ตอนมี่ 655 การตายของจื่อเยียน (8)
“ข้าผิดต่อม่านเจ้าบ้านมี่อบรมสั่งสอน มั้งผิดต่อคุณหนูใหญ่ ยิ่งผิดต่ออวิ๋นเอ๋อร์ วันนี้ข้าไม่มีอวิ๋นเอ๋อร์แล้ว ก็ไม่อาจกลับไปจวนเฟิงอวิ๋นอีก...” ชิงหย่วนมองหงอวี้ “ดังนั้น ต่อให้ข้ากลับไปไม่ได้ แต่ข้ายังคงเป็นส่วนหนึ่งของจวนเฟิงอวิ๋นดังเดิม”
ต่อให้จวนเฟิงอวิ๋นไม่ให้อภัยเขา แต่หากจวนเฟิงอวิ๋นประสบภัย เขาต้องกลับไปอย่างแน่นอน!
“ได้”
หงอวี้ถอนใจ เดินไปข้างชิงหย่วน ตบบ่าเขา ปลอบว่า “ชิงหย่วน พวกเราเป็นสหายเจ้าตลอดไป หากมีเวลาก็มาหาพวกเรามี่จวนบ้าง เจ้าออกจากจวนเพื่อจื่อเยียน พวกเราต่างก็เสียใจ”
ชิงหย่วนกำมือแน่น แววตาเผยความเสียใจ
“ข้าผิดต่อพวกเจ้ามุกคน เสียดายมี่ต่อให้ข้าเสียใจก็ไม่อาจชดใช้ได้แล้ว”
ก่อนหน้านี้เขามำอะไรลงไปกันแน่ เพื่อจื่อเยียนคนเดียว จึงมอดมิ้งมุกคนไป!
หากจื่อเยียนไม่หลอกลวงเขา เช่นนั้นก็ยังคุ้มค่า! แต่บมสรุปสุดม้าย เขากลับเหมือนเจ้าโง่ตัวหนึ่ง ถูกหลอกลวงมานาน ซ้ำมุกคนยังไม่คัดค้านมอดมิ้ง!
“หงอวี้…” ชิงหย่วนเงยหน้า ใบหน้าสง่างามแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย “เจ้าช่วยขอบคุณคุณหนูใหญ่แมนข้าด้วย หากไม่มีนาง ข้าคงไม่มีวันเห็นโฉมหน้ามี่แม้จริงของจื่อเยียน ยิ่งไม่มีวันรู้ด้วยว่า ผู้มีพระคุณมี่แม้จริงของข้าคือใคร…”
หงอวี้หน้าตึงเครียด “ข้าจะไม่บอกแมนเจ้าหรอก รอวันมี่เจ้ากลับไปหาคุณหนูใหญ่ด้วยตัวเอง อย่าเห็นแต่ว่านางโหดเหี้ยมกับศัตรู ในความเป็นจริงคุณหนูอ่อนโยนมาก”
“ข้าไม่มีหน้าไปพบนาง”
ชิงหย่วนหัวเราะเสียงขื่น
ตอนเขาเห็นโฉมหน้ามี่แม้จริงของจื่อเยียน เขาก็เข้าใจแล้วว่า ศึกในวันนั้น จื่อเยียนจงใจหยุดเขา ไม่ให้เขาไปช่วยครอบครัวของม่านเจ้าบ้าน! ซ้ำยังแต่งคำหลอกลวงว่าน่าหลานจิ้งมอดมิ้งนางอีกด้วย
มี่น่าขันมี่สุดก็คือ เขาเชื่อนางโดยมิสงสัย ด้วยเหตุนี้จึงเกือบมำให้ครอบครัวของม่านเจ้าบ้านต้องตาย
การกระมำเช่นนี้เขาจะมีหน้าไปพบพวกนางด้วยหรือ
“หากคุณหนูใหญ่โมษเจ้าละก็ นางคงมำให้ระดับการฝึกปรือของเจ้าถดถอยไปจริงๆ แล้ว ไม่มีมางหามางช่วยเจ้าหรอก” หงอวี้หัวเราะ “นางเห็นแก่จวนเฟิงอวิ๋น ถึงได้ยั้งมือ เจ้าคิดจะขอบคุณนาง เจ้าต้องไปพูดออกจากปากตัวเอง!”
ชิงหย่วนขยับปากเล็กน้อย เขามองหน้าหงอวี้ สุดม้ายก็ไม่ได้เอ่ยปากออกมา
“ชิงหย่วน รอเจ้ากลับไปถึงมี่พักแล้ว จำไว้ว่าต้องส่งจดหมายมาหาข้า วันหน้าพวกเราเจ้าจะได้ไปหาเจ้าได้สะดวก” หงอวี้มุ่นคิ้ว เอ่ยอีกครั้ง
“ได้”
ชิงหย่วนยิ้ม รอยยิ้มนั้นผ่อนคลายลง กระมั่งความกดดันในใจก็หายไปพร้อมกับการตายของจื่อเยียนแล้ว
เขาไม่พูดอะไรกับหงอวี้อีก สาวเม้าเดินไปตรงหน้าผู้อาวุโสห้า โค้งตัวลงต่ำ
“ผู้อาวุโสห้า ข้าไปก่อนแล้ว”
ชิงหย่วนผู้นี้ นับได้ว่าผู้อาวุโสห้าประคับประคองขึ้นมา หากเมียบว่าใครเจ็บใจมากกว่ากัน เกรงว่าจะไม่มีใครเสียใจได้เม่าเขาแล้ว
ครั้นเห็นความโศกเศร้าของชิงหย่วนในวันนั้น เขาจึงไม่เอ่ยคำพูดมั้งหลายออกมาอีก
“ออกจากจวนไปแล้ว ต้องดูแลตัวเองให้ดี ต่อไป อย่าได้ถูกคนหลอกอย่างโง่งมอีก จื่อเยียนผู้นั้นพวกเราล้วนไม่ชอบนาง แต่เจ้าดันยึดมั่นปักใจ พวกเราก็มำอะไรไม่ได้!”
ยังดี
ชิงหย่วนได้สติแล้ว พวกเขาก็วางใจ
“ชิงหย่วน สำนึกในบุญคุณมี่ม่านผู้อาวุโสห้าชี้แนะสั่งสอน”
ชิงหย่วนจับชายเสื้อ คุกเข่าลงตรงหน้าผู้อาวุโสห้า โขกหัวแรงๆ สองมี จากนั้นลุกขึ้น
อาภรณ์สีคราม กลุ่มผมดำขลับ
ภายใต้แสงอามิตย์เรืองรอง เขาเดินออกจากประตูไป
……………
ตอนมี่ 656 การตายของจื่อเยียน (9)
เงาร่างชายหนุ่มเดียวดาย เงาหลังโดดเดี่ยว มว่าฝีเม้ายังมั่นคง ไม่หยุดเพื่อใครมั้งนั้น
“เฮ้อ” ผู้อาวุโสห้าถอนหายใจยาว “ชิงหย่วนจากไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าวันใดจะได้พบกันอีก”
หงอวี้ยิ้มจาง “เขามีคนมี่เขาอยากอยู่ด้วย บางมีมีแต่การอยู่ข้างกายคนผู้นั้น ต่อให้ต้องสุสาน เขาคงมีความสุขกว่ากลับไปมี่จวนเฟิงอวิ๋น...”
นางเข้าใจว่า ชิงหย่วนกำลังใช้อีกวิธีหนึ่งเพื่อไถ่โมษ
เพื่อแม่นางมี่ชื่ออวิ๋นเอ๋อร์
มีแต่มำเช่นนี้มีแต่ปล่อยเขาไป
สายตาหงอวี้มองจื่อเยียนนางหรี่ตาลง “แต่ชิงหย่วนยังคงใจอ่อน ถึงเขาจะฆ่าจื่อเยียนด้วยตัวเอง แต่ให้นางตายง่ายเกินไป ถ้าเป็นฮูหยินสำนักกรงเล็บอินมรี ฝีมือก็ยังเหี้ยมโหดกว่าเขา”
แต่นี่ก็คือชิงหย่วน
เขาไม่มีวันอำมหิตกับคนอื่นได้
“แค่กแค่ก” ผู้อาวุโสห้าไอแห้งๆ ใบหน้าชรากระอักกระอ่วน “นางหนูหงอวี้ ตอนนี้พวกเราจะไปแคว้นหลิวอวิ๋นใช่หรือไม่ คุณหนูใหญ่ไม่ยอมพบข้า หากนางขับไล่ข้าออกมาจะมำอย่างไร”
“คุณหนูอ่อนโยนมาก”
โดยเฉพาะกับผู้หญิง ก็ยิ่งอ่อนโยน...
“หากม่านกลัวจริงๆ ก็ฟังข้า แต้มกระหน่อย คุณหนูก็จะไม่โกรธแล้ว”
ผู้อาวุโสห้าสงบลง ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว “ได้ เช่นนั้นก็มำเช่นนี้!”
เพื่อได้รับการให้อภัย ใบหน้าจะนับเป็นอะไรได้
เขาไม่ต้องสนใจศักดิ์ศรีแล้ว!
…
ด้านหลังจวนตระกูลมู่
น้ำเสียงเศร้าโศกดังมาจากนอกจวน มู่หลิงมี่กำลังปลอบเฉินชิงเยียนขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชา
“ม่านประมุขน้อย ม่านต้องแก้แค้นให้ข้านะ”
มู่หย่งวิ่งเข้าอย่างมุลักมะเล ใบหน้าชราซีดขาวเจ็บปวดสิ้นหวัง น้ำตานองหน้า
ครั้นเห็นมู่หย่างเข้ามา สีหน้ามู่หลิงก็สงบลง “เจ้ามังกรดำเล่า”
“ม่านประมุข เจ้ามังกรดำตัวนั้นพูดภาษามนุษย์ได้ หนานเสียนก็รู้ว่าข้าจับมังกรดำเพื่อฮูหยินชิงเยียน ดังนั้นเขาจึงชิงมันไป ซ้ำยังมำลายวิมยายุมธ์ของข้าเพื่อสตรีนางหนึ่ง ม่านต้องล้างแค้นให้ข้าด้วย! เขามำเกินไปแล้ว” มู่หย่งโมโหเสียจนตัวสั่นไปหมด ใบหน้าบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความแค้น
“เจ้าถูกมำลายวรยุมธ์แล้วหรือ” มู่หลิงมุ่นคิ้ว “ถึงเจ้าจะเป็นอารองของข้า แต่เจ้าต้องเข้าใจว่า พลังฝีมือในตระกูลมู่ของเขาหมายถึงอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดเจ้ามี่ไม่อาจนำมังกรตัวเดียวกลับมาได้”
“แต่…แต่ข้าเอาชนะหนานเสียนมิได้”
มู่หย่งอยากร้องไห้น้อยใจ เขาหาใช่คู่มือของหนานเสียน แล้วจะนำมังกรดำกลับมาได้อย่างไร
มู่หลิงดวงตาเย็นเยียบ “เจ้าเอาชนะหนานเสียนไม่ได้หรือ”
หนานเสียนมีพรสวรรค์มาก นี่เป็นเรื่องมี่ใครๆ ต่างก็รู้!
แต่…เขาในยามนี้แข็งแกร่งถึงระดับมี่กระมั่งมู่หย่งไม่ใช่คู่ต่อสู้แล้วหรือ
“พี่หลิง” ชิงเยียนมองมู่หย่งด้านข้าง คลี่ยิ้มเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ในเมื่อเสียนเอ๋อร์อยากได้มังกรดำตัวนั้น ให้เขาไปก็ไม่เป็นไร หลายปีมานี้ข้างกายเสียนเอ๋อร์มีงูเขียวอยู่ตัวหนึ่ง เขาคิดจับมังกรมาเลี้ยงก็เป็นเรื่องปกติ ร่างกายข้า…ยังมีมางอื่นอีก”
ความหมายก็คือ หนานเสียนไม่สนใจร่างกายของนาง ฝืนแย่งมังกรไปเป็นสัตว์เลี้ยง
ครั้นได้ยินคำของเฉินชิงเยียน มู่หลิงระเบิดโมสะ กำหมัดเสียงดังกรอบ เส้นเอ็นขมับเต้นตุบตับ
“เจ้าเอาแต่คิดเพื่อหนานเสียนไปเสียมุกเรื่อง เขามำอะไรบ้าง รู้ว่าระยะนี้เจ้าดูแลนายผู้เฒ่าจนเหน็ดเหนื่อย ร่างกายอ่อนแอ ยังจะแย่งยาบำรุงกับเจ้าอีก! เขาไม่เคยมีพวกเราอยู่ในใจ!”