บทที่ 409 พูดคุย
บทที่ 409 พูดคุย
ทันทีที่เหล่าพ่อค้าต่างแดนก้าวเข้ามาเหยียบถนนย่านการค้าของต้าเซี่ย ก็พลันรู้สึกเหมือนตนเป็นหนูตกถังข้าวสาร บัดนี้ต้าเซี่ยมีของดีแปลกตามากมายที่พวกเขาไม่เคยได้พบเห็น หากรู้เร็วกว่านี้ พวกเขาคงไม่รอช้า รีบมาเยือนเร็วกว่านี้เป็นแน่
เหล่าพ่อค้าที่มาเยือนต้าเซี่ยเมื่อปีที่แล้ว “…”
พูดแบบเปิดใจเลยก็คือพวกเขาเพิ่งรู้ว่าต้าเซี่ยมีของดีเยอะถึงเพียงนี้ เทียบกับปีที่แล้ว เมืองหลวงต้าเซี่ยในยามนี้เรียกได้ว่าไม่มีเมืองหลวงอาณาจักรใดเทียบได้
ในขณะที่เหล่าพ่อค้ามุ่งความสนใจไปที่การซื้อหาสินค้า ราชทูตจากหลายอาณาจักรกลับให้ความสนใจสถานการณ์ในต้าเซี่ย แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องสืบหาข่าวเองสุ่มสี่สุ่มห้า
เพราะเรื่องราวทั้งหมดถูกระบุไว้ในหนังสือพิมพ์ไว้อย่างชัดเจนว่าฮ่องเต้กำลังต่อสู้กับตระกูลขุนนาง
และฮ่องเต้ก็ได้รับชัยชนะไป
ซึ่งสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและวิธีการคัดเลือกขุนนางและเจ้าหน้าที่ทางการที่ไม่เคยมีผู้ใดทำมาก่อน
ทันทีที่รู้เรื่องนี้ เหล่าราชทูตจากอาณาจักรน้อยใหญ่ถึงกับทำหน้าบอกบุญไม่รับ หลายคนด่าทอที่ฮ่องเต้ต้าเซี่ยกระทำการขัดต่อจารีตประเพณี บางคนถึงขั้นแช่งให้แผนการของเขาล้มเหลว
เพราะพวกเขาอยู่ในตระกูลขุนนาง แม้ฮ่องเต้ต้าเซี่ยจะกระทำในอาณาจักรของตัวเอง แต่จะให้พวกเขานิ่งดูดาย รอดูผลประโยชน์ของตนเองถูกฉกฉวยไปนั้นก็ทำไม่ได้ พวกเขายอมให้พวกชนชั้นต่ำที่ตนเคยเหยียบย้ำ ก้าวขึ้นมาเทียบชั้นกันไม่ได้
นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขารับไม่ได้ที่สุด
“หนานกงสือเยวียนต้องบ้าไปแล้วเป็นแน่ คิดได้อย่างไรเอาคนชั้นต่ำไร้การศึกษาพวกนั้นขึ้นมาเป็นขุนนาง เขากำลังลบหลู่คำสอนขงจื่อ ดูถูกบัณฑิต หรือแม้แต่ธรรมเนียมปฏิบัติของบรรพชนเขาก็ยังกล้าละเลย เขามีสิทธิ์อันใด!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าคนผู้นั้นจะหยิ่งยโสโอหังถึงเพียงนี้ เหตุใดพวกตระกูลขุนนางในต้าเซี่ยถึงได้ไร้ความสามารถเช่นนี้ ปล่อยให้คนตระกูลหนานกงรังแกตนเองอยู่ได้”
“สวรรค์เบื้องบนปล่อยให้คนเช่นนี้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้อย่างไร ทั้งยังให้เขาประสบผลสำเร็จอยู่ร่ำไป สวรรค์ลำเอียง สวรรค์ไม่ยุติธรรม!”
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ทำสิ่งใดไม่ได้ นอกจากถอนหายใจ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่คนผู้นั้นทำก็ดูสมเหตุสมผลอยู่ดี
เขาไม่แยแสบุตรสายตรงจากตระกูลขุนนาง แต่ให้ความสนใจบุตรนอกสมรสผู้ที่ตระกูลไม่เคยให้ความสำคัญ แต่คนเหล่านั้นกลับมีความสามารถโดดเด่น นี่จึงเป็นการตัดตอน ตัดแข้งตัดขาคนพวกนั้นอย่างสมบูรณ์
ฮ่องเต้ต้าเซี่ยผู้นี้ปราดเปรื่องยิ่งนัก คิดวิธีการแยบยลเช่นนี้ได้อย่างไร
ราชทูตทั้งหลาย : ห้ามให้ฝ่าบาทของพวกเขารู้เรื่องนี้เด็ดขาด หากอยากลองทำตามขึ้นมาพวกเขาจะทำอย่างไร!
ฮ่องเต้หลายอาณาจักร : มิสู้เราลองทำวิธีนี้ด้วยดีหรือไม่
แม้วิธีการนี้ต้าเซี่ยจะทำสำเร็จ แต่หากอาณาจักรอื่นเลียนแบบแผนการคงต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า
เหตุผลนั้นง่ายมาก วิธีการนั้นเลียนแบบได้ แต่ต้องมีฮ่องเต้อย่างหนานกงสือเยวียน!
“ฝ่าบาททรงคิดว่าสิ่งที่ฮ่องเต้ต้าเซี่ยกำลังทำอยู่นั้นเป็นวิธีที่ชาญฉลาดอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
คณะราชทูตจากเป่ยเยว่ที่เดินทางมาร่วมงานวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ต้าเซี่ยในปีนี้นำโดยองค์รัชทายาท เนื่องจากฮ่องเต้ต้าเซี่ยได้คว้าชัยชนะเหนือหนานจ้าว อีกทั้งยังส่งของกำนัลมา ‘ข่มขู่’ พวกเขาด้วย มันทำให้พวกเขาเกิดความหวาดระแวง เกรงว่าเทพสงครามจะหันปลายดาบมาทางพวกตน
ภายในเป่ยเยว่ในยามนี้ยิ่งไม่ค่อยสงบอยู่ด้วย
ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้ข่าวคราวที่ว่าฮ่องเต้ต้าเซี่ยจะประกาศสงครามพิชิตดินแดน ก็มีข่าวว่าเกิดสงครามภายในในต้าเซี่ยขึ้นมาเสียก่อน!
นับเป็นข่าวดียิ่ง!
แต่พอเดินทางมาถึง พวกเขากลับพบว่าฮ่องเต้ต้าเซี่ยยังคงถืออำนาจแข็งแกร่งไว้ในมือ แน่แล้วว่าคราวนี้รัชทายาทถูกหลอก
ช่วยไม่ได้ที่ระหว่างพวกเขาเดินทางจากเมืองหลวงเป่ยเยว่มาที่ต้าเซี่ยนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
เมื่อเดินทางมาถึงต้าเซี่ย รัชทายาทเป่ยเยว่จึงไม่ค่อยสบอารมณ์และมีสีหน้าสับสน แต่พอได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้ต้าเซี่ยทำ เขาก็พลันทึ่งในความสามารถจนอดชื่นชมคนผู้นั้นจากใจจริงไม่ได้
ขุนนางตระกูลใหญ่ไม่ได้มีแค่ในต้าเซี่ย
เขาเองก็ยังอยากลองใช้วิธีการนี้ รอให้เขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ก่อนเถิด เขาจะ ‘ทำงานใหญ่ให้สำเร็จ’ จากนั้นอำนาจทั้งหมดก็จะอยู่ในมือเขา
โดยมีฮ่องเต้ต้าเซี่ยผู้เรืองอำนาจเป็นต้นแบบ เผชิญหน้ากับตระกูลขุนนางอย่างไม่มีหวั่นเกรง!
แต่พอได้ยินคำถามจากไท่ซือ ต่อให้เขาจะโง่งมสักเพียงใด เขาก็พอจะรู้ว่าไม่ควรเอ่ยปากยอมรับ
“ข้าจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร? ฮ่องเต้ต้าเซี่ยทำสิ่งที่ขัดต่อวิถีแห่งสวรรค์ เป็นการกระทำที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”
ไท่ซือจิบชาช้า ๆ พลางใคร่ครวญคำตอบของรัชทายาทอย่างถี่ถ้วน
เหอะ… โง่!
“เช่นนั้นฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ว่าเหตุใดสงครามระหว่างฮ่องเต้ต้าเซี่ยกับตระกูลขุนนาง ฝ่ายฮ่องเต้ถึงได้เปรียบ กระทั่งกวาดล้างตระกูลขุนนางจนแทบไม่มีที่ยืนได้”
รัชทายาทเป่ยเยว่ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยตอบด้วยความมั่นใจ “คงเป็นเพราะหนังสือพิมพ์นั่น!จะว่าไปก็แปลก กระดาษในต้าเซี่ยถูกมากเลยหรือ กระดาษแผ่นใหญ่ถึงเพียงนี้ขายถูกขนาดนี้ได้อย่างไร พวกเขาทำได้อย่างไร”
ไท่ซือ “…”
เขาไม่ควรคาดหวังอันใดกับคนโง่งมผู้นี้เลย
“ผิดแล้ว”
เขาวางถ้วยชาในมือลง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่ทำให้ใบหน้าของรัชทายาทเป่ยเยว่แข็งทื่อ
“เป็นเพราะเขาคือหนานกงสือเยวียน”
ไท่ซือมองอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง “หนานกงสือเยวียนผู้นั้นแม้แต่สวรรค์ยังไม่อาจให้อภัย เขาสังหารบิดาเข่นฆ่าพี่น้อง คว้าทุกสิ่งมาด้วยสองมือที่เปื้อนเลือด หาได้พึ่งพาแรงสนับสนุนจากตระกูลขุนนางเหล่านั้น ในสนามรบเขาเป็นเทพสงคราม สมญานามที่เขาได้มาจากการร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ทหารทั้งกองทัพ สังหารศัตรูอย่างโหดเหี้ยมไร้ซึ่งความหวาดกลัว”
รัชทายาทเป่ยเยว่หมายจะเอ่ยบางสิ่ง แต่ถูกไท่ซือห้ามไว้เสียก่อน “ไม่ว่าวิธีการได้มาซึ่งบัลลังก์ของเขานั้นจะทำให้ถูกประณามไปชั่วลูกชั่วหลานหรือไม่ก็ตาม แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาทำสำเร็จ เขาใช้ความสามารถและหยาดเหงื่อแรงกายของตนเพื่อหยุดเสียงต่อต้าน ไม่สนใจว่าคนนอกจะมองอย่างไร”
“เหตุผลที่หนานกงสือเยวียนเอาชนะตระกูลขุนนางได้ในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำในอดีต แต่เป็นเพราะเขามีความสามารถมากพอ มีน้องชายอย่างเจิ้นหนานอ๋อง ผู้ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อช่วยเหลือเขา ทั้งยังมีขุนนางภักดีอย่างตระกูลเซี่ย ทหารองครักษ์ในเมืองหลวงก็ภักดีต่อเขา อำนาจทางทหารทั้งภายในและภายนอกทั้งหมดจึงอยู่ในมือเขาเพียงผู้เดียว ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงขุนนางฝ่ายบุ๋นจากตระกูลขุนนาง ไร้ซึ่งอำนาจ คิดว่าเขาจำเป็นต้องกลัวอย่างนั้นหรือ”
แน่นอนว่าเขายังไม่ได้เอ่ยถึงขุนนางเฒ่าผู้มีความคิดล้ำลึกบางคน แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นส่วนใหญ่สืบทอดตำแหน่งจากรุ่นสู่รุ่น ลูกหลานรุ่นต่อมาก็เป็นเพียงถุงสุราห่อข้าว*[1] ที่มีเพียงเปลือกนอก ภายในว่างเปล่า
เมื่อคนมีความสามารถแก่ตัวลง คนโง่เขลาพวกนั้นก็จะถูกบังคับให้เข้ารับราชการโดยมีบารมีคนในตระกูลคอยอุ้มชู ทั้งที่ไร้ความสามารถ แต่ชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด นี่คือสาเหตุที่ฮ่องเต้ต้าเซี่ยไม่คิดเสียดายขุนนางฝ่ายบุ๋นจากตระกูลขุนนางเหล่านั้น
เขาเลือกที่จะหันคมมีดเข้าหาตัวเพื่อเฉือนเนื้อร้ายในตัวทิ้งให้หมด แม้วิธีนี้จะทำให้เจ็บปวดและทรมานอยู่ชั่วขณะหนึ่งก็ตาม
แต่ต่อมาเขาก็ค้นพบ ‘ยารักษา ‘ หลังจากนั้นก็กำหนดกฎระเบียบที่ทำให้คนพวกนั้นโมโหจนแทบกระอักเลือดตาย แม้จะขัดต่อหลักการทั่วไป แต่ได้ผลดียิ่ง
ไท่ซือยกถ้วยชาขึ้นจิบพลางมองรัชทายาทด้วยแววตาลุ่มลึก “ฮ่องเต้ต้าเซี่ยผู้นั้นฉลาดและมีความสามารถ ทั้งยังโชคดีที่มีบุตรสาวช่วยกอบกู้ชื่อเสียงได้ทันเวลา โชคดีที่มีเหล่าบุตรชายที่มีความสามารถโดดเด่นมากมาย รวมถึงน้องชายผู้ซื่อสัตย์ ไม่มีคิดคดทรยศ”
[1] ถุงสุราห่อข้าว หมายถึง คนเสเพลไร้ความสามารถ