เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 377 องค์หญิงน้อยก็มีหน้าให้รักษา!

บทที่ 377 องค์หญิงน้อยก็มีหน้าให้รักษา!

บทที่ 377 องค์หญิงน้อยก็มีหน้าให้รักษา!

บทที่ 377 องค์หญิงน้อยก็มีหน้าให้รักษา!

“องค์หญิง สิ่งเหล่านี้องค์ชายรองส่งให้ท่านในวันเกิด ทว่าผ่านมานานมากแล้วจึงถูกหลงลืมไป พึ่งได้รับวันนี้ยามจัดระเบียบคลังส่วนตัวของท่าน”

ของขวัญจากพี่รองหรือ

เสี่ยวเป่าวางหนังสือที่กำลังอ่านในมือลงทันที พบว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นหนังและขนสัตว์คุณภาพสูง เหมาะแก่การนำมาทำเป็นเสื้อคลุม

นอกจากนี้ยังมีของกระจุกกระจิกดูแล้วแปลกตา เมล็ดพันธุ์หลากชนิด และสารพัดหินรูปทรงแปลกประหลาดทว่างดงาม

แต่สายตาของเสี่ยวเป่ากลับจับจ้องไปทางสิ่งที่อยู่ฝั่งริมด้านนอกซึ่งไม่ได้โดดเด่น สิ่งนั้นเป็นถุงผ้าใส่หินที่ถูกย้อมจนเป็นสีดำขลับ

ชุนสี่มองตามสายตาของนางแล้วเอ่ยออกมา “เมื่อกระหม่อมเห็นหินสีดำก้อนนี้ ยังคิดว่ามีบ่าวรับใช้บางคนใส่มันเข้าไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ต้องการจะโยนมันทิ้งไป แต่หมัวมัวผู้ดูแลยืนยันว่าเป็นสิ่งที่องค์ชายรองส่งมา จึงให้คนนำมันมาด้วยเพคะ”

“องค์หญิง หินเหล่านี้…”

“ไป พวกเราไปหาท่านพ่อ!”

ชุนสี่ “เอ๋???”

เอาหินสีดำก้อนนี้ไปหาฝ่าบาทหรือ

นางต้องการจะพูดแต่ก็ลังเล สุดท้ายก็ตอบรับคำแต่โดยดี

เสี่ยวเป่ามีความสุขอย่างยิ่ง มีความสุขจนเดินไปกระโดดไประหว่างทาง!

ฮ่า ๆ ๆ… ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขาเพิ่งพูดถึงเรื่องถ่านหิน ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีถ่านหินอยู่ใต้จมูกของนางมาโดยตลอด

เสี่ยวเป่ารักพี่รองยิ่งนัก!

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”

เพราะตื่นเต้นมากเกินไป เสี่ยวเป่าที่ทั้งวิ่งทั้งกระโดดตรงเข้าไปในตำหนักฉินเจิ้งจึงเกือบชนเข้ากับขุนนางเฒ่าผู้หนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากด้านใน

เสี่ยวเป่า : เบรกฉุกเฉิน!

พวกเขาไม่ได้ชนกัน เนื่องจากนางพุ่งตัวหลบไปด้านข้างจนล้มลงบนพื้นอย่างไม่อาจทรงตัวได้

แปะ…

ต่อหน้าเหล่าขุนนาง เสี่ยวเป่าที่ล้มลงแทบเท้าพวกเขาเงยหน้ายิ้มแฉ่งมาให้

หนานกงสือเยวียนกุมหน้าผาก…

เหล่าขุนนางกระตุกริมฝีปาก รีบช่วยพยุงให้นางลุกขึ้นมา

“องค์หญิง ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”

เสี่ยวเป่าปัดกระโปรงของตน ใบหน้าเล็ก ๆ แดงก่ำระหว่างเอ่ยทักทายพวกเขาอย่างสง่างาม

นี่นับว่าเป็น ‘วัวหายล้อมคอก’ ใช่หรือไม่ หากเมื่อครู่พวกเขาไม่ได้เห็นกับตาว่าองค์หญิงทั้งวิ่งทั้งกระโดดพุ่งเข้ามา อาจเชื่อจริง ๆ ว่านางเป็นองค์หญิงน้อยผู้สง่างามมีความเป็นกุลสตรี

เสี่ยวเป่าใบหน้าแดงก่ำ หลังจากทักทายทำความเคารพแล้วก็รีบตรงไปหลบอยู่ด้านหลังท่านพ่ออย่างรวดเร็ว

หนานกงสือเยวียนอยากยิ้ม แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ “ออกไปได้แล้ว”

เหล่าขุนนางพากันกล่าวลา ส่วนเสี่ยวเป่าก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากด้านหลัง

“ท่านพ่อ”

หนานกงสือเยวียนปรายตามอง “ตอนนี้รู้จักอายเป็นแล้วหรือ”

เสี่ยวเป่าเกาแก้มของตนอย่างเขินอาย “เสี่ยวเป่าดีใจเกินไป”

หนานกงสือเยวียนไม่ได้หยอกเย้านางต่อ “เรื่องอันใดที่ทำให้เจ้าดีใจเพียงนี้”

ทันใดนั้นเสี่ยวเป่าก็โยนเรื่องราวขายหน้าเมื่อครู่ทิ้งไป อย่างไรเสียนางก็เคยขายหน้ามามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว

“ท่านพ่อ เป็นถ่านหิน สิ่งที่พี่รองส่งมาให้เสี่ยวเป่าเป็นของขวัญวันเกิดมีถ่านหินด้วย”

กล่าวแล้วนางก็เรียกให้ขันทีนำถ่านมาให้ท่านพ่อดู

“นี่คือถ่านหินหรือ?”

มันดำขลับอย่างที่เสี่ยวเป่าบอกจริง ๆ หากมองเพียงผิวเผินก็ดูเหมือนเป็นเพียงหินธรรมดา

คาดไม่ถึงว่าหินนี่จะสามารถนำไปใช้ก่อไฟได้ ทั้งยังจุดติดได้นานกว่าถ่านไม้ เรื่องนี้ฟังอย่างไรก็ให้ความรู้สึกไม่น่าเชื่ออยู่บ้าง

แต่เพราะเขาเชื่อเสี่ยวเป่า ดังนั้นจึงนำมันมาทดลองดู

เสี่ยวเป่ารีบเอ่ย “ข้างในไม่ได้ ท่านพ่อต้องออกไปด้านนอกก่อน ควันจากการเผาถ่านหินมีพิษอยู่”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง สีหน้าของฝูไห่พลันแปรเปลี่ยน

“สิ่งนี้มีพิษย่อมไม่อาจทำได้พ่ะย่ะค่ะ”

เสี่ยวเป่าโบกมือ “มันเหมือนกับถ่านไม้ สิ่งสำคัญคือยามจุดภายในห้องต้องมีการระบายอากาศ มันมีกลิ่นแรงกว่าตอนเผาถ่านไม้มาก ดังนั้นจึงควรมีเตาที่เหมาะสม”

หนานกงสือเยวียนเอ่ย “เช่นนั้นก็ออกไปทดสอบด้านนอก”

ตอนนี้ไม่มีเตา มีเพียงแค่กระถางไฟหนึ่งอัน

แม้ถ่านหินจะเผาไหม้ได้นาน แต่ก็ติดไฟไม่ง่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีถ่านไม้หนึ่งชั้นเอาไว้นำไฟ

การเผาถ่านในสภาพอากาศเช่นนั้นนับเป็นเรื่องหนักหนายิ่ง หลังจากที่ทุกคนเตรียมทุกอย่างเร็วแล้วจึงถอยห่างออกไป

เมื่อจ้องมองไปทางนั้น ก็รู้สึกราวกับว่าสามารถเห็นอากาศที่บิดเบี้ยวเพราะความร้อนได้ด้วยซ้ำ

เสี่ยวเป่าต้องการยกตั่งไม้มาให้ท่านพ่อนั่ง ทว่าฝูไห่รีบหยุดนางเอาไว้

“ให้องค์หญิงทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ปล่อยให้พวกบ่าวรับใช้ทำเถิด”

เสี่ยวเป่าและท่านพ่อนั่งอยู่ใต้ชายคา นางโบกมือเล็ก ๆ บอกให้คนไปนำปิงจีหลิ่นมา

ท่านพ่อกินแบบถ้วย ส่วนนางกินแบบแท่ง

อย่างไรเสียด้วยนิสัยภาพลักษณ์ของท่านพ่อย่อมไม่เหมาะที่จะทำเรื่องเช่นการเลียปิงจีหลิ่นเลยสักนิด

นางยังได้แบ่งให้กับเหล่าบ่าวรับใช้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างไม่ตระหนี่ถี่เหนียว เกรงว่ากระทั่งรสน้ำตาลทรายที่แย่สุดยังสามารถทำให้บ่าวรับใช้เหล่านั้นทราบซึ้งสุดหัวใจ

เสี่ยวเป่า : น้ำแข็งทำง่าย แบ่งได้ทุกคน!

“ติดไฟแล้ว มันติดไฟจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

บ่าวรับใช้ที่มีหน้าที่สังเกตสถานการณ์ในกระถางไฟรีบมารายงานทันทีเมื่อเห็นว่าหินกำลังลุกไหม้จนเปลี่ยนเป็นสีแดง

หนานกงสือเยวียนลุกขึ้นต้องการจะเดินไปดู “อย่าลืมบันทึกเวลาลุกไหม้ของถ่านหินด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หากถ่านหินลุกไหม้ได้นาน มันจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างมาก

เสี่ยวเป่าที่ติดตามเขาไปด้วยยังคงเลียปิงจีหลิ่นจนหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกินแท่งที่สองอย่างต่อเนื่อง

เมื่อกำลังกินแท่งที่สาม ถ่านหินก็ยังไม่มอดดับ ทว่าท้องของเสี่ยวเป่ากลับเริ่มปั่นป่วนขึ้นมา

เสี่ยวเป่า : ไม่ดีแล้ว

แม้คิดจะใช้พลังวิญญาณรักษาร่างกายก็ไม่ทันการเสียแล้ว นางรีบวิ่งออกไปพร้อมกุมท้องเอาไว้

นาง… ท้องร่วง ทั้งยังอาเจียนออกมา

ใบหน้าน้อย ๆ ซีดขาวลงจากการอาเจียน แม้จะใช้พลังวิญญาณเข้าช่วยเหลือ สภาพก็ยังย่ำแย่อยู่ดี

หนานกงสือเยวียนอุ้มเสี่ยวเป่าพลางออกคำสั่งเสียงเครียด “ไปตามหมอหลวง!”

ผู้มายังคงเป็นหมอหลวงจางที่คุ้นเคย หลังจากตรวจชีพจรเสี่ยวเป่า หมอหลวงจางก็เอ่ยออกมาตรง ๆ

“องค์หญิงกินของเย็นมากเกินไป เมื่อวานเองก็คงกินมาไม่น้อย วันนี้หลังจากกินเข้าไปอีกร่างกายจึงรับไม่ไหวพ่ะย่ะค่ะ”

“องค์หญิงยังเล็กนัก ไม่อาจกินของเย็นได้มากถึงเพียงนี้”

เสี่ยวเป่าแย้มยิ้มขวยเขินจากนั้นก็ซุกหัวลงในอ้อมแขนของท่านพ่อไม่เอ่ยสิ่งใด

หนานกงสือเยวียนพูดด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “จัดยาให้นาง”

คราวนี้เขาจงใจเมินสัญญาณบอกเป็นนัยเรื่องยารสขมของเสี่ยวเป่าด้วย

เด็กน้อยสมควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง

หลังจากหมอหลวงจากไปแล้ว เสี่ยวเป่าก็ก้มหัวลงอย่างเชื่อฟังยอมรับความผิด

“ท่านพ่ออย่าโกรธเลย”

นางมองใบหน้าเย็นเยียบของท่านพ่อแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “เสี่ยวเป่ารู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว วันข้างหน้าจะไม่ทำอีก”

นางเอ่ยขอโทษอย่างน่าสงสาร

“เมื่อวานกินไปเท่าใด”

เสี่ยวเป่ายกขึ้นมาสี่นิ้ว

หนานกงสือเยวียน “หากเจ้าไม่พูดความจริง ข้าจะถามจากบ่าวรับใช้เจ้า”

เสี่ยวเป่างอสองนิ้วกลับไปอย่างรวดเร็ว เหลือแค่หัวแม่มือและนิ้วชี้*[1] หนานกงสือเยวียนที่เห็นขมวดคิ้วส่งเสียงหัวเราะเย็น “ไยยิ่งถามยิ่งน้อยลง”

“ไม่ใช่”

เสี่ยวเป่าอ้อมแอ้มตอบ “นี่ นี่หมายความว่าแปด”

กล่าวจบแล้วนางก็รีบปิดก้นของตนเองเอาไว้ด้วยแววตาหวาดระแวงเล็กน้อย

“ท่านพ่อ เสี่ยวเป่าใกล้จะห้าขวบแล้ว ท่านจะตีก้นไม่ได้”

องค์หญิงน้อยก็มีหน้าให้รักษา!

หนานกงสือเยีวยน “…”

“ได้ ข้าไม่ตีเจ้า”

เสี่ยวเป่าไม่ได้คลายความระแวดระวังลง มือยังคงปิดก้นของตนพลางเดินถอยหลังออกไป

[1] สัญลักษณ์มือแสดงเลขแปดของจีนเป็นการยกนิ้วโป้งและนิ้วชี้

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Score 10
Status: Completed
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว! นิยายแปลเรื่อง เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช ผู้แต่ง :垂耳兔 หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้ เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน! เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

Options

not work with dark mode
Reset