บทที่ 433 ฝ่าบาทถึงกับหลบหน้า
บทที่ 433 ฝ่าบาทถึงกับหลบหน้า
หนานกงสือเยวียนถือความปลอดภัยของเสี่ยวเป่าเป็นหลัก
“พื้นที่ชายแดนมักเกิดการสู้รบอยู่บ่อยครั้ง ดาบกระบี่ล้วนไร้ตา”
เสี่ยวเป่ามองท่านพ่อของตน “เสี่ยวเป่าไม่ได้จะไปสู้เสียหน่อย อีกอย่างท่านเองก็รู้ว่าดาบกระบี่ไม่มีตานิ เหตุใดยามนั้นมีคนจำนวนมากมายโน้มน้าวท่านก็ยังไม่คิดจะฟังกัน”
หนานกงสือเยวียน “…”
เขาอยากจะตีคนขึ้นมาอีกครั้งเสียแล้วสิ
เมื่อเห็นท่านพ่อหยิบแส้หางม้าขึ้นมา เสี่ยวเป่าก็รีบถอยหนีออกไปทันที
“ท่านพ่อจะทำอันใด ถ้าท่านตีอีก เสี่ยวเป่าจะร้องไห้ให้ดู”
เด็กน้อยเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจในการร้องไห้ของตนเองมาก
“ฟ้าเปลี่ยนสีนานแล้ว เจ้าปล่อยให้ข้ากลับไปคิดทบทวนเถิด”
ในเมื่อโน้มน้าวแล้วไม่ได้ผล เช่นนั้นก็ผลัดออกไปเสียก่อน
เสี่ยวเป่าจึงวิ่งดุ๊กดิ๊กกลับไปยังตำหนักของตนเองอย่างว่าง่าย “เช่นนั้นระหว่างเสี่ยวเป่ารอฟังข่าวจากท่านพ่อ เสี่ยวเป่าจะกลับไปเก็บของเตรียมไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาถามท่านอีกครั้ง”
นางไม่ได้โง่ นางเองก็เฉลียวฉลาด!
หนานกงสือเยวียน “…”
นับวันยิ่งหาญกล้าขึ้นเรื่อย ๆ
แต่จะว่าอันใดได้ ในเมื่อเขาเลี้ยงดูนางเช่นนี้เอง
เหตุผลที่เสี่ยวเป่าต้องการจะตามท่านพ่อไปมากเพียงนั้นก็เพราะเสี่ยวเป่ารู้ดีถึงโชควาสนาของตนเอง อีกทั้งนางยังเป็นมิตรต่อเหล่าพฤกษา
ตอนนี้วัตถุดิบจำเป็นที่ใช้ในการทำยาของท่านพ่อเหลือเพียงสองอย่างสุดท้าย นั่นคือไหมเหมันต์และโสมเหมันต์จากฉางเซิงเทียน ซึ่งฉางเซิงเทียนก็อยู่ในส่วนทุ่งหญ้าของเขาเหมันต์
นางต้องการจะลองดูว่าจะมีโอกาสเจอวัตถุดิบทำยาสองอย่างสุดท้ายหรือไม่ อายุขัยของท่านพ่อจะได้ไม่ต้องถูกกู่นั่นกัดกร่อนไป
ดังนั้นนางจึงยืนกรานจะไปด้วยอย่างดื้อรั้น
วันรุ่งขึ้น เสี่ยวเป่าไปหาท่านพ่อตามที่ตนเองเอ่ยเอาไว้
ทว่า…
“องค์หญิง ฝ่าบาทไม่อยู่ พระองค์ทิ้งคำกล่าวให้ท่านกลับไปก่อน แล้วค่อยกลับมาหาอีกทียามมีเวลา”
เสี่ยวเป่าพลันตะโกนออกมาทันที “ท่านพ่อหลบหน้าข้า ข้าจะไปหาท่านพ่อเอง”
ขันทีที่ถ่ายทอดคำพูดเมื่อครู่เหงื่อเย็นหลั่งรินเต็มหน้าผาก ย่ำแย่เสียจริง ไม่ว่าผู้ใดต่างก็เป็นบรรพบุรุษที่ไม่อาจล่วงเกินได้
เมื่อไม่สามารถถามหาที่อยู่ของท่านพ่อจากเหล่าคนในวังได้ เสี่ยวเป่าจึงเริ่มออกตามหาท่านพ่อไปทั่วพระราชวัง ข่าวนี้แพร่ไปยังบรรดานางสนมในวังหลังอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเองภายในตำหนักของเซี่ยหวงกุ้ยเฟย เหล่านางสนมในวังหลังส่วนใหญ่จะมารวมตัวกันเพื่อเล่นไพ่นกกระจอกอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังปรึกษาหารือกันเรื่องการประทินโฉมด้วย
สตรีรักสวยรักงามเป็นเรื่องปกติ ทุกวันในวังหลังช่างน่าเบื่อหน่าย พวกนางจึงพากันมาคิดหาวิธีดูแลรักษาผิว และการละเล่นที่องค์หญิงสอนให้
กล่าวได้ว่าองค์หญิงปฏิบัติต่อสนมในวังหลังอย่างพวกนางดีเสียยิ่งกว่าฝ่าบาทมาก
เสี่ยวเป่าไม่เพียงแต่เสาะหาพืชพรรณสิ่งของดีต่อผิวพรรณมาทำสบู่หอมให้พวกนาง ทว่ายังมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเช่นหน้ากากพอกหน้าและเครื่องบำรุงผิวหน้า รวมทั้งเหล่าเครื่องประทินโฉมด้วย
หากองค์หญิงไม่ได้เอ่ยเตือน พวกนางก็ยังคงไม่รู้ว่าเหล่าเครื่องประทินโฉมที่พวกนางใช้ก่อนหน้านี้มีพิษ
หลังจากนั้นพวกนางล้วนได้รับเครื่องประทินโฉมปลอดพิษจากองค์หญิง อีกทั้งยังใช้งานได้ดีกว่าของก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
แถมยังมีไพ่นกกระจอกและไพ่สำรับใช้เล่นยามว่าง เมื่อเบื่อหน่ายก็เพียงมารวมตัวกันเล่นสักสองสามวันครั้ง ไม่ต้องใช้เวลาวัน ๆ เพียงแต่คิดแย่งชิงความโปรดปราน
ตอนนี้ตระกูลส่วนใหญ่ของสนมต่างสงบเสงี่ยม เพราะกลัวว่าหากพวกเขาส่งข่าวสารใดไปยังเหล่านางสนมในวังหลังจะเป็นการสังหารตนเอง ดังนั้นจึงไม่ได้ยุยงให้บุตรสาวตนเองทำสิ่งใด
เมื่อไม่มีความกดดัน ความสัมพันธ์ของทุกคนก็ดีขึ้นไม่น้อย พวกนางต่างนั่งเล่นไพ่นกกระจอกพูดคุยกันอย่างสบายใจ รู้สึกว่าชีวิตเรียบง่ายเช่นนี้มีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนมาก
“องค์หญิงน้อยแปลกประหลาดยิ่งนัก ได้ยินมาว่านางต้องการจะไปชายแดนกับฝ่าบาท นางจะสามารถทนได้หรือ”
“ข้าได้ยินมาว่าอากาศที่ชายแดนนั้นหนาวเหน็บเลวร้าย ทั้งยังอาจเกิดสงครามได้ตลอดเวลา เหตุใดองค์หญิงจึงต้องการไปที่แห่งนั้น มีใครกระซิบสิ่งใดข้างหูนางหรือไม่”
เซี่ยชิงหร่านที่กำลังง่วนอยู่กับไพ่นกกระจอกเอ่ยออกมา “อย่าได้คิดมาก หากมีคนเจตนาร้ายเช่นนั้นจริง ฝ่าบาทจะไม่ทราบเรื่องนี้หรือ”
“ใช่แล้ว ฝ่าบาทรักเอ็นดูองค์หญิงถึงเพียงนี้ ทว่าองค์หญิงต้องการจะไปชายแดนจริง ๆ หรือ”
ในอดีตพวกนางอิจฉาริษยาองค์หญิงน้อยที่ได้รับความโปรดปรานอย่างมากจากฝ่าบาท ทว่าตอนนี้… เกือบจะสองปีแล้วที่พวกนางไม่ได้เห็นหน้าฝ่าบาท ตระกูลเองก็ถูกจัดการแล้ว ดีที่ฝ่าบาทไม่ได้สังหารล้างเสียหมด แม้ไม่ได้รับการปฏิบัติดีเช่นเมื่อก่อน พวกนางก็ยังรับได้
เห็นตระกูลขุนนางจำนวนมากเหล่านั้นถูกขังคุกและตัดหัวหรือไม่
นั่นทำให้จิตใจของพวกนางสงบเสงี่ยมลง อีกทั้งองค์หญิงเจาเสวี่ยมีสิ่งใดดีก็มักคิดถึงพวกนางเสมอ ทำให้พวกนางค่อย ๆ ใจอ่อนกับองค์หญิงน้อย
อีกเหตุผลคือมองดูแล้วฝ่าบาทน่าจะไม่ต้องการเชื้อสายเพิ่มอีก เช่นนั้นพวกนางก็ควรจะประพฤติตนให้ดี
ตอนนี้เมื่อพวกนางได้ยินว่าองค์หญิงต้องการจะติดตามฝ่าบาทไปชายแดน สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือความกังวล
หลังจากนั้นก็คิดที่จะกลับไปปักบางสิ่งเพื่อมอบให้กับองค์หญิงน้อย หรือนำของบางอย่างออกมาจากคลังส่วนตัวแล้วมอบให้ด้วยใจจริง
“แต่ไม่คาดเลยว่าฝ่าบาทจะถึงกับหลบหน้าองค์หญิงเสียได้”
ผู้ที่เอ่ยออกมาถูกคนอื่นถลึงตามองทันที “เงียบเสีย เรื่องเช่นนี้เจ้ายังกล้าเอ่ยออกมา หากวาจาเหล่านี้ถึงหูของฝ่าบาทเข้า เจ้าคงต้องทุกข์ทนแล้ว”
นางสนมผู้นั้นเม้มปาก ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก
แม้จะไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ ทว่าแท้จริงแล้วทุกคนต่างมีคำถามนี้ปรากฏขึ้นในใจ
ออกจะคาดไม่ถึงที่จักรพรรดิผู้น่าเกรงขามของอาณาจักรหลบหน้าลูกสาวของตน ฟังเช่นไรก็อดขบขันไม่ได้
จนถึงกลางคืน ในที่สุดเสี่ยวเป่าก็ได้เผชิญหน้ากับท่านพ่อ
แต่ก่อนหน้านี้นางก็ต้องเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน “ท่านพ่อกำลังหลบหน้าเสี่ยวเป่าหรือ!”
เสี่ยวเป่าถลึงตาจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
หนานกงสือเยวียนลูบจมูก “ไม่ เพียงแค่มีเรื่องจำเป็นต้องจัดการ”
น่าขัน ฮ่องเต้ผู้น่าเกรงขามของอาณาจักรอย่างเขาน่ะหรือจะทำเรื่องน่าอายเช่นนั้น เขาจะหลบหน้าลูกสาวได้อย่างไรกัน เขาออกไปก็เพราะมีเรื่องจริง ๆ
เสี่ยวเป่าเชื่อเขา นางถามเรื่องเมื่อวานต่อทันใด
หนานกงสือเยวียนตอบกลับอย่างหลบเลี่ยง จากนั้นก็ถามนางว่าหิวแล้วหรือไม่
เสี่ยวเป่าเท้าเอว “ท่านพ่ออย่าได้เปลี่ยนเรื่อง แต่เสี่ยวเป่าก็อยากกินข้าวแล้ว”
หลังกินอาหารกลางวันเสร็จ นางก็วิ่งไปมาเป็นเวลานาน ตอนนี้หิวยิ่ง
“กินข้าวเสียก่อน”
เสี่ยวเป่าเอ่ย “ท่านเปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว ท่านพ่อเพียงแค่อนุญาตให้ไปด้วย เสี่ยวเป่าจะเป็นเด็กดี”
หนานกงสือเยวียนตอบ “ถ้าเจ้าเป็นเด็กดีก็อย่าคิดจะไปชายแดน”
เสี่ยวเป่าเปลี่ยนคำพูดทันที “เช่นนั้นค่อยเป็นเด็กดีหลังไปถึงชายแดนแล้ว”
หนานกงสือเยวียน : …
เมื่อเสี่ยวเป่าเข้าไปออดอ้อนตามตื๊อ ผู้ใดก็ไม่อาจต้านทานได้ หนานกงสือเยวียนเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
หากเปลี่ยนเป็นเด็กคนอื่น หนานกงสือเยวียนเพียงแค่ปรายตามองและทำให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้าปรากฏตัวเบื้องหน้าเขาอีก
แต่นี่คือเสี่ยวเป่าของเขา ไม่เพียงแค่ไม่กลัว แต่ยังกล้าเอ่ยออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเขาโหดร้ายต่อนาง ไม่รักนางอีกแล้ว ทั้งยังอีกสารพัดคำมากมาย
แต่… ทั้งหมดก็เป็นเพราะการเลี้ยงดูของเขา
คนตัวเล็กแต่นิสัยช่างใหญ่โตนัก
หลังจากถูกตามตื๊ออยู่หลายวัน หนานกงสือเยวียนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบตกลงพานางไปด้วย
เมื่อได้รับคำตกลงแล้ว ก็ยังมีเด็กอีกสองคนเข้ามาพบเขาด้วย
หนานกงสือเยวียน “…ออกไป!”
องค์ชายสี่และองค์ชายห้าคิ้วตกจากไป พวกเขาไม่กล้าทำตัวกระเง้ากระงอดเช่นเสี่ยวเป่า