เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 451 จับกุมสายลับซยงหนู

บทที่ 451 จับกุมสายลับซยงหนู

บทที่ 451 จับกุมสายลับซยงหนู

บทที่ 451 จับกุมสายลับซยงหนู

เมื่อเสี่ยวเป่าตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่เห็นหนานกงสือเยวียนแล้ว นางไม่กล้าออกไปเดินเพ่นพ่านในค่ายทหาร เพราะเกรงว่าอาจสร้างปัญหาให้ท่านพ่อ จึงนอนอ่านตำราอยู่บนเตียงในกระโจมอย่างเรียบร้อย

อ่านไปได้ราวสองเค่อก็มีเสียงความเคลื่อนไหวดังมาจากหน้ากระโจม

เสี่ยวเป่าเข้าใจว่าบิดากลับมาแล้ว ทว่าขณะจะเดินออกไปหาอย่างดีอกดีใจ พริบตาถัดมากลับได้ยินเสียงกระซิบกระซาบดังแว่วมา

“เร็วหน่อย อาศัยช่วงที่ฮ่องเต้ต้าเซี่ยไม่อยู่ เข้าไปขโมยสิ่งของออกมาเร็วเข้า”

ทันใดนั้น เสี่ยวเป่ากับเจ้าเสือสองตัวพลันกางหูผึ่ง

เสี่ยวเป่าลืมตากลมโต นางกำลังจะได้เผชิญหน้ากับสายลับในตำนานหรือเนี่ย!

เสี่ยวเป่าเหลือบมองเสือสองตัวข้างกายแวบหนึ่ง เท่านี้ก็ไม่กลัวอีกแล้ว คนไร้วรยุทธ์อย่างนางมีสุดยอดผู้คุ้มกันสองตัวเชียวนะ!

ถัดจากนั้น เสี่ยวเป่าก็พลันรู้สึกฮึกเหิมตื่นเต้นขึ้นมา วันนี้นางจะจับสายลับให้ท่านพ่อเอง!

เสี่ยวเป่ากดหัวที่ตั้งท่าจะพุ่งออกไปของเจ้าเสือทั้งสองตัวเอาไว้ เบื้องหน้ามีม่านผืนหนึ่งกั้นอยู่ นางเห็นเงาร่างน่าสงสัยเดินเข้ามาในกระโจมได้อย่างชัดเจน

ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเลยสักนิด แต่เห็นได้ชัดว่าวันนี้เป็นวันเคราะห์ร้ายของอีกฝ่าย หรือกล่าวได้ว่าเพราะไม่ได้สืบสถานการณ์มาให้ชัดเจนเสียก่อน จึงโชคร้ายถูกเสี่ยวเป่าที่หลับไปงีบหนึ่งตื่นมาพบเข้าพอดี!

ขณะที่เงาตะคุ่มนั้นทำท่าเหมือนค้นหาอะไรบางอย่าง เสี่ยวเป่าก็พาเสือสองตัวย่องเข้าไปหาอย่างเงียบเชียบ

จากนั้น…

“ไป ไป๋อู๋ฉางจับเขาเอาไว้ เฮยอู๋ฉางไปจับคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอก”

สายลับผู้นั้นสังเกตเห็นเสี่ยวเป่ากับเสือสองตัวอย่างรวดเร็ว หน้าพลันถอดสี หมุนกายคิดจะวิ่งหนีออกไป

แต่พยัคฆ์ร้ายปราดเปรียวว่องไว ไป๋อู๋ฉางกระโจนข้ามโต๊ะใส่ร่างคนผู้นั้นจนล้มลง ทำให้ศีรษะอีกฝ่ายฟาดพื้นอย่างจังจนหมดสติไปในทันที

ไป๋อู๋ฉางใช้อุ้งเท้าตบเบา ๆ สองที แล้วยกกรงเล็บขึ้นมาเลียอย่างหมดสนุก

เจ้าสัตว์สองเท้าตัวนี้ช่างไม่ทนไม้ทนมือเอาเสียเลย

ในขณะเดียวกัน เฮยอู๋ฉางวิ่งออกไปข้างนอก

คนที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากในกระโจมก็เตลิดหนีไป แต่โชคไม่ดีที่ไปเจอเสี่ยวไตที่กำลังมาหาเสี่ยวเป่าเข้า หนึ่งคนหนึ่งนกชนกันจนหงายท้องไปคนละทิศละทาง

เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนั้น เฮยอู๋ฉางก็พรวดพราดออกมาตะครุบคนเอาไว้ได้สำเร็จ

น้ำหนักตัวเจ็ดร้อยกว่าชั่งของมันสามารถกดทับจนคนหายใจไม่ออกได้เลยทีเดียว

เจ้าอินทรีทองลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเหลอหลาไม่รู้เรื่องรู้ราว มันเดินของมันอยู่ดี ๆ ตัวบัดซบอะไรวิ่งมาชนเข้าเสียได้!

คนผู้นั้นถูกเฮยอู๋ฉางทับจนร้องโอดครวญออกมา ในไม่ช้าสถานการณ์นี้ก็ดึงดูดให้ทหารที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ ตรงเข้ามาหา

“เกิดอะไรขึ้น”

“องค์หญิงทรงไม่เป็นอะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”

เสี่ยวเป่าไม่เป็นไร แต่คาดว่าสองคนนั้นคงใกล้จะมีอันเป็นไปเร็ว ๆ นี้แล้ว

เมื่อได้ทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว คนทั้งสองก็ถูกควบคุมตัวเอาไว้

เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้ล่วงรู้สถานการณ์ในค่ายทหารเป็นอย่างดี จึงเลือกลงมือช่วงที่ทหารยามผลัดเวรกัน ทหารยามสองคนที่เฝ้าอยู่หน้ากระโจมก็ถูกพวกเขาจัดการไปแล้ว

พวกเขาถูกอีกฝ่ายลากตัวไปซ่อนเอาไว้ เสี่ยวเป่าจึงไม่เห็นศพของทั้งคู่

สองคนนั้นเป็นสายลับจริง ๆ เรื่องหลังจากนั้นย่อมไม่จำเป็นต้องให้เสี่ยวเป่าเข้าไปยุ่ง แต่ครั้งนี้นับว่านางกับสัตว์เลี้ยงของนางสร้างความดีความชอบโดยแท้

เสี่ยวเป่าคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าแค่เอาเนื้อแห้งมาให้คนในครอบครัวที่ค่ายทหาร นอนหลับไปงีบเดียว พอตื่นขึ้นมา สายลับก็เอาตัวมาส่งให้ถึงที่เสียอย่างนั้น

นางจุ๊บเหม่งเสือทั้งสองตัว

“เฮยไป๋อู๋ฉาง พวกเจ้ายอดเยี่ยมมาก”

ทำให้นางมีหน้ามีตาแล้ว!

เจ้าอินทรีทองกระโดดเข้ามาส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจ

มันก็มีความดีความชอบเหมือนกันนะ เจ้าหมอนั่นมาชนกับมันถึงได้ล้มลงไปแบบนั้น

เสี่ยวเป่าลูบหัวที่ค่อนข้างโล้นของเจ้าอินทรีทองอย่างใจกว้าง “วันนี้เสี่ยวไตก็… มีขนาดตัวที่ยอดเยี่ยมมากเหมือนกัน!”

เพราะถ้ามันไม่ได้มีร่างกายใหญ่โตเช่นนั้น มาชนกับผู้ใหญ่คนหนึ่งก็ไม่แน่ว่าจะทำให้อีกฝ่ายล้มลงไปได้

กล่าวได้ว่าเนื้อทุกชิ้นที่มันกินเข้าไปไม่เสียเปล่าแล้ว!

เจ้าอินทรีทองไม่เข้าใจนัยแฝงในคำพูดของเสี่ยวเป่า เพียงเข้าใจว่าเสี่ยวเป่าชมเชยมันอยู่จึงปลื้มใจอย่างยิ่ง!

เย็นวันนั้นเสี่ยวเป่าค้างคืนในค่ายทหาร คนจำนวนไม่น้อยแวะเวียนมาดูนางกับเสือตัวใหญ่สองตัวที่จับสายลับได้

ต่อจากนั้นก็นึกอิจฉา

พวกเขาก็อยากเลี้ยงเสือที่เชื่อฟังทั้งยังดุร้ายเช่นนี้เหมือนกัน

แต่จะให้เลี้ยงตัวใหญ่ก็คงไม่ไหว คนที่สมองไวหน่อยถามขึ้นมาทันที

“องค์หญิง เสือสองตัวนี้เป็นตัวผู้หรือตัวเมียหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เสี่ยวเป่า “เฮยอู๋ฉางเป็นพี่ชาย ไป๋อู๋ฉางเป็นน้องชาย”

ได้ยินนางกล่าวเช่นนั้น ทุกคนก็พลันหมดหวัง

เป็นเสือตัวผู้ทั้งคู่เลยหรือเนี่ย ถ้าอย่างนั้นก็หมดหวังว่าจะได้ลูกเสือแล้วน่ะสิ

สัตว์ตระกูลแมวพวกนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ประตูดิน ถึงจะเป็นยุคสมัยนี้ แมวก็ยังเป็นแมวเจ้าชู้ ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นแมวเล็กหรือแมวใหญ่

พ่อเสือก็มักจะไม่เลี้ยงดูลูกเสืออยู่แล้ว

หมายความว่าพวกตนหมดหวังโดยสิ้นเชิง หรือจะหาเสือน้อยสองตัวมาลองเลี้ยงดูดีนะ

แต่นี่เป็นเพียงความคิดของคนส่วนน้อย คนส่วนใหญ่ถึงอยากเลี้ยงแต่ก็เพียงมีใจทว่าไร้กำลัง

เสือเป็นสัตว์กินเนื้อ ตอนนี้ตัวพวกเขาเองยังไม่มีปัญญากินเนื้อยังจะเลี้ยงเสืออะไรอีก ไม่มีต้นทุนให้ฟุ่มเฟือยได้ถึงเพียงนั้นหรอกนะ

แค่ดูเสือสองตัวขององค์หญิงก็พอแล้ว เรื่องจะเลี้ยงก็ช่างมันเถอะ

เสี่ยวเป่าพักที่ค่ายทหารหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นก็พาผองสัตว์ยกขบวนกลับเรือน

เมื่อหิมะแรกมาเยือนชายแดน สงครามก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง

แผนการที่ตั้งใจว่าจะให้พ่อค้าพานางไปหาเผ่าเทียนกู่น่าก็ต้องถูกพับเก็บไป

ไปทุ่งหญ้าเวลานี้เท่ากับรนหาที่ตาย

ถ้าคนของเผ่าเทียนกู่น่ามาที่เมืองหน้าด่านก็ดีน่ะสิ

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Score 10
Status: Completed
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว! นิยายแปลเรื่อง เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช ผู้แต่ง :垂耳兔 หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้ เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน! เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

Options

not work with dark mode
Reset