การผ่าตัดประสบความสำเร็จ ทีมแพทย์ถอดเครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอดแล้ว!
ทุกคนต่างเฝ้าดูความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ จังหวะการเต้นของหัวใจ และความดันในหลอดเลือดดำกลางอย่างเข้มงวด!
พวกเขาต่างเฝ้าคอยรายงานผลการผ่าตัด!
ในที่สุดสัญญาณชีพของผู้ป่วยค่อยๆ กลับมา ทุกคนมีกำลังใจขึ้นมาทันที!
การผ่าตัดประสบความสำเร็จไปร้อยละแปดสิบแล้ว!
เฉินชางรีบย้ำเตือนให้พยาบาลใช้อิโนโทรปิกเอเจนต์เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือด
ตอนนี้เอง ฉินเสี้ยวยวนก็ติดต่อหัวหน้าแผนก ICU เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสังเกตอาการ
โอกาสรอดชีวิตของคนไข้คนนี้สูงมากแล้ว!
ตอนนี้ทุกคนต่างโล่งอกไปที
พอคนไข้ถูกส่งตัวเข้าห้อง ICU อวี๋อิงไฉพลันมองเฉินชางอย่างซาบซึ้ง
หลังจากกลับห้องทำงาน เฉินชางนั่งลงบนเก้าอี้ มองข้อความแจ้งเตือนจากระบบ
[ติ๊ง! ภารกิจกู้ชีพอวี๋อี ภารกิจที่หนึ่งสำเร็จ ได้รับรางวัล: การจัดการแผลไหม้จากความร้อนระดับสมบูรณ์!]
หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ เฉินชางเงียบไปครู่หนึ่ง
ทว่าพอเขาเห็นรายละเอียดของการจัดการแผลไหม้จากความร้อน ก็เผยสีหน้าดีใจทันที!
เขาลอบอุทานว่า นี่มันของดี!
เพราะว่าแม้ทักษะนี้จะไม่ใช่ทักษะการผ่าตัด แต่มีแบบแผนโดยละเอียดสำหรับอาการ การวินิจฉัย ภาวะแทรกซ้อนและอื่นๆ ของแผลไหม้จากความร้อน รวมถึงการรักษาขั้นสุดท้าย
เฉินชางพอใจกับรางวัลนี้มาก!
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นระดับสมบูรณ์!
นี่หมายความว่าวิธีการรักษาผู้ป่วยแผลไหม้จากความร้อนของเฉินชางเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสมและทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน
ทว่าตอนที่เฉินชางดีใจอยู่นั่นเอง จู่ๆ เขาก็ต้องขมวดคิ้ว
เขามักรู้สึกว่าตนพลาดเบาะแสสำคัญอะไรไป
แต่คิดดูอย่างละเอียดแล้ว กลับนึกไม่ออกว่าคืออะไร
เฉินชางเปิดดูภารกิจ จึงพบว่า…
สำหรับภารกิจต่อเนื่องนี้ เขายังไม่ได้กระตุ้นภารกิจต่อไป
ซึ่งผิดปกติมาก
เฉินชางจำได้แม่นว่า ตอนนั้นหลังจากสำเร็จภารกิจแรกพร้อมกับเจิ้งกั๋วถานก็จะกระตุ้นภารกิจต่อไป
แต่ตอนนี้ภารกิจต่อไปยังไม่ถูกกระตุ้นเสียที เป็นเพราะอะไรกันแน่
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางพลันเปิดตารางภารกิจของตน
[ภารกิจลับต่อเนื่อง: ความจริง!]
[ภารกิจแรก: กู้ชีพอวี๋อี (เสร็จสิ้นแล้ว)
อธิบายเพิ่มเติม: เบื้องหลังของอวี๋อีมีเบาะแสของเหตุการณ์พิเศษบางอย่างซ่อนอยู่ โปรดสืบหาอย่างละเอียดจากโรคของอวี๋อี ความคืบหน้าภารกิจปัจจุบัน: 50%!]
เฉินชางเห็นข้อความแล้วก็เข้าใจทันที
ความคืบหน้าของภารกิจยังไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นภารกิจต่อไป
อีกอย่างในคำอธิบายเพิ่มเติมของระบบบอกอย่างชัดเจนว่า เบื้องหลังโรคของอวี๋อีมีเหตุการณ์พิเศษ ให้สืบหาอย่างละเอียดจากโรคของอวี๋อี
เฉินชางขมวดคิ้วเป็นปมแน่นทันที
สืบจากโรคของอวี๋อีงั้นเหรอ
สืบอย่างไร
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางหลับตา นวดขมับทั้งสองข้าง ย้อนคิดถึงสาเหตุอย่างละเอียด
ขณะเดียวกัน สือน่าก็ออกคำสั่ง อวี๋อีถูกส่งตัวไปสังเกตอาการอย่างเข้มงวดที่ห้องผู้ป่วย ICU แล้ว ตอนนี้จะต้องทำรายงานผู้ป่วยและการตรวจให้แล้วเสร็จค่อยส่งตามไป
พยาบาลเล่อเล่อเองก็อยู่ในห้อง
สือน่าพูดกับเล่อเล่อ “เล่อเล่อ คุณฉีกรายงานการตรวจของอวี๋อีมาหน่อย แล้วติดเข้าไปซะ”
เล่อเล่อพยักหน้า “พี่สือน่า พี่ว่าอวี๋อีป่วยได้อย่างไร”
ได้ยินข่าวนี้ เฉินชางตาเป็นประกายขึ้นมาทันที!
จริงด้วย!
เฉินชางเจอเบาะแสหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
จริงด้วย อวี๋ป่วยได้อย่างไร
สาเหตุของเส้นเลือดอุดตันคืออะไร
ปัจจัยจูงใจการเกิดและการพัฒนาของโรคคืออะไร!
ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรทั้งนั้น!
นี่จะนับว่าเป็นการรักษาได้อย่างไร
การผ่าตัดแก้ไขปัญหาได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็ลุกพรวด
เขารู้สึกว่าควรหาเบาะแสจากพ่อของอวี๋อี
ตอนนี้อวี๋อิงไฉให้คนของบริษัทกลับไปทั้งหมด ส่วนเขาพักอยู่ที่โรงแรมข้างๆ โรงพยาบาล
ตอนที่เตรียมจะพักผ่อน จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอเขาหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นเฉินชาง!
“หัวหน้าเฉิน มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เฉินชางพลันถามว่า “คุณอวี๋ครับ ผมอยากถามเกี่ยวกับสาเหตุการป่วยของอวี๋อีหน่อยครับ อะไรคือตัวกระตุ้น ผมหวังว่าคุณจะตอบอย่างจริงจังนะครับ เพราะมันเกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวและสถานะการฟื้นตัวของเขาโดยตรง”
อวี๋อิงไซรีบพูดว่า “อาจารย์เฉิน ผมเข้าใจที่คุยพูดครับ ผมคิดดูก่อน”
ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋อิงไฉจึงพูดอย่างเนิบช้าว่า “อวี๋อีเป็นเด็กที่น่าสงสารมากครับ ผมกับแม่เขาหย่ากันตั้งแต่เขายังเด็ก อวี๋อีค่อนข้างเก็บตัว มีความคิดด้อยค่าตัวเองมาโดยตลอด
จากนั้นผมทำธุรกิจได้เงินมา อยากให้สิ่งที่ดีกว่ากับเขา ส่งเขาออกนอกประเทศ และตอนนั้นแหละที่เขาเริ่มสัมผัสกับเพลงฮิปฮอป ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและความเคยชินที่ไม่ดี เขาเสพยา! ผมรู้แล้วโกรธมาก เลยตามตัวเขากลับมา ตอนนั้นเขาปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมพูดจา ขังตัวเองอยู่ในห้อง
แต่…นี่มันเรื่องตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากเขามีชื่อเสียง ผมก็ตระหนักได้ว่า ผมขาดการสื่อสารและอบรมสั่งสอนลูก ผมกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับเขา จึงฝากงานที่บริษัทไว้กับตัวแทน ส่วนผมมาเป็นผู้จัดการให้เขา อยู่เคียงข้างเขา หลายปีมานี้ อาการของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็กลับสู่สภาวะปกติ น้อยมากที่เขาจะมีปฏิสัมพันธ์กับพวกคนไม่ดี เขาออกไปไหนผมก็ไปด้วย”
หลังจากฟังจบ เฉินชางขมวดคิ้ว เขาพบว่า…ความคืบหน้าในระบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย
อวี๋อิงไฉพลันถาม “หรือจะเกี่ยวข้องกับประวัติการเสพยาครับ”
เฉินชางไม่ได้ปฏิเสธ แต่ไม่มีการกำเริบมาเป็นเวลาห้าปี ยากที่จะตัดสินว่ามีปัญหาหรือไม่
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ เฉินชางก็ถามว่า “ก่อนเขาป่วยมีสัญญาณอะไรบ่งบอกไหมครับ”
อวี๋อิงไฉคิดๆ แล้ว จู่ๆ ก็พูดว่า “อ้อ เพราะเขาร้องเพลงต้องใช้เสียงมากจึงมักจะไอ เพื่อนที่ต่างประเทศของเขาส่งยาแก้ไอมาให้ ผลลัพธ์ใช้ได้เลย เขาดื่มอยู่บ่อยๆ แต่วันนี้หลังจากจบรายการ เขาง่วงมากอยากนอน แต่นอนไม่หลับ ผมให้เขากินเอสโซพิโคลนไปเม็ดหนึ่ง หลังจากนอนไปหนึ่งชั่วโมง จู่ๆ เขาก็ตกจากเก้าอี้ในรถตู้พี่เลี้ยง!
ผมตกใจมาก เขาเองก็ตื่นขึ้นมา รู้สึกเวียนหัวมาก ไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว เลยรีบส่งตัวมาที่โรงพยาบาลอันดับสอง ตอนที่อยู่บนรถ เขาหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ พอมาถึงโรงพยาบาลก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว!”
เฉินชางตาเป็นประกายทันที รีบพูดว่า “คุณเอายาแก้ไอขวดนั้นมาที่โรงพยาบาลหน่อยนะครับ อาจจะเกี่ยวข้องกับยาแก้ไอนี้”
อวี๋อิงไฉรีบพยักหน้า “ได้ครับคุณหมอเฉิน ผมไปเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากวางสาย จู่ๆ เฉินชางก็พบว่าความคืบหน้าไปถึงสิบแปดเปอร์เซนต์แล้ว!
เฉินชางมีสีหน้าดีใจ เหมือนจะเจอเบาะแสแล้ว
ไม่นาน อวี๋อิงไฉก็เอายาแก้ไอมา
เฉินชางดูแล้วไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ในประเทศ แต่เป็นยาแก้ไอของอเมริกา และได้รับการยอมรับจาก FDA อีกด้วย
เฉินชางอ่านส่วนประกอบ แต่ในผลข้างเคียงไม่ได้เขียนอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ไว้อย่างชัดเจน ส่วนประกอบเดียวอย่างโคดีอีนก็น้อยมาก!
ทันใดนั้นเฉินชางก็นึกขึ้นได้ว่าอวี๋อีกินเอสโซพิโคลนไปเม็ดหนึ่ง
ใช้ยาซึมเศร้ากับโคดีอีนพร้อมกับจะเกิด…!
เฉินชางเข้าใจกระจ่างแจ้งทันที เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหัวหน้าเจิ้นที่อยู่ในห้อง ICU “หัวหน้าเจิ้นครับ ผมเฉินชางนะครับ เจาะเลือดให้อวี๋อีหน่อย ตรวจระดับโคเดอีนในเลือดและบันทึกคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อด้วยครับ!”