เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 422 คนงามขี้โรค

บทที่ 422 คนงามขี้โรค

บทที่ 422 คนงามขี้โรค

บทที่ 422 คนงามขี้โรค

จากความเข้าใจที่หนานกงฉีซิวมีต่อจี้อวิ่นอันในปัจจุบัน คนผู้นี้ถือว่าดีมาก แต่ยังคงต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอยู่ดี

“เรื่องฐานะครอบครัวไม่มีปัญหา แต่ตระกูลเซี่ยอาจสืบข้อมูลเกี่ยวกับจี้อวิ่นอันอีกเล็กน้อย เพื่อยืนยันว่านิสัยใจคอของเขาไม่มีปัญหา ตระกูลเซี่ยถึงจะยกพี่สาวหนานซูของเจ้าให้ออกเรือนให้เขา”

เสี่ยวเป่าพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”

หนานกงฉีซิวเห็นแล้วก็นึกขัน เขาใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของนางอย่างไม่เบาไม่หนัก

“อายุก็แค่นี้ เรื่องที่กังวลกลับมีมากทีเดียว”

เสี่ยวเป่ายิ้มกว้าง “เพราะพี่สาวหลานซูเป็นคนดีมาก เสี่ยวเป่าไม่อยากให้นางผิดหวัง ท่านพี่ เมื่อไหร่ท่านจะหาพี่สะใภ้ให้ข้าสักคน”

หนานกงฉีซิวยิ้มอ่อนโยน ทอดสายตาลงมองเสี่ยวเป่าพลางบีบจมูกน้อย ๆ ของนาง “เจ้าเด็กแก่แดด”

เสี่ยวเป่าเม้มปาก “ข้าเป็นห่วงท่านอยู่นะ”

หนานกงฉีซิวจิบชาแล้วพูดเสียงเบา “ก็ต้องแต่งบุตรสาวของอำมาตย์หลีอยู่แล้วน่ะสิ”

เสี่ยวเป่าที่หมอบอยู่บนตักของหนานกงฉีซิวพลันหันขวับกลับมา นางแค่ถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมีพี่สะใภ้แล้วจริง ๆ

อำมาตย์หลีหรือก็คืออดีตราชครูหลี เสี่ยวเป่ารู้จักบุตรสาวของเขา เป็นคนงามขี้โรคที่ดูคล้ายจะบุบสลายได้คนหนึ่ง

นางร่างกายอ่อนแอตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ถูกคนในบ้านประคบประหงมดูแลมาอย่างดี มีกลิ่นอายคล้ายคนงามขี้โรคอย่างหลินไต้อวี้ *[1] เป็นคนที่มีเอกลักษณ์มาก เสี่ยวเป่าชอบอยู่ใกล้กับนาง

แต่เพราะโรคประจำตัว นางจึงไม่เคยออกมาจากจวน

นางเป็นสตรีที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง แตกฉานทั้งดนตรี หมากล้อม บทกวี และวาดภาพ อาจเป็นเพราะป่วยมานานจนกลายเป็นหมอ นางยังเรียนรู้วิชาแพทย์จากตำราด้วยตนเอง แม้จะไม่ถือว่าร่ำเรียนจนแตกฉาน แต่การรักษาโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นไม่ใช่ปัญหา คนในครอบครัวของราชครูหลีล้วนได้นางคอยรักษาอาการเจ็บป่วยทั่วไปให้ เป็นสตรีที่กตัญญูรู้ความอย่างมาก

กล่าวได้ว่านอกจากร่างกายอ่อนแอแล้ว นางล้วนดีพร้อมไปเสียทุกด้าน

ทว่า…

ใช่ว่าเสี่ยวเป่าดูแคลนพี่สาวสกุลหลี แต่เพราะพี่ชายของนางเป็นรัชทายาท เสด็จพ่อและขุนนางในราชสำนักไม่น่าเห็นด้วยที่พี่ชายจะตบแต่งเด็กสาวที่ร่างกายอ่อนแอขี้โรคคนหนึ่ง

เพราะครอบครัวนางต้องมีคนสืบทอดบัลลังก์ ขณะที่เสด็จพี่รัชทายาทก็คือผู้สืบทอดคนนั้น

หนานกงฉีซิวคล้ายจะมองความคลางแคลงในแววตาของนางออก จึงลูบศีรษะนางขณะพูดว่า “อาจารย์ของเจ้าหาวิธีรักษาโรคของนางได้แล้ว ยามนี้เพิ่งจะเริ่มเห็นผล”

พูดถึงเฉาเชาเฉาเชาก็มา*[2] เวลานี้งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเสี่ยวเป่าดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้ว แต่หลีซู่กลับเพิ่งมาถึง ทั้งยังนำของขวัญมาขออภัยต่อเสี่ยวเป่าเป็นอันดับแรก

คนส่วนใหญ่ในงานล้วนไม่รู้จักหลีซู่

หลีซู่มีรูปโฉมงดงาม แลดูเปราะบางแต่ไม่อ่อนแอ กิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อย กล่าววาจาชัดเจนฉะฉาน

“หวังว่าองค์หญิงจะไม่ถือสา หม่อมฉันมีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ยามนี้มีหมอเทวดามารักษาให้ คนในบ้านจึงตั้งตารอด้วยความหวัง วันนี้ยังเป็นวันที่หมอเทวดาท่านนั้นนัดหมายว่าจะมาตรวจโรคให้พอดีจึงมาถึงล่าช้า หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวนความสำราญขององค์หญิงและแขกทุกท่าน”

ถึงจะตกเป็นเป้าสายตาของคนมากมาย หลีซู่กลับไม่ประหม่าเลยแม้แต่น้อย หากพูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมาทำให้ได้รับความรู้สึกที่ดีจากผู้คน

เสี่ยวเป่าแอบมองพี่ใหญ่ของตนเอง พวกเขาสองคนไม่สบตากันด้วยซ้ำ

หากพี่ใหญ่ไม่ได้บอกนางว่าจะแต่งพี่สาวสกุลหลี ท่าทางคนทั้งสองในตอนนี้ดูไม่เหมือนคนที่มีการคบหากันเลยสักนิด!

“พี่สาวหลีซู่ไม่ต้องเกรงใจปานนี้ ท่านมาได้ข้าก็ดีใจมากแล้ว”

เสี่ยวเป่าเดินเข้าไปจูงมือหลีซู่อย่างดีใจ จากนั้นก็พานางไปทำความรู้จักกับพวกพี่เซี่ยและจี้ชิงชิง

เมื่อพวกนางทราบว่าเมื่อก่อนหลีซู่ไม่เคยได้ออกจากบ้านเพราะมีปัญหาสุขภาพก็รู้สึกเห็นใจคนงามผู้นี้อย่างมาก หลังพูดคุยกันไปได้สักพักก็พบว่าคนผู้นี้ดูอ่อนแอแต่แท้จริงแล้วมีนิสัยคล้ายกับพวกตนยิ่งนัก เพราะนิสัยเข้ากันได้จึงบังเกิดความรู้สึกสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงเวลางานเลี้ยงสิ้นสุดลง พวกนางก็กลายเป็นสหายรู้ใจกันไปเสียแล้ว

เสี่ยวเป่าเจ้าก้อนแป้งหน้าตาน่ารักน่าชังทั้งยังเฉลียวฉลาดซุกซนกลายเป็นศูนย์รวมความสนใจของเด็กสาวกลุ่มนี้ ไม่ว่าใครก็อยากบีบแก้มยุ้ย ๆ จับมือเล็ก ๆ ของนาง ทั้งยังป้อนของกินให้จนท้องพองตุ๊บป่อง กระทั่งกินต่อไปไม่ไหว เสี่ยวเป่าจึงขอร้องพวกนางด้วยใบหน้ายับย่น

เพราะเหตุนี้ เมื่อเยว่หลีแอบเอาของกินมาป้อนเสี่ยวเป่าจึงพบว่านางกินไม่ไหวอีกแล้ว!

เยว่หลี “!!!”

เขาเพิ่งป้อนได้ไม่เท่าไหร่เองนะ!

หลังจากนั้นก็สัมผัสได้ถึงอันตราย คนที่ชอบเสี่ยวเป่ามีมากมายเกินไป เวลาตนเองเข้าไปแย่งชิงด้วยคราใดเป็นต้องเสียเปรียบ เห็นทีเขาต้องแกร่งให้มากกว่านี้!

เยว่หลีมีไฟฮึดสู้ขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ หลังจากเสี่ยวเป่าสางผมให้เขา งานเลี้ยงก็ถึงคราวเลิกรา

วังหลวงคึกคักมาทั้งวันในที่สุดก็เงียบสงบลง ตกเย็นเสี่ยวเป่านับของขวัญอย่างเบิกบานใจอยู่ในตำหนักของตนเอง

“องค์หญิง ศิราภรณ์*[3]ทับทิมชุดนี้งามนักเพคะ ถึงตอนที่พระองค์เจริญชันษาแล้วได้ทรงเครื่องประดับนี้จะต้องงามที่สุดในเมืองหลวงแน่นอน”

แม้เสี่ยวเป่าจะไม่ชอบให้บนศีรษะมีเครื่องประดับมากเกินไป แต่นางชอบสิ่งของที่งดงามเช่นนี้นี่นา

“เก็บเอาไว้ เก็บเอาไว้”

แม้ตนเองจะไม่ชอบใช้ ตอนนี้ยังไม่อาจใช้ แต่วันหน้าสามารถยกให้พี่สะใภ้ได้นี่นา

“องค์หญิง นี่คือผ้าไหมโปร่งจันทร์ทรงกลด ว่ากันว่าถ้านำไปตัดชุดสำหรับใส่ในช่วงฤดูร้อนจะเบาบางเย็นสบายยิ่งเพคะ ส่องแสงเป็นประกายใต้แสงอาทิตย์ แต่ผ้าชนิดนี้องค์หญิงมีสี่พับแล้ว ล้วนเป็นฝ่าบาทพระราชทานมาให้”

เสี่ยวเป่าตีเท้าขึ้นลง ในมือกำลังเล่นไข่มุกขนาดใหญ่ที่งามมากเม็ดหนึ่ง “เก็บไว้เถอะ”

เอาไว้ให้ว่าที่พี่สะใภ้

ตอนนี้มีว่าที่พี่สะใภ้หนึ่งคนแล้ว นางก็สามารถเตรียมของขวัญให้ว่าที่พี่สะใภ้ได้แล้วสินะ

“งานประมูลครั้งที่สองจะจัดเมื่อไหร่”

เสี่ยวเป่าคล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเด้งตัวขึ้นมาจากเตียง ประจวบกับยามนั้นเสือสองตัวที่กินอิ่มแล้วกำลังเดินนวยนาดหอบไอเย็นเข้ามาพอดี

พวกนางกำนัลไม่กล้าขัดขวาง เสือสองตัวนั้นยังตรงไปหมอบผิงไฟอยู่ข้างกระถางไฟอย่างแสนรู้

รอจนร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้วค่อยแกว่งหางเดินมาหาเสี่ยวเป่า ล้มตัวลงนอนหน้าเตียง เท้าขาวผ่องของเสี่ยวเป่าวางลงบนหลังมันได้พอดิบพอดี

ขนบนร่างเสืออบอุ่นยิ่ง เสี่ยวเป่าวาดเท้าไปมา จากนั้นก็ลงจากเตียงไปนอนพิงบนพุงเสือ ขนนุ่มนิ่มนอนแล้วสบายตัวอย่างมาก ดวงตางดงามสีขาวตัดดำชัดเจนสะท้อนแววพึงพอใจ

เสือสองตัวนั้นก็เอาอกเอาใจนางเหมือนลูกสาวตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

“อีกหนึ่งเดือนเพคะ”

เสี่ยวเป่าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ นางไม่ได้ไปงานประมูลครั้งที่หนึ่ง เพราะตอนนั้นสถานการณ์ในเมืองหลวงค่อนข้างซับซ้อน มีขุมอำนาจมากมาย ท่านพ่อกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับนางจึงไม่ให้นางไป

เสี่ยวเป่าเองก็ไม่มีนิสัยหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว นางเข้าใจความกังวลของท่านพ่อ ถึงจะอยากไปแค่ไหนก็อดทนอดกลั้นอยู่ในตำหนักอย่างว่าง่าย เพียงฟังพี่ห้ากลับมาเล่าสถานการณ์ในงานประมูลครั้งนั้นให้ฟัง

สรุปได้ว่าในงานประมูลครั้งแรกนั้น บรรดาพ่อค้าและทูตจากต่างแดนที่อยู่ในเมืองหลวงล้วนไปเข้าร่วม ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบโฉมงามชุดนั้นถูกปั่นราคาจนสูงเสียดฟ้า แต่คนเหล่านั้นก็ยังหอบหิ้วเงินมาประมูลกันอย่างเต็มอกเต็มใจ

เหล้าองุ่นชั้นเลิศก็เช่นกัน นั่นไม่เพียงแต่เป็นเหล้าองุ่นที่ดีที่สุดที่เสี่ยวเป่าบ่มออกมาได้ แต่เพราะพลังวิญญาณของเสี่ยวเป่า รสชาติจึงเยี่ยมยอด มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก สรรพคุณช่วยคงความอ่อนเยาว์และช่วยให้ร่างกายแข็งแรงย่อมมีอยู่แล้ว

ประการสำคัญคือเหล้าองุ่นในงานประมูลถูกบรรจุไว้ในขวดแก้ว ชั่วขณะที่ขวดแก้วบรรจุเหล้าสีม่วงแดงถูกนำออกไปแสดง ราคาเหล้าองุ่นก็ถูกคนประมูลแข่งขันกันจนสูงลิ่วเป็นประวัติการณ์

[1] หลินไต้อวี้ 林黛玉 เป็นตัวละครหญิงในวรรณกรรมจีนโบราณเรื่องความฝันในหอแดง《红楼梦》มีลักษณะเป็นหญิงงามอมโรค ชีวิตอาภัพ

[2] พูดถึงเฉาเชาเฉาเชาก็มา 说曹操曹操到 หมายถึง พูดถึงใครอยู่ คนคนนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นพอดี

[3] ศิราภรณ์ หมายถึง เครื่องประดับศีรษะ เช่น มงกุฎ พระมาลา พระเกี้ยว พระชฎา

……………………………..

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Score 10
Status: Completed
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว! นิยายแปลเรื่อง เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช ผู้แต่ง :垂耳兔 หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้ เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน! เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

Options

not work with dark mode
Reset