บทที่ 439 รำแพนหางได้สวยมาก ครั้งหน้าขออีกนะ
บทที่ 439 รำแพนหางได้สวยมาก ครั้งหน้าขออีกนะ
หลังจากที่ง้อเจ้าเสือทั้งสองสำเร็จ นางก็นั่งรอท่านพ่ออยู่บนม้านั่งตัวเล็กที่หน้าประตู แต่มิทันได้พบกับท่านพ่อ พลทหารนายหนึ่งก็มาแจ้งว่าท่านพ่อของนางจะไม่กลับมาในวันนี้
งานคงยุ่งน่าดู
เสี่ยวเป่าอ้าปากหาว พึมพำเสียงเบา จากนั้นก็ไปกินข้าวเย็นโดยไม่ได้พูดอะไร
หลังจากกินข้าวเสร็จก็แวะไปดูไห่ตงชิงกับนกยูง มิรู้ว่าไห่ตงชิงสามตัวนี้ไม่ได้นอนมานานแค่ไหน บัดนี้เจ้าลูกนกสองตัวกำลังนอนฟุบบนหน้าท้องของเจ้าตัวใหญ่อย่างสบายใจ
เจ้าไห่ตงชิงตัวเต็มวัยดูระแวดระวังอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่ได้ยินเสียงก็ผงกหัวขึ้นและใช้สายตาอันเฉียบคมจดจ้องผู้มาใหม่ ขนรอบคอพลันชูชัน
หลังจากที่เห็นผู้มาเยือนชัด ๆ ขนของมันก็ลู่ลง กระทั่งส่งเสียงร้องเรียกเสี่ยวเป่า
“นอนต่อเถอะ”
เสี่ยวเป่าลูบหัวไห่ตงชิง จากนั้นก็ไปดูนกยูงอีกสองตัว สภาพของพวกมันดีขึ้น ดูมีชีวิตชีวากว่าตอนที่ซื้อพวกมันมากทีเดียว
หลังจากดูอาการของพวกมันแล้ว เสี่ยวเป่าก็ถึงเวลาเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้นก็พาตัวเองมากินอาหารเช้า จากนั้นก็ไปป้อนอาหารเจ้าพวกนกโดยคาบซาลาเปาไว้ในปาก
เสือสองตัวรู้วิธีหาอาหารกินเอง และที่นี่การซื้อแกะก็เป็นเรื่องง่ายที่สุด อีกทั้งแกะที่ให้พวกมันก็เป็นแกะตัวเป็น ๆ แต่ว่าเสี่ยวเป่าไม่ชอบฉากที่นองเลือดเกินไป ดังนั้นโดยปกติแล้วพวกมันจึงมาหานางหลังจากที่กินเสร็จแล้ว
อาหารที่ป้อนให้ไห่ตงชิงเป็นเนื้อสับละเอียดที่เตรียมไว้ในชามใบใหญ่ ไห่ตงชิงทั้งสามตัวกินโดยไม่ผงกหัวแม้แต่นิดเดียว
สิ่งที่เตรียมไว้ให้นกยูงคือข้าวเปลือกและผลไม้
เมื่อกินเสร็จแล้ว นกยูงสองตัวก็สามารถก้าวเดินอย่างช้า ๆ ไปบนสนามหญ้า แต่ว่าพวกมันชอบตามติดเสี่ยวเป่า ขนาดรำแพนหางให้นางดูถึงสองครั้ง
เสี่ยวเป่ารู้ดีว่านกยูงรำแพนหางเป็นสัญญาณของการหาคู่ แต่นางสัมผัสได้ว่าการที่นกยูงสองตัวนี้รำแพนหางต่อหน้านางนั้นเป็นการแสดงความรักและคำขอบคุณ
เสี่ยวเป่าลูบหัวพวกมันเป็นการตอบรับ
“รำแพนหางได้สวยมาก ครั้งหน้าขออีกนะ”
เจอนกยูงตัวผู้แล้วไม่เห็นมันรำแพนหางจะมีประโยชน์อะไร งดงามออกจะตายไป
ไห่ตงชิงมองเจ้านกยูงสองตัวด้วยท่าทางดูแคลน กระทั่งข่มขู่อย่างเงียบ ๆ ตอนที่พวกมันเดินเข้ามา
ในฐานะราชันแห่งห้วงนภา แรงกดดันจากไห่ตงชิงนับว่ารุนแรงทีเดียวสำหรับเจ้านกยูงทั้งสอง ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงมักจะอยู่ให้ห่างจากไห่ตงชิงอยู่เสมอ
ด้วยการเอาใจใส่ดูแลของเสี่ยวเป่า หลังจากผ่านไปห้าวัน อาการของไห่ตงชิงรวมถึงนกยูงก็ดีขึ้นมากทีเดียว ไห่ตงชิงตัวเต็มวัยถึงขนาดสามารถบินไปมาเป็นระยะทางสั้น ๆ ในสนามได้แล้ว
คงเป็นเพราะความรักของเสี่ยวเป่าที่ถ่ายเทพลังวิญญาณส่วนใหญ่ไปให้มัน บัดนี้บาดแผลบนตัวเจ้าไห่ตงชิงเริ่มตกสะเก็ดแล้ว
เพียงแต่มันบินระยะทางสั้น ๆ อย่างกระวนกระวายจนบาดแผลบนตัวเกือบจะปริออกอีกครั้ง ด้วยคำขอแกมบังคับของนาง เจ้าตัวดีถึงได้สงบลงและยอมอยู่ในรังนกขนาดใหญ่ที่นางสั่งให้คนสร้างให้เจ้าไห่ตงชิงทั้งสามอย่างว่าง่าย
ที่จริงแล้วก็แค่เอาหญ้ามาปูในตะกร้าไม้ไผ่ที่ค่อนข้างใหญ่ให้หนา ๆ เท่านี้ก็เหมาะให้พวกมันอยู่อาศัยแล้ว
นกน้อยทั้งสองชื่นชอบเสี่ยวเป่ามาก ทุกครั้งที่นางไปเยี่ยมพวกมัน ลูกนกก็จะพยายามเข้าไปหาโดยการกระพือปีกน้อย ๆ ของพวกมัน
เสี่ยวเป่าเองก็ชอบพวกมันมากเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าเสือสองตัวจะอิจฉา นางก็คงจะอุ้มเจ้านกน้อยไปเที่ยวไหนต่อไหนแล้ว
ต่อให้นางจะอุ้มเจ้านกน้อยสองตัวที่สนามหลังบ้านเพียงครู่เดียว แต่เมื่อออกไปพร้อมกับกลิ่นของไห่ตงชิง เสือทั้งสองก็จะคำรามด้วยความโมโห พร้อมกับก่นด่าไปที่สนามหญ้าด้านหลัง
เสี่ยวเป่าดูจากสีหน้าท่าทางของพวกมันถึงได้รู้ว่าเป็นการก่นด่า เสียงตอบโต้ของไห่ตงชิงลอดออกมาจากสนามด้านหลังเป็นครั้งคราว กลายเป็นการทะเลาะข้ามกำแพงที่ดุเดือด
พวกมันทำให้บ้านหลังใหญ่อันเงียบสงบแห่งนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ส่วนต้นเหตุแห่งความขัดแย้งนั้น เสี่ยวเป่าได้แต่ยกมือลูบจมูกโดยไม่พูดอะไร
ราวกับเป็นน้องสาวผู้น่าสงสารที่ติดอยู่ระหว่างพี่ชายทั้งสอง แต่ใช่ว่าจะไม่มีครั้งที่สอง
ไม่ว่าไห่ตงชิง นกยูง หรือว่าเสือ พวกมันต่างก็น่ารักน่าชังกันทุกตัว
ในเมื่อเป็นสัตว์เลี้ยงของนาง แล้วเหตุใดนางถึงจะกอดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็เสียเปรียบแย่น่ะสิ
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ๆ เฮยอู๋ฉาง ไป๋อู๋ฉาง วันนี้พวกเราไปหาท่านพ่อกันเถอะ”
ตลอดห้าวันมานี้ท่านพ่อแวะกลับมาเพียงครั้งเดียว หนวดเคราไม่ได้โกนทั้งยังดูเหนื่อยล้าจนเสี่ยวเป่ารู้สึกปวดใจ นางจึงบีบนวดพร้อมกับถ่ายเทพลังวิญญาณไปให้เขา
บิดารู้ว่านางเลี้ยงไห่ตงชิงกับนกยูงเอาไว้ แต่แวะไปดูที่สนามด้านหลังเพียงครู่เดียวก็จากไป ไม่แม้แต่จะพักผ่อนอยู่ที่เรือน
เขากลับมาโดยเพื่อกำชับกับเสี่ยวเป่าโดยเฉพาะ ไม่ให้นางไปไหนนอกจากอยู่ในเมือง
จากการพูดคุยของพวกเด็กรับใช้ในเรือน เสี่ยวเป่าถึงได้รู้ว่าพวกซยงหนูมีการเคลื่อนไหวอยู่บ่อยครั้ง หมู่บ้านหลายแห่งพบว่าถูกสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม
ในช่วงเวลานี้กองทัพต้าเซี่ยกำลังกวาดล้างพวกซยงหนูจอมเจ้าเล่ห์และอำมหิต ปกป้องหมู่บ้านรอบ ๆ เมืองชายแดนให้ปลอดภัย
เสี่ยวเป่ารู้สึกหนักใจหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ และเป็นครั้งแรกที่ได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของพวกซยงหนู
เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เกลียดชังพวกซยงหนูเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าน้ำเสียงหรือว่าสีหน้าล้วนเต็มไปด้วยความรังเกียจยากจะซ่อนเร้นยามที่เอ่ยถึงคนเหล่านั้น
เสี่ยวเป่ามิรู้ว่าตนควรทำเช่นไร ทำได้เพียงหาของอร่อย ๆ ไปบำรุงกำลังให้ท่านพ่อและบรรดาพี่ชาย
ในสภาพอากาศแบบนี้นางนึกถึงเครื่องดื่มเย็นๆ เป็นอย่างแรก นางพบวิธีทำน้ำอัดลมในห้องสมุดโดยใช้ใบสน
ยากนิดหน่อยแต่ไม่เกินความสามารถของนาง
อีกทั้งยังทำได้เยอะอีกด้วย
นอกจากนี้ก็มีขนมอบต่าง ๆ ที่นี่นมแพะหาง่าย นางจึงทำขนมอบนมสด แล้วก็ยังมีน้ำบ๊วยสมุนไพรและน้ำผลไม้อีกหลากชนิด จากนั้นก็ไปที่ค่ายทหารพร้อมกับถังใส่น้ำแข็งใบใหญ่
เมื่อทหารที่เฝ้าประตูเห็นป้ายประจำตัวของเสี่ยวเป่าก็รีบเข้าไปรายงานทันที ผู้ที่ออกมาต้อนรับคือแม่ทัพน้อยเซี่ย
เมื่อเทียบกับเซี่ยสุยอันที่พบกันที่เมืองหลวงคราวก่อน เซี่ยสุยอันในตอนนี้ผิวดำคล้ำราวกับถ่านหิน แต่ฟันซี่ขาวยังคงเปล่งประกายยามที่แย้มยิ้ม
“องค์หญิง”
เซี่ยสุยอันคำนับโดยการประสานกำปั้น
“แม่ทัพน้อยเซี่ย”
เสี่ยวเป่าตอบเสียงหวานอย่างสุภาพ จากนั้นก็พูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่ข้าวของที่อยู่ข้างหลังตนเอง
“ข้าขอเอาของกินไปให้ท่านพ่อกับท่านพี่ได้หรือไม่”
เซี่ยสุยอันมองแวบหนึ่งและพยักหน้า “ได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ข้าจะพาพวกท่านไปเอง”
เซี่ยสุยอันคาดว่าการประชุมของฝ่าบาทคงใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
เมื่อมาถึงกระโจม เซี่ยสุยอันก็ขยิบตาให้ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าพร้อมกับถามสถานการณ์
ทหารพยักหน้าให้ เป็นเวลาเดียวกับที่แม่ทัพผิวเข้มเครารุงรังในชุดเกราะเดินออกมาจากกระโจม
“เซี่ยสุยอัน เจ้ามาได้จังหวะพอดี พ่อของเจ้า…”
ยังไม่ทันจบประโยคก็เห็นตุ๊กตาตัวน้อยโผล่ออกมาจากด้านหลังของเขา เสียงก็พลันชะงักในทันใด
“น่ะ นี่…”
เขาเกาหัวแกรก จากนั้นก็โค้งคำนับหลังจากที่ได้สติ
“องค์หญิง”
เสี่ยวเป่ากะพริบตาพลางตอบเสียงหวาน “โปรดลุกขึ้นเถอะ”
แม่ทัพผู้นั้นเกาหัวอีกครั้ง ชายชาติทหารผู้ไม่เคยลังเลยามประจันหน้ากับศัตรู บัดนี้กลับไม่รู้ต้องทำเช่นไรเมื่อเผชิญหน้าตุ๊กตาตัวน้อยน่ารักผู้นี้
……………………………..