บทที่ 446 อินทรีทองที่เกาะติดคน
บทที่ 446 อินทรีทองที่เกาะติดคน
สุดท้ายนกเค้าอินทรีที่แลดูหยิ่งยโสตัวนั้นก็ประสบความสำเร็จในการอยู่ที่เรือนต่อไป
ความสามารถในการล่าเหยื่อของมันแข็งแกร่งมาก แต่มันกลับคร้านจะขยับตัว
เวลากลางวันส่วนใหญ่หมดไปกับการนอน เสี่ยวเป่าป้อนเนื้อให้มันทุกวัน พอกินอิ่มก็จะนอน ไม่มีงานอดิเรกที่ชอบทำเลยสักนิด
ตกกลางคืนมันค่อยสยายปีกบินไปออกล่าเหยื่อ ใช้เวลาทั้งคืนอยู่ข้างนอกจึงจะกลับมา แต่โดยทั่วไปแล้วมันจะออกล่าสองวันครั้ง
ทั้งยังชอบหิ้วของขวัญกลับมาให้เสี่ยวเป่าทุกครั้ง
บางครั้งเป็นกระต่ายตัวหนึ่ง บางคราวก็เป็นสัตว์จำพวกไก่ป่า
แต่บางครั้งก็พิสดารมาก สิ่งที่เอากลับมาให้ถ้าไม่ใช่หนูก็เป็นงู เสี่ยวเป่ายังไม่เท่าไหร่ แต่พวกชุนสี่เห็นแล้วก็กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจกลัว
ถึงอย่างไรพวกนางก็เป็นนางกำนัลในวัง งูกับหนูพวกนั้นยังเนื้อตัวเปื้อนเลือด จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร
แต่พวกบ่าวไพร่ที่เติบโตอยู่ในชายแดนกลับไม่กลัว กระทั่งหยิบงูกับหนูเหล่านั้นขึ้นมาหน้าตาเปื้อนยิ้ม
“นี่เป็นของขวัญที่นกเค้าอินทรีตัวนั้นนำมากำนัลให้องค์หญิง แสดงให้เห็นว่ามันชอบองค์หญิงมาก”
ชุนสี่และนางกำนัลคนอื่น “…”
ถึงจะเป็นเช่นนั้น องค์หญิงก็ไม่ได้โปรดปรานของขวัญแบบนี้หรอกนะ ขอบใจ
ทุกครั้งที่นกเค้าอินทรีเห็นบ่าวไพร่ถือของขวัญเดินจากไปก็จะใช้สายตาที่ไม่เข้าใจมองมาที่เสี่ยวเป่า เหมือนจะถามว่าเพราะเหตุใดนางจึงไม่กินเหยื่อที่มันล่ามาให้
เด็กน้อยนั่งนิ่ง ๆ ให้พวกชุนสี่ทำผมให้ตนเอง จากนั้นก็กล่าวกับนกเค้าอินทรีตัวนั้นอย่างจริงจัง
“ข้าเป็นคน เป็นสิ่งมีชีวิตคนละชนิดกับเจ้า ไม่กินหนูกับงูที่ตายแล้วพวกนั้น คราวหน้าเจ้าไม่ต้องเอาของพวกนั้นมาให้ข้าอีกแล้วนะ”
จากนั้นก็สั่งให้บ่าวรับใช้เอาเนื้อมาป้อนนกเค้าอินทรี
หลังได้กินเนื้อมาพักใหญ่ นกเค้าอินทรีตัวนี้ก็มีเนื้อตัวสมบูรณ์กว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยตอนเสี่ยวเป่าลองลูบขนดู ขนของมันก็ไม่ได้ดูเบาบาง ลูบนิดลูบหน่อยก็ทำท่าจะหลุดติดมือมาด้วยเหมือนก่อนแล้ว ยามลูบก็สัมผัสได้ว่าหนานุ่มกว่าเดิมมาก
ขนบนร่างยังได้รับการบำรุงอย่างดีจนมีสีสันสดใสเงางาม
เจ้านกเค้าอินทรีตัวนี้ยังมีนิสัยรักสะอาดและช่างอวดอย่างยิ่ง แต่ละครั้งที่ไปล่าเหยื่อกลับมาก็จะทำตัวเองเปื้อนเลือดเต็มไปหมด พอกลับมาก็จะไปหาเสี่ยวเป่า ให้นางช่วยเช็ดจะงอยปาก กรงเล็บและขนตรงอกให้
เว้นช่วงหลายวันก็จะให้เสี่ยวเป่าพามันไปอาบน้ำ วันนี้ก็ถึงวันอาบน้ำพอดี
นกเค้าอินทรีแสนรู้ยิ่ง มันเหมือนจะจำได้ว่าเป็นวันนี้
ไปล่าเหยื่อกลับมาคราวนี้ ทั้งกรงเล็บ จะงอยปากและขนตรงอกล้วนเปรอะคราบเลือดของเหยื่อ มันกระพือปีกส่งเสียงร้อง เสี่ยวเป่าก็เข้าใจทันทีว่ามันกำลังรบเร้าให้ตนเองพามันไปอาบน้ำ
“รู้แล้ว รู้แล้ว คราวหน้าเจ้าอย่าเอาหนูกับงูมาอีกนะ แมงมุมกับจิ้งจกก็ไม่ต้องเอามาเหมือนกัน”
เสี่ยวเป่าอุ้มนกเค้าอินทรีตัวใหญ่ไว้ในอ้อมแขน
เจ้านกเค้าอินทรีก็เก็บกรงเล็บที่แหลมคมของมันไปอย่างแสนรู้ ยอมให้เสี่ยวเป่าอุ้มแต่โดยดีเหมือนไก่ขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง
เสี่ยวเป่าต้องใช้แรงค่อนข้างเยอะในการอุ้ม ตัวมันเนื้อแน่นไม่เบา!
บ่าวรับใช้ทั้งหลายรับรู้กิจวัตรของเจ้านกเค้าอินทรีตัวนี้แล้ว ดูเหมือนจะเว้นช่วงทุกสี่วัน หลังจากมันออกไปล่าเหยื่อในตอนกลางคืน พอกลับมาก็จะอาบน้ำ ดังนั้นจึงเตรียมน้ำรอไว้
น้ำอุ่นเล็กน้อย สภาพอากาศเช่นนี้ความจริงจะอาบน้ำเย็นก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าอาบน้ำเย็นสบู่จะไม่ค่อยเป็นฟอง เลือดเหล่านั้นแห้งกรังแล้ว น้ำเย็นชะล้างไม่ค่อยออก
นกเค้าอินทรียืนอยู่ในอ่างไม้ที่มีน้ำเต็มปริ่ม ท่าทางเชิดหน้าชูคอดูหยิ่งผยองอย่างมาก
แต่ในไม่ช้ามันก็ผยองต่อไปไม่ไหว
เมื่อนกเค้าอินทรีที่น่าเกรงขามถูกชโลมด้วยน้ำจนเปียกชุ่มก็กลายเป็นไก่ตกน้ำแกงเนื้อตัวเปียกปอนตัวหนึ่ง รูปร่างแลดูเล็กกว่าตอนที่ตัวแห้งอยู่บ้าง แต่ก็ยังถือว่าตัวใหญ่มากอยู่ดี
เนื้อที่เสี่ยวเป่าป้อนให้มันรวมกับเนื้อที่มันล่ามาได้เอง ขุนมันจนตัวอวบอ้วน ยามนี้เนื้อแน่นอย่างยิ่ง
ล้างคราบเลือดบนขนจนสะอาด ตรวจดูแล้วว่าบนตัวมันไม่ได้มีปรสิตจำพวกหมัดหรือเห็บ แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวที่เตรียมไว้ให้เจ้านกเค้าอินทรีโดยเฉพาะเช็ดขนให้
นกเค้าอินทรีเดินออกไปสะบัดน้ำข้างนอก จากนั้นก็กระพือปีกที่เปียกชื้นบินขึ้นไปอาบแดดบนกำแพง
เมื่ออาบน้ำให้นกเค้าอินทรีเสร็จ เสี่ยวเป่าก็ไปดูไห่ตงชิงอีกสองตัวกับนกอินทรีทองตัวนั้น
อาการบาดเจ็บของนกอินทรีทองดีขึ้นมากแล้ว ทั้งยังได้เสี่ยวเป่าเลี้ยงจนอ้วนท้วนสมบูรณ์ นกอินทรีทองที่ยังไม่โตเต็มวัยตัวนี้มีขนาดตัวใหญ่กว่านกเค้าอินทรีไม่น้อย
แต่กลับมีนิสัย… ชอบเกาะติดคนอย่างยิ่ง
กล่าวให้ถูกต้องก็คือเกาะติดเสี่ยวเป่า
ไม่รู้ว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องที่เสี่ยวเป่าช่วยมันเอาไว้ด้วยหรือไม่
เพราะเหตุนี้ เพียงเห็นเสี่ยวเป่าเข้ามา นกอินทรีทองก็จะแปลงร่างเป็นทารกตัวใหญ่ บินลงมาจากคอนนก สยายปีกทั้งสอง กรงเล็บไถลไปบนพื้น โถมตัวเข้ามาหาอ้อมอกของเสี่ยวเป่า
แต่มันก็รู้ขอบเขตดี เอียงศีรษะไปข้าง ๆ จะงอยปากจึงไม่ทิ่มถูกตัวให้เสี่ยวเป่าได้รับบาดเจ็บ
นกนักล่าขนาดใหญ่ตัวนี้พลันแปลงร่างเป็นปีศาจทารก แสดงท่าออดอ้อนฉอเลาะอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนทารกที่ยังไม่หย่านม
บ่าวรับใช้ที่ตามมาข้างหลังเสี่ยวเป่าพบเห็นจนชินชา ช่วงแรกยังถูกท่าทางออดอ้อนของทารกตัวใหญ่ตัวนี้ทำให้ตกใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นนกแบบนี้เลยนะ เจ้าอินทรีทอง!
แต่ตอนนี้น่ะหรือ ขอโทษด้วย เสน่ห์ขององค์หญิงของพวกเขาก็ไร้เทียมทานแบบนี้แหละ
เสี่ยวเป่าลูบขนเส้นหนึ่งที่ชี้เด่บนหัวเจ้าอินทรีทองอย่างคุ้นเคย ใช่แล้ว บนหัวเจ้านกอินทรีทองตัวนี้มักมีขนเส้นหนึ่งตั้งขึ้นแทบตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เสี่ยวเป่าจึงตั้งชื่อเล่นที่แสนจะคล่องปากให้มันว่า เสี่ยวไต (เจ้าหัวตั้ง)
นางเรียกอย่างคล่องปาก แต่ทุกครั้งที่พวกหนานกงสือเยวียนเห็นชื่อนี้ในจดหมายก็มักจะรู้สึกมันชวนกระดากปากพิกล
พวกเขาไม่เคยเห็นชื่อที่ตั้งอย่างส่งเดชเช่นนี้มาก่อน เสี่ยวเป่ายังประสบความสำเร็จในการตั้งชื่อส่ง ๆ เช่นนี้ไปเสียทุกครั้ง อาจเรียกได้ว่า… เป็นความสามารถเฉพาะตัวโดยแท้
มีเพียงชื่อเฮยไป๋อู๋ฉางที่ฟังแล้วน่าเกรงขามอยู่บ้าง แต่ชื่อนี้นางก็ยังตั้งตามชื่อเรียกยมทูตในปรโลก ทั้งยังเป็นเพราะเห็นเจ้าเสือคู่นี้มีสีดำกับสีขาวอีกด้วย
“เสี่ยวไต ถึงเวลากินข้าวแล้ว”
ตอนนี้เจ้านกอินทรีทองตัวใหญ่มาก มันตัวใหญ่กว่านกอินทรีทองที่นางเคยเห็นในชาติก่อนเสียอีก ทั้งที่เป็นเพียงนกอินทรีทองที่ยังไม่โตเต็มวัยตัวหนึ่ง
สีขนเป็นสีทองเข้ม ยามอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นประกายจับตายิ่งนัก