บทที่ 448 นางไม่ได้อยากหัวเราะแต่มันอดไม่ไหวจริง ๆ
บทที่ 448 นางไม่ได้อยากหัวเราะแต่มันอดไม่ไหวจริง ๆ
หลังจากครั้งนั้น เสี่ยวเป่านึกว่าเจ้าอินทรีทองจะได้รับบทเรียนและไม่ไปรนหาที่ตายแล้วเสียอีก
ผู้ใดจะคาดคิดว่า หลังจากอาการบาดเจ็บของมันหายดี เสี่ยวไตเห็นว่ารังแกนกเค้าอินทรีไม่ได้ก็เริ่มหันไปหาเรื่องไห่ตงชิงน้อยสองตัวนั้นแทน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเสี่ยวเป่าออกไปข้างนอกกลับมาก็ได้เห็นฉากการต่อสู้อันแสนดุเดือด
ทั้งเฮยไป๋อู๋ฉาง นกเค้าอินทรีที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ และเจ้านกยูงสองตัวที่หมอบกายอย่างสง่างามอยู่ใต้ต้นไม้ล้วนแต่กำลังชมดูอย่างเพลิดเพลิน เงยหน้าก้มหัวเหลียวซ้ายแลขวาไปตามความเคลื่อนไหวของนกทั้งสามที่กำลังต่อสู้กันอยู่
ดูอย่างใจจดใจจ่อยิ่ง!
ขาดแค่วางจานใส่เมล็ดแตงไว้ตรงหน้าพวกมันแล้ว
ส่วนตัวละครหลักในลานต่อสู้ก็คือ เสี่ยวไตเจ้าอินทรีทองตัวนั้นกับไห่ตงชิงทั้งสองตัว
หลังจากขนบนหลังของเจ้านกที่จำได้แต่เรื่องกินเรื่องอื่นกลับไม่รู้จักหลาบจำบางตัวงอกออกมาใหม่แล้ว ความเชื่อมั่นอย่างโง่เขลาไม่เจียมตนก็ดูเหมือนจะหวนคืนมาด้วยเช่นกัน พอเสี่ยวเป่าขุนมันจนตัวอ้วนพี ความกล้าก็ดูจะมากขึ้นไปตามขนาดตัว
จากนั้นก็อาศัยว่าตัวเองมีขนาดใหญ่กว่าไปหาเรื่องไห่ตงชิงสองตัวนั้น
ผลลัพธ์ไม่เหนือความคาดหมาย ไห่ตงชิงสองตัวกับเจ้าอินทรีทองลงเอยด้วยการต่อยตีกัน
เมื่อเสียงร้องชวนสลดของเจ้าอินทรีทองดังติดต่อกัน ฉากที่คุ้นตาก็ฉายซ้ำอีกครั้ง ขนสีทองโปรยปรายทั่วฟ้า
บ่าวรับใช้ที่อยู่เบื้องล่างวิ่งไปเก็บขนอินทรีทองเร็วจี๋
ขนของไห่ตงชิงก็ถูกทึ้งหลุดออกมาเช่นกัน แต่ไม่ได้มากเท่าขนของอินทรีทอง
แม้ไห่ตงชิงสองตัวนั้นจะยังไม่โต แต่ชื่อเสียงเรียงนามของพวกมันก็ไม่ได้มีไว้เรียกให้ฟังดูน่าเกรงขามเท่านั้น
พวกมันยังเล็กก็จริง ทว่าว่องไวปราดเปรียว เป็นพวกที่ดุร้ายได้อย่างไม่เสียดายชีวิต
เสี่ยวไตจึงถึงคราวโชคร้าย แต่นั่นเป็นเพราะมันทำตัวเองทั้งนั้น ผู้ใดใช้ให้มันชอบไปหาเรื่องนกตัวอื่นเหมือนว่างมากไม่รู้จะทำอะไรแบบนั้นกันเล่า?
เจ้าอินทรีทองถูกรุมจนสะบักสะบอม ทั้งยังถูกไห่ตงชิงสองตัวนั้นตามมาตีซ้ำอีก สุดท้ายต้องหลบเข้ามุม หัวยังถูกฝ่ายตรงข้ามจิกเอาอีกด้วย
เสี่ยวเป่า “…”
“อุ๊บฮ่า ๆ ๆ…”
ขอโทษด้วย สภาพเจ้าอินทรีทองน่าอเนจอนาถโดยแท้ นางไม่ได้อยากหัวเราะแต่มันอดไม่ไหวจริง ๆ
พวกชุนสี่ก็หัวเราะออกมาจนท้องแข็ง
อินทรีทอง “…”
ฮือ ๆ ๆ…
หนนี้ขนบนร่างเสี่ยวไตถูกทึ้งออกไปมากกว่าคราวก่อนมากโข ล้วนเป็นขนบริเวณทรวงอก หน้าท้อง ตรงคอ และบนหัว
หากไม่ใช่เพราะปีกกับบั้นท้ายของมันยังมีขนปกคลุมอยู่บ้าง ดูไปแล้วคงเหมือนไก่ตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่ถูกถอนขนจนเกลี้ยงเลยทีเดียว
เสี่ยวเป่าใส่ยาให้มันพลางหัวเราะฮ่า ๆ เสียงดังอย่างสุดกลั้น
อินทรีทองเก็บตัวไม่ออกไปไหน มันมีสภาพอัปลักษณ์แบบนี้ไม่มีหน้าจะออกไปข้างนอกอีกแล้ว ทั้งมันยังล่วงเกินนกเค้าอินทรีและไห่ตงชิงสองตัวนั้นอีก ยิ่งไม่มีความกล้าจะออกไปข้างนอก
ตอนเสี่ยวเป่ามาป้อนเนื้อให้มัน ถึงจะสลดใจอยากร้องไห้เพียงใดก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการกินแม้แต่น้อย อีกทั้งหลังจากมีสารรูปไม่น่ามองเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามันแปรความโศกเศร้าขุ่นแค้นเป็นความอยากอาหารหรืออย่างไรจึงกินจุกว่าเมื่อก่อนมาก ถึงกับกินเนื้อเต็มชามใหญ่เกลี้ยงในชั่วพริบตา
เสี่ยวเป่า : ร้ายกาจ
นางยังกังวลอยู่เลยว่าเจ้าอินทรีทองจะเบื่ออาหารเพราะเรื่องที่มันไปหาเรื่องนกตัวอื่นแท้ ๆ แต่กลับถูกฝ่ายตรงข้ามรังแกเสียอย่างนั้น มิคาด มิคาด ด้วยนิสัยเช่นนี้ของมัน ตัวจะไม่ขยายเลยก็คงเป็นเรื่องยาก
วันนั้นเสี่ยวเป่าเขียนจดหมายถึงท่านพ่อและพวกพี่ชาย ทั้งยังบรรยายฉากต่อสู้ของเจ้านกทั้งสามเสียจนเห็นภาพ
ส่วนเจ้าอินทรีทองที่ทำตัวเองขายหน้าตัวนั้นน่ะหรือ ใครจะไปสนว่ามันจะคิดอย่างไร อย่างไรเสียมันก็ฟังภาษามนุษย์ไม่เข้าใจอยู่ดี
ตอนกลางคืนในค่ายทหารวันเดียวกัน ทหารของต้าเซี่ยที่กวาดล้างกองกำลังขนาดย่อยกองหนึ่งของพวกซยงหนูกลับมาย่างเนื้อแกะฉลองกันอย่างครึกครื้น หลังจากนั้นพ่อลูกตระกูลหนานกงก็ได้รับจดหมายกับของขวัญที่เสี่ยวเป่าส่งมาให้
ผู้มาส่งสารยังคงเป็นไห่ตงชิง แต่เป็นไห่ตงชิงตัวเล็กสองตัว ในกรงเล็บของพวกมันมีห่อผ้าเล็ก ๆ ห่อหนึ่ง เพียงมองก็ทราบว่าเป็นของขวัญที่ส่งมาให้คนในครอบครัว
คำว่าอิจฉาได้แพร่กระจายไปทั่วกองทัพเรียบร้อยแล้ว
ฝ่าบาทกับเหล่าองค์ชายมักได้รับจดหมายและของขวัญจากทางบ้านตลอด พวกเขากลับทำได้เพียงมองตาละห้อย จะไม่อิจฉาได้อย่างไร
ชายชาติทหารที่มารวมตัวกันจากทั่วสารทิศเหล่านี้ นับแต่มีกิจการขนส่งเทียนเป่าก็ได้รับจดหมายและของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากครอบครัวที่อยู่ห่างไกลออกไปบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่มีใครได้รับบ่อยเท่าฝ่าบาทกับเหล่าองค์ชาย
อีกทั้ง ‘พนักงานขนส่ง’ ยังเป็นนกนักล่าอย่างไห่ตงชิง ทั่วทั้งต้าเซี่ย ไม่สิ สมควรกล่าวว่าทั่วดินแดนจงหยวนคงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
แน่นอนว่าในทุ่งหญ้ามี ‘พนักงานขนส่ง’ เช่นนี้หรือไม่ พวกเขาก็ไม่รู้แล้ว
ครั้งนี้สิ่งที่เสี่ยวเป่าส่งมาให้ท่านพ่อและพวกพี่ชายคือถุงมือกับผ้าพันคอ ถุงมือเป็นแบบเปลือยนิ้วซึ่งถือว่าสะดวกยิ่งสำหรับพวกหนานกงสือเยวียน
ทั้งยังเป็นถุงมือสีดำที่ข้างในบุขนสัตว์ส่วนข้างนอกทำจากหนัง
เมื่อสวมแล้วก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการจับดาบหรือจับอาวุธชนิดอื่นแม้แต่น้อย ในฤดูกาลที่อากาศหนาวเย็นยังช่วยป้องกันไม่ให้มือแข็งและสามารถกำอาวุธได้แน่นกว่าเดิม
เมื่อได้รับถุงมือ หนานกงฉีหลิงก็นำมาสวมอย่างอดใจรอไม่ไหว ทั้งยังขยับนิ้วมือต่อหน้าทุกคน แล้วก็เริ่มโอ้อวดท่ามกลางสายตาอิจฉาของคนอื่น ๆ
“ฮ่า ๆ นี่เป็นถุงมือที่น้องสาวทำมาให้พวกข้าโดยเฉพาะ ช่างอุ่นยิ่ง ไม่กระทบต่อการจับอาวุธและเคลื่อนไหวได้สะดวกมาก”
ชายแดนอากาศหนาวเหน็บ ทั้งยังเข้าสู่ฤดูหนาวก่อนพื้นที่อื่น
ตอนนี้คือเดือนสิบ อากาศบริเวณชายแดนเริ่มหนาวเย็น หลังจากนั้นไม่นานก็มีหิมะตกลงมา
อาวุธมีความเย็นในตัวมันเองอยู่แล้ว ต้องมาจับอาวุธในสภาพอากาศเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทรมานยิ่ง
แต่เนื่องจากตอนนี้มีผ้าขนแกะแล้ว ประกอบกับมีถุงมือที่พวกหนานกงสือเยวียนสวมให้เห็นเป็นตัวอย่าง คนในครอบครัวของทหารในกองทัพจึงขบคิดหาวิธีทำถุงมือเช่นนี้ออกมา คนที่ไม่มีครอบครัวก็คิดหาวิธีเย็บถุงมือด้วยตัวเองหรือให้คนอื่นช่วย หรือใช้เงินหาซื้อมา
แต่ขนสัตว์พวกนี้เปรอะเปื้อนได้ง่าย
เมื่อเสี่ยวเป่าทำถุงมือหนังให้หนานกงสือเยวียนและพวกพี่ชายจนเป็นเหตุให้ใครต่อใครนึกอิจฉา ในเวลาเดียวกันก็มีคนสังเกตเห็นข้อดีของถุงมือประเภทนี้ คนจำนวนไม่น้อยจึงพยายามหาวิธีทำถุงมือหนังแบบนี้อย่างลับ ๆ