบใจตนเอง นางถูกพาเข้าไปยังกระโจมอันอบอุ่นแห่งหนึ่งท่ามกลางความกระตือรือร้นจากเผ่าเทียนกู่น่า
เสือทั้งสองเองก็ตามมาด้วย
หลังจากเข้าไปแล้ว นางก็พบกับผู้อาวุโสที่มีรูม่านตาสีอ่อนขาวแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
“นั่งลงเถิด”
ผู้อาวุโสเอ่ยด้วยภาษาทุ่งหญ้า
เสี่ยวเป่าอยู่ชายแดนมานานย่อมสามารถฟังเข้าใจและพูดภาษาทุ่งหญ้าได้
“สวัสดีเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเป่าทักทายคนผู้นั้นอย่างสุภาพ
“คุณหนูหนานกง นี่คือท่านหมอผีของพวกข้า”
กู๋เหมิงเอ่ยกับนาง หลังจากนั้นก็หันไปเอ่ยกับผู้อาวุโส “ท่านหมอผี ข้านำเทพธิดากลับมาแล้ว”
ประโยคดังกล่าวเอ่ยด้วยภาษาเผ่าเทียนกู่น่า ดังนั้นเสี่ยวเป่าจึงฟังไม่เข้าใจ
หมอผีบอกให้พวกเขาจากไป ดวงตาสีขาวเทาจับจ้องทางเสี่ยวเป่า
“ขอทราบว่าท่านสามารถชี้นำทางข้าไปฉางเซิงเทียนได้หรือไม่”
นางเอ่ยขออภัยต่อ “แม้ว่าจะกะทันหันไปมาก แต่ข้าจำเป็นต้องไปที่ฉางเซิงเทียนจริง ๆ เพื่อตามหายานำมารักษาท่านพ่อ”
หลังจากสนิทสนมกับพวกกู๋เหมิงแล้ว เสี่ยวเป่าก็ได้รู้ว่าฉางเซิงเทียนเป็นสิ่งไม่อาจถูกดูหมิ่นโดยง่ายในใจของพวกเขา
หมอผีโบกมือ เรียกให้เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา
“อาจูหม่า”
ถึงจะกล่าวว่าเป็นเด็กหนุ่ม แต่ร่างกายของเขาก็สูงใหญ่แทบเท่าท่านพ่อของเสี่ยวเป่าแล้ว
“ข้าสามารถบอกเจ้าได้”
เมื่อเสี่ยวเป่าได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ในแววตาพลันปรากฏความประหลาดใจยินดีขึ้นมา
“ได้จริงหรือ”
“แต่ข้าเดินไปเองไม่ไหวแล้ว การพาท่านไปฉางเซิงเทียน มีเพียงแค่หลานชายของข้าเท่านั้นที่ทำได้”
เสี่ยวเป่ากล่าว “ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่พาไปฉางเซิงเทียนได้”
หมอผียกมือขึ้นแตะนิ้วลงบนหน้าผากของนาง ราวกับทำพิธีกรรมบางอย่าง
“เทพธิดาเข้าสู่ฉางเซิงเทียน นี่คือการชี้แนะที่ฉางเซิงเทียนมอบให้ข้า”
ภายใต้สายตาสับสนของเสี่ยวเป่า หมอผีลดมือลงแล้วกล่าวออกมา
“นักรบเผ่าเทียนกู่น่าจะไปกับท่าน พวกเขาจะนำศิลาหมอผีที่จำเป็นต่อไปมาด้วย”
เสี่ยวเป่าฟังแล้วงุนงงขึ้นมาทันที หลังหมอผีเอ่ยจบก็หลับตาลงพร้อมเอ่ยเร่งรัดพวกเขา
“พวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อนเถิด”
เสี่ยวเป่ากับเด็กหนุ่มผู้นั้นจึงออกไปด้วยกัน