บทที่ 144 – นามสกุล
‘The AirBlue’ นั่นคือชื่อของโปรเจคหนึ่งขององค์กรอิสระแห่งหนึ่งที่ริเริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง
ในยุคที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ไล่ล่าตามความฝันหรือเป้าหมายตัวเองโดยไม่หันมามองความงดงามดั้งเดิมอย่างศิลปินศิลปะเพราะมีหอคอย มีประตูบอร์เดอร์ขึ้นมา
หากไม่ไต่เต้าก็ตกต่ำ ไร้งาน ไร้อาชีพเป็นได้แค่คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ.. ใช่ยุคนี้มันเป็นเช่นนั้น ยุคที่ศิลปะกำลังจะดับสูญไป
แต่เขาคือคนที่มีความฝันคือจะปลุกคลื่นกระแสศิลปะขึ้นมาอีกครั้ง.. เขาถึงได้สร้าง ‘The AirBlue’ ขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งศิลปะของโลกใหม่
The AirBlue มันคือโดมขนาดใหญ่ที่ล่องลอยอยู่ในทะเล สามารถเคลื่อนที่ได้และว่ากันว่าสามารถลอยบนฟ้าได้ด้วยเมื่อเจอภัยพิบัติขนาดใหญ่ทางทะเล.. แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นศักยภาพในการบินของมัน
ภายในโดมแห่งนี้มีสิ่งต่างๆ มากมาย ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพวาดเก่าแก่โบราณ หรือภาพนำสมัยยุคใหม่
มีดนตรียุค 90s ไปจนถึงยุค 70s เครื่องดนตรีที่ควรอนุรักษ์ก็มีครบหมด แถมที่แห่งนี้ยังต้อนรับเหล่าผู้ผลิตผลงานศิลปะเข้ามาอยู่ด้วยและดูแล
กลายเป็นฐานใหม่ของผู้ผลิตและผู้เสพสื่อเกี่ยวกับงานศิลปะโดยสิ้นเชิง…
แต่สิ่งที่ทำให้ The AirBlue แห่งนี้ดังจนฉุดไม่อยู่จริงๆ ก็คือกลางโดมแห่งนี้มีสเตเดี้ยมขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้หลักหมื่นคนอยู่ตรงนั้น
แต่แน่นอนหลักหมื่นนี้ยังคงน้อยไปสำหรับเวทีตรงหน้าที่นั่ง
เพราะบนเวทีนั้นมี… ไอดอล ที่โด่งดังก้องโลกอยู่! ใช่แล้ว เป้าหมายของ The AirBlue แห่งนี้แรกเริ่มเดิมทีก็คือสถานที่ที่สร้างมาเพื่อแสดงไอดอล
โดยตั้งเป้าว่าจะให้ไอดอลคนนี้ดังไปทั่วโลกจึงสร้างโดมที่สามารถไปไหนก็ได้แห่งนี้ขึ้นมาทุ่มงบไปมากกว่าพันล้านเหรียญในการสร้างที่แห่งนี้
ถ้าหากมีรายการจัดอันดับสิ่งปลูกสร้างที่อลังการที่สุดนับตั้งแต่โลกนี้เข้าสู่ ‘โลกใหม่’ The AirBlue คงติดท็อป 1 ใน 20 อย่างแน่นอน
และหากพูดถึงไอดอลที่ชื่อดังก้องโลกแล้วจะเป็นใครไม่ได้อีกนอกจาก ‘ยูโกะ’ ไอดอลที่มาแรงที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา เสียงร้องเพลงอันแสนไพเราะ การขยับเคลื่อนไหวร่างกายอันพริ้วไหวตอนอยู่บนเวที เรียกได้ว่าเป็นคนที่แทบจะเกิดมาเพื่อเป็นไอดอลด้วย
นอกจากนี้จากการสัมภาษณ์ยังทราบว่าเธอแทบไม่ได้ฝึกอะไรมาเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันคือพรสวรรค์ที่เธอรู้ได้ด้วยตัวเอง
ราวกับเป็นบุคคลที่เกิดมาเพื่อเป็นไอดอล!
ชื่อในวงการเต็มๆ คือ ‘ยูโกะ’ ดวงดาวเจิดจรัส… แน่นอนชื่อยูโกะเป็นแค่ชื่อที่ใช้ในวงการ ไม่ใช่ชื่อจริงๆ ของเธอ
ส่วนชื่อจริงๆ ของเธอนั้นไม่มีใครทราบ แม้จะพยายามสืบหาแค่ไหนก็ตามก็ไม่มีใครพบอดีตที่เกี่ยวกับเธอ ราวกับว่าเธอพึ่งเกิดมางั้นแหละ…
มิวนั่งอ่านประวัติของไอดอลที่ยัยผู้กล้าเอริเนียโอชิ ก็ได้แต่พยักหน้า…
“อืม.. น่ารักและเก่งจริงๆ นั่นแหละ”
“แถมที่ไม่ชมไม่ได้นี่ก็คงไม่พ้นองค์กรอิสระนี้แหละ ที่เริ่มทุกอย่างจาก 0 ได้จริงๆ”
ในฐานะคนทำงานบริษัทมาก่อน มิวรู้ดีว่าการคิดจะเริ่มต้นอะไรบางอย่างด้วยตัวเองจาก 0 มันยากแค่ไหน ไม่งั้นมิวคงไม่ไปเป็นพนักงานบริษัทเขาหรอก
คงสร้างบริษัทตัวเองขึ้นมาแล้ว.. ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องเงินทุน การบริหารระบบระเบียบความเป็นไปของแนวทางองค์กร
มิวเองก็เคยคิดจะทำเพราะไม่ชอบที่ทำงาน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องล้มเลิกและก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
นึกถึงวันเหล่านั้นมิวก็ถอนหายใจออกมา
“เป็นไงนายท่าน สนใจแล้วใช่ไหม?!”
คนที่ชงอยู่ด้านข้างมิวคือผู้กล้าเอริเนียที่พยายามหาพรรคพวกโอชิเพิ่ม แต่มิวก็ไม่ใช่คนถนัดฟังเพลงอะไรขนาดนั้นนี่สิ
ถ้าถามว่าชอบอะไร ชอบแบบเป็น MV มีเรื่องราวประกอบมากกว่าดูคนเต้นไปเต้นมาด้วยซ้ำ
“เอาเถอะ ไปก็ไป..”
ตอนแรกมิวว่าจะไปไต่หอคอยต่อ เพราะสืบมากกว่านี้ก็คงเป็นความพยายามที่สูญเปล่าแล้ว แต่ถ้าให้ผู้กล้าเอริเนียไปด้วย
มันอาจจะได้คำตอบอะไรที่แตกต่างก็ได้… ยังไงซะยัยนี่ก็ฉลาดกลายสถานการณ์ที่มิวรอดมาได้ก็เพราะยัยนี่
บางที…
แต่ปัญหาเลยก็คือเอริเนียน้อยตอนนี้ ถึงมิวจะอยากให้ไปเที่ยวด้วยแต่จะให้เห็นผู้กล้าเอริเนียมันก็นะ
เอาไปฝากไว้กับคาเอะเหมือนอย่างเคยแล้วกัน มิวคิดได้แบบนั้นก็เอาเอริเนียน้อยไปฝากไว้กับคาเอะพร้อมบอกเธอว่าจะเดินทางสักอาทิตย์สองอาทิตย์
ด้วยเหตุนี้ทั้งมิวและผู้กล้าเอริเนียในร่างคนก็เดินทางไปยังทางเดินเรือที่กำลังจะมุ่งหน้าไปที่ประเทศญี่ปุ่น
[บัตรผ่านเดินทางออกจากเมืองน่านน้ำ]
วันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2033
มิว โคริธ (Miw Choryrth) และ เอริเนีย อาซาร์ (Erinia Azar
[ยืนยัน]
มิวมองบัตรผ่านก่อนจะเกาหัว
“โคริธ? นี่มันอะไรอะ?”
“ก็นามสกุลท่านไงคะ ในบัตรประจำตัวที่ฉันให้นายท่านก็มีเขียนไว้ไม่ใช่เหรอ?”
พอเธอพูดแบบนั้นมิวเลยหยิบมาดูอีกรอบ ก็แปลกใจเพราะมันมีเขียนอยู่ เหมือนเธอจะลืมสังเกตเห็นไปเลย
“ไม่ดิ ฉันมีนามสกุลด้วยเหรอ?”
“ก็แน่สิคะ”
“ไม่ๆ ตอนก่อนที่ฉันจะโดนเธอผนึกฉันจำไม่ได้ว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับนามสกุลฉันเลยนะ นี่มันหมายความว่าไง?”
พอมิวถามแบบนั้นผู้กล้าเอริเนียก็สะดุ้งพร้อมกับขมวดคิ้ว เธอเหมือนกลับไปใช้ความคิดทบทวนสิ่งที่มิวพูด มิวเลยพูดต่อ
“อีกอย่างนามสกุลเธอไม่ใช่ อาซาร์ ไม่ใช่เหรอ ถึงจะไม่รู้ว่านามสกุลจริงๆ ของเธอคืออะไร แต่ไม่ใช่อาซาร์แน่ๆ!”
“….”
ผู้กล้าเอริเนียไม่ได้ตอบคำถามมิว
แต่ที่ทำให้มิวตกใจตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่ผู้กล้าเอริเนียตั้งนามสกุลให้เธอ แต่ก่อนหน้านี้ที่เธอพยายามบอกชื่ออื่นที่ไม่ใช่ชื่อมิว
เหมือนสัญชาตญาณเธอจะปฏิเสธชื่อเหล่านั้น ราวกับว่าชื่อเหล่านั้นมันลดทอนคุณค่าความเป็น ‘มังกร’ ของเธอ
แล้วทำไมจู่ๆ ผู้กล้าเอริเนียถึงตั้งชื่อเธอได้…
“เรื่องชื่อนายท่าน.. ฉันเองก็ไม่แน่ใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ชื่ออาซาร์ของฉัน.. เหมือนว่าชื่อนี้จะสลักลงจิตวิญญาณของฉันตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาอยู่ในตัวนายท่าน”
“เพราะหากนึกย้อนกลับไปก่อนหน้าฉันไม่มีความรู้สึกว่าฉันมีชื่อแบบนั้นอยู่เลย”
ในขณะที่ทั้งสองหน้านิ่วคิ้วขมวด คนที่ต่อคิวขึ้นเรือด้านหลังก็หน้านิ่วคิ้วขมวดยิ่งกว่า
“พวกเธอ! สองคนนั้นน่ะ จะขึ้นเรือเมื่อไหร่ห้ะ คนอื่นเขารออยู่เห็นไหม?!”
มิวใช้อัตลักษณ์ชินคิโรในการบิดเบือนสิ่งที่คนอื่นมองเห็นหน้าตาตนเอง ทำให้ไม่มีใครจำได้ว่าเธอคือใคร
ทว่ามันก็แค่การบิดเบือนสิ่งที่คนเห็นละนะ นั่นหมายความว่ามิวก็แค่ให้คนที่ตรวจสอบตัวตนเห็นหน้าจริงเธอที่ตรงกับบัตรประชาชนก็พอแล้ว
และในขณะนั้นเองเด็กสาวผมสีดำก็เดินผ่านลงมาจากเรืออีกลำที่พึ่งเรียบท่าเรือ ส่วนสูงเธอไม่สูงมากนักเหมือนเด็กด้วยซ้ำ
แต่ผมสีดำสนิทของเธอมันเหมือนกับบางอย่างที่ไม่สะท้อนแสง ทำให้มิวต้องเหลือบตามองไปโดยไม่รู้ตัว
วินาทีนั้นเองอีกฝั่งก็มองมาที่มิวเหมือนกัน สายตาอีกฝ่ายที่เป็นสีดำสนิทจับจ้องมาที่มิว ภายใต้ความมืดมิดในตาคู่นั้น
ราวกับมีบุคคลคนหนึ่งนั่งจ้องมาที่มิวอยู่ … ตั้งแต่ที่มิวเกิดมาในฐานะมังกรเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย
มิวรีบถอยหลังออกไปหลายก้าว ไม้เทพมังกรปรากฏขึ้นที่มือเตรียมตัวสู้รบแทบจะทันที เหงื่อไหลออกมาจากทั่วร่างของเธอ
มันคือ… ‘ความกลัว’
แต่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจมิว เจ้าตัวเดินผ่านมิวไปแทบจะทันที…
“……”
“นายท่าน?!”
เสียงของผู้กล้าเอริเนียดึงสติมิวกลับมาเหมือนเธอพึ่งหลุดออกจากภวังค์แห่งความหวาดกลัว
“เธอ…”
“นายท่านเป็นอะไรไป.. เก็บไม้เทพมังกรก่อนนะ แล้วก็พลังปลอมตัวท่านมันจะหลุดออกแล้ว รีบควบคุมมันเร็ว”
ผู้กล้าเอริเนียกอดมิวเอาไว้ บังมิวจากคนด้านหลัง.. เพราะกลัวคนจะเห็นหน้ามิว มิวที่ได้สติถึงรีบควบคุมพลังกลับคืนทันที
“อย่าพึ่งมาจู๋จี๋กันได้ไหม คนข้างหลังเขาต่อคิวอยู่นะ!”
ในขณะที่คนข้างหลังก็กล่าวเร่งมาอีก ถึงคำพูดจะสะดุดหูมิวไปหน่อย แต่มิวก็เลยรีบเร่งขึ้นเรือไปได้ในที่สุด…
…..
…
.
“คนเมื่อกี้มัน..”
หญิงสาวตัวเล็กผมสีดำสนิทไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากชิโอริที่มาตามหา ‘มิว’ หลังจากได้รับข่าวเธอเมื่อหลายวันก่อน
ชิโอริรู้สึกแปลกๆ กับคนก่อนหน้านี้ แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่เธอตามหา ทำให้เธอส่ายหน้า
“ช่างเถอะ ฉันมีเรื่องที่ต้องทำอยู่”
ในมือเธอกำรูปไว้แน่น… ในรูปนั้นคือรูปของมิว..