บทที่ 346 ได้สติ
บทที่ 346 ได้สติ
หนอนตัวสีแดงเรียวยาวบิดเบี้ยวและแกว่งไปมาระหว่างนิ้วมือขาวดุจหยก จนเกือบจะผูกตัวเองเป็นปม แต่ก็ไม่ยอมหล่นจากนิ้วมือ
ทุกคนรู้สึกขยะแขยงเหลือทน แต่เด็กหนุ่มที่กำลังบีบกู่ยังคงสงบนิ่งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“รีบฆ่ามันได้แล้ว!”
เมื่อฝูงชนได้สติก็ส่งสายตา ‘เจ้าคนอวดดี’ ไปให้เด็กหนุ่ม ทนไม่ไหวอยากเผาเจ้าหนอนนั่นให้ตาย ๆ ไปเสีย
สิ่งชั่วร้ายอย่างหนอนกู่ ไม่มีใครรู้ว่าหากสับมันเป็นพันชิ้น แล้วจะฟื้นคืนชีพอีกหรือไม่ สู้เผามันให้เป็นจุณพวกเขาจึงจะวางใจ
พวกเขารีบนำชามมา เทสุราลงไปแล้วสั่งให้เด็กหนุ่มโยนหนอนกู่ลงในชาม จากนั้นก็จัดการเผามันในทันที
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าวิธีนี้ได้ผล กู่ตัวนั้นตายหลังจากดิ้นทุรนทุรายเพียงไม่กี่ที
เมื่อจัดการกับหอกข้างแคร่ได้แล้ว ทุกคนก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาก
หนานกงจ้านถูกวางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง เสี่ยวเป่าทำตาปริบ ๆ ขณะมองดูท่านอาสี่อยู่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง
“อย่าลืมทายาที่แผลบนสันกรามของท่านอาสี่นะ”
เดิมทีใบหน้าของท่านอาสี่ก็เต็มไปด้วยบาดแผลอยู่แล้ว เพิ่มแผลนี้เข้าไปก็ยิ่งขี้เหร่เข้าไปใหญ่
เสี่ยวเป่าสัมผัสรอยแผลขนาดใหญ่ที่คล้ายกับตะขาบบนใบหน้าของเขา หัวสมองน้อย ๆ นึกใคร่ครวญคลังโอสถของท่านอาจารย์ ว่ามียาใดที่สามารถลบรอยแผลเป็นได้หรือไม่นะ
หนานกงชิงนั่งลงข้างเตียง เมื่อเสี่ยวเป่าหันไปมองก็เห็นว่าเขามีสีหน้าซีดเซียว อีกทั้งมีเลือดไหลตรงบริเวณไหล่
“ท่านพี่ก็บาดเจ็บด้วยหรือ”
หนานกงชิง “ข้าไม่เป็นไร แผลเล็กน้อย”
เสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่าจะไปหายาให้”
นางรีบลุกขึ้นและวิ่งออกไป แม้แต่หนานกงชิงก็ห้ามไม่ทัน
เสี่ยวเป่าให้นางกำนัลคนหนึ่งนำทาง และเข้าไปในห้องโอสถของพระราชวังหนานจ้าวพร้อมกับขวดยาได้สำเร็จ
ตอนนี้ทุกคนในวังล้วนแต่ถูกนำตัวไปประหารจนสิ้น ใครเล่าจะมีแก่ใจมาดูแลที่นี่
นับว่าเสี่ยวเป่าได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ สมองของนางแล่นอย่างรวดเร็ว พลันคว้ายาตามสูตรการรักษาบาดแผลภายนอกของท่านอาจารย์ จากนั้นก็ลงมือทำ
เด็กหนุ่มผมขาวที่ยังไม่มีชื่อเรียกตามติดนางทุกฝีก้าว ราวกับเป็นสุนัขตัวใหญ่ที่ทากาวไว้กับตัว
คนผู้นี้สงสัยใคร่รู้ไปเสียทุกสิ่ง เขานั่งยอง ๆ ข้างเสี่ยวเป่าพลางสูดดมทางนั้นที ทางโน้นที ดูยุ่งวุ่นวายแตกต่างจากแมวที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย
เสี่ยวเป่าแย่งสมุนไพรคืนจากมือของเขา จากนั้นก็หันไปคุมงานเหล่านางกำนัลต่อ
ในที่สุดเมื่อท่านพ่อออกตามหานาง เจ้าตัวน้อยก็ทำเนื้อตัวสกปรก แต่ทว่าก็สามารถทำยารักษาบาดแผลที่มีคุณภาพออกมามากมายได้สำเร็จ
ขณะที่ถูกอุ้มตัวลอยจนขาห้อยต่องแต่งกลางอากาศ เสี่ยวเป่าก็จามออกมาเสียงดัง
นางหันไปมองอย่างยากลำบาก เมื่อพบว่าเป็นท่านพ่อก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายในทันที
“ท่านพ่อ~~~~”
เสียงร้องเรียกฟังดูนุ่มนวลอ่อนหวาน รอยยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวสวย นัยน์ตาสีดำสนิทดูเป็นประกาย เสริมให้ใบหน้าของนางดูสกปรกยิ่งกว่าเดิม
หนานกงสือเยวียนอุ้มบุตรสาวไว้ในอ้อมแขน และมองหน้าแม่ทัพที่ยืนตัวตรงอยู่ด้านข้างราวกับท่อนไม้
“ผ้าเช็ดหน้า?”
บรรดาแม่ทัพหนุ่มท่าทางหยาบกระด้างมองหน้ากันไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก พวกเขาดูเหมือนคนที่ใช้ของแบบนั้นหรือ
“มะ หม่อมฉันมีเพคะ”
นางกำนัลคนหนึ่งพูดเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเรียบทว่าสะอาดสะอ้านออกมาจากในแขนเสื้อ
มีคนเข้าไปตรวจดูทันทีโดยมิต้องให้หนานกงสือเยวียนสั่ง เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยจึงยื่นให้หนานกงสือเยวียน
หนานกงสือเยวียน : จู่ ๆ ก็นึกถึงฝูไห่ขึ้นมา การมีหัวหน้าขันทีที่เพียบพร้อมอยู่เคียงข้างช่วยลดปัญหาได้มากจริง ๆ
เขาเช็ดคราบขี้เถ้าที่ติดอยู่บนหน้าให้บุตรสาว
“ท่านพ่อดูสิ”
เสี่ยวเป่าเผยยิ้มโง่งม จากนั้นก็ชี้ไปยังผลงานชิ้นเอกของตน ทั้งยังเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“พวกนี้คือยาทาแผล เสี่ยวเป่าเป็นคนทำเอง!”
แม้ใบหน้าจะดูมอมแมม แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งนางจากการทำสีหน้าที่แสดงถึง ‘รีบชมข้าเร็ว’ ราวกับลูกสุนัขเอาไว้ได้
“ทำได้ไม่เลว”
หนานกงสือเยวียนลูบหัวนางเบา ๆ จนมือเปื้อนเศษขี้เถ้า
เขาก้มมองมือของตัวเองโดยไม่พูดอะไร
เสี่ยวเป่ารู้สึกผิดนิดหน่อย นางกุมหัวตัวเองและเอนไปข้างหลัง
“ท่านพ่อเอามือมาโดนเองนะ หัวเสี่ยวเป่าไม่เกี่ยว”
หนานกงสือเยวียนดีดลงไปที่หน้าผากน้อย ๆ ของนาง “ไปอาบน้ำ”
นางตอบรับอย่างว่าง่าย ขณะที่ถูกอุ้มกลับไปก็มิวายกอดคอท่านพ่อพร้อมกับส่งเสียงดัง
“เอายาไปให้ท่านพี่กับท่านอาสี่ด้วยเพคะ!”
หนานกงสือเยวียน “อยู่นิ่ง ๆ อีกเดี๋ยวจะมีคนเอาไปให้”
ได้ฟังดังนั้น เจ้าก้อนแป้งก็เลิกโวยวายทันใด
“จริงสิ ท่านพ่อ เสี่ยวเป่าอยากตั้งชื่อให้เขา แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ท่านพ่อช่วยตั้งชื่อให้เขาได้หรือไม่”
เสี่ยวเป่าเหลือบมองเด็กหนุ่มที่กำลังเดินตามพวกเขา นับนิ้วพลางพึมพำชื่อที่ตัวเองคิดขึ้นก่อนหน้านี้
หนานกงสือเยวียนมุมปากกระตุก แม้ในตอนแรกจะไม่ค่อยถูกชะตากับเจ้านั่นอยู่บ้าง แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมา
แต่ไม่มาก ครู่เดียวก็ลืมจากสมองไปแล้ว
“ไม่ หาคนอื่นเถอะ”
เขาเคยแต่ตั้งชื่อให้กับบรรดาลูก ๆ ของตัวเองเท่านั้น
เสี่ยวเป่าเองก็ไม่เซ้าซี้ พลันตอบเสียงใส “เช่นนั้นเสี่ยวเป่าจะไปให้พี่หนานกงชิงช่วย”
เสี่ยวเป่าล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดหมดจด เมื่อเจ้าก้อนแป้งตัวขาวผ่องไปหาท่านพ่อและท่านอาสี่ บาดแผลของพวกเขาก็ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว
“ท่านพี่เจ็บแผลหรือไม่ เลือดยังไหลอยู่หรือไม่”
หนานกงชิงลูบหัวนางอย่างแผ่วเบา “ไม่ไหลแล้ว ขอบใจเสี่ยวเป่ามากนะ”
เสี่ยวเป่าเอียงคอพลางยิ้มแฉ่ง
“เสี่ยวเป่าดีใจที่ได้ช่วยพวกท่าน”
แม้นางจะชอบแอบอู้อยู่บ่อยครั้งเวลาที่ท่านอาจารย์สอนหนังสือ แต่ก็พอจะจำสูตรยาต่าง ๆ ได้บ้าง
ลำพังแค่ห้ามเลือดอย่างเดียวไม่พอ แต่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อเสียก่อน ทว่าที่นี่ไม่มียาฆ่าเชื้อ
กลับไปทำยาฆ่าเชื้อดีกว่า!
เสี่ยวเป่าจิตใจฮึกเหิมไม่ย่อท้อ นางเองก็เป็นเด็กที่เคยอยู่ในสนามรบ และได้เห็นผู้คนที่ต่อสู้เคียงข้างท่านพ่อต้องล้มตายเนื่องจากแผลติดเชื้อ จึงได้แต่โกรธตัวเองที่ไม่ได้ทำยาฆ่าเชื้อออกมา
“เหตุใดท่านอาสี่ยังไม่ตื่นอีกเล่า”
เจ้าตัวน้อยจับมือของท่านอาสี่ จากนั้นก็ถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าร่างของเขาอย่างไม่เสียดาย
นางรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย อีกทั้งรู้สึกได้ถึงพลังวิญาณที่กำลังจะหมดลงอีกครั้ง แต่แล้วจู่ ๆ มือขนาดใหญ่ที่นางจับกำลังจับเอาไว้ก็ขยับเขยื้อน
เสี่ยวเป่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และรีบเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงดูดุดัน ประกอบกับรอยแผลเป็นเกือบจะทั่วทั้งใบหน้า ให้ความรู้สึกดุร้ายแม้ยามหลับใหล
แต่ว่าเสี่ยวเป่าไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย นางรู้ดีว่าท่านอาสี่ใจดีกับนางเพียงใด
ท่ามกลางสายตามีความหวังของเสี่ยวเป่า ขนตาของชายบนเตียงก็กะพริบไหว จากนั้นก็ลืมตาในที่สุด
“ตื่นแล้ว ๆ!”
เสียงอ่อนหวานแหลมสูงด้วยความตื่นเต้น
ฮูเร่ ฮูเร่…
เมื่อได้ยินเสียงของนาง บรรดาผู้คนก็ล้อมวงเข้ามาทันที
“เสด็จพ่อ”
“ท่านอ๋อง!”
เมื่อหนานกงจ้านได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคย สติก็กลับคืนมา เขาลืมตามองผู้คนที่ยืนอยู่รอบกาย
ใบหน้าที่คุ้นเคยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ
“นี่ข้า… เป็นอะไรไปหรือ
“สำเร็จแล้ว ๆ กำจัดพิษกู่ให้ท่านอ๋องสำเร็จแล้ว!”
“ท่านอ๋อง! ในที่สุดท่านก็ฟื้นเสียที หากว่าท่านไม่ฟื้นพวกข้าจะทำอย่างไร!!!!”
ชายตัวสูงใหญ่ราวกับหมีผู้มีรูปร่างกำยำกว่าใครแหวกฝูงชนเข้ามา พลางส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น
——————————————-