บทที่ 348 ฐานะของเยว่หลี
บทที่ 348 ฐานะของเยว่หลี
หนานกงสือเยวียนไม่ทันได้สอบสวนเยว่หลีที่ชิงตัวเสี่ยวเป่าหนีมา ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่ากำลังรอเขาอยู่
“เก็บข้าวของทันที พวกเราจะกลับเมืองหยง”
เมืองหยง หรือก็คือเมืองที่ต้าเซี่ยส่งกองทัพไปรักษาการณ์ที่หนานเจียง
หนานกงสือเยวียนอุ้มเสี่ยวเป่าออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ทันทีที่ก้าวออกจากห้อง ก็พบกับองครักษ์เสือคู่กายทั้งสองตัวของนาง
“เฮยอู๋ฉาง ไป๋อู๋ฉาง!”
เสี่ยวเป่าโบกไม้โบกมือด้วยความดีใจ เจ้าเสือทั้งสองวิ่งเข้ามาท่าทางตื่นเต้น จากนั้นก็ล้อมเสี่ยวเป่าและหนานกงสือเยวียนเอาไว้พลางคลอเคลียร่างของนางเพื่อแสดงความรัก
“เสี่ยวเป่าคิดถึงพวกเจ้ามากเลย!”
เสี่ยวเป่ากอดหัวอันใหญ่โตของพวกมันทั้งสอง
นางต้องแอบลอบเข้าเมืองหลวงของหนานจ้าว จึงมิอาจนำเสือทั้งสองไปด้วยได้เนื่องจากสะดุดตาเกินไป ด้วยเหตุนี้จึงทำได้เพียงฝากให้พี่ปู้หนานอีช่วยดูแลพวกมันเป็นการชั่วคราว
“พวกเจ้ามาได้อย่างไรกัน พี่หนานอีก็มาด้วยหรือ”
สายตาของปู้หนานอีจับจ้องไปที่เยว่หลีซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเสี่ยวเป่า บัดนี้เขาก้าวมาข้างหน้าและโค้งคำนับที่ดูโบราณเป็นอย่างยิ่ง
“บุตรศักดิ์สิทธิ์สบายดีนะ ข้าคือปู้หนานอี หัวหน้าเผ่ากู่ขาวรุ่นที่หนึ่งร้อยสามสิบห้า”
เยว่หลีมองนางด้วยสีหน้าที่ประหลาด จากนั้นวิ่งไปหาเสี่ยวเป่าราวกับว่าหวาดกลัว และคว้ามือนางมาจับโดยไม่เคอะเขิน
หนานกงสือเยวียน “…”
หากว่าคนผู้นี้มิได้โง่เขลาเบาปัญญา เขาคงถีบส่งออกไปให้พ้น ๆ แล้ว
กล้าจับมือลูกสาวต่อหน้าต่อตาเขาเช่นนี้ คงเบื่อชีวิตแล้วสิท่า
“พี่หนานอี ที่แท้คนที่ท่านให้เสี่ยวเป่าตามหาก็คือเยว่หลีนี่เอง”
ตอนที่จากเผ่ากู่ขาวมา ปู้หนานอีรับปากจะช่วยพานางลอบเข้าหนานจ้าว แลกกับการช่วยนางตามหาคนที่พิเศษมากคนหนึ่ง
แต่ตอนนั้นนางเพียงบอกว่าคนผู้นี้พิเศษ ทว่ามิได้บอกลักษณะอื่น ๆ เสี่ยวเป่าที่ทึกทักเอาเองว่าตนไม่ค่อยฉลาดนักจึงคิดว่าคงจะหาไม่เจอ
หลังจากนั้นเมื่อได้พบกับพี่หนานกงชิงก็คิดจะให้เขาช่วย ต่อมาก็ได้เจอท่านพ่อ นางจึงคิดจะให้ท่านพ่อช่วยออกตามหาอีกแรง
เพียงแต่ท่านพ่อนั้นมีงานรัดตัว นางยังไม่ทันได้บอกก็ต้องไปจากที่นี่เสียแล้ว โชคดีที่ตอนนี้ได้พบกับพี่ปู้หนานอีอีกครั้ง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงไม่มีใครพิเศษมากไปกว่าเยว่หลีอีกแล้ว
“ใช่แล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นอันใดไป”
เสี่ยวเป่าเหลือบมองเยว่หลีด้วยความสงสาร สายตาราวกับแม่ที่กำลังมองลูกชายก็มิปาน
“เขาพูดไม่ได้ เป็นพวกโง่ทึ่ม”
ปู้หนานอี “…”
นางเอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบาก “บุตรศักดิ์สิทธิ์มิได้โง่… อะแฮ่ม คงเพราะไม่มีใครสอนเขา”บราวนี่ออนไลน์
ในฐานะผู้นำเผ่ากู่ขาว นางพอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้อยู่บ้าง แต่ก็รู้เพียงการมีอยู่และฐานะของเขาเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่าถูกซ่อนไว้ที่ไหน ใช้ชีวิตเป็นอย่างไรนางเองก็มิอาจรู้ได้
เกิดเรื่องขึ้นที่สนามรบในเมืองหยง หนานกงสือเยวียนจึงเรียกระดมพลให้กลับไปโดยด่วน
แน่นอนว่าเยว่หลีเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะอยู่กับเสี่ยวเป่า แม้ปู้หนานอีอยากพาเขากลับไปก็ไร้หนทางอื่น นอกจากตามขึ้นรถม้าไปด้วย
“พี่หนานอีเจ้าคะ เยว่หลีเป็นราชากู่มิใช่หรือ เหตุใดถึงกลายเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ไปได้เล่า”
ปู้หนานอีมองคนที่นั่งข้างเสี่ยวเป่าที่กำลังอุ้มแมวดำด้วยสายตาที่ซับซ้อน หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ตัดสินใจบอกความลับในที่สุด
เรื่องราวของบุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นความลับสุดยอดของเผ่ามาช้านาน แน่นอนว่าเผ่ากู่ดำที่มีบรรพบุรุษร่วมกันก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็คือราชากู่ เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเผ่ากู่ของเรา เนื่องจากราชากู่มิได้ปรากฏตัวมาห้าร้อยปีแล้ว หลังจากที่เผ่ากู่แตกออกเป็นสองเผ่า พวกเราทั้งสองเผ่าก็ออกตามหาอย่างลับ ๆ มาโดยตลอด เพียงแต่ด้วยเป้าหมายที่ต่างกัน
เผ่ากู่ดำคิดจะยืมพลังราชากู่ที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ครอบครองในการพิชิตใต้หล้า แต่พวกเราออกตามหาบุตรศักดิ์สิทธิ์เพียงเพื่อให้เขาได้รับการคุ้มครองจากเผ่ากู่ขาว และไม่ต้องการให้เขาตกอยู่ในวังวนแห่งการแย่งชิงอำนาจ
หากบุตรศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเกี่ยวพันและถูกหลอกใช้ ทั่วทั้งใต้หล้าก็จะต้องเผชิญกับหายนะ ตามบันทึกประวัติศาสตร์เมื่อห้าร้อยปีก่อน นี่เป็นดั่งภัยพิบัติอันร้ายแรง คำเตือนเพียงหนึ่งเดียวจากบรรพบุรุษที่ตกทอดมานับตั้งแต่ตอนนั้นคือต้องสังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็ต้องควบคุมเขาเอาไว้ในนามของการคุ้มครอง
แม้ว่าทำเช่นนี้จะเป็นการโหดร้ายต่อบุตรศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกข้าก็จำเป็นต้องทำ บุตรศักดิ์สิทธิ์มิเคยปรากฏมากว่าห้าร้อยปีแล้ว คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะปรากฏตัวในพระราชวังหนานจ้าวเช่นนี้”
เสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง “เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเยว่หลี่เป็นเชื้อพระวงศ์ของหนานจ้าวน่ะสิ?”
ปู้หนานอีพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว อีกทั้งฐานะของบุตรศักดิ์สิทธิ์มิได้เป็นเพียงเชื้อพระวงศ์หนานจ้าวเท่านั้น แต่เขายังเป็นพระโอรสองค์สุดท้องของอดีตกษัตริย์ เพราะเกิดมามีผมสีขาว นัยน์ตาสีม่วง จึงถูกมองว่าเป็นสัตว์ประหลาดและเกือบถูกฆ่าตั้งแต่วันที่ลืมตาดูโลก แต่ทว่ามหาปุโรหิตมาขวางไว้ได้ทัน จากนั้นจึงพาตัวไปโดยอ้างว่าจะพาไปอบรมสั่งสอน และหายไปอย่างไร้ร่องรอย อดีตกษัตริย์หนานจ้าวก็มิได้สนใจว่าลูกชายแสนด่างพร้อยของตนผู้นี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
และเพราะว่ามหาปุโรหิตหาบุตรศักดิ์สิทธิ์พบ เขาจึงคิดว่าตนเป็นผู้ที่สวรรค์ลิขิต ดังนั้นขณะที่เขาฟูมฟักดอกสามชีวาอย่างลับ ๆ ก็กุมอำนาจในหนานจ้าวไว้อย่างมั่นคง กษัตริย์หนานจ้าวอาจจะสังเกตเห็น แต่เพียงไม่นานเขาก็สิ้นใจตาย กษัตริย์หนานจ้าวองค์ปัจจุบันเป็นเพียงหุ่นเชิดที่มหาปุโรหิตให้ความสนับสนุนโดยสมบูรณ์ ราชวงศ์หนานจ้าวจึงมีอยู่เพียงแค่ในนามเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่บุตรศักดิ์สิทธิ์มีสภาพจิตใจราวกับเด็กน้อยก็คงเป็นเพราะถูกขังไว้ตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เคยมีใครสอนสิ่งต่าง ๆ ให้กับเขา ข้าคิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์พูดได้ เพียงแต่ไม่ได้พูดมานานหลายปีจึงไม่ยอมเปิดปาก”
เสี่ยวเป่าลูบหัวเยว่หลี นางรู้ซึ้งความรู้สึกของการที่ไม่มีใครให้พูดคุยด้วย แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังโชคดีที่สามารถไปไหนก็ได้ ได้เห็นโลกที่คึกคักวุ่นวาย แต่เขากลับถูกขังในห้องใต้ดินแคบ ๆ ตั้งแต่ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ แค่อยากมองดูโลกภายนอกก็ถือเป็นความหรูหราสำหรับเขาแล้ว
“เสี่ยวเป่า”
ปู้หนานอีมองหน้านางด้วยสีหน้าลำบากใจ “ข้าขอพาบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับไปได้หรือไม่”
เสี่ยวเป่ามองนางตาปริบ ๆ อย่างไร้เดียงสา “เรื่องนี้ท่านต้องถามเยว่หลีเอง”
แต่ว่าเยว่หลีไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
ปู้หนานอีนั่งตัวตรง “จะปล่อยให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นไม่ได้ มิเช่นนั้นใต้หล้าจะต้องพบเจอกับหายนะ”
เสี่ยวเป่าถามนาง “พี่หนานอี เยว่หลีควบคุมกู่ได้เยอะมาก ๆ ใช่หรือไม่”
นางพยักหน้า
เสี่ยวเป่าถอนหายใจเบา ๆ “เช่นนั้นเสี่ยวเป่าถึงอยากพาเยว่หลีไปช่วยท่านพ่อ ท่านบอกว่าการมีอยู่ของเยว่หลีจะทำให้โลกนี้ตกอยู่ในอันตราย แล้วการมีอยู่ของพวกกู่ดำเล่า เสี่ยวเป่าจินตนาการอนาคตอันไกลแสนไกลเช่นนั้นไม่ออกหรอกนะ เสี่ยวเป่ารู้เพียงว่าต้องปกป้องท่านพ่อ ปกป้องท่านอาสี่ และพี่ชายของเสี่ยวเป่า
มันอาจมีวิธีที่ดีกว่าในการหยุดสงครามนี้ แต่ถ้าเสี่ยวเป่าไม่ใช่วิธีนี้และคิดโง่ ๆ อย่างการให้พวกท่านพ่อใช้เลือดเนื้อเข้าสู้กับกู่พวกนั้น แบบนั้นต่างหากถึงจะเป็นคนโง่จริง ๆ
เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาคนใดคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บหรือเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เสี่ยวเป่าจะเสียใจมาก ๆ เมื่อเทียบกับสิ่งนี้แล้ว เสี่ยวเป่าขอเลือกพาเยว่หลีไปช่วยเหลือพวกเขาดีกว่า”
สีหน้าของปู้หนานอีดูร้อนรน “แต่หากเจ้าใช้พลังของบุตรศักดิ์สิทธิ์ จะก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่…”
“พี่หนานอี”
เสี่ยวเป่าตัดบทนาง “พวกเราเป็นมนุษย์ ท่านเองก็เป็นมนุษย์ ชาวบ้านในหมู่บ้านกู่ขาวทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ และมนุษย์ล้วนเห็นแก่ตัว เหมือนกับพวกท่านและเผ่ากู่ดำที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่ต้องแตกแยกเพราะความเห็นแก่ตัว เช่นนั้นท่านรับรองได้หรือไม่ว่าคนในเผ่าของท่านจะไม่คิดใช้ประโยชน์จากเยว่หลีในสักวันหนึ่ง”