บทที่ 381 ดาบถังเหิง
บทที่ 381 ดาบถังเหิง
ชาวเมืองหน้าด่านกำลังวุ่นวายอยู่กับการนับผลผลิต หลังได้ผลสรุปทุกคนก็ยิ่งฮึกเหิม
“ท่านแม่ทัพ องค์ชายรอง ปีนี้ผลผลิตทั้งหมดอยู่ที่ประมาณสองต้านต่อหมู่ มากสุดคือสี่ต้าน ส่วนผลผลิตจากพื้นที่รกร้างนั้นมากกว่าหนึ่งต้านต่อหมู่ขอรับ” เสียงรายงานจากเสมียนนายหนึ่งตื่นเต้นจนเสียงสั่น
พื้นที่แห้งแล้งอย่างเมืองหน้าด่านไม่เคยเพาะปลูกได้ผลผลิตดีขนาดนี้มาก่อน!
หลังได้รับรายงานข่าวดีดังกล่าว แม้แต่แม่ทัพเซี่ยยังฮึกเหิมจนต้องลุกตบโต๊ะ คนอื่น ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ดีจริง!”
นี่เป็นข่าวดีที่เมืองหน้าด่านไม่เคยมีมาก่อน เป็นที่รู้กันดีว่าดินแถวนี้ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่รกร้าง แม้เทียบกับผลผลิตที่ดีที่สุดที่เคยเก็บเกี่ยวได้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังไม่เกินสองต้าน ทว่าบัดนี้กลับได้ผลผลิตมากกว่าสองต้าน แม้แต่พื้นที่รกร้างยังให้ผลผลิตมากกว่าหนึ่งต้าน
อีกทั้งที่ดินบางส่วนที่ใช้เพาะปลูกยังเป็นพื้นที่บุกเบิกใหม่ เรียกได้ว่าปีนี้เมืองหน้าด่านมีการบุกเบิกที่ดินเพาะปลูกกันขนานใหญ่ ราษฎรแทบทุกครัวเรือนมีที่ดินทำกิน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนขี้เกียจสันหลังยาว ยังลุกขึ้นมาบุกเบิกที่ดิน ทำไร่ไถนาเพื่อความอยู่รอด
0
ทางการยังประกาศอีกว่าที่ดินเหล่านั้นจะเป็นของพวกเขาในอีกห้าปี ด้วยแรงจูงใจเช่นนี้ ผู้ใดยังนิ่งนอนใจ ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป
และแล้วความพยายามในการเพาะปลูกในปีนี้ก็ผลิดอกออกผลเป็นที่น่าพึงพอใจ
แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าจากการอดหลับอดนอน ตรากตรำเก็บเกี่ยวผลผลิตแม้ในยามค่ำคืน ทว่าพวกเขากลับอิ่มอกอิ่มใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นอกจากจะไม่ต้องอดอยากปากแห้งแล้ว ยังสร้างรายได้จากการขายผลผลิตส่วนเกิน เมื่อมีเงิน พวกเขาก็สามารถซื้อเสื้อคลุมกันหนาวได้ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นเหมือนที่ผ่านมา
ฤดูเก็บเกี่ยวในสารทฤดูผ่านพ้นไปด้วยดี บรรยากาศทั่วเมืองเป็นไปอย่างชื่นมื่น พวกซยงหนูเห็นเช่นนั้นก็จ้องตาเป็นมัน จนเกิดศึกขนาดย่อมอยู่หลายหน แม่ทัพเซี่ยจึงนำกำลังพลบุกโจมตีพวกซยงหนู
พวกโจรป่าในดินแดนทุ่งหญ้าอย่างชาวซยงหนูนั้น สันติไม่ใช่ทางออก ต้องจัดการด้วยวิธีการโหดเหี้ยมเท่านั้นถึงจะยอมรามือ
หนานกงฉีโม่เขียนจดหมายเรื่องการเก็บเกี่ยวในเมืองหน้าด่าน พร้อมทั้งการค้นพบเหมืองถ่านหินแล้วส่งไปยังเมืองหลวง
ฤดูเก็บเกี่ยวในสารทฤดูผ่านไปไม่นาน จดหมายจากชายแดนก็ถูกส่งต่อไปยังพระราชวังฤดูร้อน
คิ้วที่กำลังขมวดของหนานกงสือเยวียนคลายลงหลังได้อ่านจดหมาย จากนั้นก็เรียกหาเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่ามอบหมายหน้าที่กลั่นเหล้าให้เหล่าพี่ชาย ส่วนตัวเองก็ออกไปหาซื้อของมาทำน้ำหอม
วัตถุดิบหลักคือดอกไม้ ยามนี้เสี่ยวเป่าทำน้ำหอมดอกมะลิกับน้ำหอมดอกเหมยกุ้ย เนื้อตัวจึงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้
ทันทีที่ได้ยินว่าท่านพ่อเรียกหา เสี่ยวเป่ารีบมอบหมายให้ผู้อื่นมาทำหน้าที่ต่อ ส่วนตนเองก็รีบวิ่งหน้าตั้งไปหาท่านพ่อ
ขณะที่นางกำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง หนานกงสือเยวียนกลับย่นจมูกพร้อมกับจามออกมาทันที
เสี่ยวเป่า “ท่านพ่อเป็นหวัดหรือเพคะ!”
นางรีบวิ่งเข้าไปหาเขา ทว่ายิ่งนางเข้าไปใกล้ หนานกงสือเยวียนก็ยิ่งจาม
จามเสร็จพลันหันมองเสี่ยวเป่าด้วยใบหน้าเรียบเฉยดังเดิม
“บนตัวเจ้านั่นมันกลิ่นอันใดกัน”
เสี่ยวเป่ายกแขนตัวเองขึ้นมาดม “นอกจากกลิ่นดอกไม้แล้ว ก็ไม่ได้มีกลิ่นแปลกปลอมอันใดนิเพคะ”
หนานกงสือเยวียน “พวกเจ้า”
“เพคะ”
“พาองค์หญิงไปอาบน้ำแล้วค่อยพากลับมา”
ระหว่างที่เสี่ยวเป่ากำลังจะถูกพาตัวออกไป นางถึงได้รู้ตัวว่าท่านพ่อไม่ชอบกลิ่นบนตัวนาง!
“ท่านพ่อ! ท่านรังเกียจเสี่ยวเป่า!!!”
หนานกงสือเยวียนที่กำลังใช้นิ้วปิดจมูกเอ่ยตอบเสียงเรียบ “อย่าคิดมาก ไม่ได้รังเกียจเจ้า”
เสี่ยวเป่าพยายามเกาะขอบโต๊ะไว้พลางมองอีกฝ่ายเหมือนไม่อยากเชื่อสายตา “เช่นนั้นท่านก็ให้ข้ากลับห้องไปเสียจะดีกว่า”
หนานกงสือเยวียน “ข้าเพียงไม่ชอบกลิ่นดอกไม้ฉุน ๆ บนตัวเจ้า นี่เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่”
เขาอธิบายพร้อมกับจามอีกครั้ง
กลิ่นมันหอมมาก แต่ก็ฉุนมากเช่นกัน
เสี่ยวเป่าเห็นท่านพ่อจามไม่หยุดจึงเอ่ยตอบเสียงไม่เต็มใจ “ก็ได้ เสี่ยวเป่าไปอาบน้ำก่อนก็ได้”
“กลิ่นออกจะหอม”
แต่ดูเหมือนจะหอมเกินไปหน่อย
เสี่ยวเป่าบ่นอุบอิบก่อนเดินออกไปอาบน้ำ
อาบเสร็จ นางก็กลับมาพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ หนานกงสือเยวียนจึงยื่นจดหมายของหนานกงฉีโม่ให้นาง
“ผลผลิตจากการเก็บเกี่ยวในเมืองหน้าด่านล้วนเป็นผลงานของเจ้า การค้นพบเหมืองถ่านหินก็เช่นกัน”
เสี่ยวเป่ายกตั่งตัวเล็กไปนั่งข้างท่านพ่อ กางจดหมายออกและเริ่มอ่านช้า ๆ
นางอาบน้ำสระผม เส้นผมจึงยังเปียกอยู่ ใบหน้าก็ยังแดงระเรื่อจากไอน้ำอุ่น กำลังนั่งอยู่บนตั่งตัวเล็กด้วยท่าทางเรียบร้อย
จะติดก็แต่เท้าอวบอ้วนที่ไม่ได้สวมรองเท้าให้มิดชิด
เสี่ยวเป่าสั่งทำรองเท้าแตะที่สวมใส่สบาย ใส่ง่ายถอดง่าย เอาไว้ใช้ยามอยู่ในห้องส่วนตัว แต่ก็มีบางครั้งที่นางใส่มันออกไปข้างนอก เพราะมันใช้งานสะดวก
นางที่พึ่งอาบน้ำเสร็จจึงวิ่งออกมาพร้อมรองเท้าแตะ
ระหว่างอ่านจดหมาย เท้าที่สวมรองเท้าแตะก็ยื่นออกไปไขว้กันข้างหน้า
นิ้วเท้าที่โผล่ออกมาจากรองเท้ากำลังกระดิกไปมาดึงดูดสายตาผู้คน
“ท่านพ่อ พี่รองบอกว่าพวกเขาพบเหมืองถ่านหินแล้ว และเริ่มหาคนงานเหมืองถ่านหินแล้วด้วย”
แต่ถ่านหินที่ขุดขึ้นมาได้ใช่ว่าจะนำมาใช้ได้ทันที ทว่ายังต้องผ่านกระบวนการบางอย่างถึงจะใช้งานได้
หนานกงสือเยวียนรู้ดี เพราะเขาอ่านจดหมายนี้ไปแล้ว
หนานกงสือเยวียนส่งเสียงตอบรับในลำคอก่อนจะเอ่ยปากชม “ทำได้ไม่เลว”
“แสดงว่าท่านพ่อจะตกรางวัลให้พี่รองใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่เพคะ”
เสี่ยวเป่ามองอีกฝ่ายตาปริบ
หนานกงสือเยวียนยื่นมือเข้าไปบีบแก้มเจ้าก้อนแป้งอย่างเต็มไม้เต็มมือ
“คิดถึงแต่พี่รองของเจ้าอย่างนั้นหรือ”